เว็บไซต์ The New York Times เผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Apple Watch (ซึ่งคาดว่างาน Spring Forward แอปเปิลจะเผยรายละเอียดแบบเต็มๆ) ดังนี้
จากที่มีคลิปหลุดออกมาเมื่อคืน วันนี้ Huawei เปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะตัวแรกของบริษัท Huawei Watch ที่งาน MWC 2015 ตามคาดครับ
เอเซอร์เปิดตัวสมาร์ทวอทช์ Acer Liquid Leap+ ที่งาน Mobile World Congress รุ่นต่อจาก Liquid Leap ความสามารถหลักคือการนับก้าวเดินและการเผาผลาญพลังงาน
Acer Liquid Leap+ ไม่มีปุ่มแต่อาศัยจอสัมผัสอย่างเดียว นอกจากนับก้าวแล้วก็ยังสามารถรับการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือและควบคุมแอพพลิเคชั่นเพลงได้
หน้าจอ OLED ขนาด 1 นิ้ว แบตเตอรี่อายุ 5 ถึง 7 วัน รองรับทั้ง Windows Phone, Android, และ iOS กันน้ำที่มาตรฐาน IPX7
ราคาในยุโรปเริ่มที่ 79 ยูโร เริ่มวางขายเดือนนี้
มีคนไปค้นพบวิดีโอบนช่อง YouTube ของ Huawei Device เป็นโฆษณาของนาฬิกาอัจฉริยะ Huawei Watch นี่น่าจะเปิดตัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
นาฬิกา Huawei Watch ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Wear ตามมาตรฐานกูเกิล แต่จุดเด่นของมันคือหน้าตาที่ดูหรูหราไฮโซมาก มีฟีเจอร์ครบถ้วนตั้งแต่วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เปลี่ยนสายได้ ใช้กระจกแซพไฟร์ และหน้าปัดนาฬิกาที่ออกแบบมาแล้วดูผ่านๆ เหมือนนาฬิการาคาแพง
ต้องรอดูกันว่า Huawei จะเปิดตัวนาฬิกานี้วันไหน และตั้งราคาเท่าไรครับ (ตอนนี้ดูคลิปกันไปก่อน)
ที่มา - Droid Life
หลังจากที่เคยออกมาให้ข่าวไปก่อนหน้านี้ วันนี้ Swatch หนึ่งในผู้ผลิตนาฬิกาจากสมาพันธรัฐสวิส เปิดตัว Touch Zero One นาฬิการุ่นใหม่ในกลุ่มของ Swatch Touch อย่างเป็นทางการ
Fullpower บริษัทที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีด้านอุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่ ที่เรียกว่า MotionX (ถูกนำไปใช้ใน Jawbone UP) ประกาศจับมือกับ Union Horlogere Holdings ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของผู้ผลิตนาฬิกาจากสมาพันธรัฐสวิส ร่วมทุนกันจัดตั้งบริษัท MMT (Manufacture Modules Technologies) โดยบริษัทนี้จะมีหน้าที่ในการพัฒนากลไกของนาฬิกาที่สามารถใช้ได้กับเทคโนโลยีของ Fullpower รวมถึงให้การสนับสนุนและการอนุญาตให้ใช้งาน (licensing) เทคโนโลยี MotionX กับบริษัทนาฬิกาของสวิสด้วย
ในที่สุด Pebble ก็ได้ปล่อย Pebble SDK 3.0 รุ่นล่าสุดออกมาเรียบร้อย โดยในเวอร์ชั่นล่าสุดพร้อมรองรับกับฮาร์ดแวร์ของ Pebble Time ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลที่เป็นสีและไมโครโฟนที่ติดมากับนาฬิกา สำหรับฟีเจอร์ที่เพิ่มมาใน SDK รุ่นล่าสุดมีดังนี้ครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆสามารถอ่านได้จากที่มาครับ
