Tags:

ประเด็นหนึ่งเราคงจะได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ถ้าพูดถึง App Store ของ iPhone คือเรื่องของการใช้สิทธิ์ของแอปเปิลในการควบคุมแอพพลิเคชันต่างๆ ที่จะมาทำงานบน iPhone ได้

แน่นอนว่าแนวคิดนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งในด้านที่สนับสนุนและคัดค้าน จริงๆ แล้วเรื่องของการควบคุมแพลตฟอร์มของตนเองให้เป็นไปในทิศทางที่ผู้ผลิตต้องการไม่ใช่เรื่องใหม่ และตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดคือคอนโซลเกมต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นเกมของโซนี่, นินเทนโด หรือไมโครซอฟท์ ปัจจุบันการที่ผู้ผลิตเกมจะสามารถทำเกมและวางจำหน่ายได้ จะต้องได้รับการอนุญาต (licensed) จากผู้ผลิตคอนโซลนั้นๆ เสียก่อน ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวจะต้องมีการจ่ายค่าสิทธิ์สัญญาอนุญาต หรือการแบ่งส่วนแบ่งในการขายให้แล้วแต่กรณี ซึ่งเป็นรายได้ส่วนหนึ่งที่สำคัญของบริษัทคอนโซลเหล่านี้

แต่รายได้ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่คอนโซลเกมเหล่านี้ต้องการควบคุม แต่หากเป็นประสบการณ์ของผู้เล่นโดยรวมในคอนโซล ไปตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ ในเกม

ยกตัวอย่างเช่นความชัดเจนของการใช้อินเตอร์เฟซต่างๆ ของเกมบนแพลตฟอร์ม อย่างการควบคุมให้ปุ่ม X หมายถึงตอบรับและปุ่ม O เป็นการยกเลิกบนเครื่องในกลุ่ม PlayStation ฝั่งโลกตะวันตกจนกลายเป็นมาตรฐานที่ผู้เล่นคุ้นเคยได้ ไปจนถึงข้อความเตือนเรื่องความปลอดภัยที่แสนจุกจิกบน Wii ทั้งหมดทั้งมวลคือความตั้งใจของผู้ผลิตในฐานะผู้รักษาความสงบเรียบร้อยของแพลตฟอร์มให้อยู่ในทิศทางเดียวกันและเหมาะสม

แน่นอนว่าการควบคุมเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดความไม่พอใจกับกลุ่มคนบางส่วน อย่างในกรณีของนินเทนโดซึ่งมีจุดยืนในเรื่องของการสร้างเครื่องเกมเพื่อความบันเทิงในครอบครัวมาตลอด เราจะเห็นได้ว่าอัตราส่วนของเกมที่มีความรุนแรงบนแพลตฟอร์มฝั่งนินเทนโดจะต่ำกว่าเจ้าอื่นๆ เป็นอย่างมาก นินเทนโดได้พยายามควบคุมเนื้อหาแม้กระทั่งจุดเล็กๆ อย่างการอ้างอิงถึงแอลกอฮอล์ใน Final Fantasy VI เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะต้องถูกปรับเป็นเครื่องดื่มอื่นๆ แทน กระทั่งบาร์ก็ต้องถูกเปลี่ยนให้เรียกว่าร้านกาแฟ (Café)1 ไปจนถึงกรณีศึกษาที่สำคัญในสมัยเครื่อง Super Nintendo Entertainment System (SNES) คือเรื่องของเกม Mortal Kombat

