ถึงแม้ว่ากูเกิลในสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะฟ้องแอปเปิลผ่านทางโมโตโรล่าก็ตาม แต่ล่าสุดมีรายงานว่าโมโตโรล่าในเยอรมนีได้บรรลุข้อตกลงกับแอปเปิลแล้วกรณีที่แอปเปิลได้ละเมิดสิทธิบัตรของโมโตโรล่า
สิทธิบัตรที่ถูกรวมอยู่ในข้อตกลงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีไร้สายซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม โดยแอปเปิลยินยอมที่จะจ่ายค่าเสียหายให้กับโมโตโรล่าเป็นรายการไป และตอนนี้ทั้งสองบริษัทยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับค่าไลเซ่นส์ที่แอปเปิลต้องจ่าย
เว็บ 9to5Mac เองได้แสดงความเห็นว่าข้อตกลงนี้ระหว่างสองบริษัทเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกูเกิล เจ้าของโมโตโรล่า เป็นหัวหอกกองทัพ Android แต่กลับเลือกที่จะไม่สู้กับแอปเปิลโดยตรงเช่นเดียวกับคดีซัมซุง เช่นกัน แอปเปิลก็มีท่าทีที่อ่อนโยนกว่าในคดีกับซัมซุงมาก ถึงได้เลือกที่จะยอมรับข้อตกลงและยอมจ่ายค่าเสียหาย แทนที่จะสู้ไปเรื่อย ๆ เหมือนกับตอนที่สู้กับซัมซุง
ที่มา - FOSS Patents
Comments
ข่าวสิทธิบัตรอีกแล้ว
บ้านของบอส กุกเกิลอยู่ห่างจากบ้าน ของสตีฟไปแค่ 3 block เท่านั้น
ผมว่า apple ทำเพื่อรักษาภาพบริษัทตัวเอง (ไม่ต้องการให้คดีดัง เพราะจะทำลายภาพ ที่ว่า apple ไม่เคย copy ใคร และพอละเมิดสิทธิบัตร ก็ยอมจ่ายค่าเสียหายแต่โดยดี) และ google คงคิดราคาแบบสมเหตุสมผล (ไม่เน้นทำลายล้างคู่แข่งโดยการ ฟ้องห้ามขาย) รอดูรายละเอียดในข้อตกลง
วิเคราะห์(เดา)ได้เยี่ยม ^^
ผม(เดา) ว่าเป็นเพราะ "สิทธิบัตรที่ถูกรวมอยู่ในข้อตกลงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีไร้สายซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม"
ถ้ามันเป็นมาตรฐานเช่นพวก gsm/3g จริง คิดแพงยังไงก็ต้องจ่าย ไม่งั้นทำใหม่ๆออกมาแล้วเชื่อมต่อหรือคุยกับระบบอื่นไม่รู้เรื่องก็เท่านั้น
แตกต่างกับพวก ดีไซน์ หรือ UI ที่samsung โดนฟ้องนะ เพราะของแบบนี้มันไม่ได้มีมาตรฐานเลย อยู่ที่ความครีเอทีฟการออกแบบ การดีไซน์ ให้สวยให้สะดวกล้วนๆเลย
ผมว่า ทิม คุก มีท่าทีอ่อนโยนกว่า จ๊อบส์มาก
บางทีการเดินไปในทางนี้อาจจะดีกว่ากับอุตสาหกรรมทั้งหมด
ท่านเทพบุตรภุมมะเทวาจะมิพอใจนะครับ
ตอนนี้มิอาจพูดได้แล้วครับ ฮ่า ๆ
+1
Coder | Designer | Thinker | Blogger
จะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดูไหมเนี่ย
I need healing.
น่าจะเป็นเพราะสิทธิบัตรที่ว่าเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม และถึงฟ้องต่อ iphone ก็ไม่โดนแบนมังครับ
เห็นว่าฟ้องเพิ่มใน usa อีก 7 รายการ จิ้มไปที่ฟังชั้นแรงๆ การแจ้งเตือนตามตำแหน่งสถานที่ (Location Reminder), การแจ้งเตือนอีเมล (E-mail Notification), การเล่นคลิปวีดีโอ และ siri (เข้าใจว่าเป็นพฤติกรรมบางอย่างของโปรแกรม)
Motorola มีสิทธบัตร 17,000 รายการและอีก 7,000 รายการกำลังอยู่ในขั้นตอนการขอ ไม่นับที่ google จดเองอย่าง Notification
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
วรรคสุดท้าย
แทนที่จะสู้ไปเร่อย ๆ => แทนที่จะสู้ไปเรื่อย ๆ
ท่าทีของ Google ไม่ใช่บริษัทเน้นทำลายบริษัทอื่นอยู่แล้วนี่ครับ อย่างดีก็เห็นว่า start up บริษัทไหนเวิร์ก ก็ไปซื้อมา ถ้าไม่ยอมให้ซื้อ ก็ทำ product ออกมาแข่ง
ผมก็ไม่รู้นะว่าพฤติกรรมแบบนี้ มัน evil รึเปล่า แต่กับพวกไล่ฟ้องคนอื่นเอาเป็นเอาตายนี่ดู evil กว่าเยอะเลย
ป.ล. เรื่องซัมซุง ผมก็เห็นด้วยกับคำตัดสินนะ ว่าลอกมาจริง ๆ (ทั้งดุ้นเลยด้วย)
