Apple เพิ่งได้รับสิทธิบัตรฉบับใหม่สดๆ ร้อนๆ วานนี้ (30 ต.ค. 2012) ว่าด้วยเรื่องอุปกรณ์, วิธีการ, และส่วนติดต่อผู้ใช้งาน ของแผนที่, การระบุตำแหน่ง และระบบนำทาง สำหรับอุปกรณ์หน้าจอสัมผัส ซึ่งสิทธิบัตรฉบับนี้ถูกยื่นขอไปตั้งแต่ปี 2008 ก่อนการเปิดตัว iPhone 3G เพียงเล็กน้อย
ในช่วงเวลาที่ Apple ยื่นขอสิทธิบัตร การใช้งานแผนที่และระบบนำทางสำหรับอุปกรณ์พกพาจำเป็นต้องพึ่งปุ่มกดต่างๆ ซึ่งทำให้อุปกรณ์ดูเทอะทะและยุ่งยากต่อการใช้งาน ทำให้ Apple คิดที่จะทำส่วนติดต่อผู้ใช้งานแบบใหม่โดยนำจุดเด่นของจอสัมผัสที่สามารถสั่งการได้หลายรูปแบบและง่ายต่อการจดจำมาแทนปุ่มกดแบบเดิมๆ
เนื้อหาของสิทธิบัตรระบุถึงรูปแบบการสั่งงานและฟังก์ชันต่างๆ รวมไปถึงหน้าตาของส่วนติดต่อผู้ใช้งาน ซึ่งก็เป็นแบบที่พบเห็นได้ทั่วไปในแผนที่ดิจิทัลบนอุปกรณ์พกพาทุกวันนี้
น่าสนใจว่า Apple จะนำสิทธิบัตรตัวนี้ไปใช้งานอย่างไรบ้าง และแผนที่ของ Apple เองจะใช้งานได้ตามที่ตั้งใจไว้เหมือนเมื่อตอนยื่นสิทธิบัตรขนาดไหน
รายละเอียดเพิ่มเติมของฟังก์ชันและคำสั่งต่างๆ ตามที่ระบุในสิทธบัตรซึ่งเราคุ้นเคยกันดีในวันนี้ ได้แก่
ที่มา - AppleInsider, ข้อมูลสิทธิบัตรจาก FPO
Comments
พวก garmin, speednavi ที่ทำจอสัมผัสมาตั้งนานไม่เครียดเลยเหรอเนี่ย............. +_+"
กรณีที่พิสูจน์ได้ว่าทำมาก่อนที่จะร้องขอสิทธิบัตรก็ไม่มีปัญหาครับ (apple เองก็คงไม่กล้าฟ้อง เดี๋ยวโดนสวนจนสิทธิบัตรถูกยกเลิก)
แล้วเขาให้สิทธิบัตรกับ Apple ทำไมล่ะครับ ไม่ได้คิดใหม่ มีอยู่แล้วในอุปกรณ์อื่น แค่เอามาต่อยอดในมือถือ แล้วดูเหมือนจะมีผลบังคับใช้ที่สหรัฐเท่านั้น ยุโรปกับเอเชียส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย มันกลายเป็นวิธีกีดกันทางการค้า American Style ไปแล้วหรือเปล่า???