เกม Mortal Kombat เป็นเกมต่อสู้แบบคลาสสิกบนเกมอาร์เขตในปี 1992 ก่อนที่จะถูกพอร์ทไปยังเครื่องต่างๆ ในเวลาต่อมา ในยุคนั้นเกม Mortal Kombat ถือว่ามีเนื้อหาที่รุนแรงมากไม่ว่าจะในเรื่องของเอฟเฟกภาพต่างๆ ไปจนถึงเอกลักษณ์ Fatality ที่จะเป็นการแสดงเอฟเฟกพิเศษหากผู้เล่นสามารถกดท่าได้ถูกต้องในท่าสุดท้ายก่อนที่จะชนะอีกฝ่าย ซึ่งโดยทั่วไปจะแสดงออกถึงการฆ่าคู่ต่อสู้อย่างทารุณ แน่นอนว่าในมุมของนักเล่นเกมย่อมมองว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในยุคนั้น แต่ในอีกมุมหนึ่งกลับเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในมุมมองของศีลธรรม

จนในปี 1993 เมื่อเกม Mortal Kombat ได้รับการพอร์ทมายังเครื่อง SNES เลือดทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นสีเทา รวมถึงมีการแก้ไข Fatality ให้เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด2 นินเทนโดได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงขอบเขตที่ควรจะมีในการควบคุมเกมบนแพลตฟอร์มของตนเอง แม้ว่าหลังจากนั้นเมื่อ ESRB ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1994 และเริ่มทำงานได้เป็นรูปเป็นร่างอย่างชัดเจน เกมต่างๆ ถูกจัดเรทอย่างเหมาะสม และคอนโซลในยุคใหม่ๆ ก็มีฟีเจอร์ของการควบคุมโดยผู้ปกครองหมดแล้ว ปัญหาในลักษณะนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไปเท่าไร

ในทางกลับกัน แพลตฟอร์มเสรีอย่างเช่น Windows ของไมโครซอฟท์ ได้ประสบปัญหาของการควบคุมซอฟต์แวร์ต่างๆ บนแพลตฟอร์มให้รักษามาตรฐานของอินเตอร์เฟซให้เหมือนๆ กัน ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ Windows 95 เราจะได้เห็นความสับสนของการใช้งานอินเตอร์เฟซต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการใช้ Notification Area อย่างเอิกเกริก การแทรกปุ่มเข้าไปบนทูลบาร์ของ IE ไปจนถึงความสับสนของหน้าต่างและโปรแกรมระหว่าง MDI และ Taskbar ของ Excel3 ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้จากการที่แพลตฟอร์มไม่ได้รับการควบคุม แต่ก็แลกมาด้วยข้อดีของอิสรภาพของผู้ใช้และผู้พัฒนา

อีกประเด็นที่นินเทนโดถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก คือเรื่องของระบบ Friend Code (FC) บนเครื่อง Wii และ DS ซึ่งเป็นระบบออนไลน์ที่ยุ่งยากมากหากเทียบกับทางฝั่งของโซนี่และไมโครซอฟท์ หลักการของระบบนี้คือผู้เล่นแต่ละคนจะมีรหัสเป็นตัวเลข 16 หรือ 12 หลักประจำเครื่องหรือเกมของตนเอง และการที่จะเล่นเกมร่วมกับบุคคลอื่นๆ ได้ เราจำเป็นต้องมีรหัสของคนๆ นั้น รวมถึงคนๆ นั้นต้องมีรหัสของเรา ซึ่งต่างกับระบบของ PlayStation Network หรือ Xbox Live ที่เปิดช่องทางให้ผู้เล่นพบปะกับผู้เล่นหน้าใหม่ๆ อื่นๆ ได้โดยง่าย

แม้ว่าทางนินเทนโดจะยอมรับว่าระบบนี้ไม่สมบูรณ์ แต่ประเด็นที่นินเทนโดเป็นห่วงที่สุดคือการป้องกันผู้เล่นที่เป็นเยาวชน4 ระบบ FC จะป้องกันให้ผู้เล่นสามารถติดต่อออนไลน์ผ่านเครื่อง Wii หรือ DS กับคนที่เขารู้จักหรือสามารถติดต่อด้วยวิธีการใดๆ ได้ทางอื่นก่อนเท่านั้น ซึ่งทำให้ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องทำตาม และทำให้ฟีเจอร์การเล่นออนไลน์ของเกมนั้นๆ บนเครื่อง Wii อ่อนด้อยลงอย่างเห็นได้ชัดหากเทียบกับเกมเดียวกันบนคอนโซลอื่นๆ (เช่น Rock Band)

