จากคดีเด็กมัธยมอายุ 18 ปีไล่ยิงเพื่อนนักเรียนเลียนแบบเกม Counter Strike เมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้ทางรัฐบาลเยอรมนีเตรียมออกกฎหมายควบคุมความรุนแรงของเกม โดยไม่สนใจว่าจะเป็นผู้สร้าง, ผู้ขาย หรือผู้เล่น ถ้ามีส่วนร่วมกับเกมที่ “cruel or otherwise inhumane acts of violence against humans or humanlike creatures.” มีโทษถึงจำคุก 1 ปีเลยทีเดียว
กฎหมายนี้ผลักดันโดยรัฐมนตรีมหาดไทย Gunther Beckstein และจะเข้าสภาในปีหน้า ข่าวนี้ส่งผลกระทบต่อวงการเกมในเยอรมนี ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับสามของโลกแบบเต็มๆ เยอรมนีมีทีมนักเล่นเกมติดอันดับโลกจำนวนมาก และส่วนใหญ่ได้สปอนเซอร์จากบริษัทเกม ถ้ากฎหมายนี้ผ่านจริง เกม FPS เกือบทั้งหมดคงไม่รอด
ปัจจุบันนี้เยอรมนีได้คุมเข้มเรื่องความรุนแรงในเกมอยู่แล้ว Counter Strike ในเยอรมนีไม่มีเลือด และศัตรูพลังหมดแล้วจะหายไปทันที ไม่มีท่าตายให้เห็น
ที่มา - MSNBC, GamePolitics
Comments
ผมว่าการจัดเรทมันก็น่าจะพออยู่แล้วนะ ไม่น่าจะถึงขนาดนี้เลย
ปล. เพิ่งรู้แฮะว่า มันมีรุ่นไม่มีเลือดด้วยเนี่ย
---------- iPAtS
iPAtS
หา???
โอ้โห...
หนักกว่าไทยอีกแฮะ
ปรกติแล้วในโลกแห่งประชาธิปไตย ที่พลังมาจากประชาชน ผลของกฎหมายก็จะรับใช้ประชาชนคับ
แต่ถ้าพลังมาจากกลุ่มทุน กฎหมายก็จะไปรับใช้กลุ่มทุนแทน
ประเทศไทยเราคงยังมีการจัดเรตของเกมส์ไปอีกหลายปีเลยล่ะ จนกว่าลูกของนักการเมืองเล่นเกมส์ หรือลูกของกลุ่มทุนเล่นเกมส์จนก่อความรุนแรง ซึ่งก็เมื่อนั้นแหล่ะ วัวหาย เราจึงจะล้อมคอก
----- http://www.peetai.com | เว๊ปบล็อกที่โม้แต่เรื่อง Software as a Service.
เรื่องนี้ผมติดตามอยู่บ้างครับ โดยส่วนตัวแล้วผมเห็นด้วยกับรัฐบาลเยอรมนีครับ เพราะมันมีเบื้องหลังอยู่
เหตุการณ์การพกพาอาวุธไปยิงเพื่อนที่โรงเรียน ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกในเยอรมันครับ หากจำไม่ผิด ผมเข้าใจว่าเป็นครั้งที่สามแล้ว โชคดีที่ครั้งนี้ไม่มีใครตาย บุคคลักษณะของผู้กระทำความผิดเหมือนกันทุกครั้งคือ เป็นเด็กวัยรุ่น อายุราว ๆ 18 ปี ไม่สามารถเข้าสังคมได้ ติดเกม และที่สำคัญ คลั่งเกม Counter Strike ดังนั้น เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหมือนเครื่องยืนยันครับว่า Counter Strike มีส่วนผิด