อาจจะเพราะเจ้าแรกไม่ได้จด ก็ได้
เจ้าแรกไม่ได้จดเพราะอาจคิดว่ามันเป็นพื้นฐานสำหรับการแข่งขันแบบเสรี แต่ดันมีเจ้าหนึ่งหน้ากว้างคูณยาวมาขอจดแล้วดันจดได้อีก
ชอบคำนี้จัง American Style
ถ้า EU Style ก้อ ชอบบังคับให้ทำ ISO ประมาณนั้นเลย
อ้าวไม่ใช่เฉพาะโทรศัพท์กะแท็บเลตหรอครับ
4 ปีเลยทีเดียวสมัยนั้นยังไม่มีแบบนี้เลยแต่ตอนนี้เห็นกับเพียบ
มีมานานมากกกกกแล้วครับ มี speednavi ตั้งแต่ใน window mobile เลย จอสัมผัสด้วย ใช้สไตลัสจิ้มเอา(จอ ยังเป็น resistive อยู่เลย) ตอนนั้นผมเจาะจงซื้อ asus P527 เพราะไม่อยากซื้อแยกกับ GPS ในรถต่างหาก (+มันแถม speednavi มาให้ด้วยนี่แหละ)
อ่านสิทธิบัตรในข่าวก่อนครับ ว่ามันเหมือนแตกต่างกันยังไง แล้วที่ผมพูดหมายถึงอะไร - -*
ลองอ่านดูดีๆครับ
อ่านแล้วอ่านอีก ผมก็ทบทวนแล้วทบทวนอีก สมัย 2008 มันมีบ้างแล้ว แต่คุณบอกไม่มี ท่านเคยใช้หรือไม่ผมไม่ทราบแต่ ไอ้ระบบการทำงานในหัวข้อข่าวบางอันน่ะ ผมเคยเล่น navigator ในรถหัวหน้าผมมานานมากแล้ว
คุณใช้คำว่า "บางอัน"
แต่ผมบอกว่า "แบบนี้" หมายถึงรวมทุกอันครับ
"มีมานานมากกกกกแล้วครับ มี speednavi ตั้งแต่ใน window mobile เลย จอสัมผัสด้วย ใช้สไตลัสจิ้มเอา(จอ ยังเป็น resistive อยู่เลย) ตอนนั้นผมเจาะจงซื้อ asus P527 เพราะไม่อยากซื้อแยกกับ GPS ในรถต่างหาก (+มันแถม speednavi มาให้ด้วยนี่แหละ)"
ลองใช้เวลาสักเล็กน้อยวิเคราะห์ดูครับ ว่ามีอะไรเหมือนแตกต่างในสมัยนั้น
ปุ่มเสมือนบนหน้าจอที่เปลี่ยนแปลงตามการใช้งาน
การรับคำสั่งด้วยการลากนิ้วหรือสัมผัสแผนที่ดิจิทัลบนหน้าจอ
การผนวกระบบบุ้คมาร์คเข้าด้วยกันและพัฒนาเป็นกราฟิกปักหมุดบนแผนที่
การย่อ/ขยายแผนที่โดยใช้สองนิ้ว
การเปิด/ปิดเลเยอร์ข้อมูลต่างๆ อย่างเช่น สภาพการจราจร
การระบุตำแหน่งอุปกรณ์และระบบนำทางโดยอาศัยสัญญาณ GPS และวิธีอ้างอิงตำแหน่งจากเสาส่ง
ใบ้ให้ก็คงเหมือน Google Map บนเว็บบราวเซอร์ที่ทำงานผ่านเมาส์ แต่จำลองว่าเมาส์มันเป็นทัชสกรีน (Resistive) ในสมัยนั้น
คุณบอกว่าคุณสมบัติที่จดไว้บางอย่างมันต่างกัน แต่เวลาฟ้องนี่แค่ส่วนนึงตรงกันก็ใช้ฟ้องกันแล้วนะครับ ไม่ใช่ว่าต้องเหมือนกันทุกข้อทั้งหมดเลย
ลองใช้เวลาสักเล็กน้อยวิเคราะห์ดูครับ ว่าในการฟ้องเรื่อง patent กัน ว่ามีอะไรเหมือนแตกต่างกันบ้าง
