หลังจากที่ได้เปิดตัวหนังสือเรียนบนไอแพ็ดไปแล้ว แอปเปิลได้ออกมาเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเรียนรู้ผ่านทางไอแพ็ด หลังจากที่ Houghton Mifflin Harcourt (HMH) หนึ่งในพาร์ทเนอร์ของแอปเปิลในการนำหนังสือเรียนของตนเองมาลงบนไอแพ็ด ได้ทำการทดลองให้นักเรียนเปลี่ยนมาเรียนเนื้อหาของตัวเองผ่านทางไอแพ็ดเป็นเวลา 1 ปีที่โรงเรียน Amelia Earhart Middle School พบว่านักเรียน 78% มีคะแนนในเกณฑ์ "ดี" หรือ "สูง" ในขณะที่นักเรียนที่เรียนจากหนังสือธรรมดาได้คะแนนเกณฑ์นี้เพียงแค่ 58%
จากในรายงาน คนสอนเชื่อว่าการเปลี่ยนให้นักเรียนมาเรียนผ่านไอแพ็ด สามารถทำให้แรงจูงใจในการเรียนรู้สูงขึ้นมาก ผ่านการตอบสนอง (interactivity) ที่ดีขึ้น นอกจากนี้นักเรียนยังรู้สึกว่าการเรียนรู้ผ่านไอแพ็ดนั้นเป็นธรรมชาติมากกว่า และทำให้นักเรียนสามารถเลือกที่จะเรียนในสิ่งตัวเองอยากเรียนได้มากกว่า
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ผ่านทางไอแพ็ดของนักเรียนเหล่านี้ ไม่ใช่การเรียนรู้จากหนังสือเรียน eBook ของ HMH แต่เป็นผ่านแอพที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในโครงการ Fuse ที่ ณ เวลานี้วางขายในราคา 59.99 ดอลลาร์บน App Store ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาสูงสุดที่แอปเปิลกำหนดไว้สำหรับหนังสือเรียนอยู่มากที่ 14.99 ดอลลาร์
เรื่องนี้น่าคิดสำหรับเมืองไทยเหมือนกัน ไม่ทราบว่าเราเคยได้ทำการ "ทดลอง" เป็น Pilot Program จริงจังก่อนตัดสินใจแล้วหรือยัง?
ที่มา - MacRumors
Comments
สมองคนเราจดจำเป็นภาพ ไม่ใช่ข้อความ ดังนั้นผมเองก็เชื่อว่าการใช้ Tablet จะช่วยให้จดจำได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ถ้ามีสื่อการสอนที่เป็น Interactive
เห็นด้วยเหมือนกัน
จากบรรทัดนี้ในข่าว
"ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ผ่านทางไอแพ็ดของนักเรียนเหล่านี้ ไม่ใช่การเรียนรู้จากหนังสือเรียน eBook ของ HMH แต่เป็นผ่านแอพที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในโครงการ Fuse ที่ ณ เวลานี้วางขายในราคา 59.99 ดอลลาร์บน App Store ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาสูงสุดที่แอปเปิลกำหนดไว้สำหรับหนังสือเรียนอยู่มากที่ 14.99 ดอลลาร์"
ก็เข้าใจว่าการเรียนที่ดีขึ้นในข่าว ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะว่าจับยัดหนังสือลง tablet แล้วให้เด็กอ่าน แต่เป็นการปรับเปลี่ยนสื่อการเรียนการสอนให้เป็นแบบ interaction ด้วย
เคยอ่านเจอในนิตยสารที่เขียนอธิบายประมาณว่าแต่ละอันดับคืออะไรและมีค่าเท่าไหร่ คือเขียนประมาณนี้
อันดับ 1 คือ............ ด้วยค่า...... อันดับ 2 ......... ด้วยค่า.......
ตอนนั้นอ่านไปก็คิดไปว่าจากอันนี้ถ้าทำเป็นกราฟก็น่าจะทำให้อ่านง่ายขึ้นเยอะ แล้วก็ลองดูที่เขียนในหน้านั้นก็พบว่ามีหลายส่วนเลยที่ทำมานำเสนอเป็นรูปเป็นกราฟได้ แต่เนื่องด้วยติดกับแบบเดิมๆ ทำให้เป็นเขียนอธิบายกัน
แล้วอีกเรื่องนึงเลยที่สำคัญมากคือ กลัวคนอ่านข่าวนี้แล้วจะคิดว่าแค่เปลี่ยนมาใช้ tablet อย่างเดียวก็ทำให้เรียนดีขึ้นแล้ว โดยไม่ได้มองลึกลงไปว่าที่ดีขึ้นเป็นเพราะว่าเปลี่ยนการนำเสนอให้เป็น interactive ด้วยตะหาก
สูงขึ้น? ทำไมอ่านแล้วดูเหมือนแค่ไปวัดจากสองกล่องที่ต่างกันพร้อมๆ กัน มากกว่าจะวัดก่อนทดลองกับหลังทดลองล่ะ?
