By: sunnywalker 
on 20 November 2018 - 11:08
Tags:
Topics:
Mark Zuckerberg เข้าสนับสนุนโปรแกรมการเรียนรู้ Summit Learning Platform ในหลายโรงเรียนของสหรัฐฯ มีโรงเรียนราวๆ 380 แห่งที่เข้าร่วมโปรแกรมนี้ ซึ่งไม่ได้สอนเรื่องเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่เน้นให้นักเรียนที่เข้าร่วมโปรแกรมหาตัวเองเจอว่าสนใจด้านอะไร
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่หนึ่งในผู้สนับสนุนโปรแกรมคือ Mark Zuckerberg และภรรยา Priscilla Chan พร้อมด้วยกล่มวิศวกร อาจดูเป็นการผิดเวลาเพราะ Facebook กำลังเจอแรงต้านเรื่องข้อมูลหลุด ระบบล่ม จำนวนผู้ใช้งานโดยเฉพาะวัยรุ่นลดลงมาก ทำให้มีกลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมศึกษาวารสารศาสตร์ (Secondary School of Journalism) ประท้วงไม่เข้าร่วมโปรแกรมการเรียนรู้ดังกล่าว และยังย้อนถามไปยัง Mark Zuckerberg ตรงๆ เลยว่า "คุณมีสิทธิ์อะไรในการทำแบบนี้"
ในการเข้าร่วมโปรแกรม นักเรียนต้องใช้คอมพิวเตอร์และใช้ชื่อของตัวเอง และอีเมลในการลงทะเบียนล็อกอินต่างๆ ทำให้นักเรียนกังวลว่าข้อมูลส่วนตัวของตนนั้นจะปลอดภัยหรือไม่ และหลายคนก็เข้าร่วมโปรแกรมโดยไม่รู้ว่า Facebook สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
นั่นจึงเป็นที่มาของคำถามว่า Mark Zuckerberg มีสิทธิ์อะไรถึงเข้ามาทำตรงนี้ได้
ภาพจาก Summit Learning
ในจดหมายเปิดผนึกที่นักเรียนส่งถึง Mark Zuckerberg ยังบอกด้วยว่าเนื้อหาที่เรียนไม่ดึงดูดใจ แะไม่ใช่ทุกคนที่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้การทดสองผ่านบทเรียนที่ละบทนั้น ง่ายเกินไป จนพวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าได้เรียนรู้อะไรเพิ่ม ไม่ได้เวิร์คชอปหรือพูดคุยและอภิปรายกับกลุ่มคนเท่าไรนัก
Raymonde Charles ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารเพื่อการศึกษาของ Chan Zuckerberg Initiative กล่าวในอีเมลว่า ทางทีมงานรับรู้ปัญหาดังกล่าวและกำลังประชุมกับฝ่ายบริหารอื่นๆ ว่าจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไรได้บ้าง
ที่มา - Washington Post
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- สงคราม GenAI บนคลาวด์ในปี 2024 ไปถึงไหนกันแล้ว | Cloudnone x AWS
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
Comments
ซาตานอยากทำตัวเป็นพ่อพระ
ออกแนว ฉลาด - แกมโกงด้วยครับ
แจ้งเตือนหลอกๆ เพื่อให้คนเข้าไปโหลด messenger สุดท้ายไม่มีข้อความอะไร แล้วมาบอกคนใช้ messenger เพิ่มขึ้น
โดยใช้วิธีการบังคับเค้า หรือหลอกให้โหลด แล้วขอสิทธิการเข้าถึงที่ แหม่ นึกว่า mark ซื้อโทรศัพท์ให้กันเลยทีเดียว..
ส่วนเบอร์พยายามจะขอทุกครั้ง อ้างเน้นเพื่อความปลอดภัย แต่ผมก็ไม่เคยให้ mark ก็ขอทุกครั้งจะเอาให้ได้ ^^"
เวร ผมให้ไปละ
ไม่ใช่แค่ท่านหรอกครับ ยังมีคนอีกเยอะที่คล้อยตาม ท่านสบายใจได้ อิอิ
แต่อยู่ที่ mark จะเอาไปใช้ด้านใด อันนี้ผมก็มิทราบ ตัวใครตัวมันครับ =.="
แะไม่ใช่ทุกคน ??
บางทีผมก็สงสัยพวกเป็นห่วงข้อมูลส่วนตัวหลุด ก็ post ลงด้วยตัวเองกันทั้งนั้น
บางครั้งเราไม่ได้ให้ เพื่อนมันให้แทนก็มีนะ
ขอบคุณเพื่อนที่ tag ครับ คอยรายงานให้สังคมรับทราบความเคลื่อนไหวตลอดเวลา
เวลายืนยันชื่อมันก็ขอหลักฐานหนิ
ที่บริษัทมีป้ายซันเพื่อให้ระลึกว่าบริษัทต้องปรับตัวไปเรื่อยๆ ตัวproductมีความสามารถดีสู้คู่แข่งในตลาดได้จริง แต่มาตกม้าตายตรงethicผู้บริหาร แล้วก็คงแก้ได้ยากมากๆ
เป็นนักเรียนทำแบบนี้ได้ไงครับ ทำไมไม่เคารพผู้อาวุโสกว่า เอาเวลาไปตั้งใจเรียนหนังสือดีกว่า
เขาจ้างคุณมาเท่าไหร่?