นอกจากนี้ลักษณะสังคมของยุโรปจะต่างจากอเมริกา และบ้านเราอยู่มากครับ สังคมเขาต่อต้านความรุนแรงมาก จนหนังแอคชั่นขายไม่ค่อยได้ แต่เด็กยุคใหม่ชอบความรุนแรงมากขึ้น ผ่านทางเกม วัฒธรรมอเมริการที่ทะลักเข้ามา รวมไปถึงความขัดแย้งทางวัฒนธรรมของคนในสังคม จนทำให้ผู้ใหญ่เกิดความวิตก จึงไม่ต้องแปลกใจครับ หาก Counter Strike จะโดนหากเลขก่อนชาวบ้านเขา ผมคิดว่ามาตรการอื่น ๆ คงตามออกมาเรื่อย ๆ ครับ
แต่ที่น่าสนใจคือ เขาเห็นความสำคัญของทุกชีวิตครับ เด็กตายคนนึง หรือ คนบาดเจ็บสิบกว่าคน เขาก็เห็นเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องแก้ไข (บ้านเราเด็กอาชีวะ ตีกันตายไปหลายรอบแล้ว ผมก็ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น)
BioLawCom.De
อาจารย์คนหนึ่งก็บอกว่าประเทศแถบแสกน ถ้าสงกรานต์คนตายเป็นสิบคนแบบเมืองไทย เค้าต้องมีมาตรการขั้นเด็ดขาดออกมาแล้ว อาจจะเลยไปถึงยกเลิกการจัดงานไปเลย ยกเว้นอังกฤษ (ฮา) ถ้าตัวเลขไม่ดีก็แก้ดัชนีชี้วัดใหม่ให้ตัวเลขมันดีได้
บ้านเราต้องคิดอีกแบบครับ เพราะสังคมและแนวความคิด รวมถึงวิถีชาวบ้านมันต่างกัน
เรื่องเกมส์ต้องสอนพ่อแม่ ให้ดูแลลูกที่อายุยังไม่ถึงสิบแปด น่อ นึกถึงเรื่องที่เค้าจะแบน เปาบุ้นจิ้นเลยเพราะประหารบ่อย คนมองด้านเดียวก็จะคิดว่าคนคิดโง่ แต่ถ้าเรามา เปรียบเทียบกับเรื่องนี้เราจะเห็นว่ากระบวนการที่ทำให้ต้องคิดมันมีนะ ไม่ใช่เค้าโง่
อยู่ออสเตรเลียนี่ แค่ตายบนถนนกันวันละ 5-6 คน + บาดเจ็บบนถนนกันวันละ 10-20 แค่นี้ก็มีแคมเปญจัดการเรื่องนี้กันมากมาย ทั้งโฆษณาทีวี (แสดงภาพแบบว่าคนบาดเจ็บเข้าห้องฉุกเฉิน คนเป็นอัมพาตจากอุบัติเหตุอะไรแบบนั้น ถ้าคนไทยดูก็เฉยๆ อ่ะ แต่ออสซี่คงดูแล้วรู้สึก offend มั้ง) ทั้งการบังคับใช้ความเร็ว ซึ่งโทษก็พอสมควร อย่างน้อยก็ปรับ 200-300AU$ ล่ะ แต่ดูเหมือนคนออสซี่ ที่ไม่ใช่ asian จะดูมีจิตสำนึกมากกว่ากลัวโดนปรับนะ ฯลฯ
กับเมืองไทยนี่ ตายกันวันละ 50-60 บาดเจ็บเป็นร้อยต่อวัน เงียบเชียว เรื่องของท่านเองดูแลตัวเองละกัน เรื่องเมาแล้วขับนี่ไม่ต้องพูดถึง
p-joy สงสัยมันจะเป็นรุ่นเราๆ นี่ล่ะ ที่เล่นเกมกันหนักหน่วง และเข้าใจว่าตอนเป็นวัยรุ่นมันเป็นไงต้องการอะไร พอมีลูกก็ต้องพยายามเข้าใจและดูแลไม่ให้ไหลไปกับความรุนแรงละกัน
We need to learn to forgive but not forget...