หรือว่าเค้าสุ่มแจก iPad แต่แรกแล้วหว่า?
May the Force Close be with you. || @nuttyi
สงสัยเหมือนกันครับ
เพราะในต้นข่าวไม่บอกกระบวนการทางสถิติไว้ว่าสุ่มตัวอย่างอย่างไร
เอ่อ นั่นสิ ถ้าคุณไม่ทักผมก็ไม่ได้คิดถึงนะเนี่ย
ผมว่าถ้า ศธ. เลือกทดลองกับเด็กแล้ว สมองเด็กน่าจะจำภาพได้ดีกว่าตัวหนังสือเช่นกันครับ กลัวอย่างเดียว กลัวพังนี่แหล่ะ เด็กๆซนกัน
ช่วงนี้กำลังจะเริ่มทดลองกับ 5 โรงเรียนนำร่อง ไม่นานคงจะสามารถประเมินผลได้
ภาพ และ เรื่องสีสัน เป็นการจดจำที่ดีจริงๆ
แบบนี้ต้องซื้อมาใช้บ้างล่ะ
poll ต่อไป "นักเรียนทั่วอเมริกาสายตาแย่ลงกว่า 95%"
นี่แหละที่กลัว(แต่ปกติการอ่านหนังสือ ถ้าแสงสว่างไม่พอก็ทำให้สายตาแย่ลงเหมือนกัน)
หรือเชียร์ให้ใส่จอ E ink ดี!!!
เออแต่ผมก็ลืมไป ลำพังมันก็มองแต่จอทีวีกับหน้าเฟสบุ๊คอยู่แล้วนี่หว่า 555+
บทความโดยคุณ kru_taweepong จาก jusci.net
(5) อ่านหนังสือในที่แสงน้อยทำให้สายตาเสีย ?
เรื่องนี้เป็นที่เชื่อถือกันอย่างแพร่หลาย และผู้ใหญ่ก็มักจะห้ามไม่ให้เด็กๆ อ่านหนังสือในที่มืดหรือที่ที่มีแสงน้อย มิฉะนั้นแล้วจะสายตาสั้นและต้องสวมแว่น เป็นต้น
ความเชื่อนี้น่าจะมาจากจักษุแพทย์ที่บอกว่าหากใช้สายตาในที่แสงสว่างน้อยกว่าปกติจะมีผลต่อการรับภาพของประสาทตา ทำให้อัตราการกระพริบตาลดลง ตาแห้งและระคายเคือง
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนักวิจัยและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตายังไม่พบหลักฐานชี้ชัดว่าการอ่านหนังสือในที่มืดจะทำลายสุขภาพตาอย่างถาวร
แต่อย่างไรก็ตาม ก็สามารถทำให้ดวงตาย่ำแย่และการมองเห็นด้อยลงเป็นเวลาชั่วครั้งชั่วคราวได้
+1
มันเป็นเรื่องทางกรรมพันธุ์มากกว่า
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
จากประสบการณ์ส่วนตัว
ถ้าแสงน้อย จะทำให้การโฟกัสแย่ตามไปด้วยครับ ผลที่ตามมาคือต้องเพ่งมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับในที่สว่าง (ทำให้ตาล้าง่าย)
ส่วนสั้นขึ้นนี่ผมไม่ทราบเหมือนกัน เพราะไม่อ่านในที่แสงน้อย มันก็สั้นเอาๆ - -
ผมเชื่อ ข่าวนนี้นะครับ ผมว่าการศึกษายุคใหม่เกิดขึ้นแล้ว
อยากให้กลับมา มองที่ไทย ประเทศเราไม่มีเงิน ซื้อ โซลูชั่น apple
เด็กเรามี tab จีน ราคาถูก(ราคาเสนอ วงในล่าสุด ไม่ถึง 2500)
ปัญหามันอยู่ที่ สื่อ ตอนนี้ ผมอยากให้หยุด ต่อว่าโครงการแล้วช่วยกัน ระดม สมองว่า
โซลูชั่น สำหรับ การทำสื่อ tab ป1 คืออะไร ใช้ program(ebook) ไหนดี
ใครมีอะไรดีๆโปรด แนะนำ เพราะผมกำลังสรุป เทคโนโลยีสำหรับโครงการนนี้(จากคนที่เกี่ยวข้อง)
ผมเป็นอีกคนที่ต่อว่าโครงการนี้ครับ เพราะผมมองอีกหลายเรื่องที่เป็นปัญหาแน่ แต่เขาไม่เคยกล่าวถึง หรือแสดงความเป็นห่วง หรือแสดงให้เห็นถึงวิธีแก้ปัญหาเลย เช่น