ยิ่งถ้ามองกลับกันเลยครับ ก่อน apple จะจดสิทธิบัตรนี้ apple ไม่เคยมี product หรือ patent อะไรที่เกี่ยวข้องกับ map เป็นของตัวเองเลย พอบริษัทอื่นๆทำ map กันเยอะ apple ก็ไปจดทันที
แล้วลองใช้เวลาอีกสักเล็กน้อยวิเคราะห์ดูครับ ว่ามีอะไรบ้างที่ apple คิดขึ้นมาเองเป็น original
มีอยู่แค่ 2 ข้อ(หรืออาจจะข้อเดียว) เองครับ ที่ ออริจินอลจริงๆ
การย่อ/ขยายแผนที่ก็มีก่อนจดครับ
งาน TED มกราคม 2007
และเพิ่มเติมอีกนิดคือ multi touch มันมีมานานมาก ๆ แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครทำเป็นผลิตภัณฑ์ออกมาขายจริง ๆ จัง ๆ ซักที จนกระทั่ง iPhone โผล่ขึ้นมา อันนี้ตกยกความดีให้ iPhone เต็ม ๆ ที่กระตุ้นตลาด
แต่อย่างไรก็ตาม แอปเปิ้ลไม่ได้คิดเป็นเจ้าแรกแน่ ๆ ครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
โอ้ชัดมาก.............. เป็นแผนที่มาเลย
ระบบ patent ของเค้ามันตลกก็ตรงนี้แหละ
จดแล้วอู้ๆเก็บไว้ค่อยมาทำทีหลังก็ว่าแปลกๆนิดหน่อยแล้ว แต่ก็ยังพอรับได้บ้าง
เจอกรณี
- จดโดยที่ไม่ทำเลย จดไว้เฉยๆ แล้วค่อยไปฟ้องคนที่ลงทุนทำ
- จดได้ ทั้งที่มีคนอื่นทำมาก่อนแล้ว
แบบนี้ เงิบไปเลย นี่มันระบบกีดกันการพัฒนาชัดๆ
จดก่อนจดหลังผมไม่ได้พูดเลย
แค่บอกว่าตอนนั้นยังไม่มีแบบนี้แต่ตอนนี้เห็นกันให้เพียบ หมายความว่ายังอยู่ในการทดลองตามคลิปไงครับตอนนี้เห็นกันให้เพียบก็เพราะใช้กันแพร่หลาย ส่วนเรื่องใครคิดใครจดก่อนผมไม่ได้สน แต่ก็คงรู้กันดีว่าที่ใช้กันแพร่หลายทุกวันนี้ใครนำเอามาผลิดแบบ Mass ได้ก่อนแค่นั้น
ถ้าคนเราจะเถียงให้ชนะยังไงก็จะเถียงให้ได้ผมก็เลิกแล้วโอเคยอมแพ้ครับ พวกอคติหรือศาสดาอะไรก็ดราม่ากันต่อไป
"4 ปีเลยทีเดียวสมัยนั้นยังไม่มีแบบนี้เลยแต่ตอนนี้เห็นกับเพียบ"
คุณบอกว่า "ไม่มี" ผมก็แย้งคุณว่า "มี" แต่ "คุณไม่รู้" ต่างหาก แค่นั้นแหละ
ส่วนเรื่องใครนำเอามาผลิดแบบ Mass ได้ก่อน หรือ Mass แล้วแต่คุณไม่รู้จักเอง ผมไม่ได้สนเลยด้วยซ้ำ
ถ้าคนเราจะเถียงให้ชนะยังไงก็จะเถียงให้ได้ จะอ้าง Mass อ้างความนิยมยังไงก็ได้ ผมก็หวังว่าคุณเปิดใจรับกับหลักฐาน กับสิ่งที่มันจับต้องได้ครับ ถ้าคุณเอาเอกสารว่ามีการวิจัย มีการตั้งแผนกก่อนหน้านั้นมาแล้ว ที่มันจับต้องได้ ผมก็ยอมแพ้คุณ ก็แค่นั้นแหละ ผมก็ไม่ได้ถูกต้องไปหมดทุกเรื่อง อย่างเรื่องที่คุณ Rookies เอามาบอกผมก็พึ่งจะเห็น แต่ไอ้เรื่องโวยวายหาว่าคนอื่นดราม่า อคติ นี่พอเหอะครับ
เข้าใจผิดก็ยอมรับแบบแมนๆเถอะครับ ไม่มีใครซ้ำเติมคุณหรอก
คนเราพลาดกันได้ครับ อย่าคิดมาก
บางทีนอกจากไม่ยอมรับผิดแล้ว ยังมีปล่อยทุ่นก่อนจาก กล่าวหาว่าคนอื่นชอบเอาชนะอีกต่างหาก
+1 ไม่แมนเลย
คนคิดค้นกับคนทำให้มันบูมมันคนละคนกัน ผมนับถือทั้งสองคน แต่ไม่ควรเอาสองคนมาขี้ตู่เป็นคนเดียวกัน เวลามีคนพยายามจะเอาสองคนมารวบเป็นคนเดียวกัน มันพาลทำให้คนอื่นเปลี่ยนจากนับถือเป็นเกลียดไปได้เลย
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เอาแล้ว ศาลเตรียมทำงาน
Educational Technician
Apple ไม่น่ากล้าฟ้องนะ จากที่ดูรายละเอียดที่จดนี่ส่วนใหญ่ตัวเองไม่ได้ริเริ่มทำด้วยซ้ำ
บางอย่างที่จดมันก้อพื้นฐานเกิ๊น
ปี2008 ผมก็ไม่เห็นมีmapมือถือตัวไหนwowๆ ลื่นๆ เร็วๆ และUIหน้าตาประมาณนี้เลยนะ
เค้าไม่ได้จดสิทธิบัตรว่าเป็นแค่ มือถือหนิครับ
โอ้โห เห็นแค่ภาพของปี 2008 ก็รู้เลยว่า wow / ว่าลื่น / ว่าเร็ว
ข้าน้อยนับถือ
จดสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ เจริญละอเมริกา
แรงเกินไปมั๊ยครับ
ไม่แรงไปหรอกครับ ผมว่านี่คืออเมริกา ดูอย่างกรณีข้าวหอมมะลิไทยก็ได้ โดนจดสิทธิบัตรหน้าตาเฉย
เอาหอมมะลิไปดัดแปลงพันธุกรรม ไม่เรียกว่าทำเองหรอ?
แต่ที่ทำมันละเมิดสนธิสัญญาเรื่องพืชท้องถิ่นอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ITPGR?
แสดงว่ายังไม่รู้จัก patent troll หรือบริษัทที่ไล่ซื้อสิทธิบัตรมาเอาไว้หากินโดยเฉพาะครับ
แต่กรณีนี้ไม่ใช่นะ ตอนนั้นที่จดก็คงมีแนวคิดเลยต้องจดเอาไว้ ถ้ารอให้แอพฯ พัฒนาเสร็จแล้วค่อยจดคงไม่ทันรับประทาน
ตัวเองไม่ได้ทำยังไง? ที่เขียนมามันก็อยู่บน Google Maps บน iPhone และ Apple Maps นี่
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
กว่าสิทธิบัตรจะออก ตอนนี้มันก็กลายเป็น design pattern สำหรับแผนที่ไปซะละ ทำไงล่ะ นักพัฒนาตัวเล็กตัวน้อยทุกคนที่ทำแอพที่มีแผนที่ที่ใช้ design pattern นี้ต้องจ่ายค่าให้ Apple?
จะไม่ใช้ก็ไม่ได้ เพราะผู้ใช้คาดหวังว่าถ้ามีแผนที่มันต้องใช้ได้อย่างงี้ๆไปแล้วด้วย
คิดการควบคุมใหม่ที่ง่ายกว่าของเดิมออกมาแข่ง ???
(ถ้าคิดง่ายมันรวยกันหมดแล้ว)
เคลียดแทน
จงคัดคำว่า "เครียด" ด้วยปากกาลงบนกระดาษ 100 ครั้ง!!
แซวเล่นนะครับ
ว้าโดนดัก ขะ copy paste ซะหน่อย
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ขะ -> จะ
เครียดด้วยคน :)
ถ้าเห็นมีแบบนี้มาเรื่อยๆ น่าซื้อหุ้น AAPL มาก...