คุณต้องดู asset ของธุรกิจด้วยนะครับ ว่า Evil หรือไม่ Evil กรณีของกุกเกิลมีธุรกิจหลักคือ search engine ซัมซุงมีธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่แอปเปิลเป็นบริษัทคอมพิวเตอร์ที่มีสินค้าแค่ไม่กี่ตัว การปกป้องทรัพย์สิน ของบริษัทที่มีอยู่ ย่อมเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุด ส่วนตัวผมมองว่าบริษัทอื่นที่มี back ด้วยธุรกิจประเภทอื่นสามารถ evil ได้มากกว่านี้มาก
ธรรมาภิบาล ไม่ได้ขึ้นว่ามีไลน์ธุรกิจกี่ตัวนะครับ ไม่งั้นคนที่ทำธุรกิจแบบเดียวก็มีข้ออ้างเวลา Evil สิ
ที่สำคัญคือบริษัทพวกนี้มันแยกย่อยๆเป็น BU ครับ ตัวมันเองก็ถือว่าเป็นบริษัทนึงๆแยกจากกันได้เลย ถ้าซัมซุงโมบายล่มก็คือล่มไปบริษัทนึงนั่นละ(อันที่จริงผมว่าเค้าจดแยกอยู่แล้วนะ)
ดังนั้นถึงแอปเปิลจะทะเลาะกับ BU ฝ่ายโทรศัพท์ แต่ BU ฝ่าย component ก็ยังคุยกันได้
แต่เคสนี้ผมว่า Samsung ก็ Evil เหมือนกันนะ เอาดีไซน์บริษัทที่ได้รับการยอมรับที่สุดมาใช้ให้ติดตลาด ล่อให้ต้องลงมาฟ้องแต่ยังต้องซื้อของตัวเองอยู่(ซึ่งแสดงว่าของตัวเองดีจริง)
จ่ายไปพันล้านแต่ตัวบริษัทมีชื่อขึ้นมาเทียบชั้นแอปเปิลได้ แถมไม่ทับกับแอปเปิลด้วย(เพราะเอาส่วนที่ขึ้นชื่อที่สุดของแอปเปิลอย่างการสร้างสรรค์ไปแลกแล้ว) คนคิดแผนการตลาดบริษัทนี้น่ากลัวจริงๆ
"ฉันว่า เราต่างรู้ว่าต้องการอะไร .. แทนที่จะเอาเงินไปให้ทนาย ทำไมเราไม่เอามาให้กันและกัน .. " หึหึ
my blog
ก็อย่างที่ผมว่า Apple อยากสั่งสอน Supplier ของตัวเองที่ดันรับจ้างทำงาน แต่กลับสร้างของขึ้นมาแข่ง แล้วดันขายดีอีก บวกกับเป็นแค่บริษัทในเอเชีย จะมีพลังภายในอะไรมาก ก็เลยตบหัวสั่งสอน
ต่างกับ Google เป็นบริษัทประเทศเดียวกัน ยิ่งไม่มีจ๊อบส์แล้ว Apple ยิ่งไม่กล้าใหญ่ Google ขออะไรมาคงให้หมด อยากรู้จัง Google ขอ $30 สำหรับโทรศัพท์ และ $40 สำหรับแท็บเล็ตหรือเปล่า ถ้าจัดอย่างนั้น Apple คงบอก เอาไปเลย ไม่อยากจ่ายพันล้านเหมือน Samsung
ถ้าจ่าย$30 สำหรับโทรศัพท์ และ $40 สำหรับแท็บเล็ตแบบที่คุณว่ามา ไตรมาสที่แล้ว iPad ขายได้ 17.0 ล้านเครื่อง iPhone ทำไปได้ 26.0 ล้านเครื่อง รวมๆกันจ่าย1500ล้านดอลล่าร์ต่อไตรมาสเลยนะครับ ถ้าตีว่าทุกไตรมาสขายได้เท่านี้(ซึ่งในความเป็นจริงเป็นไปไม่ได้เพราะไตรมาสสุดท้ายจะมีการจับจ่ายเยอะมากของฝรั่ง)ปีนึงก็6000ล้านดอลล่าร์ ผมว่าแอปเปิ้ลน่าจะไม่ยอมจ่ายมากขนาดนั้นหรอก
ครับ คำนวนได้ใกล้กันครับ เรื่อง $30 $40 ถ้าคุณตามข่าวจะจำได้ว่า Apple เป็นคนจัดให้ Samsung เอง ซึ่งมันเยอะมาก แค่ยอดขาย Samsung ที่น้อยกว่า Apple คำนวนคร่าว ๆ ยังจะ 2 พันล้านแล้ว ซึ่งมันเป็นการขูดรีดเพื่อบีบให้ Samsung ไปขึ้นศาล เรียกได้ว่าไม่ยอมเจรจา ไม่ยอมปราณี เพราะเจตนากีดกันคู่แข่งอย่างเดียว ต่างจาก Google ที่ไม่มีเจตนาแบบนั้น เพราะคนดี ๆ ย่อมไม่ทำในสิ่งที่ตนเห็นว่าขัดกับคุณธรรมกับจริยธรรมของตัวเอง ถึงจะโดนละเมิดก็ยังเปิดโอกาสให้ตกลงกันได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Google ให้ความสำคัญในเรื่อง CG กับ CSR ที่บริษัทใหม่ ๆ นั้นมักจะมี ต่างกับบริษัทที่ดำเนินกิจการมานาน มักละเลยเรื่องเหล่านี้ มุ่งแต่จะหากำไรสูงสุดให้กับเจ้าของอย่างเดียว โดยไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดกับผู้ใดเลย คาดว่าปิระมิด CSR ของ คาร์โรล Apple คงไม่รู้จัก เพราะมันเป็นสามเหลี่ยม....: )
เพราะจ๊อบทำแต่เรื่องไม่ดีก็เลยกลายเป็นยักษ์ ชาติหน้า ผู้ก่อตั้งกูเกิลคงเกิดเป็นเทพบุตร แหง ๆ
คุณตีค่าว่า $30 ต่อเครื่องเรียกว่าขูดรีดแล้วคุณคิดว่าต้องราคาเท่าใดจึงจะเหมาะสมครับ ? ราคานั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ? หรือคุณใช้แค่ความรู้สึกเปรียบเทียบกับค่าปรับกรณีอื่น ๆ ?