เห็นผมคือ เด็กเกิน อย่างน้อยก็เกินครึ่งประเทศล่ะ)
ผมเข้าใจว่าบางข้อมันต้องทดสอบ โรงเรียนที่ว่าก่อนแล้วจึงจะได้คำตอบ แต่ผมก็ยังเป็นห่วงอยู่ดีว่า ๕ โรงเรียนที่ใช้ทดสอบนั่น จะแทนโรงเรียนทั้งหมดประเทศได้หรือไม่ เพราะเท่าที่ผมสัมผัสมา โรงเรียนยากจนมีจำนวนเยอะกว่าโรงเรียนร่ำรวยเป็นจำนวนหลายเท่าตัว ซึ่งสังคม พฤติกรรม การเรียนรู้ ความรับผิดชอบ ของเด็ก (หรือแม้แต่ครู) มันต่างกันลิบลับเลย
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ในความคิดของผมคือน่าจะเอามาเป็นอุปกรณ์ช่วยสอนได้นะครับ
อาจจะมีชัวโมง ที่ให้เด็กเล่น แท๊บแล๊ต เพิ่มขึ้นมาเลย 2 - 3 ชัวโมงตอนสัปดาห์
(อันนี้ ตามความสนใจของ เด๊กเลย )
2คือ วิชาไหนที่มันความพร้อม ก็อาจจะใช่ แท๊บแล๊ตนี้เป็นอุปกรณ์การเรีียนการสอนเพิ่มเติม
เพื่อทำให้วิชามันน่าสนใจขึ้นแต่ก็ไม่ได้ใช่ทุกคาบ ยั่งผสมกับการสอนแบบเดิมๆๆๆ อยู่
แล้วควรเก๊บที่โรงเรียน เพราะเด็กไม่มีปัญญาดูแลรักษา และ อาจจะเป็นอันตรายต่อตัวเด็กเองด้วย
การเก๊บไว้ที่โรงเรียนในลักษณนนนั้น ทำให้มันการเวียนกันใช้งาน ทำให้เด็กได้ใช้งานทั่วถึงกว่า นะครับ
เครื่องมันปัญหาโรงเรียนก็รับผิดชอบในการดูแลรักษาจะเคลมหรืออะไรก็ว่าไป
รวมมถึงการ อัพเกรดโปรแกรม ที่น่าจะทำได้ ทั่วถึงมากกว่า
นั้นเป็นปัญหาของการจัดการโครงการ นะครับ ผมไม่ทราบ
เพียงแต่ผม เปิด เรื่องให้ช่วยคิดเรื่อง สื่อ ที่มีคุณภาพ เพราะ มองของ apple แล้วอดคิดไม่ได้ว่า ประเทศเค้าจะพัฒนา ทิ้งเราไปไกลอีกเท่าไหร
ผมมองถึง ปัญหา โซลูชั่น ตอนนี้ ไม่มีทาง สู้apple ถ้าเราใช้ apple เลยผมจัดีใจมาก แต่เรางบไม่ถึง
นี้เป็นเวลาที่คน it อย่างพวกเราต้องช่วยคิดแล้วว่า มีอะไร ดีๆๆ ที่จะทำให้ พัฒนา สื่อ ที่ดีเพื่อ อนาคต การศึกษาบ้านเราได้ครับ
ต้องเข้าใจว่ากระดาษขึ้นราคาทุกวัน tablet ลดทุกวัน ถ้าต้องเปลี่ยนเพราะราคา แต่ไม่เตรียมเลย จะมีปัญหาปรับเปลี่ยนช้านะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ความชัดเจนทุกอย่างยังไม่มี ข้อสรุปนะ ข้อมูลที่บอกเล่าแค่ เบื้องต้น
ข้อมูลเพิ่มเติม วิชาที่จะทำตอนนี้มีเพียง วิทย์ กับคณิตก่อนครับ ยังไม่ทุกวิชาครับ แต่ไม่ใช้แค่ ป1
ที่จะทำ ป1 ป4 ม1 ม4 ครับ
ขอแย้งเรื่อง 2,500 บาทไม่ดูดโจร คุณอาจจะไม่เคยอยู่ในชุมชนที่แม้กระทั่งกระจกโค้งสำหรับมองรถตรงทางเลี้ยวยังถูกขโมยแบบผม 2,500 บาทบอกได้เลยครับว่าไม่ถูก เป็นของโหลอาจจะไม่มีคุณค่าให้คนทั่วไปซื้อแต่อย่างน้อยก็นำไปใช้เป็นอะไหล่ตอนซ่อมตอนเสียได้นะครับ ขายร้านรับซ่อมยังพอได้เงินอยู่
That is the way things are.