ที่มา - Pebble Developer
ทีมงาน Pebble เข้าไปตอบคำถามใน Reddit เกี่ยวกับ Pebble Time มีประเด็นเพิ่มเติมจากข้อมูลสินค้าที่ประกาศออกมา
Dickon Isaacs หัวหน้าทีมออกแบบของ Motorola ออกมาเปิดเผยผ่านสัมภาษณ์ของ Wired ว่า Moto 360 สมาร์ทวอทช์จอกลมหนึ่งเดียวของบริษัทกำลังจะปรับแต่งได้เหมือนกับ Moto X ในเร็ววันนี้ผ่าน Moto Maker
ส่วนที่สามารถปรับแต่งได้ของ Moto 360 มีตั้งแต่ สีตัวเรือน วัสดุที่ใช้ทำสาย และขนาดของสาย ซึ่งมีแผนจะทำมาตั้งแต่แรก แต่ว่าเลื่อนมาจนถึงช่วงนี้ โดยสีตัวเรือนจะมีสามสีหลักคือ ดำ เงิน และทองแชมเปญ ส่วนสายมีทั้งแบบหนัง และโลหะ รวมถึงสามารถเลือกลายหน้าปัดทั้ง 11 แบบได้จากในโรงงานเลย
คาดว่าบริการปรับแต่ง Moto 360 ผ่าน Moto Maker จะเริ่มใช้ได้ในช่วงเดือนมีนาคมนี้ครับ
ที่มา - Wired
หลังจากที่ LG เปิดตัว G Watch Urbane ไปไม่นาน ล่าสุดได้เปิดตัวรุ่นอัพเกรด Urbane LTE แล้ว โดยถึงแม้สเปครวมๆ จะไม่แตกต่างจาก G Watch Urbane แต่ทางด้านฟีเจอร์เรียกได้ว่าอัพเกรดได้ค่อนข้างน่าสนใจเลยครับ
นอกเหนือไปจากฟีเจอร์ของ G Watch Urbane แล้ว รุ่น LTE สามารถโทรออกและรับสายผ่าน VoLTE (Voice over LTE), ระบุตำแหน่งผู้ใช้ผ่าน GPS รวมไปถึงทำธุรกรรมผ่าน NFC ได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นทาง LG ยังเปลี่ยนเม็ดมะยมตรงกลางเม็ดเดียว เป็นปุ่ม 3 ปุ่ม ปุ่มบนสำหรับเข้าหน้า Quick Setting ปุ่มกลางสำหรับสลับหน้านาฬิกาและแอพ ปุ่มล่างสุดเป็นปุ่มย้อนกลับ
Thomas Sarlandie ซึ่งเป็น Developer Evangelist ของ Pebble เผยผ่าน Reddit AMA ว่า บริษัทไม่มีแอพบน Windows Phone แต่ได้สนับสนุนนักพัฒนาภายนอกให้ทำแอพแบบไม่เป็นทางการที่รองรับการทำงานกับอุปกรณ์ของบริษัท ซึ่งจะรวมถึงนาฬิการุ่นจอสี Pebble Time ที่เพิ่งได้รับการเปิดตัว
หวังว่าอนาคต Pebble จะทำแอพบน WP อย่างเป็นทางการนะ
ที่มา: Reddit AMA ผ่าน Gdgt Arena
หลัง Pebble เปิดตัวนาฬิการุ่นจอสี Pebble Time และได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี (ขณะที่เขียนข่าว ยอดระดมทุน 8 ล้านดอลลาร์แล้ว) เว็บไซต์ Medium Backchannel ก็มีบทสัมภาษณ์ Eric Migicovsky ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Pebble ถึงเบื้องหลังการสร้าง Pebble Time ครับ
Pebble เปิดตัว Pebble Time นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไปใช้จอ e-paper จอสี โดยยังใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นเดิมได้ทั้งหมดกว่า 6500 รายการ
