หลังแอปเปิลประกาศผลประกอบไตรมาสล่าสุดซึ่งเติบโตดีต่อเนื่อง และนักวิเคราะห์ต่างมองว่าแอปเปิลยังมีพื้นที่ให้เติบโตได้อีกมาก ตัวชี้วัดหนึ่งก็คือราคาหุ้นของแอปเปิลเอง ซึ่งล่าสุดได้ทำสถิติราคาสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ $403.41 ไปเรียบร้อยแล้ว
ที่ราคาดังกล่าวทำให้มูลค่ากิจการตามราคาหุ้นในตลาดของแอปเปิลขณะนี้อยู่ที่ 3.74 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่มูลค่ากิจการของ Exxon Mobil บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกปัจจุบันนั้นอยู่ที่ 4.16 แสนล้านดอลลาร์ ห่างกันอยู่ 4.16 หมื่นล้านดอลลาร์ ถ้าหากดูอัตราการเติบโตย้อนหลัง 5 ปี ก็จะเห็นว่าโอกาสที่แอปเปิลจะขึ้นเป็นบริษัทมูลค่าสูงที่สุดในโลกนั้นใกล้เข้ามาแล้ว
อัตราผลตอบแทนหุ้น 5 ปีย้อนหลัง XOM (Exxon Mobil) และ AAPL (Apple)
แอปเปิลเคยอยู่ในสภาวะเกือบล้มละลายจนได้สตีฟ จ็อบส์กลับเข้ามาทำงานในปี 1997 ซึ่งหุ้นแอปเปิลขณะนั้นมีมูลค่าเพียง $5.48 เท่านั้น และใช้เวลา 14 ปีกับสินค้าหลัก 4 รายการอย่าง Mac, iPod, iPhone และล่าสุด iPad ในการส่งให้บริษัทเป็นว่าที่บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก รวมถึงทำให้อดีตยักษ์ใหญ่ในวงการโทรศัพท์มือถืออย่างโนเกียและ RIM อยู่ในสภาวะที่ยากลำบากในปีนี้
นอกจากนี้ที่มูลค่ากิจการของแอปเปิลปัจจุบันนั้นก็สูงกว่าไมโครซอฟท์ (2.35 แสนล้าน) และอินเทล (1.21 แสนล้าน) รวมกันเสียอีก ซึ่งปีที่แล้วแอปเปิลเองก็เพิ่งแซงหน้าไมโครซอฟท์ไปในฐานะบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก การเติบโตแบบติดจรวดนี้ก็เคยมีคนคาดไว้ว่าแอปเปิลจะเป็นบริษัทล้าน-ล้านแห่งแรกของโลกด้วยซ้ำ
ที่มา: Bloomberg และกราฟจาก Google Finance
Comments
จะซื้อหุ้นนึงนี่... ต้องเอาโน๊ตบุ๊คไปขายเลย เหอๆ
iPAtS
ผมรอซื้อหุ้น Exteen นะฮะ #ห๊ะ
ขายราคาเดียวกะหุ้นแอปเปิ้ลเลยฮะ :D
iPAtS
ขอจ่ายด้วยร่างกาย
5555
ผมรอ Blognone เข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่ะ
อยากเห็น nokia ทำได้แบบ apple บ้าง
Nokia เคยทำได้คล้ายๆ กันแต่ไม่เท่านี้ครับ 1996-2000 หุ้นขึ้นมา 20 เท่า
RIM นี่ผมรู้จักแต่ BB แฮะ ก็เห็นว่ามีช่วงเวลาแค่ไม่กี่ปีเท่านั้นเองไม่เกิน 6 ปีหรือเปล่าครับถ้าจำไม่ผิด
ไปหาหุ้น มือปืนรับจ้างของ แอบเปิ้ลถือไปพลางๆก่อน
บร๊ะเจ้า!