ผมเล่นด้วย browser อยู่
เพราะกลัวแอพเฟส กับ messenger จะล้วงเครื่อง
ปรากฎว่าในสามสี่อาทิตย์ที่ผ่านมา เวลาเราจะกด message ส่งข้อความ หรือกดดูแจ้งเตือน ว่ามีใครพูดถึงเรา มันหน่วงเวลาครับ กดแล้วต้องให้รอนานๆ ให้เรารำคาญ แล้วจะมีหน้าเด้งมาเตือน ให้ไปโลดแอพเฟส หรือ messenger มาใช้งาน
สถุลจริงๆ กับลูกไม่นี้ครับ
เมื่อก่อนก็บีบบังคับ พอมีเพื่อนเยอะ มาบีบให้เราแสดงตัวตน ผมก็เลิกใช้ล๊อกอินนั้น ทิ้งไปเลย เปิดล๊อกอินใหม่ ตอนนี้ก็เริ่มอีกแล้ว เริ่มแจ้งเตือนให้แสดงตัวตนอีกแล้ว ผมว่าตอนสมัคร ผมให้อีเมลผมไปชัดเจนแล้ว ในนั้นมีทั้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรชัดเจน ถ้าอยากได้ข้อมูลส่วนตัวผม ทำไม่ไม่ไปร้องขอจากกูเกิ้ล
นี่เล่นมาหลอกล่อและบีบบังคับเอา อย่าได้หวังครับ
ยิ่งทำ ผู้ใช้ก็จะเกลียดและกลัว Zuckerberg มากขึ้นเรื่อย
สุดท้ายคนที่เป็นสาเหตุทำให้คนเลิกเล่นเฟสปิดบัญชีทิ้ง ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย แค่เหล่าผู้บริหาร มองไปที่หัวโต๊ะประชุมเท่านั่น ก็จะรู้ว่าใคร
ผมใช้แอป Island ช่วยครับ แบ่ง profile ทุกอย่าง แอปเข้าถึงข้อมูลในฝั่ง profile หลักไม่ได้ แล้วไปไล่ล็อค permission ต่างๆ อีกที
แล้วปกติเปิดไว้แค่ Messenger ส่วน Facebook หลักใช้ Island ล็อคไว้เลย ใช้ผ่านหน้าเว็บเอา ไว้ฟีเจอร์ไหนไม่พอค่อยเปิดขึ้นมาใช้
แต่แน่นอนว่ายังไงก็โดนดึงข้อมูลมากกว่าการไม่ใช้แอปเลยครับ
เมื่อก่อนผมชื่นชม ตานี่เจ๋ง เก่ง สุดยอด ความทะเยอทะยานสูง..
แต่หลังจาก มีเงินๆทองๆเข้ามาเกี่ยว ออกแนว ดาร์ก มาเรื่อยๆ แรกๆก็ไม่เชื่อ mark โกหกทำไม ทำไมต้องโกหก เป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือที่สุดอันดับต้นๆเลยนะ หลังๆเริ่มยาว เริ่มโม้ เริ่มพูดย้อนแย้ง ขัดกับสิ่งที่พ่นออกมามาก นี่อะไรกัน!!
นี่แหละ มันทำให้ผมรู้สึกว่า ไม่ใช่ล่ะ ..
อยากได้ผู้ใช้งานเยอะๆ โดยไม่สนความถูกต้อง ก็หลังจากมันเป็นธุรกิจไปแล้วนี่แหละครับ แล้วจะเชื่อถือแบบเมื่อก่อนก็คงไม่ได้ เพราะเรื่องเงิน รายได้ต้องมาก่อน..
รอดูไปเรื่อยๆครับ ถ้า facebook มันดับ ก็คงดับโดย mark เอง ที่ทำตัวไม่น่าเชื่อถือ ความจริงใจกับผู้ใช้เป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่ใช่มองผู้ใช้เป็นเหยื่อ แล้วสนุกกับเหยื่อ... เหมือนโดนตบหัวแล้วลูบหลัง ใครเค้าจะชอบ..
mark จะพยายามให้เหมือน ลุงบิล แต่การมาของ mark มันช่าง แนวทรยศเพื่อนบ้านซะเหลือเกิน..
ผมกำลังคิดว่ามีโอกาสแค่ไหนที่ Facebook จะโดนปิดตัวไป ถ้าตา Mark ยังเป็นแบบนี้อยู่
คิดถึง Nokia ยุคที่ล่มไปนะ
ชื่นชมเด็กนักเรียนกลุมนี้จัง
ถ้า FB ไม่รอด Social ยุคต่อไปจะเป็นยังไง อยากรู้จัง
tik-tok
my blog
ปกติ หลายๆ เว็บ โซเชียล หรืออ เว็บ หรือ แอพ อื่นๆ มันก็เก็บ ข้อมูล ผุ้ใช่ ไม่ใช่เหรอ หรือไม่ได้ เก็บ กัน
fb ต่างไรกับยาเสพติด
พอคนติดก็เลิกยาก เพราะคนรอบข้างก็ติด
จะชวนมันมากินน้ำเปล่ามันก็ไม่มาแล้ว
https://gnu.io/social/