ถ้าซื้อตอนนี้ ปัจจุยเสี่ยงสูงมากครับ
กว่าจะอนุมัติแต่ละอันมันนานเกินไปจริงๆ
google หนาว มหากาพย์ สิทธิบัตร
ราชาแห่งมาร
สงสัยจะจดให้ Google
"ย่อ/ขยายแผนที่โดยใช้สองนิ้ว" โอ้วววว ตายกันเป็นแถว -*-
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ไม่เห็นจะดีตรงไหน facepalm มาก -__-
อ่านแล้วยังไม่เข้าใจว่า ของเขาดีจริง ยังไง แล้วมันเกี่ยวกับได้สิทธิบัตรยังไง
ทนายเขาดีจริง
เซ็งครับ เห็นใจคนออกแบบแอพรายอื่น สิทธิบัตรนี้เหมือนกับการกีดกันการเพิ่มฟีเจอร์อย่างไรอย่างนั้น ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผู้สร้างแอพหรือนักพัฒนาโดนฟ้อง
งานนี้แอปเปิลได้เต็ม ๆ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
+1 จดสิ่งที่มันพื้นฐานมาก ๆ มันขัดขวางการพัฒนาแบบร้ายแรงมาก ถ้าเอามาขัดขา Android โดยให้ถอด Google Map ออก ให้เหมือน iOS 6 นี้จะสุดติ่งมาก
มันผิดที่กรมทรัพย์สิน ไม่ใช่แอปเปิ้ลนี่ครับ ที่มันดราม่าทุกวันนี้เป็นเพราะให้จดสิทธิบัตรง่ายและกว้างเกินไป
บางส่วนน่าจะเกิดจากกระบวนการที่ล่าช้าหรือเปล่าครับ ปี 2008 ผมก็ไม่ค่อยเห็นอะไรแบบนี้นะ ถ้าจดได้ในปีนั้นก็จะไม่มีใครเอามาทำ พอไม่มีคนเอามาทำเยอะ มันก็จะไม่เป็นเรื่องพื้นฐานที่เห็นกันทั่วๆไป
มันผิดที่จดได้ช้าเกินไป ขอตั้งแต่ 2008 กว่าจะได้สิทธิบัตรปี 2012 ช่วง 4 ปีที่ไอโฟนสร้างและเจ้าอื่นลอกมา กลับกลายเป็นว่า "มันเป็นเรื่องพื้นฐาน ใครๆ ก็คิดได้" ไปซะงั้น
คิดถึง "ไข่ของโคลัมบัส" ขึ้นมาเลย
ปล. ถ้าใครๆ ก็คิดได้ ทำไมไม่จดก่อน Apple จะจดก็ไม่รู้ - -"
เพิ่งไป search คำว่าไข่โคลัมบัสมา กรณีนี้เหมือนจริงด้วยๆ :)
เจ้าอื่นทำไปแล้วก่อน apple ไปจดด้วยครับ........ ไม่ใช่ว่าคิดไม่ได้แล้วไม่ได้ไปจด
แล้วทำไมไม่จดสิทธิบัตรล่ะครับ???
ถ้าเจ้าอื่นทำก่อนแล้ว และมันแพร่หลายไปทั่ว ใครๆก็คิดได้ ทำไมเจ้าอื่นที่ว่าไม่จดล่ะครับ
ไม่ต่างจากไข่ของโคลัมบัสหรอกครับ ไข่ไก่มันมีก่อนหน้าโคลัมบัสจะเกิดมากี่ร้อยกี่ล้านปีแล้ว แต่โคลัมบัสเป็นคน "ตั้ง" มันขึ้นมาและได้รับการเผยแพร่ออกไป นั่นเป็นเครดิตที่เค้าควรจะได้ เช่นเดียวกับระบบสิทธิบัตรนั่นแหละครับ
คนคิดค้นก็ยังเป็นคนคิดค้นอยู่วันยังค่ำครับ
คนที่ขโมยไอเดียคนอื่นไปจดก็เป็นแค่หัวขโมยครับ
การเอาไปทำให้แพร่หลาย ไม่ได้เปลี่ยนความจริงว่าใครเป็นคนคิดค้น
555 ถ้าโคลัมบัสจดสิทธิบัตรการตั้งไข่ไว้แบบ Apple (จดกว้าง ๆ ตั้งไข่ด้วยวิธีใดก็ตาม) ไข่ในถาดไข่นี้ต้องนอนมากันเลย โชคดีที่ไม่มีการจดสิทธิบัตรกันในยุคนั้น
ความจริงการตั้งไข่ของโคลัมบัสต้องเรียกว่าตั้งแค่เปลือกไข่เพราะไข่แตกแล้ว โคลัมบัสยังทำไม่ได้อย่างที่พูดเลย
google โดนชัวร์ แต่ถ้า appleเกรียนแตกขึ้นมา กามิน speednavi คงโดนไปด้วย
แจ่มมากๆ
apple เกรียนเกิน