สุดยอด แถมไม่แตกหุ่นด้วย
ชักสงสัยว่ามูลค่าหุ้นที่เหมาะสมมันได้ขนาดนี้จริงๆเหรอเนี่ย(เหนือกว่าบริษัทน้ำมัน สุดๆเลย) กลัวจะเหมือนหุ้นไทยที่หลายตัวโดนปั่นราคาขึ้นไปสูงๆเกินกว่ามูลค่าจริงๆของมันหลายเท่าแล้วค่อยเทขายอย่างหนักจนเม่าติดดอยกันเต็มไปหมด มีรายงานข่าวที่ไหนที่วิเคราะห์ตรงนี้บ้างมั้ยครับเนี่ย
ถ้าจะลงกับบริษัท IT ก็ต้องยอมรับครับว่ามันเป็นแมงเม่าอย่างแน่นอน ทุกคนมีจุดประสงค์ใกล้เคียงกันคือเก็งกำไร รอฟองสบู่ อย่างตอนนี้ที่หน้าแตกกันเป็นแถวคือคนที่เข้าไปซื้อหุ้นโนเกียเมื่อสองไตรมาสที่แล้ว ที่คิดว่าโนเกียจะเด้งขึ้นมาได้ แต่กลับตกลงไปเรื่อย ๆ พอมาถึงตรงนี้ก็ไม่กล้าขายกันแล้ว
สรุป บริษัท IT ชัวร์สุดซื้อช่วง IPO ครับ (มุมมองผมนะ การลงทุนมีความเสี่ยง)
@TonsTweetings
+1 ผมเห็นด้วยที่บอกว่าราคาสูงกว่าความเป็นจริงเพราะการเก็งกำไรคับ
แต่พอผมไปหาข้อมูล Earnings per Share แต่ละไตรมาสของบริษัทแอปเปิลกลับพบว่ามันน่าสนใจมาก!
http://ycharts.com/companies/AAPL/eps
positivity
ต้องดูหลายๆอย่างประกอบกันนะครับ ทั้งเรื่องรายได้ การเติบโต กำไร และอื่นๆ ถ้าการเติบโต รายได้อะไรต่างๆมันจับต้องได้จริง และแนวโน้มในอนาคตดีก็ไม่ต้องไปกลัวมากมายหรอกครับ (ข้ามไปอ่านย่อหน้าสุดท้ายได้เลยครับ พิมพ์เพลิน)
แต่ว่าหุ้นไอทีความน่ากลัวก็คือมันผูกอยู่กับกระแสมากๆ เนื่องจากธุรกิจลักษณะนี้มันจะอยู่เดี่ยวๆไม่ได้ มันต้องมีสภาพแวดล้อมอื่นๆมาเสริมเช่น แอนดรอยก็ต้องมีบริษัทอื่นนำไปลงเครื่อง ทำรอมดีๆให้ใส่สเปกดีๆให้ ต้องมีนักพัฒนาโปรแกรมมาทำโปรแกรมต่างๆรองรับการใช้งานต่างๆ หรืออาจต้องมีคนทำอุปกรณ์เสริมพิเศษบางอย่างออกมาเพื่อให้สามารถอยู่ในตลาดเฉพาะบางอย่างได้
หรือเฟสบุ๊คนั้นก็ต้องมีคนเข้ามาใช้ไม่ใช่แค่สิบคนยี่สิบคนแต่ต้องเป็นจำนวนมากๆเพราะโซเชียลเน็ตเวิรคถ้าคนน้อยก็จบ ต้องมีคนลงมาทำเกม ต้องมีผู้ใช้ที่สนุกกับการสร้างหรือทำควิสมาแชร์กันครับ ซึ่งสมมุติว่าอย่างใดอย่างนึงค่อยๆหายไป โดยไม่ได้เกิดจากความต้องการของเจ้าของธุรกิจเองก็จะส่งผลให้ ecosystem อื่นๆพังตามกันอย่างรวดเร็ว
เช่นโนเกียครับ หลังจากปี2007ที่ไอโฟนออกมา และกลายเป็นกระแสขนาดเล็กๆโดยเฉพาะเรื่องอินเตอเฟสที่เป็นชั้นเดียวเพื่อให้ใช้งานง่าย และการสัมผัสแบบไม่ใช้แรงกด ในขณะที่หลังจากนั้นโนเกียก็ยังไม่ได้ชูจุดเด่นอื่นๆขึ้นมาสักเท่าไหร่ ผลคือนักพัฒนาก็เริ่มลองพัฒนาโปรแกรมให้กับ iOS ซึ่งเนื่องจากเครื่องมือพัฒนาที่หน้าตาทันสมัย และการควบคุมคุณภาพแอพของแอปเปิลก็ทำให้กระแสของผู้ใช้มองไปที่ iOS