จุดเด่นของรุ่นใหม่อื่นๆ ได้แก่ กันน้ำ (ไม่แนะนำให้ใช้ดำน้ำ, แต่ว่ายน้ำได้), รองรับ Voice Reply ของแอนดรอยด์หลายแอพพลิเคชั่น ส่วน iOS รองรับเฉพาะ Gmail, จอภาพ Gorilla Glass, อายุแบตเตอรี่ 7 วัน, และสายนาฬิกาแบบ 22 มิลลิเมตรมาตรฐานได้
หน้าจอแบบใหม่ Timeline จะเรียงหน้าจอตามเวลา อดีต, ปัจจุบัน, และอนาคต โดยหน้าจอนี้ตัว Pebble เดิมและ Pebble Steel จะได้รับอัพเดตด้วย
ราคาปลีก 199 ดอลลาร์ ช่วงเริ่มต้น 5,000 เรือนแรก 159 ดอลลาร์ ส่งของเดือนพฤษภาคมนี้
มีคนไปพบว่ามีภาพสมาร์ทวอทช์รุ่นที่ยังไม่ออกสู่ตลาดบนเซิร์ฟเวอร์ของ Pebble เอง ถึงแม้ภาพนั้นจะถูกลบออกไปแล้วแต่ก็ยังมีคนเก็บภาพนั้นได้ทัน
จากภาพ (ดูได้ที่ท้ายข่าว) จะเห็นว่าสมาร์ทวอทช์มีหน้าจอสี ดูเหมือนขอบจอหนาขึ้นและปุ่มเล็กลงกว่ารุ่นก่อน เว็บไซต์ 9to5Mac เสริมว่า สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่นี้จะไม่มีหน้าจอสัมผัส, มีระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้งเทียบเท่ากับอุปกรณ์รุ่นแรกจาก Pebble, ซีพียู Cortex M4, ไจโรสโคปแบบ 6 แกน และระบบปฏิบัติการได้รับการออกแบบใหม่หมดโดยทีมที่อยู่เบื้องหลัง webOS
ที่มา: 9to5Mac
ดูเหมือน Pebble ผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์รายแรกๆ ของตลาด จะเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในเร็ววันนี้ หลังจากเพิ่งเริ่มนับถอยหลังในหน้าเว็บหลัก โดยจุดหมายคือวันอังคารหน้าที่ 24 กุมภาพันธ์เวลา 22 นาฬิกาตามเวลาบ้านเรา
ใครที่ตามข่าววงการอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ช่วงบูมๆ น่าจะรู้จักกับ Neptune Pine สมาร์ทวอทช์จอยักษ์ (?) ที่มาพร้อมกับสเปคอย่างกับสมาร์ทโฟน ซึ่งหลังจากวางขายจริงก็โดนรีวิวถล่มยับว่าเหมือนกับเอาสมาร์ทโฟนจอเล็กมาใส่สายเป็นสมาร์ทวอทช์เสียมากกว่า วันนี้ค่ายเดิมกลับมาอีกครั้งด้วยความพยายามที่จะทำอุปกรณ์สวมใส่ในรูปแบบใหม่อีกแล้ว
และของใหม่ในครั้งนี้ก็คือ Neptune Duo ที่แพคคู่มาด้วย Neptune Hub สมาร์ทวอทช์จอยักษ์ที่จะเรียกว่าเป็นกำไลรัดข้อมือก็ว่าได้ กับ Neptune Pocket หน้าจอไร้สายสำหรับเป็นหน้าจอที่สองให้กับ Neptune Hub นั่นเอง
แม้ว่าจะมีข่าวเสียหายตั้งแต่ยังไม่เริ่มขายมาพอควร แต่ดูเหมือนจะไม่ได้หยุดความร้อนแรงของสมาร์ทวอทช์ที่หลายคนจับตามองอย่าง Apple Watch ไปได้ ล่าสุด The wall Street Journal ไปได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวภายในระบุว่าแอปเปิลได้สั่งชิ้นส่วนสำหรับเจ้าสมาร์ทวอทช์ตัวนี้มากถึง 5-6 ล้านชิ้น โดยแบ่งเป็น Apple Watch Sport ครึ่งหนึ่ง และที่เหลือเป็น Apple Watch รุ่นอื่นๆ
สำหรับค่าตัวของ Apple Watch Sport จะอยู่ที่ 399 เหรียญ ตามมาด้วย Apple Watch รุ่นปกติที่ยังไม่เปิดราคา แต่คาดว่าราว 499 เหรียญ และรุ่นแพงสุดจะเป็น Apple Watch Edition ที่อาจจะแพงถึงขั้นหลายพันเหรียญเลยทีเดียว