โจรมันจะเอามันเอาหมดหล่ะครับ แม้แต่กระเทียมมันยังเอา -_-
ต้องเข้าใจว่ากระดาษขึ้นราคาทุกวัน
tablet ลดทุกวัน ถ้าต้องเปลี่ยน
เพราะราคา แต่ไม่เตรียมเลย
จะมีปัญหาปรับเปลี่ยนช้านะครับ
วันที่ใช้ tablet แทนหนังสือทั้งหมดจริงไม่รู้ราคา tablet หดเหลือแค่ไหน
ส่วนเด็กอาจเก่งขึ้น function อื่นๆ คิดว่าเป็นของแถมก็ได้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
วันนี้มันยังไม่มีผลที่ออกมาเป็นรูปธรรมอะไรเลยจะคัดค้านยกเหตุผลอะไรก็ฟังดูมีน้ำหนักครับ แต่แน่นอนว่ามันต้องมีการลองผิดลองถูก ไหนจะเรื่องเนื้อหา ไหนจะเรื่องตัวอุปกรณ์ แต่นั่นเป็นทางที่เราควรจะเดินหน้าครับ ไม่ใช่เอาแต่มองแล้วก็พูดว่ามีแต่ปัญหา แล้วก็นั่งเฉยๆไม่ทำอะไรเลย เพราะถ้าโครงการนี้ประสบผลสำเร็จผลดีก็ตกอยู่กับเด็กๆที่เป็นอนาคตของชาติ
ลงทุนตรงนี้เพื่ออนาคตของชาติมันเป็นอะไรที่ไม่เกินไปกว่างบซื้ออาวุธของทหารหรอกครับ
แล้วทำอะไรบ้างครับ ไม่มีปัญหา ?
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
อูวว ถ้าเกี่ยวข้องจริง อยากให้มีเครื่องสำหรับประชาชนด้วยจะดีมากเลยราคาไม่ต้องแพงมาก แต่ใช้ร่วมและสัมพันธ์กับเด็กๆได้ ตำราก็โหลดได้จากส่วนกลาง อาจจะเป็น คลาวแห่งชาตินั่นก็ได้ อัพเดทที ก็อัพได้เหมือนกันหมด ลองศึกษากรณีของ apple ที่เปิดตัว ibook2 และ textbooks ล่าสุดดูสิครับ ลองดูกรณีของ iTune U ก็ได้ ทุกคนสามารถถามตอบ รวมไปถึงส่งการบ้านได้ด้วย น่าสนใจมาก
Tor ยังไม่ออกนะครับ แต่กลักๆๆคือ เป็นสมบัติของชาติ เปิด เพื่อ ศึกษาโดยไม่จำกัด กลุ่ม และทุก อุปกรณ์เพื่อ ให้เข้าถึง ได้ทั่ว เพื่อ พัฒนาการศึกษาจริงๆๆ
(นอกเรื่อง : ) ถ้าสำหรับเด็ก ป.1 ตัวเครื่องควรเป็นลักษณะที่ OLPC ออกแบบ คือเน้นทน ไม่พังง่าย แล้วก็เป็นมิตรกับเด็ก (ทัชสกรีนไม่แข็ง อ่านได้แม้ในที่ที่สว่างมาก ๆ) ส่วนไอ้ที่ปั่นไฟด้วยมือหรือใช้โซล่าร์เซลล์ เด็กในเมืองคงมองว่ามันบ้านนอก 555 แต่สำหรับเด็กที่อยู่ในชนบทมันอาจจะดีก็ได้ ไม่รู้นะ
ตัวสื่อผมคิดว่า พวก html authoring tool ก็ใช้งานได้ดีนะ ประมาณ Adobe DreamWeaver น่ะครับ รู้สึกจะตั้งค่าโปรเจคให้ออกมาในฟอร์แมท tablet ได้มั้ง ? เอาเข้าจริงๆ Microsoft Word ก็ทำหน้าเวปได้ดีในระดับนึงนะ
แล้วก็อาศัยเปิดสื่อพวกนี้ผ่าน browser เอา (จะเป็น app ครอบ browser ก็ได้) ส่วนพวกวิดีโอก็ใช้อะไรก็ได้ที่ตัดต่อวิดีโอได้น่ะครับ