ศาลตัดสินให้ Samsung จ่ายค่าชดเชยให้กับ Apple 1,000 ล้านดอลล่าร์ คุณคิดว่าเป็นราคาที่เหมาะสมหรือไม่ ? หากกระทั่งสิ่งที่ผ่านการพิจารณาโดยกระบวนการยุติธรรมของประเทศที่ได้ชื่อว่ามีความน่าเชื่อถือเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกประเทศหนึ่งนั้นยังไม่ตรงกับสิ่งที่คุณคิดว่าเหมาะสม ผมเองก็อยากรู้เป็นอย่างยิ่งครับว่าราคาที่คุณคิดว่าเหมาะสมนั้นคิดมาจากอะไร
คนเราให้คุณค่าของสิ่งต่าง ๆ ไม่เท่ากันโดยเฉพาะสิ่งที่ไม่สามารถวัดราคาออกมาเชิงปริมาณได้ เช่น กระเป๋าถือผู้หญิงยี่ห้อหนึ่งราคา 300,000 บาท อีกยี่ห้อหนึ่ง 30,000 บาท ส่วนของก็อปขายในตลาดราคา 3,000 บาท ทำไมผู้หญิงบางคนบอกว่า 300,000 บาทไม่แพงคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้ บางคนบอกว่า 30,000 บาทก็พอ 300,000 บาทดูเกินไป ส่วนอีกคนบอกว่า 3,000 บาทนี่แหละเป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับกระเป๋าเพราะเอาแค่ไว้ใส่ของ เป็นต้น คนทุกคนย่อมให้ราคาค่างวดของสิ่งของตัวเองมากกว่าที่คนอื่นให้อยู่แล้ว คนได้เงินย่อมอยากได้มากที่สุด คนเสียเงินย่อมอยากเสียน้อยที่สุด มันเป็นเรื่องธรรมดาของธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องคุณงามความดีจริยธรรมอะไรทั้งนั้น
ผมว่าคนบางคนที่มองว่า Apple ไม่ดีไม่ว่าอย่างไรก็คงมองว่า Apple ไม่ดีอยู่วันยังค่ำ แม้ว่าจะฟ้องร้องไม่ให้มีการวางจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่ "ลอก" ของตัวเองมาอย่างชัดเจนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท ก็ยังมีคนมองว่าการกระทำแบบนี้ "ไม่ดี" อยู่อีก สรุปว่าเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองที่จะได้ซื้อโทรศัพท์มือถือราคาถูก Apple ต้องยอมเจรจากับ Samsung แม้ว่า Samsung จะออกโทรศัพท์ที่รูปร่างหน้าตาเหมือน iPhone มาขายอย่างหน้าตาเฉยกระนั้นหรือ ? ทำไม "ต้อง" เจรจาแล้วจะเป็นฝ่ายดีถ้าไม่เจรจาจะเป็นฝ่ายไม่ดี ? ผมว่าคิดแบบนี้มันแปลก ทำไมถึงไม่คิดว่าฝ่ายที่ "ลอก" เป็นฝ่ายที่ไม่ดีแต่กลับคิดว่าฝ่ายที่ถูกลอกแล้วไม่ยอมเจรจากลายเป็นฝ่ายที่ไม่ดีเสียอย่างนั้น
Google เป็นคนดีต้องการยุติสงครามสิทธิบัตร (อ่านใจ Google กันได้หมด) ฟ้องร้องไม่ได้ต้องการเงินแต่ต้องการเจรจา (รู้ได้อย่างไรในเมื่อเหตุการณ์ยังไม่ไปถึงขั้นนั้น ??)
Apple ไม่ดี ผลงานของตัวเองก็ลอก design คนอื่นมาเหมือนกันทำไมต้องมาฟ้องกีดกัน Samsung (ผมอยากจะรู้เหลือเกินว่าที่หลายคนว่า Apple ไปลอกคนอื่นมานี่ไปลอกใครมาเห็นพูดกันจัง ช่วยส่ง mail ไปแจ้งให้เขามารีบฟ้อง Apple ทีครับเผื่อจะได้ส่วนแบ่งสัก 1%)
ส่วนตัวผมไม่มีปัญหากับการที่คนจะชอบหรือเกลียด Apple หรือบริษัทไหน ๆ นะครับแต่ผมรู้สึกว่าการคิดไปเองเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างออกนอกหน้าโดยที่ไม่มีหลักฐาน อ่านเจตนาออกทะลุปรุโปร่ง รู้หมดว่าเขาเจรจากันหรือไม่เจรจากันทั้ง ๆ ที่ไม่มีข่าวออกมา รู้หมดว่าบริษัทบริหารงานโดยคนดีมีจริยธรรมคุณธรรม ผมว่ามันเหมือนกับการสร้างภาพในอุดมคติขึ้นมาเข้าข้างตัวเองเกินไปนะ
That is the way things are.
1 bn น้อยกกว่าที่ apple เรียก 2.5 bn มากว่าครึ่งนะครับ ...
ตอน apple / Samsung เจรจากัน คงไม่ใด้ 50% off แบบนี้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ใช่ครับ ผมอ่านใจ google ได้ (เอ๊าา งงใช่ม๊าาา)
ตอน apple ฟ้อง samsung ก็หวังผลการเจรจาเหมือนกันครับ แต่เจรจาไม่ลงตัวไงครับเลยจบด้วยการต่อสู้อย่างถึงที่สุด
กรณี moto ฟ้อง apple ก็เหมือนกัน เขาก็ต้องหวังผลเจรจาก่อนครับ ถ้าเจรจาไม่ได้ผลก็ดำเนินการต่อ
นี่เป็นเรื่องปกติที่สุดเลยไม่ใช่หรือครับ?
แต่ยังไงก็ตามมันเป็นการวิเคราะห์ และคุยกันครับ อาจจะผิดหรือถูกก็ได้นิครับ มันก็เป็นเรื่องปกติของการมานั่งวิจารณ์ข่าวกัน และการเลือกข้างที่ชอบ มันก็เป็นเรื่องปกติเหลือเกิน
ส่วนที่คุณถามว่า (ผมอยากจะรู้เหลือเกินว่าที่หลายคนว่า Apple ไปลอกคนอื่นมานี่ไปลอกใครมาเห็นพูดกันจัง)
ผมตอบได้อย่างเดียวว่า อคติ ทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว ครับ (อันนี้ผมก็ก๊อปจากข้างบนมา)
ปล* ผมอ่านบรรทัดนี้หลายรอบและงงตัวเอง ผมเข้าใจว่าสิ่งที่อยู่ในวงเล็บคือคำพูดของคุณน่ะครับ ถ้าผมเข้าใจผิดก็ช่วยแจ้งกลับด้วยครับ - -!
คุณสามารถยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ Apple ไปลอก design มาให้ผมดูได้เลยครับ (scope ใน comment ผมคืองาน design) ผมยังไม่เคยเห็นใครยกตัวอย่างได้สักคน ในทางกลับกันผมเห็นคนบอกว่า Samsung ลอก design จาก Apple แล้วยังไงเพราะ Apple ก็ไปลอกคนอื่นมาเต็มไปหมด ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดที่ blognone เน้นการคุยกันด้วยหลักฐานไม่ใช่หรือครับ ?
ส่วนเรื่องการเจรจาผมเห็นด้วยกับคุณทุกประการครับ ผมถึงได้สงสัยว่าทำไมพอ Apple ฟ้องหลายคนมองว่า Apple ไม่ดีเพราะไม่ยอมเจรจาแต่พอ Google ฟ้องผ่าน Motorola หลายคนกลับบอกว่า Google ทำไปเพราะต้องการเจรจาดังนั้นไม่ผิด ผมถึงได้บอกไงครับว่าทำไมมุมมองของคนเราต่อการกระทำที่คล้ายคลึงกันของทั้ง 2 บริษัทนี้ถึงต่างกันอย่างสิ้นเชิงแบบนี้
That is the way things are.
ถ้าพูดแค่ scope ว่าเฉพาะส่วน design ว่าแอ๊ปเปิ้ลลอกมาเนี่ย คงไม่มี(มั้งเท่าที่ผมรู้ และผมยอมรับว่าผมเข้าใจผิดไปจริงๆ ผมนึกว่าพูดถึงเรื่อง software ด้วย ;))
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องขอบมนๆ มีปุ่มด้านล่างกลางจอเนี่ย แอ๊ปเปิ้ลไม่ใช่คนทำคนแรกแน่นอนครับ
ส่วนที่ว่าบางคนมองว่า google เป็นอย่างนึง apple เป็นอย่างนึง อย่าสงสัย ทุกคนมีความชอบในหัวใจครับ ประกอปกับข้อมูลต่างๆที่แต่ละคนได้รับ ทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจให้บริษัทไหนก็ได้เป็น evil หรือไม่ในสายตาตัวเอง
แต่ถ้าถามเฉพาะผม ผมมองว่า apple คือคนที่โจมตีก่อน และสิทธิบัตรบางอย่างมันก็ตีความได้กว้างเกินไป ทำให้ง่ายต่อการมองว่า apple คือ evil
ลองนึกถึงบริษัทที่จดสิทธิบัตรแบบกว้างๆเพื่อนำมาฟ้องหาเงินเข้ากระเป๋าอย่างเดียวสิครับ ถ้าคุณอ่าน blognone มาตลอดคุณก็จะเห็นข่าวแบบนี้เป็นระยะ
google ที่เป็นบริษัทเกิดใหม่ มีสิทธิบัตรในมือน้อยเลยซื้อ moto เพราะอยากได้ของคุ้มกาย แต่ด้วยความที่ว่า google เคยประกาศว่าจะไม่ใช้สิทธิบัตรในการโจมตีคนอื่น(แต่ศาสดา appleกล่าวไว้ว่า จะโยนนิวเคลียร์ใส่คนอื่น) ผมจึงเลือกเชื่อสิ่งที่ google กล่าวออกมาก่อน ว่าการที่ google โจมตี apple เพื่อต้องการหยุดปัญหาทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อก่อสงครามที่ใหญ่กว่าเดิม
แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันผลิกผัน google ไล่บี้โจมตี apple ไม่หยุด แถมยังลามไปโจมตีบริษัทอื่นแบบไร้เหตุผลด้วย
ค่อยมาทบทวนจุดยืนกันใหม่ครับ
แต่ในวันนี้ผมก็เลือกข้างเชียร์แล้ว และเหตุการณ์ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ก็เฮฮาไปตามประสาครับ ;)