Jerry Shen ซีอีโอของ ASUS ให้ข่าวกับเว็บไซต์ Focus Taiwan ว่าบริษัทกำลังพัฒนานาฬิกาอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่ไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Wear ของกูเกิล ผลคือแบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น
ข้อมูลนี้สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ Jonney Shih ประธานบอร์ด ASUS ที่พูดไว้ในเดือนมกราคมว่า นาฬิการุ่นใหม่ของบริษัทอาจอยู่ได้นานถึง 7 วัน โดยเป็นผลมาจากการเปลี่ยนชิปและระบบปฏิบัติการ
อย่างไรก็ตาม Shen ก็บอกว่าบริษัทยังทำนาฬิกา Zenwatch รุ่นที่สองที่ยังใช้ Android Wear อยู่เช่นเดิม เท่ากับว่า ASUS มีนาฬิกาที่ใช้ระบบปฏิบัติการ 2 ค่ายอยู่ระหว่างการพัฒนา
ยังคงเดินหน้าเปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวรุ่นใหม่ที่เน้นความหรูหราในในชื่อรุ่น LG Watch Urbane อันมีจุดเด่นอยู่ที่ตัวเรือนทำด้วยโลหะทั้งชิ้น รูปลักษณ์เรียบหรูในสีเงิน และทอง (ดูแล้วน่าจะเป็น Rose Gold) พร้อมกับสายหนังขนาด 22 มม.
G Watch Urbane ใช้สเปคใกล้เคียงกับ G Watch R ทั้งหน้าจอกลม P-OLED ขนาด 1.3" ความละเอียดสูงขึ้นเป็น 320x320 พิกเซล, ซีพียู Snapdragon 400 ความถี่ 1.2GHz, หน่วยความจำภายใน 4GB และแรม 512MB, มีเซนเซอร์จับชีพจร, กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67, แบตเตอรี่จุ 410 mAh และแน่นอนว่ารัน Android Wear ครับ
แม้จะยังไม่เริ่มขายจริง แต่ดูเหมือน Tim Cook ซีอีโอแอปเปิลจะมั่นใจในศักยภาพของ Apple Watch ใช่ย่อย หลังจากเพิ่งไปประกาศในงานสัมมนาเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตที่จัดรายปีของ Goldman Sachs ว่าเป้าหมายของ Apple Watch คือการเปลี่ยนการใช้ชีวิตของผู้คนเลยทีเดียว
เว็บไซต์ BuzzFeed News รายงานว่า หลายมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรได้เริ่มห้ามผู้เข้าสอบใส่นาฬิกาข้อมือเข้าห้องสอบแล้ว
เหตุผลในการห้ามคือ ถึงแม้จะมีสมาร์ทวอทช์หลายรุ่นออกสู่ตลาดแล้วแต่การมาถึงของ Apple Watch จะทำให้ความนิยมใช้สมาร์ทวอทช์เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนั้นสมาร์ทวอทช์มีฟังก์ชันเทียบเท่ากับสมาร์ทโฟน (อาทิ รับส่งข้อความ ดูบันทึกที่จดไว้) และเป็นเรื่องยากที่ผู้คุมสอบจะระบุว่านาฬิกาข้อมือนั้นเป็นนาฬิกาธรรมดาหรือสมาร์ทวอทช์ การจัดการกับนาฬิกาข้อมือในการสอบจึงควรเป็นไปในทางเดียวกับสมาร์ทโฟน
หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ปรับใช้นโยบายคุมสอบใหม่นี้แล้วคือ University of London และ London's City University ครับ