ทำให้ผู้ผลิตรายอื่นๆพยายามสร้างแบบเดียวกันในแอนดรอย ทำให้กระแสถูกย้ายออกไปจากซิมเบียนอย่างรวดเร็ว ทั้งผู้ใช้ นักพัฒนา ผู้ผลิต เมื่อทั้งสามปัจจัยให้ความสำคัญกับโนเกียในลักษณะที่ "เป็นรองและเป็นของเก่า" แล้วไม่นานระบบนิเวศทุกอย่างก็ล้มอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่าโนเกียเหลือแต่ตลาดมือถือระดับล่างที่ผู้ใช้ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับระบบนิเวศครับ
ฟองสบู่ไอทีไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เพราะเป็นไปตามกระแสด้วย ซึ่งถ้านับรายได้และกำไรเทียบแอปเปิลกับExxon แล้วก็ถือว่าแอปเปิลใหญ่นะครับ แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าขนาดธุรกิจจะใหญ่กว่า Exxon ได้ในเร็วๆนี้หรอกครับ ส่วนเกินอื่นๆคือมูลค่าของกระแสซึ่งมีอยู่แล้วในทุกธุรกิจที่ไม่ได้ผูกขาดครับ แต่ถ้าไม่มากเกินไปและแนวโน้มยังดีก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่หรอกครับ
ถ้า Apple ได้เป็นบริษัทที่มีมูลค่าเยอะที่สุดในตลาด ก็เท่ากับมูลค่าของ Microsoft + Google รวมกันตอนนี้ จะรวยไปไหม? เอาเงินเก็บเหลือไปซื้อ ARM มาอีกบริษัทก็ครองโลกได้ล่ะ :D
http://www.google.com//finance?chdnp=1&chdd=1&chds=1&chdv=1&chvs=Linear&chdeh=0&chfdeh=0&chdet=1311741820463&chddm=995877&chls=IntervalBasedLine&cmpto=NASDAQ:MSFT;NASDAQ:GOOG&cmptdms=0;0&q=NASDAQ:AAPL&ntsp=0
ผมเข้าไปดูว่าเงินสดที่แต่ละบริษัทถืออยู่เยอะแค่ไหน พอเห็นของ Exxon, Chevron, Walmart, IBM แล้วก็รู้สึกว่าแอปเปิลไม่ได้ถือเงินเยอะเท่าไหร่นะครับ
ไม่ทราบเว็บไหน ช่วยบอกได้ไหมครับ อยากเข้าไปชมบ้าง
ตอนที่ข่าวบอกว่า Apple ถือเงินสดเยอะ เขาไม่ได้ดูแค่บรรทัด Cash & Equivalents น่ะครับ ถ้าดูแค่บรรทัดนี้ ก็จริงอย่างคุณบอกคือ Apple ไม่ได้เยอะกว่าคนอื่นเว่อร์ แต่เขาจะรวม Short-Long Investment ด้วย ซึ่งสามารถแปลงเป็นเงินสดได้เร็วเช่นกัน ถ้ารวมสองรายการนี้ด้วย จะเป็นดังนี้ครับ
Apple $76,156M
IBM $17,093M
Chevron $38,877M
Exxon $48,040M
Wal-Mart $9,440M
คงไม่ต้องซื้อ ARM เพราะ Apple ก็มีหุ้นของ ARM อยู่แล้วครับ ซื้อไว้นานแล้ว
ล้าน-ล้าน $ ใช่้มั้ยครับ ไม่ใช่บาทน๊ะ :)
5$-> 400$
80 เท่า!
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
นึกถึงคำเย้ยหยันของเดลล์ที่มีต่อแอปเปิ้ลในขณะนั้นกับสถานะของเดลล์ในวันนี้
ผมว่าเดดล์ก็ยังครอง ตลาดคอนซูเมอร์ที่แอปเปิลทำไม่ได้ เช่น ตลาดเซิฟเวอร์องค์กร
ถ้าลมเต็มแล้ว จะมีข่าวเยอะแบบนี้ไหมหน๋อ