หน่วยงานกำกับดูแลของจีน 2 แห่ง ทั้งด้านควบคุมสื่อ และหน่วยงานดูแลวัฒนธรรม ออกกฎใหม่ มีผลกับ Influencer ออนไลน์ในประเทศ หากต้องพูดหรือเล่าเรื่องที่เป็นความรู้เฉพาะทางขั้นสูง เช่น กฎหมาย หรือการแพทย์ จะต้องได้รับใบอนุญาตผ่านเกณฑ์ก่อนเท่านั้น
ในการบังคับใช้ Influencer จะต้องแสดงเอกสารประกอบความรู้ความเชี่ยวชาญให้กับแพลตฟอร์ม เมื่อแพลตฟอร์มตรวจสอบแล้วจึงจะได้รับอนุญาต
ที่ผ่านมาทางการจีนได้ออกกฎต่าง ๆ เพื่อควบคุมคอนเทนต์ในการไลฟ์ เช่น ห้ามคนที่อายุต่ำกว่า 16 ปี ดูไลฟ์หลัง 4 ทุ่ม และห้ามซื้อของขวัญ, ห้ามไลฟ์กินอาหารเหลือจำนวนมาก, ห้ามแสดงไลฟ์สไตล์ใช้สินค้าแบรนด์เนมหรูหรา เป็นต้น
Comments
+1 ไม่ใช่ใครๆ ก็จะพูดโน้มนาวไปได้ทุกเรื่อง
อันนี้เห็นด้วย
เออ อันนี้จีนทำเข้าท่าวุ้ย เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ในติ๊กต่อกนี่แหล่งรวมความรู้แปลก เลยรู้สึกเห็นด้วยที่จีนจะออกมาจัดการเรื่องนี้
เห็นด้วยนะในแง่ที่ว่ามันจะลดข้อมูลที่เฉพาะทางที่ผู้ไลฟ์ พูดผิด ๆ ซึ่งกระจายไปได้เร็วมาก
อารมณ์เหมือนในไทย จะเป็นผู้ประกาศข่าวต้องมีใบก่อน แต่นี่เป็นของอินฟลูฯในเน็ต
ผมว่าเขาทำถูกนะครับ ผมเคยเจอคนพูดผิด พอแย้งบล็อกผมเฉย
+1
ทีนี้ถ้ามีใบแล้วพูดผิดได้ละ
ผมก็ลืมคิดส่วนนี้ด้วยสิ
แบบนี้ก็ไม่ได้เพิ่มภูมิต้านทานให้คนจีนนะสิ
ที่จริงแต่ละคนก็ควรไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ไม่ด่วนเชื่อดูจะดีกว่าไหม
มันได้ไม่คุ้มเสียครับ เพราะกว่าจะรู้ตัวว่าไม่ควรเชื่อมันก็เสียหายไปไหนต่อไหนแล้ว บางครั้งอาจเสียหายไม่ใช่แค่ระดับบุคคลแต่ระดับรัฐเลยก็มี
ผมคิดว่าการเพิ่มภูมิต้านทานหรือการปลูกฝังเรื่องไม่ให้เชื่อง่ายมันมีวิธีอื่นที่ความเสียหายน้อยกว่านั้นครับ เพราะงั้นเรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับจีนนะ ส่วนเรื่องเพิ่มภูมิต้านทานก็ค่อยไปหาวิธีอื่นเอา
ถูกครับเช่น การฉีดวัดซีนที่อเมริกาไม่ฉีดกัน ความเสียหายระดับประเทศเพราะความเชื่อผิดๆ
อึม . . ถ้ามันมีวันที่คนของเขามีภูมิคุ้มกันคล้ายคนในเกาะเซนติเนลที่ออกจากเกาะแล้วติดเชื้อง่ายๆตาย
วันนั้นมันจะแพงมากเลยนะ
ถ้ามี Power พอที่จะบังคับใครได้ มันก็น่าจะมี Power
พอที่จะสร้างภูมิคุ้มกันด้วยกลไกลที่ให้ผลระยะยาวที่ดีกว่าเช่นกัน อาจต้องคิดหน่อย
ง่ายๆ แค่ดูตัวอย่างผู้ว่า กทม. มันก็ควรมีไอเดียอะไรออกบ้างละมั๊ง
ภูมิคุ้มกันไม่ได้หายไปไหนหรอก อาจจะได้ภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นด้วย
คนพูดมีใบรับรอง ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คนเห็นไปในทางเดียวเสียหมด
เพราะคนที่มีใบรับรองก็มีความเห็นเป็นของตนเอง อธิบายตามหลักการที่ศึกษามาแล้ว ถึงจะเป็นหลักวิชาการก็มีความเห็นต่างได้
เช่น เรื่องวัคซีน
หมอที่เชียร์เชื้อตายก็อธิบายไปตามหลักการของเชื้อตาย อาจจะเน้นความปลอดภัย เพราะใช้มานาน
หมอที่เชียร์ mRNA ก็อธิบายไปตามหลักการของ mRNA อาจจะเน้นประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจนกว่า
คนฟังก็ยังได้คิดไปตามหลักวิชาการ แล้วจะเลือกฉีดอันไหนก็คิดกันเองได้
ส่วน Influencer ที่ออกมาพูดทำนองว่า mRNA จะทำให้เซลล์กลายพันธุ์ เป็นมะเร็งในอนาคต จะได้ไม่มีสิทธิพูด
หมอที่มีความรู้ก็ไม่ต้องเสียเวลามาแก้ข่าว ซึ่งการแก้ข่าวมันตามแก้ได้ไม่หมดด้วย
คนฟังก็ไม่เสียเวลาไปฟังอะไรไร้สาระ พอได้ฟังแต่สิ่งที่มีหลักการ-มีตรรกะ พอมีใครพูดตรรกะอะไรแปลกๆก็จะเอะใจได้เร็วกว่า เพราะมันผิดกับสิ่งที่เคยเรียนรู้มา (ต่างกันคนที่ฟังไปเรื่อย จะแยกไม่ออกว่าอันไหนตรรกะดี-ตรรกเพี้ยน)
+1
ทุกคนไม่ได้มีการศึกษาเท่ากันครับ ภูมิคุ้มกันทางความรู้จึงต่างกัน
ถ้ามัน practical จริงป่านนี้โลกเป็น Utopia ไปแล้วครับ และก่อนจะถึงวันนั้นหวยก็คงขายไม่ออก ซึ่งในความเป็นจริงกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า 555
เห็นด้วยครับ แต่มันก็ดูแบ่งยากนะว่าระดับไหนที่ห้ามแล้วระดับไหนยังพูดได้อยู่
ดีๆ แต่เดียวพวก Woke ก็มักอ้างว่าสิทธิเสรี ทั้งๆที่มักเป็นจิตสำนึกและเรื่องที่ไม่ควรพูดกันไปเรื่อย without filter
พวก Woke นี่แหละตัวแบนเลย
แต่ต้องแบนฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
มองว่าดีแหละ
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
โดยส่วนตัวคิดว่าเกินเหตุ บังคับให้แพล็ตฟอร์มแปะป้ายเตือนเป็นรายคนก็น่าจะเพียงพอแล้ว
เช่นบอกว่าช่องนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับการแพทย์ ควรตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมกับแปะลิงค์ให้ และทำ blue check ให้แพทย์ เวลามาคอมเม้น คนทั่วไปจะได้เห็นง่ายๆ
รัฐควรสนับสนุนให้คนคิดเองด้วย ช่วยตามสมควรก็พอ
ไลฟ์เนี่ย บางคนไม่ดูครับ แต่ฟังแล้วเอาตาไปทำอย่างอื่น ซึ่งคนฟังนี่เขาไม่ได้สนใจลิงค์หรือป้ายคำเตือนหรอกครับเพราะไม่เห็น สู้ตัดตอนไปเลยดีกว่า
มันต้องมีบทเรียนกันบ้างล่ะครับ จะได้จำไปสอนลูกหลาน รัฐตามดูไม่ได้ทุกเรื่องหรอก
อย่างไรก็ตาม มันก็แค่ความเห็นผมล่ะนะ
เห็นด้วยกับวิธีนี้ครับ อยู่ระหว่างกลางดี
ສະບາຍດີ :)
ผมคิดว่าการฝากความหวังไว้กับคนให้ทำเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเรื่องใดๆเช่นต้องขับช้าตาม speed limit หรือเช่นเรื่องนี้ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเองเป็นเรื่องที่เกิดผลได้ยากครับ
เช่นของไทยมีป้ายบอกจำกัดความเร็ว แต่น้อยคนจะขับตามนั้น พอเทียบกับยุโรปบางที่ที่ใช้การออกแบบถนน ใช้วงเวียน ใช้ speed bump ใช้การบีบถนนให้แคบ จนคนไม่มีทางเลือกนอกจากจะขับช้าไปโดยปริยาย (เพราะไม่สามารถขับเร็วได้) อันนี้เห็นผลชัดกว่า
แน่นอนคนควรคิดเองบ้างก่อนเชื่ออะไร แต่คนพููดก็ควรมีเครดิตให้น่าเชื่อถือ ซึ่งก็มาจากใบรับรองนี่เอง อีกอย่างตามข่าวบอกเฉพาะความรู้เฉพาะทางขั้นสูง รับรองได้ว่าน้อยคนจะไปศึกษากฏหมายต่อครับ (หรือถึงไปศึกษา มันจะเข้าใจมั้ยเนี่ย)
จริงๆวิธีแบบคุณที่มี blue check ก็ควรทำคู่กันไป เพราะแพทย์เองก็มีความเห็นต่างกัน จะได้เกิดการดีเบทที่เห็นได้ชัดสำหรับคนอื่น
