เครื่องวัดก้าวเดินหรือ pedometer เป็นฟีเจอร์สำคัญคอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ได้ ผู้ผลิตที่ดังขึ้นมาจากความสามารถนี้เช่น Fitbit นั้นไม่ใส่แม้แต่นาฬิกาหรือหน้าจอใดๆ แต่ให้ใช้วัดก้าวเดินแล้วแสดงผลทางคอมพิวเตอร์อย่างเดียว ตอนนี้ Garmin ผู้ผลิต GPS ชื่อดังก็ลงมาเล่นตลาดนี้ด้วยอุปกรณ์ชุดใหญ่ และหนึ่งในนั้นคือ vivofit
รูปร่างภายนอกของ vivofit ไม่ได้แปลกอะไรมากนัก มันเหมือนนาฬิกาข้อมือสายพลาสติกทั่วๆ ไป ที่แปลกสักหน่อยคงเป็นตัวล็อกสายที่ไม่เหมือนนาฬิกาข้อมือเพราะมันอาศัยตัวล็อกพลาสติกสองตัวยึดสายเอาไว้ เท่าที่ผมลองเล่นดูแล้วพบว่าแน่นหนาดี เล่นกีฬาบ้างก็ไม่หลุดแต่อย่างใด แต่ถ้าแกว่งมือไปเจอสิ่งกีดขวางเข้าแรงๆ ก็หลุดเอาได้ครับ โดยทั่วไปก็ต้องระวังกว่าปกติเล็กน้อย
ตัวเครื่องสามารถถอดออกมาได้โดยง่าย สายที่ให้มาด้วยในกล่องจะมีสองขนาดสำหรับข้อมือแต่ละแบบ ตัวเครื่องทั้งเครื่องมีปุ่มอยู่ปุ่มเดียว
การใช้งานจริงในปุ่มเดียวจะใช้ได้สองแบบ คือ กดสั้นจะเปลี่ยนหน้าจอแสดงจำนวนก้าว, ระยะทางเดิน, เป้าหมายจำนวนก้าว, เวลา ส่วนกดยาวจะเปลี่ยนโหมดไปเป็นโหมดซิกง์ข้อมูล, โหมดการนอน, และโหมดแพร์เข้ากับคอมพิวเตอร์
การเชื่อมต่อทำได้สองแบบคือ Bluetooth 4.0 LE และ ANT+ ผมทดสอบเชื่อมต่อ (pair) กับ Moto G ของผมเองไม่สำเร็จแม้จะมองเห็นอุปกรณ์แล้ว ส่วน ANT+ นั้นมีอแดปเตอร์มาด้วย สามารถใช้งานได้ดี
สำหรับในคอมพิวเตอร์นั้นต้องดาวน์โหลด Garmin Connect มาติดตั้งเสียก่อน ตัวซอฟต์แวร์ตัวนี้มีหน้าที่คือซิงก์ข้อมูลใน vivofit กลับขึ้นไปยังเว็บ ดังนั้นจะต้องลงทะเบียนก่อนใช้งานตั้งแต่แรก
การใช้งานจริงจะอยู่ในเว็บทั้งหมด หน้าจอเท่าที่สำรวจดูพบว่าแทบจะเหมือนกับในแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ระบบการเก็บข้อมูลของ vivofit จะเก็บเป็นรายวันแสดงจำนวนก้าวในแต่ละวันว่าเราเดินไปเท่าไหร่ ส่วนนี้ถ้าปรับเป็นตามระยะเวลาเช่นทุกๆ 15 นาทีได้น่าจะดีกว่านี้มาก เราจะได้โน้ตได้ว่ามีกิจกรรมทำอะไรตอนไหน
ความสามารถอีกส่วนที่ผมไม่ได้ทดสอบคือการเชื่อมต่อกับเครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจ ผมเองมองว่าเป็นฟีเจอร์ที่ดีมาก โดยทั่วไปหากใครต้องการบันทึกอัตราการเต้นหัวใจ อาจต้องอยู่ใกล้คอมพิวเตอร์ ส่วนตัวผมเองใช้เครื่องวัด Bluetooth LE ก็ยังต้องพกโทรศัพท์มือถือไว้กับตัวตลอดเวลา แต่ vivofit สามารถบันทึกอัตราการเต้นหัวใจจากเครื่องวัดที่รองรับ ANT+ ได้โดยตรง แถมบันทึกละเอียดทุกๆ 15 วินาที