อีกหัวข้อหนึ่งที่มักถูกพูดถึงในวงการคอนโซล คือการรันแอพพลิเคชันที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้ผลิตเครื่องนั้นๆ ซึ่งมักถูกพัฒนาโดยนักพัฒนารายย่อย โดยแอพพลิเคชันกลุ่มนี้ถูกเรียกว่า Homebrew

โดยทั่วไปแล้ว Homebrew มักจะไม่สามารถนำมาทำงานบนเครื่องต่างๆ เหล่านี้ได้ในทันที แต่ต้องผ่านกระบวนการบางอย่างที่ขัดต่อ EULA ของเฟิร์มแวร์เครื่องนั้นๆ และแม้ว่าในทางฝั่งผู้ผลิตมักจะมองว่า Homebrew ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อการเล่นเกมละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ทางฝั่งผู้พัฒนา Homebrew กลับมองต่างออกไป โดยให้จุดยืนว่าผู้ใช้เสียเงินซื้อฮาร์ดแวร์มาแล้ว ควรจะมีสิทธิ์ที่จะใช้งานแอพพลิเคชันอะไรก็ได้บนฮาร์ดแวร์นั้นๆ ของตนเอง5

แม้ว่าทางฝั่งผู้ผลิตอย่างโซนี่จะเคยออกมาชมว่ามี Homebrew บนเครื่อง PSP มากมายที่น่าสนใจและสร้างสรรค์6 แต่ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ก็ยังเป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้โซนี่ยังพยายามขัดขวางการ Homebrew7 ซึ่งหากมองในฝั่งของผู้ผลิตที่อาจไม่ได้ขายคอนโซลในราคาที่มีกำไรสูงพอ และหวังจะได้กำไรจากค่าลิขสิทธิ์ของเกม แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้และทำให้ผู้ผลิตเสียประโยชน์อย่างมหาศาล คำถามจึงอยู่ที่ว่า ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์มีสิทธิ์ที่จะขายฮาร์ดแวร์ในราคาถูก และมีเงื่อนไขบางอย่างเพื่อหารายได้เพิ่มเติมภายหลังหรือไม่ ในลักษณะคล้ายๆ กับการขายหรือแจกเครื่องพิมพ์ในราคาถูก โดยหวังจะหารายได้เพิ่มเติมจากการขายตลับหมึกในอนาคต จึงต้องพยายามกีดกันการใช้หมึกพิมพ์ที่ไม่ใช่ของตนเองทุกวิถีทางเพื่อรักษาผลประโยชน์ไว้

นอกจากนี้แล้วในฐานะผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่สร้างแพลตฟอร์มขึ้นมา ย่อมยอมรับไม่ได้ด้วยหากแพลตฟอร์มของตนถูกนำไปใช้บนฮาร์ดแวร์อื่นๆ อย่างสารพัดอีมูเลเตอร์ต่างๆ ที่เราคงคุ้นเคยกันดี

แม้ว่าสุดท้ายแล้วโซนี่จะพ่ายแพ้อย่างราบคาบจากการพยายามฟ้อง Bleem! เมื่อปี 19998 ที่ผลิตอีมูเลเตอร์ของเครื่อง PlayStation บน PC แต่ประเด็นหลักที่ทำให้ Bleem! ชนะคือการทำวิศวกรรมย้อนกลับโดยไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ใดๆ ในตัวซอฟต์แวร์ของ Sony ซึ่งอาจจะต่างกับกรณีของการลง Mac OS X บนเครื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของแอปเปิลไปเสียหน่อย แต่ก็แสดงให้เห็นถึงมูลค่าของแพลตฟอร์มที่อยู่เหนือตัวฮาร์ดแวร์ของ PlayStation