รอทวีตตี้ทำได้ก่อนเหอะ ได้แต่ทำป้ายให้นักการเมืองว่าเป็นนักการเมือง กับคนอีกฝ่ายอย่างทรัมมี้ที่แขวนป้ายคนเดียว ถถถ
พี่ใช่คนเดียวกันกับข่าวปี 2009 เรื่อง mp3 จีน กับ ไอพอต
ไหมครับ ผมอ่านเมื่อวาน reply ถึงลูกถึงคนมากก
แต่ไอดีนั้นโดนบล็อก ..ถ้าไม่ใข่ก็ขอโทษด้วยนะครับ
เห็นชื่อคล้ายๆกัน
อารมณ์เหมือนทำระบบสมัครสมาชิกแล้วเขียนว่ากรุณากรอกอีเมลให้ถูกต้องเพราะไม่งั้นเว็บจะพัง ถือว่าเตือนแล้วนะแต่ไม่เขียนโค้ดดักไว้ และแน่นอนว่าส่วนใหญ่ไม่ได้อ่านแล้วก็ทำเว็บพัง 555
แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่าง Influencer หรือการแสดงความคิดเห็นแบบ no body ครับ? ไงหรืออีกหน่อยถ้าจะ live เรื่องการทำความสะอาดบ้านต้องขอใบรับรองก่อนหรือเปล่าครับ
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
ในข่าวมีบอกว่าความรู้เฉพาะทางขั้นสูงเช่นกฎหมายหรือการแพทย์
ไม่ดีเหรอเนี่ย ฮ่าๆ บางคนไม่มีความรู้มาพูดมั่วๆ ก็มี อ้างว่าอ่านมาเยอะ รู้มากกว่าหมอ
ใบอนุญาตนี่แบบหมอ ใบประกอบโรค นี่พอไหมเนี่ย หรือประวัติการศึกษามายื่นก็ออกได้เลยเนี่ย
เคยมีเหตุคนอ้างเป็นหมอใน CH มาเที่ยวพูดเรื่องเบาหวาน พอมีคนรู้สึกสงสัยมากเข้าพี่แกออก yt เลย เที่ยวบอกให้ตัดคาร์บ(มีเหตุผล) แต่มาบอกให้คนไทยเลิกดื่มนมเนี่ยมันชักจะแปลกๆละ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะขาดเอนไซม์ย่อยนมเสียหมด แถมไม่พูดถึงเด็กว่าควรหรือไม่ควรดื่มอีก
ผมว่ามันต้องแปะ fact check ได้แล้วแหละไม่งั้นพวกสูตรยาผีบอกจะผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดอีก
"นมอะครับ มันคือของวัวไม่ใช่ของคน ดื่มไปเยอะ ๆ ก็โง่เหมือนวัวเหมือนควาย" อู้หูวววว ผมฟังแล้วรีบวิ่งไปตากแดดเลย เพนาะผมชอบกินผักมาก คิดว่าจะสังเคราะห์แสงได้เหมือนผักซะละ โถ่ววววว
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
รัฐคุมบางทีก็ดี ไม่ดีก็มีถ้าเอาอำนาจรัฐมาปิดปาก ตีกรอบบีบไม่ให้กระทบตัวเองเหมือนสื่อมวลชนโดนกันอยู่
+1 เห็นด้วยกับอันนี้สุด ๆ
ตอนนี้ทุกอย่างมั่วถั่วไปหมดเลย
หมอศัลกรรม มาพูดเรื่องวัคซีนที่เกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจงี้
จนคนกลัว คนเข้าใจผิดกันไปหมด
+1
ผมเห็นด้วยนะ แต่เฉพาะข้อมูลกฎหมายที่มีความเสี่ยงสูงและละเอียดอ่อน หรือเกี่ยวข้องกับสุขภาพและคนรอบตัว ที่ต้องกรองจริงๆจังๆ เหมือนกัน เช่น อาหารเสริม การรักษามะเร็ง และโรคอันตรายร้ายแรง โดยเฉพาะ COVID-19
และน่าจะกรองพวกการแพทย์ลวงอย่างแพทย์แผนทางเลือก, Homeopathy หรือแม้แต่วิทยาศาสตร์หลอกลวง (Pseudoscience) รวมไปด้วยเลย ที่เดี๋ยวนี้ก็ยังมีคนโดนหลอกอยู่พอสมควร
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
อันดีนะ ความรู้พวกนี้ต้องรู้จริง ถึงเอาพูดได้
มาแล้วอวสาน น้ำมะนาวโซดารักษาทุกโรค ของแก๊ง สวัสดีวันจันทร์ ในจีน ...
ในอีกแง่มันก็เป็นการควบคุมข่าวให้เป็นในทางที่ต้องการน่ะนะครับ
ก็ดีนะ แต่ใบรับรองออกได้เฉพาะรัฐเท่านั้นรึเปล่า ถ้าไม่พูดตามใบสั่งจะถูกยกเลิกใบรับรองรึเปล่า
who watch the watchmen