เพื่อนเยอรมันบอกว่า เมืองที่เค้าเกิดเป็นเมืองเล็ก ๆ วัยรุ่นไม่มีอะไรทำ ก็ได้แต่เฮไปฮาไป คึกคะนองเมาแล้วครับ เขาบอกว่าโชคดีที่รอดช่วงนั้นมาได้ แล้วจะไม่คิดกลับไปอีกแล้ว (นี่--เห็นด้วยกับใครคนหนึ่งเลยนะ ว่าต้องหาทางออกให้ก่อน ก่อนที่จะห้ามทำ)
ที่น่าชื่นชมสำหรับสำนึกของคนของเค้าคือ เวลาไปเที่ยวจะต้องมีหนึ่งคนที่ต้องเสียสละขับรถ คนนั้นก็จะไม่กินเหล้าเกินหนึ่งแก้ว ถ้าจะกินก็กินแบบไม่มีแอลกอฮอล์ เห็นหลายคนเลย ถ้างานสามี เมียขับรถ ถ้างานเมีย สามีขับรถ คนขับก็จะไม่กิน ถามว่าทำไมไม่กินเพราะเค้า กลัวว่าจะขับรถไปเหยียบหัวใครนะสิ
DrRider เด็กที่เล่นเกมส์มากมันติดเกมส์แล้วก็มีความรุนแรงในจิตใจจริง ๆ นะ ลูกเพื่อนแค่ สามขวบเองยังโมโหร้าย เดี๋ยวนี้เวลาดูหนังมักจะโดนภรรยาปรามว่าเรื่องนี้รุนแรงห้ามดู เดี๋ยวนี้เลยดูแต่การ์ตูน แต่ว่ายิ่งดึกการ์ตูนมันก็ยิ่งผู้ใหญ่ขึ้นนะ หมายถึงมีความรุนแรงมากขึ้น
นึกถึงช่วงเป็นวัยรุ่น ผมมักมีคำพูดติดปากว่า "กูจะเคลียร์เกมส์นี้ให้ได้ก่อนหกโมงเช้า"
ผมมีเรื่องตลกขำขันจะเล่าให้ฟัง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงกับเพื่อนผมเอง
เพื่อนผมคนนี้ออกจะมีนิสัย overacting นิดๆ แต่ก็ไม่มีพิษมีภัยอะไร ด้วยความที่แกเล่น counter-strike บ่อยๆ วันนั้นวิชาภาษาอังกฤษ อ. ถามอะไร แทนที่แกจะตอบ yes/no แกดันตอบประมาณว่า affirmative/roger that/negative ประจำ (ต้องทำเสียง accent ให้เหมือนในเกมด้วยนะ) แต่แกก็บ่นของแกคนเดียวนะ อ.ไม่ได้ิยินหรอก มีแต่เพื่อนข้างๆ ที่ได้ยิน ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนคงมึนว่าไอ้นี่มันเป็นอะไรของมัน
ที่เด็ดกว่านั้นคือ มีอยู่วันนึงแกคึกจัดมาจากไหนไม่รู้ วิชาภาษาอังกฤษเหมือนเดิม อ.เล่าเรื่องชาเขียวให้ฟัง เค้าเล่าว่าเคยอ่านเจอมาว่ามีชาเขียวพันธ์นึงที่สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ แต่แกนึกชื่อพันธ์ไม่ออก
เพื่อนผมคนนี้ไม่เชื่อในสิ่งที่อ.เล่า ก็ได้แต่พึมพำคนเดียวเหมือนเดิม คราวนี้สบถออกมาว่า "impossible" ความซวยบังเกิดเมื่อ อ. เหลือบไปเห็นเพื่อนผมคนนี้พูดอะไรสักอย่างพอดี เกิดความเข้าใจผิดอย่างแรง เลยถามออกไปเสียงดังด้วยความดีใจว่า "เออๆ พันธ์นั้นแหละๆ เธอลองว่าใหม่อีกทีสิ!" เพื่อนผมคนนี้ก็เหวอสิครับ ไม่ได้ตอบอะไรได้แต่อึ้งไป ส่วนที่ฮาลั่นห้องคือ ไอ้เพื่อนๆ ที่อยู่ข้างๆ มัน คงจะเก็บกดหมั่นไส้มันมานาน
ดีแล้วครับ จะระบอบไหนก็ให้คนอยู่อย่างมีเสถียรภาพดีที่สุด ให้มีความสุขอย่างพอเพียง ไม่ทำร้ายทำลายผู้อื่น ห้ามแบบนี้ผมว่าไม่ผิดหรอกครับถ้าสังคมยอมรับได้ ถ้าทุกอย่างมุ่งสู่เป้าหมายที่ดี เพราะยังไง ๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรุณแรงในสื่อไม่มีผลกับผู้บริโภค