วันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (วันเดียวกันกับที่เกิด Gfail) Google App Engine Blog ได้ประกาศการให้บริการ App Engine ในรูปแบบ "จ่ายตามการใช้งานจริง" (Pay-per-use) และนโยบายการให้โควต้าฟรีแบบใหม่ โดยผู้ใช้ยังคงสามารถใช้โควต้าฟรีแบบเดิมได้จนถึงวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 และหลังจากนั้น กูเกิลจะเริ่มใช้นโยบายโควต้าฟรีแบบใหม่ [อ้างอิง] ดังนี้
กูเกิลกล่าวว่า แม้ในอีกไม่กี่เดืิอนข้างหน้า โควต้าฟรีของทรัพยากรบางอย่างของ App Engine จะลดลง แต่ว่าโควต้าฟรีดังกล่าวก็น่าจะเพียงพอต่อการรันแอพพลิเคชันที่มีการเข้าถึงประมาณ 5 ล้านครั้งต่อเดือน สำหรับการใช้งาน App Engine ที่เกินกว่าโควต้าฟรี กูเกิลได้กำหนดราคาไว้ดังนี้
ที่มา - CNET ท่านสามารถศึกษาการคำนวณค่าใช้จ่ายบน App Engine ได้ที่ Billing FAQ
Comments
ระบบ Billing อากู๋เค้าระดับเทพจริงๆ คนใช้มีเพียบ คิดเงินอัตโนมัติ -*-
ถ้าวันใด Billing System ล่มขึ้นมาล่ะก็ ไม่อยากจะคิดถึงสภาพเลย
แวะมาเยี่่ยม Hi5 ของผม แอดเป็นเพื่อนกันครับ
เป็น corp. ก็ต้องทำ กำไร ซะแล้ว
ไม่งั้นเดี๋ยวหุ้นตกๆ
TAXZe.com|[T]echnology [A]dvise [X]-Ray [Z]ero [E]ffect
อย่างว่าแหละครับ เค้าไม่ใช่องค์กรการกุศลสักหน่อย จะให้ใช้ฟรีตลอดคงเป็นไปไม่ได้
อืม เริ่มออก evil หน่อยๆละ
Maybe On Earth. Maybe In Future.
พอไม่ให้ใช้ฟรีหรือลดโน้นนี่ก็กลายเป็น evil ไปซะแล้ว -_-' อืมมมม
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
ผมว่าอันนี้เค้าก็ประกาศตัวชัดนะครับว่าจะเก็บเงิน
เหมือน Gmail ที่ประกาศว่าจะมีโฆษณา
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
คนพร้อมจะจ่ายก็มีเยอะนะครับ ผมเคยคุยกับทีมที่ทำ App Engine เขาบอกว่าปัญหาในช่วงก่อนหน้านี้คือไม่สามารถสรุปราคาออกมาได้เสียที ทำให้ว่าที่ลูกค้าไม่กล้าเข้ามาใช้งาน
+1 ชอบคำว่า "ว่าที่ลูกค้า"
not free = evil ?
เขาประกาศมาตั้งแต่เปิดบริการใหม่ๆเลยนะครับว่าในอนาคตจะมีเก็บตังแน่นอน
ครบคลุมส่วนไหนบ้ัางครับ?
ผมไม่แน่ใจว่าตอบถูกคำถามหรือเปล่า
ตามที่กล่าวไว้ในข่าวครับ คือ ครอบคลุม App Engine ส่วนทรัพยากรที่เป็นการประมวลผล, เครือข่าย, การจัดเก็บข้อมูล, และอีเมล แต่ว่ามันมีรายละเอียดในการคำนวณของทรัพยากรแต่ละตัว ว่าแต่ละตัวครอบคลุมอะไรบ้าง ในที่มาของข่้าวผมแนบไว้แล้วครับ คงต้องไปศึกษาดูครับ - รายละเอียดมันเยอะ ผมเลยละไว้ครับ ถ้ากูเกิลมีค่านายหน้า ผมจะแปลเป็นไทยเลยนะเ้นี่ย :)
My Blog / hi5 / Facebook / Follow me
My Blog
ดูๆราคาก็ไม่แพงเลยนะครับ ชัดเจนดี ต้องระวังไม่ใส่อะไรไปใช้การประมวลผลเยอะๆละนะอืม... \(@^_^@)/ M R T O M Y U M
ราคาไม่แพง แต่แอบรู้สึกว่าถ้าเอาพวก static file ไว้ใน S3 น่าจะคุ้มกว่าในระยะยาว
onedd.net
onedd.net
ดูจากราคาแล้ว ถ้าทางต้องการแข่งกับพี่ใหญ่อย่าง Amazon ตรงๆเลย
เพราะราคาจัดได้ว่าถอดแบบกันมาเลย แต่โดยรวมแล้วผมคิดว่า Google ทำราคาได้ถูกกว่า
แต่ถ้าพูดถึงความยืดหยุ่นในตอนนี้ Amazon กินขาดเพราะว่า Amazon อณุญาติให้
ทำได้ทุกอย่าง จนถึงในระดับลง OS อะไรเองก็ยังได้ แต่ Google บังคับให้ใช้
บน Framework ที่ออกแบบมาแ้ล้วเท่านั้น