iPad Air รุ่นใหม่ชิป M2 จะเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าในอเมริกาตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ซึ่งมีสื่อได้รับเครื่องไปทดสอบใช้งานและเผยแพร่รีวิวกันออกมาแล้ว

ในภาพรวมนั้น iPad Air มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือมี 2 รุ่นย่อยตามขนาดหน้าจอคือ 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว ได้ชิป M2 ส่วนหน้าจอเป็น Liquid Retina แบ็คไลท์แบบ LED ไม่ได้เป็น OLED แบบ iPad Pro

Nathan Ingraham จาก Engadget มองว่า iPad Air จอ 13 นิ้ว คือตัวเลือกที่ดีมาก สำหรับคนต้องการจอใหญ่ แต่ไม่ต้องการจ่ายแพงเป็นรุ่น Pro, ชิป M2 จะเห็นความเร็วมากขึ้นชัดเจนถ้าใช้ iPad Air รุ่นเก่า แต่ถ้าปัจจุบันใช้ M1 จะไม่เห็นความต่างนัก, หน้าจอไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้า ไม่รองรับเฟรมเรตสูงและ ProMotion ซึ่งเป็นข้อด้อย, กล้องหน้าย้ายตำแหน่งมาแนวนอน จะช่วยให้ผู้ใช้งานเห็นกรณีที่ดีขึ้นในการวิดีโอคอลผ่าน iPad

Scott Stein จาก CNET บอกว่าจากนี้คำว่า Air ใน iPad Air ก็ดูไม่สื่อความหมายแล้ว เพราะความหนาและน้ำหนักนั้นมากกว่า iPad Pro ซึ่งตรงกันข้ามกับ MacBook ที่ยังมีลักษณะเป็นไปตามชื่อ ส่วนคำแนะนำโดยรวมนั้น iPad Air เป็นตัวเลือกสำหรับคนต้องการ iPad สเป็ก Pro แต่ไม่ต้องการจ่ายแพงเพื่อซื้อ iPad Pro แต่ต้องระวัง หากเลือกรุ่นความจุสูงบวกเป็น Cellular ราคาก็ยังเป็นน้อง ๆ iPad Pro อยู่ดี

Andrew Cunningham จาก ArsTechnica บอกว่าแม้ iPad Air จะใช้ชิปเก่า M2 ซึ่งไม่ใหม่เท่า M3, M4 ตัวล่าสุด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมากพอแล้วสำหรับการใช้งาน iPad ในกรณีทั่ว ๆ ไป ซึ่งอันที่จริงแอปเปิลได้ข้ามเส้นนี้ไปตั้งแต่ iPad รุ่น M1 แล้ว

สุดท้ายคือ David Pierce จาก The Verge พูดถึงราคาของ iPad Air ว่าจัดเป็นรุ่นที่ได้สเป็กทุกอย่างกลาง ๆ ไม่ดีที่สุด ไม่น้อยที่สุด คนซื้อจึงควรพิจารณาว่าจะนำ iPad มาทำอะไร เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับ iPad Air โดยมองว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ทั่วไป iPad 10th Gen ที่เพิ่งลดราคาเริ่มต้น 13,900 บาท คือตัวเลือกที่น่าสนใจ ส่วน iPad Air นั้น อาจเรียกได้ว่าเป็น iPad Pro เก่าที่ลดราคา