อินเทลโชว์ต้นแบบของการส่งข้อมูลด้วยแสงเลเซอร์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Hybrid Silicon Laser มีอัตราการส่งข้อมูลสูงถึง 50Gbps (ในอนาคตจะพัฒนาได้สูงถึง 1Tbps ซึ่งเป็นตัวเลขตามทฤษฎี) สามารถส่งหนังแบบ HD ทั้งเรื่องได้ภายในเวลาน้อยกว่า 1 วินาที
อินเทลเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีนี้มาตั้งแต่ปี 2004 และคาดว่าจะพัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์จริงได้ภายในปี 2015 โดยมันจะถูกใช้แทนการส่งข้อมูลผ่านสายทองแดงในปัจจุบันซึ่งมีขีดจำกัดทางกายภาพอยู่ที่ 10Gbps
ก่อนหน้านี้อินเทลเคยโชว์เทคโนโลยี Light Peak ซึ่งทำความเร็วได้ 10Gbps และคนของอินเทลระบุว่าอนาคตจะนำสองเทคโนโลยีนี้มารวมกัน
ที่มา - Intel, Ars Technica, VentureBeat
Comments
มันก็มาคอขวดที่ storage device อยู่ดี
ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นตัวเร่งให้ I/O ของ Storage ทำงานได้เร็วขึ้นนะครับ
+1 ส่วนมากความเร็วที่เพิ่มขึ้นคือ ความเร็วในการ transport แต่ความเร็วในการ generate traffic กับบันทึก (read/write) ยังตามไม่ทันเท่าไหร่เลย สงสัยอนาคตคงเป็นของ storage แบบขนาน เช่น raid แน่เลย
SSD raid 0 >.<
ความจริงถ้ามันมี raid 0 built-in ก็คงจะดีนะครับ
มีมาให้เลยไม่ต้องมาเซ็ตเรดอีก
ไม่อยากจะคิดว่า ถ้านอนหลับไปสัก 30 ปี แล้วตื่นขึ้นมา โลกเราจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนนะ...?
ความจริง เทคโนโลยี ใหม่ก็มักจะทำให้ พี่ๆ น้องๆ(ชาวblognone) ตื่นเต้นได้เสมอ...
แต่! บางที ผมก็ชอบคิด... ว่า เทคโนโลยี ที่มีอยู่นี้ก็ ไม่รู้มีมากกว่าความต้องการ จริงๆ ของคนทั่วๆไป หรือไม่...
... เหมือน เวลาไปเดินห้างสรรพสินค้า ก็มักจะเจอ สินค้า มากมาย (ที่บวกราคาเกินจริง) มีหลอกล่อให้เราใช้ เงินอยู่ตลอดเวลา...
ล่าสุด ที่บ้าน "ไฟดับ+น้ำไม่ไหล" ทำให้รู้ถึง สัจจะธรรม ว่า สิ่งที่ ผมต้องการ จริงๆ คือ การได้ อาบน้ำ และ เข้านอน...
30 ปีโลกอาจจะเปลี่ยนแปลงไปเยอะครับ แต่ผมไม่ค่อยมั่นใจนักในส่วนของประเทศไทย
+1
ทำให้ผมนึกถึง Rip Van Winkle
แต่ถ้า storage ต่อเป็น raid ก็น่าจะช่วยได้แยะ
แหม.. ถ้าเร็วขนาดนั้นคงไม่ต้องใช้ storage แล้วมั๊ง
ปล. ชอบตรง "ไฟดับ+น้ำไม่ไหล" ทำให้รู้ถึง สัจจะธรรม
อิอิ อันนี้จริงครับ เทคโนโลยี+ความทันสมัย มันทำให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น
แต่ความสะดวกสบายไม่ได้ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นครับ (มันคนละเรื่องกัน)
ยกตัวอย่างเรามีรถเราก็ไปใหนมาใหนได้อย่างสะดวกสบาย เหมือนว่าเราน่าจะมีความสุข แต่ทันทีที่รถชนหรือรถหาย ทำไมหนอรถมันถึงสร้างความทุกข์ให้เราซะอย่างนั้น
ดังนั้นทุกวันนี้เทคโนโลยีจึงพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีที่สิ้นสุด
เพียงเพื่อหวังว่าเทคโนโลยีจะช่วยสร้างความสุขให้กับมนุษย์ได้ (ซึ่งแท้จริงไม่มีวันที่มันจะเป็นไปได้เลย)
เทคโนโลยีจริงๆก็เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้ตอบสนองความอยากของมุษย์เท่านั้นเอง
อิอิ.. ว่าซะยาวไม่ได้เกี่ยวกับแสงเลเซอร์เลยเรา
50 Gbps -..-
50 Gbps = 6 GB/s
หนัง HD(ที่เห็นตามเว็บบิต) 60 GB
แล้วมันจะเร็วกว่า 1 วิยังไงอะ? DVD พอว่า
May the Force Close be with you. || @nuttyi
จริงๆหนัง HD ที่ encode ใหม่แล้ว จะประมาณ 12-20 GB ครับ
HD = 720p
Full HD = 1080p
หนัง 720p ไม่ถึง 60GB แน่ๆ
ขนาดไฟล์ 720p กับ 1080p ต่างกัน ฟ้ากัวเหวมากๆ
ไฟล์ 720p ประมาณ 4GB ต่อเรื่อง
ถ้า 1080p ประมาณ 10GB กว่าๆ ต่อเรื่อง
โดยใช้ BD-Rip นะ
ใครข้อมูลแม่นกว่าก็แย้งได้ครับ
ต่างกัน 2.25 เท่าพื้นที่เก็บก็ต่างกันเท่านั้นก็ถูกแล้วนี่ครับ
lewcpe.com, @wasonliw
Blue-ray แผ่นละประมาณ 40-60GB
Full-rip อยู่ที่ประมาณ 40-60GB
BD-rip อยู่ที่ 4-21GB
เข้าใจว่า intel คงจะนำไปใช้ภายในคอมพิวเตอร์ ส่งข้อมูลระหว่าง chip มากกว่านะครับ ไม่น่าจะหมายถึงเอามาแทนสาย LAN connect ระหว่าง computer
ใช้แทนสาย LAN นี่แหละครับ แต่เป็นระดับสูงซะมากกว่า (พวก fiber optic)
ก็อาจจะเอามาใช้แทน dark fiber หรือเอามาเสริมงาน InfiniBand พวก SAN switch อย่างงี้สิ
เท่่าที่ไปอ่านเพิ่ม
http://en.wikipedia.org/wiki/Hybrid_silicon_laser
จุดที่น่าสนใจคือ ราคาถูก ทำให้สามารถ สร้าง optical device ด้วยการ fabricate บน
chip ได้โดยตรง
รวมกับ light peak ก็ครบวงจรพอดี
สงสัยว่านี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นของการสื่อสารด้วย แสง ในระดับผู้ใช้ตามบ้าน
ถ้า HDD ไม่ทันก็ Diskless ได้รึป่าวครับ
ตอนนี้คงต้อง SSD+ เป็นคำตอบสุดท้าย เพราะไวกว่า HDD ประมาณ 5-6 เท่า