smart cover, notification center
ส่วนใหญ่มองว่า apple ไม่ดีเพราะเริ่มก่อน พอ Google ฟ้องเค้ามองว่าเป็นการเอาคืนจึงมองแค่กลางๆ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
Konfabulator ให้อีกตัวครับ
ค่าปรับที่สมเหตุสมผล น่าจะมาจาก"ค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิด+ค่าของสิ่งที่ถูกละเมิด+ค่าชดใช้การละเมิด"ครับ
คุณมองว่าการละเมิดดีไซน์ของซัมซุงในแต่ละเครื่อง มีมูลค่า+สร้างความเสียหายให้ไอโฟน+สมควรชดใช้ 30U$ ต่อเครื่องเหรอครับ? ถ้าคุณว่าเหมาะสม เพราะอะไรจึงเหมาะสม? การถามถึงความเหมาะสมต้องถามไปกลับนะครับ นอกจากคุณจะ"เชื่อมั่น"ในบริษัทนั้นๆจนไม่ต้องถามหาความเหมาะสมด้วยตัวเอง
เรียกมูลค่าความเสียหายที่เกินจริงทั้งที่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ยอมจ่าย ฟ้องเพื่อให้หมดสิทธิ์ขาย ของพวกนี้ทำไปทำไม? ผมว่าทุกคนมีสิทธิ์วิเคราะห์วิจารณ์ตราบที่ไม่ทำให้ใครเสียหายครับ ไม่ว่าจะอคติหรือไม่
ถ้าเราต้อง"รอ"จนเหตุการณ์ออกมาแล้วค่อย"คิด"ในทุกๆเรื่อง เราจะมีการ"คาดการณ์"เอาไว้ทำอะไรครับ?
ค่าปรับต้องเป็นเงินที่ Apple เสียหายจากการที่ซัมซุงละเมิดสิทธิบัตร แต่หัวหน้าลูกขุนกลับให้สัมภาษณ์ว่าอยากทำให้ซัมซุงหลาบจำ
ต้องบอกว่าผมไม่ได้คิดว่าค่าปรับเท่าไรจึงจะเรียกว่าเหมาะสมครับเพราะผมไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่จะสามารถประเมินความเสียหายตรงจุดนี้ได้ ซึ่งผมว่าคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่จะสามารถประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ของตัวเองที่ถูกต้อง ผมเคารพการตัดสินใจของฝ่ายที่เสียหาย ถ้าคนที่ถูกละเมิดบอกว่าต้องคิดค่าเสียหาย $30 ผมว่าเขาก็คงมีวิธีการประเมินคุณค่าของผลงานของตัวเองที่ละเอียดและครอบคลุมกว่าคนวงนอกอย่างผมแน่นอน ไม่ว่าเขาจะเรียกร้อง $10 $20 $30 $40 $50 ผมก็ยังคงเคารพการตัดสินใจของเขา ในขณะเดียวกันหากอีกฝ่ายคู่กรณีพิจารณาแล้วว่ามันแพงเกินไปผมก็ไม่มีปัญหาอีกเช่นกัน จะดำเนินการต่อรองเพื่อหาจุดที่เหมาะสมก็ว่ากันไป หากเจรจากันได้ก็ลงตัวแต่หากเจรจากันไม่ได้ก็ต้องให้คนกลางที่มีอำนาจเป็นผู้ตัดสิน และไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาในรูปแบบใดผมก็เคารพในคำตัดสินนั้น ๆ
คนเราจะวิเคราะห์วิจารณ์นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกครับ แต่การวิจารณ์นั้นต้องอยู่บนหลักเหตุผลและการเคารพผู้อื่นด้วย ไม่ใช่อิงแต่จริตของตนเองแต่เพียงอย่างเดียว แค่เห็นว่าเรียกเก็บแพงกว่าคนอื่นก็ตราหน้าว่าเขาเป็นฝ่ายเลวฝ่ายชั่ว ผมว่ามันก็เกินไป แต่ถ้ายังยืนยันที่จะวิจารณ์ในลักษณะนี้กันอยู่ผมก็คงไปห้ามอะไรไม่ได้เพราะเป็นสิทธิ์ของทุกคนอยู่แล้วครับ ผมก็คงจะทำได้แค่ยืนยันคำพูดเดิมว่า "มันเกินไป" เหมือนเดิม
การคาดการณ์คือการคาคคะเนสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามหลักฐานปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างมีเหตุผล เช่น หุ้นจะตกเพราะวิกฤติเศรษฐกิจยุโรป สึนามิจะมาเพราะแผ่นดินไหว เป็นต้น ส่วนการอ่านใจคือการคาดเดาเจตนาของอีกฝ่ายด้วยข้อมูลที่เรามีอยู่ เช่น นายคนนี้เงียบไม่พูดไม่จาเพราะโกรธอยู่ นายคนนี้คุยกับผู้หญิงคนอื่นเพราะอยากจะเข้าไปจีบ เป็นต้น ซึ่งมันอาจจะเพียงพอหรือไม่เพียงพอก็ได้แต่โดยมากมักจะไม่เพียงพอเพราะการเดาใจยากกว่าการคาดการณ์มาก ขนาดพ่อแม่ยังไม่สามารถจะเดาใจลูกได้เลยแล้วนับประสาอะไรกับเราที่จะไปเดาใจ Google
ผมจึงได้เน้นย้ำว่าการเดาใจแบบนั้นมันก็เป็นเพียงแค่มายาคติที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเคลือบสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบเท่านั้น
That is the way things are.
คุณ"ทำเป็นลืม"การฟ้องในรูปแบบแบนการขายของแอปเปิลไปรึเปล่าครับ?
แอปเปิลไม่ได้ทำแบบนี้ครั้งเดียว ซึ่งการกระทำแบบนี้ผิดทั้งมารยาทของตลาดและหลักธรรมาภิบาล คนที่อ่านข่าวแบบนี้แล้วจะมองว่าแอปเปิลทำตัวไม่ดีนี่คืออคติ?
ทำไมกูเกิลถึงจะไม่แบนไอโฟน บางคนอาจศึกษาวัฒนธรรมองค์กรของกูเกิลจนเชื่อว่ากูเกิลจะไม่ทำ Evil ส่วนผมเชื่อว่ากูเกิลจะไม่แบนเพราะไอโฟนเป็นแหล่งรายได้สำคัญของกูเกิลเช่นกัน แบบนี้ถือว่าคาดการณ์อยู่บนปัจจัยหรือไม่?
แล้วทำไมคุณไปตัดสินว่าคนอื่นตัดสินด้วยอคติ? สิ่งที่คุณตัดสินคนอื่นอยู่ ไม่ใช่มายาคติที่คุณเคลือบสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบหรือครับ?
@ คุณ zerocool ขอโทษที่มาตอบช้าน่ะครับพอดีไม่ว่างเลย
คำถามย่อหน้าที่ 1
ข้อ 1. $30 คำนวณคร่าว ๆ น่าจะมากกว่าสองพันล้าน ไม่ค่อยเหมาะสมครับ ความเหมาะสมน่าจะราว ๆ 10 - 20 แล้วแต่การต่อรอง
ข้อ 2. คุณ maytee ตอบอยู่ข้างล่างครับ
ข้อ 3. ครับใช้ความรู้สึกที่อ่านจากข่าวบริษัทอื่น ๆ ครับ เลยรู้สึกว่าแพงไป ทำให้วิเคราะห์ได้ว่าน่าจะเป็นเจตนาที่ไม่ต้องการเงินของ Apple แต่ต้องการฟ้องให้ศาลตัดสิน
คำถามย่อหน้าที่ 2
ข้อ 4. พันล้านผมว่าเหมาะสมครับ เพราะศาลก็เห็นว่าการออกแบบหน้าตา Look and Feel เท่านี้น่าจะมากกว่าปกติพอที่จะลงโทษให้ Samsung หลาบจำแล้วครับ คือผมคิดว่าศาลท่านจัดแพงกว่าปกติเพื่อลงโทษ ซึ่งดีแล้วครับ แต่ถ้าเทียบการราคาที่ Apple ตั้งนี้มันแพงไปสองถึงสามเท่าซึ่งศาลท่านก็ไม่เห็นด้วยครับ
คำถามย่อหน้าที่ 4
ข้อ 5. การปกป้องตัวเองไม่ผิดครับ แต่เจตนาที่ไม่ต้องการให้คู่แข่งทำธุรกิจ และใช้วิธีขัดขา มันไม่ผิดกฏหมาย แต่มันสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อบริษัทครับ (ภาพลักษณ์ของ Samsung แย่มากในสายตาผม แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำให้การทำแย่ ๆ ของ Apple ดูดีครับ)
ข้อ 6. ทำธุรกิจไม่ได้ปล้นฆ่ากัน ความดีไม่ดีน่าจะดูได้จากการกระทำครับ ผมไม่เคยบอกว่า Samsung เป็นเทวดา ผมยังเคยด่าว่า Samsung เป็นไอ้ขี้ลอก เพราะผมตาไม่มืดบอด เพราะผมเห็นการทำไม่ดีของทั้งสองฝ่าย แล้วพอเอาสิ่งไม่ดีที่ Apple ทำมาแสดงออกบ้างมันเป็นเรื่องต้องห้ามเหรอครับ? จริง ๆ แล้วถ้าไม่ใส่อารมณ์มากเพื่อปลุกกระแส มันก็เป็นเรื่องภายในของสองบริษัท ศาลท่านก็บอกให้จัดการกันเองให้ได้ แต่ก็ไม่ยอมกัน ซึ่งทั้งสองบริษัทก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาแต่กลับไม่สามารถพูดจากันได้ก็น่าจะเกิดจากความรู้สึกของ Apple ที่คิดว่าตัวเองมีความสัมพันธ์ที่เป็นนาย Samsung เป็นแค่ผู้รับจ้าง จะทำอะไรก็ได้ ผลลัพท์ที่ได้ศาลท่านก็ตัดสินให้อย่างยุติธรรม คือให้ Samsung จ่ายค่าปรับที่เยอะเป็นพิเศษ แต่ไม่เท่าที่ Apple ขอ
ประเด็นของผมไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายลอกเป็นฝ่ายดี ฝ่ายโดนลอกเป็นฝ่ายไม่ดีครับ ประเด็นของผมคือการต้องการแก้แค้นแบบรุนแรงไม่สนใจใครต่างหากที่มันไม่ดี ฝ่ายที่ดีก็คือฝ่ายที่มีความรู้สึกว่าอยากอยู่ร่วมกัน และคุยกันอย่างมีเหตุผลอย่าง Google นั้นต่างหากที่น่ายกย่องครับ
คำถามย่อหน้าที่ 5
ข้อ 7. ถ้า Google เปลี่ยนท่าทีมาทำแบบ Apple ผมก็จะด่า Google ครับ เพราะมันไม่ดี ไม่น่ายกย่องเลย ซึ่งผมก็ทำไปแล้วด้วย
ตอบเรื่องอคติครับ ผมยอมรับว่าผมมีอคติกับ Apple มานานกว่าตอนที่มาเป็นแฟนบอย Samsung อีก แต่ผมว่าผมก็มีเหตุผลทุกครั้งที่พูด แต่มันอาจตรงเกินไปแฟน Apple อาจไม่ชอบใจ (เพราะเห็นว่ามันไม่มีเหตุผล ด้วยอคติของการเป็นแฟนบอยของแต่ละท่านเอง) แต่ผมก็ไม่รู้จะเสนอยังไงไม่ให้มันตรงแล้วยังรักษาใจความให้เข้าใจตรงกันได้ และผมชอบเสนอความเห็นเพื่อที่จะได้เรียนรู้ ถ้าจะบอกว่าไม่ต้องเสนอความเห็นที่ไร้เหตุผล (ที่เกิดจากความไม่ถูกจริต ไม่ตรงใจท่าน) ผมว่ามันเป็นการขอมากไป เพราะผมไม่สามารถรู้ได้ว่าอันไหนถูกใจไม่ถูกใจใคร เอาเป็นว่าถ้าความเห็นของผมมันผิด ขอให้กรุณาสละเวลาให้เหตุผลมา ผมจะได้นำไปคิดและพัฒนาตัวเองดีกว่าน่ะครับ
ด้วยความเคารพ
+1
ตอบได้ชัดเจนดีครับ
ส่วนตัวผมคิดว่าการถูกละเมิดสิทธิบัตรทางเทคโนโลยีนั้นมีเหตุผลสมควรแก่การเจรจายอมความเรียกเก็บค่าใช้งานสิทธิบัตรไม่จำเป็นต้องระงับการขายสินค้า เพราะการทำเช่นนี้จะได้ประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและวงการโดยรวม แต่ในทางกลับกันการลอกเลียนแบบอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์นั้นผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ยอมความไม่ได้ เจตนาของการกระทำเช่นนี้มันแสดงออกมาอย่างเด่นชัดว่าเป็นไปเพื่อความเห็นแก่ตัวเพียงอย่างเดียวไม่ได้มีความจำเป็นด้านอื่นเลย ดังนั้นในกรณีคดีความระหว่าง Apple กับ Samsung ที่คณะลูกขุนเพิ่งลงมติไปนั้นผมจึงเห็นว่าการที่ Apple พยายามที่จะระงับการขายสินค้าของ Samsung บางรุ่นนั้นเป็นเรื่องปกติอันพึงกระทำ ไม่ได้เป็นการกระทำที่ชั่วร้ายอย่างที่คุณได้พูดไว้ใน comment ก่อนหน้าแต่อย่างใด
ยอมรับว่าตอนผมอ่าน comment ก่อนหน้าของคุณครั้งแรกแล้วค่อนข้างขุ่นใจครับ แต่พอได้อ่านคำอธิบายเพิ่มเติมแล้วก็รู้สึกเข้าใจมากขึ้น ต้องขออภัยด้วยที่มาตอบช้าเพราะว่าพอดีไม่ได้เข้าบ้านและไม่สะดวกพิมพ์จาก iPhone เท่าไรนัก
ผมไม่ใช่ fanboy Apple อย่างที่หลายคนเข้าใจแต่ผมมักจะเขียน comment ที่เหมือนกับเข้าข้าง Apple บ่อย ๆ อยู่ที่นี่เพราะผมต้องการชี้เหตุผลให้ฝ่าย anti ได้ลองดูและคิดในด้านอื่นดูบ้าง ซึ่งโดยส่วนมากผมมักจะมีปัญหากับคนที่ไม่ชอบ Apple เพราะเรื่องหนึ่งแต่พอเป็นบริษัทอื่นทำเรื่องในทำนองเดียวกันบ้างกลับบอกว่าไม่เป็นอะไรมากกว่า อันนี้ผมว่ามันไม่ใช่่เหตุผลแต่เป็นการเลือกข้าง
That is the way things are.