มีคนพบว่าเอซุสได้จดเครื่องหมายการค้า VivoWatch ซึ่งระบุว่าเป็นอุปกรณ์ที่ดึงข้อมูลจากอุปกรณ์พกพา ทั้งข้อความ SMS อีเมล การแจ้งเตือนปฏิทิน และการปลุก มาแสดงผล รวมถึงสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ติดตามการนอนหลับ และมี GPS ในตัว นอกจากนั้นยังมีคนพบ VivoWatch บนฐานข้อมูลของ Bluetooth SIG ด้วย
เนื่องจากเครื่องหมายการค้าขึ้นต้นด้วย "Vivo" และผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อลักษณะข้างต้นจะอยู่ในสาย Windows จึงเป็นไปได้ที่อุปกรณ์สวมใส่ข้อมือนี้จะรัน Windows
เว็บไซต์ Gdgt Arena คาดว่าเอซุสจะเผยอุปกรณ์นี้ที่งาน MWC 2015 ครับ
Swatch แบรนด์นาฬิกาแฟชั่นจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือของ The Swatch Group ได้ให้ข่าวกับทางเว็บไซต์ The Next Web ว่าทางบริษัทกำลังเตรียมที่จะเปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะของตนเองในอีกประมาณ 2-3 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งจะตรงกันช่วงเวลาที่ Apple Watch น่าจะวางจำหน่ายพอดี
โฆษกของแบรนด์ออกมาระบุว่า ความสามารถที่จะมาพร้อมกับนาฬิกาอัจฉริยะของทาง Swatch นั้น จะมีทั้งเรื่องของการติดต่อสื่อสาร ระบบชำระเงินทางร้านค้าอย่างเช่น Migros และ Coop (ซุปเปอร์มาร์เก็ตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์) และแอพที่สามารถทำงานได้ทั้งบนแพลตฟอร์ม Windows และ Android โดยตัวนาฬิกาไม่จำเป็นที่จะต้องใช้การ "ชาร์จ" แต่ประการใด ซึ่งน่าสนใจว่าจะออกมาเป็นแบบไหน
เริ่มขายมาได้สองปีนิดๆ ในที่สุด Pebble ก็ทำยอดขายทะลุล้านชิ้นต่อปีได้สำเร็จในปี 2014 ที่ผ่านมาแล้ว เพิ่มขึ้นมาจากเมื่อปี 2013 ที่ขายได้ราว 400,000 ชิ้นเท่าตัวกว่าๆ เลยทีเดียว
นอกจากเผยยอดขายแล้ว Pebble ยังบอกว่าในปีนี้จะมีสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่มาเปิดตัวแน่ๆ หลังจากปีที่แล้วได้เปิดตัว Pebble Steel ที่จับของเดิมมาใส่กรอบโลหะเท่านั้น โดยในปีนี้ Pebble จะแสดงให้เห็นถึงการทำสมาร์ทวอทช์ที่ไม่ได้เน้นไปที่แอพแบบกูเกิล หรือแอปเปิลทำให้สมาร์ทวอทช์คล้ายกับสมาร์ทโฟน แต่จะเน้นสร้างแพลตฟอร์มที่ไม่ทำให้สมาร์ทวอทช์กลายเป็นสมาร์ทโฟนแทน
แต่กว่าจะได้เห็นกัน คาดว่าจะต้องรอถึงช่วงปลายปีเลยครับ
นอกจาก Epson ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์รายใหญ่จะเข้าร่วมวงผู้ผลิตแว่นตาอัจฉริยะอีกราย ล่าสุด ที่งาน CES 2015 บริษัทได้เปิดตัวนาฬิกาข้อมือกันน้ำฝัง GPS ตระกูล Runsense
Runsense มีสามรุ่นย่อย คือ SF-510, SF-710 และ SF-810 โดยทุกรุ่นจะมี GPS, เซนเซอร์วัดระยะก้าว (stride sensor), กันน้ำลึก 50 ม., รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.0, สามารถเก็บข้อมูลการวิ่งได้ 400 ครั้งโดยไม่ต้องซิงค์ข้อมูล และดูข้อมูลการออกกำลังและสถิติได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และแอพบนอุปกรณ์พกพา