ผมเห็นว่าคนจะเป็น OLPC ที่ทนไม้ทนมือมากกว่าครับ ถ้าเด็กไม่ถูกอบรมให้ดูแลรักษาสิ่งของที่เป็นสาธารณะเพียงพอ โอกาสที่มันเสียหายจะได้น้อยลงสักหน่อย
Jusci - Google Plus - Twitter
ตามแนวคิด OLPC/OTPC มันไม่ใช่ของสาธารณะครับ แจกให้เป็นของส่วนตัวเลย เพราะพอแจกไปแล้วมันจะแก้ปัญหาแนวคิดที่ว่า "ไม่ใช่ของฉัน ฉันทิ้งขว้าง" ไปได้เลย ก็ของตัวเอง ทำพังหรือหายก็ต้องควักเงินตัวเองแล้วล่ะ
สมัยที่เราเรียนๆ กันในห้องคอมฯรวม สภาพมันเละเพราะเด็กไม่คิดว่ามันต้องรักษาเนี่ยแหละ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ก็แล้วแต่เด็กแต่ละคนด้วย
สำหรับผม แค่อ่าน Ebook ได้สะดวกมากขึ้น ผมก็อยากมันมากขึ้นเยอะเลย มันบนคอม ไม่ค่อยน่าดึงดูดเท่าไรเลย สลับไปกับโปรแกรมที่ใช้ทำงาน ไม่สะดวกเลย จะ print ออกมาก็เยอะเกิน
พูดถึงเด็ก นึกถึงแต่ tablet ขอบยาง 100 เหรียญ
ถ้าให้เด็กใช้ก็ต้องให้พ่อแม่เปนคนรับผิดชอบ ให้เด็กรับผิดชอบทำไม่ได้แน่ๆ นิสัยคนไทยอะครับรู้ๆกันอยู่ อะไรที่เปนของสาธารณะมันไม่ค่อยรักษากัน
โครงการแจก tablet เค้าถึงแจกไปเลยไง ให้ไปเลย ให้รู้สึกว่าเป็นของตัวเอง
May the Force Close be with you. || @nuttyi
รู้สึกว่าเป็นการโฆษณาให้ดูดี การเอาแอพพลิเคชั่นที่เขียนมาเฉพาะมาเทียบกับหนังสือรึe-bookผมว่ามันไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ เพราะตัววัดผลคือข้อสอบ แน่นอนว่าหนังสือมันคือเนื้อหาทั้งหมด แต่แอพพลิเคชั่นที่ว่าเนื้อหามันคงไม่เหมือนตัวหนังสือ แต่ถ้ามันครอบคลุมข้อสอบ โอกาสที่จะได้คะแนนดีก็ควรมากกว่าเพราะเนื้อหาที่ต้องอ่านมันแคบกว่าอ่านหนังสือทั้งหมด
ผมลองดูคลิปตัวอย่างหนังสือ Life on Earth ช่วงภาพจำลอง DNA ที่สามารถซูมเข้าออกอย่างละเอียดมันทำให้ผมเข้าใจและจดจำได้เร็วกว่าอ่านคำอธิบายเรื่อง DNA ในหนังแบบปกติหลายๆ หน้ามาก
ผมกลับมองว่ามันต้องเทียบกันครับ ในฐานะ "อุปกรณ์การเรียนการสอนแบบเก่า" และ แบบใหม่
แอพเนื้อหามันจะครบหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับคนสร้าง เหมือนกันกับหนังสือ ถ้าคนเขียนตกไปบทนึง มันก็คือไม่มี
แต่ถ้าเนื้อหาเหมือนๆ กัน แน่นอนว่า แอพ จะสามารถเข้าถึงได้ง่าย และเข้าใจได้ง่ายกว่า
อยากให้ลองดาวน์โหลด life on earth ที่เป็น หนังสืออันดับ 1 ของ iBook store ดูครับ
จะเข้าใจได้ทันที โดยไม่ต้องอธิบายกันมาก
ผมเห็นด้วยนะ ส่วนตัวซื้อ iPad มาใช้เรียน+ทำงานแล้วมันมีความต้องการที่จะใช้ให้คุ้มมากขึ้นจริงๆ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)