บริษัทวิจัยตลาดมือถือ Canalys เผยสถิติยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกประจำไตรมาสที่สองของปี 2012

• ยอดขายรวมทั้งโลก 158.3 ล้านเครื่องต่อไตรมาส โตขึ้น 46.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
• Android ยังครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่ง 68.1% (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีส่วนแบ่ง 47.6%) ยอดขายโตขึ้น 110.4%
• iOS มาอันดับสอง 16.4% (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีส่วนแบ่ง 18.9%) ยอดขายโตขึ้น 28%
• BlackBerry อันดับสาม 5.4% (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 11.6%) ลดลง 32.1%
• Symbian อันดับสี่ 4.1% (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 16.8%) ลดลง 64.6%
• Windows Phone อันดับห้า 3.2% (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 1.2%) โตขึ้น 277.3%
• bada อันดับหก 2.1% (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 2.9%) โตขึ้น 5.1%

แต่ตลาดเฉพาะประเทศที่น่าจับตามองมากคือตลาดจีน มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ครับ

• ยอดขายรวมในประเทศจีน 42 ล้านเครื่องต่อไตรมาส โตขึ้น 199% จากปีก่อน และโตขึ้น 32% จากไตรมาสแรกของปี 2012
• ยอดขายของจีนประเทศเดียว คิดเป็น 27% ของตลาดโลกแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีส่วนแบ่ง 16% ของตลาดโลก
• ตลาดจีนเป็นของผู้ผลิตภายในประเทศไปซะ 60% หรือ 25.6 ล้านเครื่อง (และอัตราการเติบโตเฉพาะผู้ผลิตจีน 518%) ส่วนแบรนด์นอกมีส่วนแบ่ง 40% หรือ 16.7 ล้านเครื่อง (อัตราการเติบโตเฉพาะแบรนด์นอก 67%)

แยกตามแบรนด์

1. ซัมซุง 17%
2. ZTE (ไม่มีข้อมูลส่วนแบ่งตลาด) เติบโต 171% จากปีก่อน
3. Lenovo (ไม่มีข้อมูลส่วนแบ่งตลาด) เติบโต 2,665% จากปีก่อน
4. Huawei (ไม่มีข้อมูลส่วนแบ่งตลาด) เติบโต 252% จากปีก่อน
5. แอปเปิล (ไม่มีข้อมูลส่วนแบ่งตลาด) เติบโต 102% จากปีก่อน (แต่ลดลง 37% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี)

Canalys ให้เหตุผลว่าแบรนด์จีนเข้าใจผู้บริโภคภายในประเทศมากกว่า จึงประสบความสำเร็จมากกว่า และถึงแม้แบรนด์เกรดเออย่าง ZTE/Lenovo/Huawei จะทำยอดขายได้ดี จีนก็ยังมีแบรนด์เกรดรองลงมาอย่าง Oppo/K-Touch/Gionee ที่มาแรงในเมืองรอบนอกที่ไม่ใช่เมืองใหญ่ของจีนเช่นกัน

แบรน์ผู้ผลิตมือถือที่เริ่มหลุดวงโคจรในจีนคือโนเกีย ยอดขายเป็นจำนวนเครื่องลดลงถึง 47% ในไตรมาสนี้ และโมโตโรลาที่ยอดขายลดลงไปมาก (แต่ไม่เปิดเผยตัวเลข) ส่วนแบรนด์อื่นที่น่าจับตาคือ HTC ทำยอดขายได้เพิ่ม 389% ด้วยมือถือที่ตั้งใจมาเจาะตลาดจีนอย่าง Desire V เพียงแต่ยังไม่เข้ามาติดชาร์ท 5 อันดับแรกเท่านั้น

ถ้าคิดแยกตามระบบปฏิบัติการ Android มีส่วนแบ่งในตลาดจีนสูงถึง 81% ในไตรมาสนี้ ส่วนตลาดโลกก็ทะลุหลัก 2/3 คือขึ้นมาอยู่ที่ 68.1% ตามที่เขียนไปแล้วข้างบน

ที่มา - Canalyst