ดังนั้นหากเราย้อนกลับมาดูที่ iPhone หรือแม้แต่สารพัดเครื่อง Mac เองก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นฮาร์ดแวร์ที่ผูกติดกับแพลตฟอร์ม และทุกอย่างที่แอปเปิลทำก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ การควบคุมซอฟต์แวร์บน App Store เพื่อรักษามาตรฐานและประสบการณ์ของผู้ใช้บนแฟลตฟอร์ม การปกป้องผู้ใช้จากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม การควบคุมการแจกจ่ายซอฟต์แวร์เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์และรักษารายได้จากส่วนแบ่ง ไปจนถึงการป้องกันไม่ให้ฮาร์ดแวร์อื่นๆ อย่างเครื่องจาก Psystar หรือ Palm Pre มาใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มที่ตนเองสร้างขึ้น ทั้งหมดนี้เคยเกิดขึ้นในอดีต และยังถูกถกเถียงมาจนปัจจุบัน

ในทางกฎหมาย คงเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ต้องรอให้เหล่านักการเมืองและนักกฎหมายในฐานะผู้จัดสรรผลประโยชน์ในสังคมควรจะต้องหาข้อสรุปที่เหมาะสมต่อไป

แต่ในทางปฏิบัติ ก็เหลือแค่เพียงว่าทางกลุ่มแพลตฟอร์มปิดอย่างเกมคอนโซลหรือ iPhone จะรักษาความพึงพอใจของผู้ใช้และคู่ค้าต่างๆ ไว้ได้หรือไม่ ในขณะที่แพลตฟอร์มเปิดอย่าง Windows หรือ Android จะรักษาความเรียบร้อยของแพลตฟอร์มตนเองไว้พร้อมๆ กับอิสรภาพของผู้ใช้และนักพัฒนา

ต้องรอดูกันต่อไปครับ

Note: เดิมทีบทความนี้ผมตั้งใจจะมาลงที่ Blognone แต่พอดียังไม่มีเวลาที่จะแก้ไขให้ตรงมาตรฐาน เลยร่างไปแปะไว้ที่บล็อกตัวเองก่อน จนพอดีวันนี้มีเวลา เลยรีบแก้ไขและนำมาลงครับ รบกวนคุณ lew หรือ mk ลงแท็กด้วยครับ เพราะไม่แน่ใจจริงๆ ว่าควรจะลงแท็กอะไรบ้าง (จะลงคีย์เวิร์ดหมดก็กลัวมากไป)

Get latest news from Blognone

Comments

By: nuntawat
WriterAndroidWindowsIn Love
on 29 September 2009 - 05:28 #127877
nuntawat's picture

แปลหัวข่าวเป็นภาษาไทยด้วยนะ

By: tomazzu
AndroidUbuntu
on 29 September 2009 - 10:59 #127915

อะเหืออ เป็นบทความ ที่น่าสนใจดี จริง ๆ

ของ ๆ เรา จะทำอะไรก็ได้ ไม่ถูกสินะครับ

http://tomazzu.exteen.com

By: tekkasit
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 29 September 2009 - 11:40 #127921
tekkasit's picture

เอาเป็นชื่อนี้มั้ย สิทธิ์ในการปกป้องแพลตฟอร์ม ควรหรือไม่?

By: mk
FounderAndroid
on 29 September 2009 - 13:30 #127957
mk's picture

ช่วยแก้หัวเป็นภาษาไทยด้วยละกันครับ

By: Zerothman
WriteriPhoneIn Love
on 29 September 2009 - 16:54 #128011 Reply to:127957

:)

By: a2b2c517 on 29 September 2009 - 18:20 #128023

มีสาระดีครับ

ก็พอรู้มาว่าปู่นินเค้าเรื่องมากพอควร แต่เห็นเหตุผลเบื้องหลังแล้วก็พอเห็นภาพรวมได้ดีขึ้นเยอะเลยครับ