ที่เรียกแพงคือค่า design ครับ ประมาณ $24 ต่อเครื่อง ส่วนสิทธิบัตรอื่น เรียกประมาณ $2 ต่อเครื่องต่อสิทธิบัตร
ที่ apple ต้องจ่ายโมโต ไม่น่าจะแพงไปกว่าที่ samsung htc จ่ายให้ ms $10-12 นะ
ไม่แปลกใจครับ...เพราะเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ license ส่วนใหญ่อยู่กับ Nokia + Motorola ถ้า apple สู้่ไปก็มีแต่แพ้ครับ ทางที่ดีจับมือจูบปากกันซะก็จบแล้ว Win-Win
+1 ครับผมเห็นด้วยเรื่องนี้ สองเจ้านั้นขาใหญ่วงการนี้มานาน พัฒนามาก่อนคงมีสิทธืบัตรพื้นฐานไว้เป็นเข่งๆ
+1 เลยครับ รู้ว่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้
ดีแล้ว
เลือดข้นกว่าน้ำ ยังไงก็เป็นอเมริกันเหมือนกัน
google ไม่ใจอย่างนี้ สาวกเซ็ง
สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร
สงสัย google เอายาแรงมาขู่
เช่น ... อะไรน๊ะ อยากเห็น iPhone 5S มีเสาเหรอ
ถ้ามีแบบนี้จริงก็ดีนะค่ะ อินดี้ดี
ถ้าละเมิดจริงแล้วจ่าย มันก็ถูกต้องแล้วมิใช่หรือ!?! สู้ไปก็แพ้
มันน่าสนใจตรงที่ สายเลือดนักสู้เกาหลีมักไม่ชอบยอมชาวมะกัน ผิดกับชาติมะกันก็ต่างร่วมมือกันดี ถือเป็นเคสที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
Coder | Designer | Thinker | Blogger
สู้ไปก็แพ้ Apple ตัดสินใจถูกต้องแล้ว แต่น่าแปลกใจที่กูเกิ้ลยอมตกลงเงื่อนไขด้วยเพราะ Apple ก็จัดไปก่อนหลายดอกแล้ว หรือว่าอาจจะรอจัดที่อเมริกาที่เดียวไปเลย
ผมว่า 2 บริษัทนี้เค้าไม่แตกหักกันรุนแรงหรอกครับ ความสัมพันธ์น่าจะดีขึ้นหลังจ๊อบไม่อยู่ ส่วนมากที่ทะเลาะ ๆ กันอารมณ์แฟน ๆ ทั้ง 2 ฝ้ายเชียร์กันมากกว่า
+1
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
พ่อแง่ แม่งอน พอพายุเข้าหน่อย ฟ้าผ่าต้นมะพร้าวหักโค่น กระท่อมปลายนาก็จะกลายเป็นรังรักของทั้งสอง...
แอบเป็นกิ๊กกันอยู่ใช่มะ 555
เอาเงินที่ได้จากซัมซุงมาจ่าย เหอๆ
จริงๆผมว่ามันต่างจากกรณี Samsung อยู่หน่อยตรงที่ต้นเหตุนี่หละ เรื่องเจรจาขอใช้สิทธิบัตรแล้วจ่าย license เป็นอะไรที่ทำกันเป็นปกติอยู่แล้วของชาติเค้า แต่ในกรณี Samsung ที่ฟ้องนี่ไม่ใช่เรื่องขอแชร์สิทธิบัตร แต่เป็นการลอกดีไซน์ แอปเปิลเลยสั่งสอนพวกขี้ลอกให้โลกดูโดยการสู้เอาให้ตายละมั้งครับ
Technology is so fast!
ไม่อะ apple เรียกสูงไปมาก โดยเรียก 2.5 bn พอฟ้องกันเสร็จออกมา 1 bn สรุป Samsung แพ้ ... แต่ก็จ่ายนอยกว่าที่ apple เรียกเยอะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เงินพันล้านเหรียญมันไ่ม่สำคัญอะไรเท่ากับเสียศักดิศรีโดนเค้าด่าว่าเป็นขี้ลอกครับ ซัมซุงก็เสียหน้าไปไม่น้อยครับจากงานนี้
Technology is so fast!
ไม่โดนฟ้องแล้วไม่มีคนดูออกว่าลอกเหรอครับ....
ผมว่าซัมซุงไม่ได้สนเรื่องศักดิ์ศรีแต่แรกแล้วละ ใช้ยุทธศาสตร์ผู้ตามแบบเน้นๆเลย ใช้เอกลักษณ์ของไอโฟนโหนตัวเองขึ้นมา
ตอนนี้ติดตลาดแล้ว พันล้านนี่ถือเป็นค่าโหนตลาด+สร้างชื่อให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไอโฟน ผมว่าก็คุ้มอยู่นะ
ไม่ใช่คุ้มอยู่หรอกครับ แต่คุ้มมากต่างหาก เพราะต่อไปเรื่องลอกๆอะไรเดี๋ยวเขาก็ลืมกันไปเอง แต่ชื่อเสียงมันอยู่นานกว่า ขนาด mark zuckerburg ยังไม่ค่อยมีใครสนเลยเวลาหักมุมมายังไง รู้ไปแค่เป็นความรู้ คนยังใช้เฟสกันต่อไป
ตอนผมเห็นข่าว S Launcher ผมยังคิดในใจเลยว่า พี่แกหน้าด้านไม่แคร์สื่อเลย - -!
วันนี้ดูสัมภาษณ์หัวหน้าลูกขุน Hogan เค้าอธิบายอย่างละเอียดถึงค่าปรับ แต่คดียังไม่สิ้นสุดตรงนี้ครับ เรื่องจะส่งต่อไปยังผู้พิพากษา และหากเห็นว่า Samsung ตั้งใจละเมิดจริง จะสามารถปรับมากกว่านี้ได้ครับ
ทำไมผมอ่านข่าวแล้วกลับได้ความว่า ค่าปรับต้องเป็นเงินที่ Apple เสียหายจากการที่ซัมซุงละเมิดสิทธิบัตร แต่หัวหน้าลูกขุนกลับให้สัมภาษณ์ว่าอยากทำให้ซัมซุงหลาบจำ
Basis ของการคิดค่าปรับก็ผิดแล้ว
หลังจากจบคดีฟ้องร้องของแต่ละบริษัทเหล่านี้
ทิศทาง Smart phone ของแต่ละค่ายน่าจะมีอะไรที่แหวกแนวมากขึ้น
เพราะไม่งั้นจะมีการฟ้องร้องอะไรแบบนี้กันอีก
ข่าวต่อไป : Apple แถลงว่า ซัมซุงไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับ Apple แต่ให้ไปจ่ายกับ Moto. แทน
Destination host unreachable!!!