By: lew 
on 26 August 2013 - 08:23
Tags:
ศูนย์ข้อมูลที่รัฐเวอร์จิเนียของ Amazon Web Services ล่ม ทำให้บริการจำนวนมากที่อยู่ในศูนย์นี้พากันล่มตามไปด้วย นับแต่บริการดังๆ เช่น Instagram, Vine, Airbnb, และ Netflix
อเมซอนระบุว่าปัญหาต้นเหตุได้รับการแก้ไขไปแล้ว และเครื่องที่ใช้ EBS เป็นที่เก็บข้อมูลทั้งหมดสามารถทำงานได้เป็นปกติ แต่ยังมีปัญหากับระบบกระจายโหลด
การที่บริการจำนวนมากจะไปพึ่งพิงกับศูนย์ข้อมูลของอเมซอนทำให้บริการล่มพร้อมกันหมดเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ทำให้คำถามว่าการพึ่งกับบริการแบบกลุ่มเมฆเป็นเรื่องสมเหตุสมผลหรือไม่
ที่มา - TechCrunch
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
ถ้าเป็นในหนังอาจจะมีคนร้ายบุกยึดจับเป็นตัวประกันหรือเปล่า ของมีค่าขนาดนั้น
ยืมจมูกคนอื่นหายใจอยู่ ไม่รู้หรอกเหรอ
มีคำแนะนำมั้ยครับ ว่าบริการใหญ่ๆ อย่าง Instagram ควรเปิดศูนย์ข้อมูลเองเพื่อจัดการกับข้อมูล และการคำนวณขนาดใหญ่อย่างไร จึงจะคุ้มทุน ปลอดภัย และมีเสถียรภาพมากกว่าไป "จ่ายเงินเช่าจมูกคนอื่นหายใจ"
เดี๋ยวสักพักก็เอาไปฝากกับ facebook เชื่อผมเถอะ ตอนนี้น่าจะมีแผนการไว้แล้ว เหลือเวลานับถอยหลัง data center facebook ไม่เป็นลองใคร
ทำเอง ล่มบ่อยกว่าครับ เชื่อผม
กระทืบ like
ถูกใจๆ
เห็นด้วยครับ ฮ่าๆๆ
ถ้าด้วยงบเท่ากัน
ไม่จริงครับ
ใช้เงินเท่ากับค่าบริการที่เสียไปเหรอครับ ผมว่าล่มเดือนละหลายหนชัวร์
ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาต้องชั่งกันระหว่าง คุณภาพ ความเสี่ยง โอกาส เวลา
จริงๆ แล้ว Availability กับ Reliability นี่ควรจะเป็นจุดขายของ Cloud Computing เลยนะนั่น แต่ดันล่มบ่อยซะจนต้องหันกลับมาคิดใหม่กันเลยทีเดียว
ล่มบ่อยขนาดนี้ทำไมผู้ใช้บริการถึงยังไม่ชินกันอีก, ผู้ให้บริการ cloud ไม่เคยกล่าวไว้
ปล.นึกถึงช่วงนึงของ DTAC
Reliability มันไม่ 100% น่ะสิครับ
เค้าอาจจะขายที่ 99.9% ก็ได้ อิอิ
SLA ไม่มีที่ไหนบอก 100% ครับ มีแต่ 99.9% กับ 99.99% หรือตัวหลักหลังเพิ่มหลักไปครับ
SLA ใน 1 ปี 99.9% กับ 99.99% ต่างกันที่
- 99.9% หมายถึง ยอมให้ downtime ได้ 9 ชั่วโมง
- 99.99% หมายถึง ยอมให้ downtime ได้ 52 นาที (หรือประมาณ 1 ชั่วโมง)
ของ Amazone ก็มี SLA ระบุไว้ เช่น
- S3 มี SLA 99.9%
- RDS และ EC2 มี SLA 99.95%
หรือย่าง Azure ก็มีระบุเช่น
CDN, Caching, Virtual Network, SQL Database และ Storage มี SLA 99.9%
Cloud Services และ Virtual Machines มี SLA 99.95%
+1
+1 เป๊ะมากครับ
+1 ข้อมูลแน่นมากครับ :)
ตั้งเครื่องสำรองไว้ที่โซนอื่น เช่น เอเชีย ได้ป่าวครับ
ทำได้ครับ แต่จ่ายเพิ่ม ><"
-..- ผมว่ามันก็ล่มน้อยกว่าแบบเดิม ๆ แล้วนะ
อันนี้ล่มทีก็เป็นข่าวที แสดงว่านาน ๆ ทีมันล่ม
แบบนี้ก็ต้องเอาไปเทียบกับเจ้าอื่นละล่ะ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
Facebook ออกจะมีฟาร์ม Server ขนาดใหญ่ดึงไปบ้างอะไรบ้างแบ่ง ๆ กันไปตาม Server ตามทวีปก็น่าจะได้เป็น Server สำรอง พี่มาร์ค อย่านิ่งนอนใจ
ทำ Cloud Redundance เลยครับ สร้างศูนย์ข้อมูลอีกตัว lol
ท่าผู้ใช้จะเสียเพิ่ม 2 เท่านะครับ :P
ประโยคสุดท้ายเพิ่มคำว่า "เกิด" น่าจะอ่านเข้าใจง่ายขึ้นนะครับ
... ทำให้คำถามว่าการพึ่งกับบริการแบบกลุ่มเมฆเป็นเรื่องสมเหตุสมผลหรือไม่ ...
... ทำให้ "เกิด" คำถามว่า ...
ผมว่าระบบปกติมันก็ล่มกันเรื่อยๆอยู่แล้วนะ เราอาจจะคาดหวังว่า cloud มันต้องแข็งแกร่งมากไปรึเปล่า?
..: เรื่อยไป
รอบที่เท่าไหร่แล้วอ่ะ ทิ้งช่วงไปนานจากคราวก่อนเหมือนกันนะ ใครจำได้บ้าง
ถึงจะไม่ 100% แต่ผมยังเชื่อว่าเสถียรที่สุดในตอนนี้ครับ
ข่าวต่อไป Azure ออกโฆษณากัด AWS
ผมใช้มาเป็นปี เปิด service ec2 rds ยังไม่เคยปิดเลย ล่มยังไง
โซนสิงคโปร์ ยังปกติ
มีบริษัทที่รู้จักกันทำ server เอง ล่มทีอย่างน้อย 6 - 12 ชั่วโมงครับ
และมีจุกๆ จิกๆ ปีนึงๆ ล่มรวม 30-60 ชั่วโมง
ฮาร์ดดิสก์เสียเฉลี่ยปีละตัว จากประมาณเกือบ 20 ตัว
power supply พังไป 1 ครั้ง ในรอบ 5 ปี
ย้ายระบบและข้อมูล (เยอะมาก) ไปเซิร์ฟเวอร์ใหม่ ใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน
ตอนหลังย้ายไป AWS ลดภาระและค่าใช้จ่ายไปเยอะ
--