ผมเองยังไม่ทราบราคาขายปลีกในไทย แต่ถ้ามีโอกาสควรไปลองก่อนว่าทำงานกับ Bluetooth LE ทาง Garmin เองยืนยันว่าทำงานกับ Samsung Galaxy สี่รุ่นคือ Note 2, Note 3, S3, S4 และ iPhone 4S ขึ้นมา, The New iPad ขึ้นมา, และ iPod Touch รุ่น 5
ข้อมูลเสริมเรื่องการเชื่อมต่อกับเครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจจาก DC Rainmaker
Comments
ช่วงนี้อ่านแล้วงงครับ
garmin เค้าทดสอบแค่ 5 รุ่นนี้(รวม HTC One ด้วย) ว่าใช้งานได้ปกติ แต่จริงๆ ก็มีอีกหลายรุ่นที่ใช้งานได้เช่น nexus4,5 แต่ตัว vivofit เองในล็อตแรกๆ จะมีปัญหาเรื่องการเข้าโหมด pair จน garmin ต้องออกประกาศว่าถ้ามีปัญหาให้เอาไปเปลี่ยนได้เลย
vivofit จะแยก track activity ได้ก็ต่อเมื่อต่อกับ heart rate monitor ครับ มันกดเองเหมือนของ jawbone up ไม่ได้
ผมงงตั้งแต่ท่อนนี้แล้วครับ เหมือนมีอะไรขาดหรือเกิน
แต่ละคนมีสองข้อมือ แย่งพื้นที่กันดุเดือดแฮะ
ราคาขายปลีกในไทย 4,800 ครับ
สายแบบนี้ ผมไม่อุ่นใจ . . ถ้าหลุดนี่ไม่รู้ตัวเลย
ราคาขายปลีก 4,800.- แต่หายากหน่อยนะครับ b2s ตัวแทน garmin ผมไปหา 2 ที่ไม่มี ไปได้เอาร้านจักรยาน ถ้าใครสนใจแบบไม่ต้องเห็นของก็ shopat7 ครับ เรื่องซิงค์ยากจริงๆ ตัวเครื่องมันโอเคอยู่ เพราะซิงค์บนพีซีกับ ant+ usb เร็วมากๆ พอมาบนแอพแอนดรอย์ แค่ pair ก็เหงื่อตกแล้วครับ sync ได้บ้างไม่ได้บ้าง ต้องเปิดๆ ปิดๆ มือถือ บ่อยๆ ยิ่งผมใช้กับ Edge510 นี่ตีกันมั่วไปหมด สุดท้ายต้องแยกเครื่องซิงค์เอา ตัวนี้ใช้กับ S3 แอพ Garmin Connect เค้ายังต้องพัฒนาอีกเยอะ ผมว่านะ...
เรื่องใช้งานก็โอเคนะครับ ผมประยุกต์ใช้กับแม่ผม แกเป็นพาร์กินสัน ระยะหลังนอนไม่ค่อยหลับและเห็นภาพหลอน ผมเลยให้แกใส่ vivofit ไว้ทั้งวัน ดูกิจกรรมการเดินและการนอนของแก ก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ว่า วันไหนแกเดินเยอะ แกจะนอนไม่ค่อยหลับ + หลับไม่ดี วันไหนแกเดินน้อยแกก็หลับสบายดี เลยบอกให้แกงดกิจกรรมช่วงกลางวัน ทานยาตรงเวลาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ พักหลังแกนอนหลับดีกว่าผมอีก กราฟสมูทมากๆ (ถึงแม้กราฟบนแอพการ์มินมันจะสรุปข้อมูลให้น้อยมากก็เหอะ แต่ยังพอดูได้) ตอนนี้เลยมาอยู่ในมือผม เพราะดูแล้วคุณภาพการนอนของผมจะไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ กราฟขึ้นๆ ลงๆ ทั้งคืนหยั่งกะกราฟหัวใจ เรื่อง Heartrate ผมว่าเครื่องมันส่งได้ระดับวินาทีเลยนะครับ แต่ vivofit เอามาสรุปเป็นกราฟแบบย่อๆ เอา
B2S central ลาดพร้าววันนี้เห็นมีขายอยู่นะครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว