Todd Howard ผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟของ Bethesda ให้ข้อมูลเพิ่มเติมของเกม Starfield โดยเฉพาะประเด็นเรื่องดาวเคราะห์ 1,000 ดวง ที่แฟนๆ กังขากันว่าจะซ้ำซากจำเจหรือไม่

Howard ออกตัวว่าการสร้างสภาพแวดล้อมในสเกลใหญ่มากๆ คือดาวเคราะห์ทั้ง 1,000 ดวง จำเป็นต้องใช้ procedural generation ให้คอมพิวเตอร์ช่วยสร้าง (เหมือนเกม No Man's Sky) อยู่แล้ว แต่ก็บอกว่า Bethesda ใช้แนวทางนี้มาโดยตลอด และใน Skyrim ก็ทำแบบนี้เช่นกัน

แต่เขาก็บอกว่าฝั่งเนื้อเรื่องและคอนเทนต์ที่สร้างโดยมนุษย์ (เขาใช้คำว่า handcrafted) ซึ่งเป็นชื่อเสียงของ Bethesda มายาวนาน ก็ยังเข้มข้นเหมือนเดิม แถม Starfield เป็นเกมที่มีคอนเทนต์เยอะที่สุดที่ Bethesda เคยทำมา มีบทสนทนาในเกมมากกว่า 2 แสนบรรทัด

Howard บอกว่าในเควสต์หลักของเกมจะอุดมไปด้วยเนื้อเรื่องแบบที่แฟนๆ อยากได้แน่นอน (ความยาวเควสต์หลักจะยาวกว่าเกมเก่าๆ ที่ใช้เวลาเล่นราว 30-40 ชั่วโมง แต่ของ Starfield ยังไม่บอกตัวเลข) ส่วนการสำรวจดาวเคราะห์อื่นๆ ที่ไม่สำคัญก็จะเป็นเนื้อหาที่สร้างแบบสุ่ม เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถสำรวจพื้นที่ต่างๆ ในเกมได้มากที่สุด

รายละเอียดอื่นๆ ที่ Howard เปิดเผยคือ Starfield มีเมืองใหญ่ทั้งหมด 4 เมือง โดยเมืองหลัก New Atlantis เมืองหลวงของฝ่าย United Colonies เป็นเมืองใหญ่ที่สุดที่ Bethesda เคยสร้างมา, การขับยานในอวกาศจะแยกส่วนจากการสำรวจผิวดาวอย่างชัดเจน ผู้เล่นไม่สามารถขับยานจากอวกาศ เข้าชั้นบรรยากาศ แล้วลงจอดบนดาวตามตำแหน่งที่ต้องการเหมือนเกม No Man's Sky ได้ เพราะทีมงานมองว่าตรงนี้ไม่สำคัญ จึงไม่ทำเรื่องนี้ตั้งแต่แรก

ที่มา - IGN, IGN, IGN