By: ch1wat on 29 September 2009 - 18:21 #128024

แต่กรณีของ iphone เป็นกรณีที่เหมือนว่าจะมีการฮั้วกันระหว่าง Apple กับ AT&T เลยถูกตรวจสอบไม่ใช่เหรอ
ครับ เพราะว่าถ้าโปรแกรมของ Google ลง App Store อาจจะทำให้ AT&T สูญเสียรายรับที่ควรจะได้ และ
Apple ก็กลัวว่าผู้ใช้ iphone ก็จะใกล้ชิดกับบริการของ Google มากเกินไป

ผมว่าเรื่องรักษาความสงบเรียบร้อยของแพลตฟอร์มให้อยู่ในทิศทางเดียวกันในบทความนี้ก็เป็นอีกประเด็นที่
น่าสนใจครับ แต่กรณี Apple ที่เกิดขึ้นมันต่างกัน ก่อนอื่น Apple ต้องแสดงให้เห็นว่าที่ปฏิเศษโปรแกรม
ของกูเกิลเป็นเพราะกลัวผู้บริโภคจะสับสนจริง ๆ โดยไม่ได้มีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้อง

By: Zatang
ContributoriPhoneAndroid
on 29 September 2009 - 19:35 #128042 Reply to:128024

Google latitude โดนไปก่อน GV อีกครับ อันนั้นไม่เกี่ยวแน่นอนกับ AT&T ก็โดน


อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว

By: a2b2c517 on 29 September 2009 - 18:43 #128028

apple ที่โดนหลักๆน่าจะเป็นเรื่องความชัดเจนในการปฎิเสธโปรแกรมมากกว่าด้วยล่ะครับ

By: snowman on 29 September 2009 - 21:34 #128066
snowman's picture

ผมคิดว่าถ้าจะโยงเนื้อหาของบทความนี้กับ iPhone .. ประเด็นที่น่าจะพูดถึงไม่น่าจะเป็น Google นะครับ!
แต่น่าจะเป็นเรื่อง Jail Breaker มากกว่า..

By: Zatang
ContributoriPhoneAndroid
on 29 September 2009 - 23:31 #128095

ของนินเทนโดเหตุผลน่าฟังกว่า apple เยอะเลย แต่ถ้าคนไม่พอใจเยอะๆ สุดท้ายเค้าก็คงหนีจากผลไม้ไปกันเองแหละครับ ผมก็รอหนีอยู่แต่ยังไม่มีที่ไป :p


อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว

By: bankkung
ContributoriPhoneAndroidBlackberry
on 30 September 2009 - 00:18 #128113

ไม่มีพูดถึง Google Turn Evil แฮะ

By: Zerothman
WriteriPhoneIn Love
on 30 September 2009 - 00:40 #128125 Reply to:128113

พอดีโฟกัสเรื่องฮาร์ดแวร์น่ะครับเลยไปไม่ถึง แหะๆ
แหม แต่เค้าก็ไม่ได้ turn evil ขนาดนั้นมั้งครับ อิอิ

By: Floating Rotten Dog
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 30 September 2009 - 05:25 #128147
Floating Rotten Dog's picture

ต่อไปนี้ไม่ใช่การล็อคดาวน์ฮาร์ดแวร์ครับ

1) การสลับปุ่ม X และ O เพื่อยกเลิกและตอบรับบนเครื่อง PlayStation ในฝั่งตะวันตก เป็นการทำโลคอลไลซ์ ให้เลย์เอาต์ปุ่มเหมือนกับการตอบรับและยกเลิกบนเครื่อง SNES

2) ส่วนการทำเปลี่ยนจาก Alcohol เป็นเครื่องดื่มอื่น จาก Bar เป็น Cafe ในเกม Final Fantasy VI (Final Fantasy III ในสหรัฐ) หรือเปลี่ยนสีเลือดเป็นสีเทาในเกม Motal Combat เป็นการทำให้เกมเหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย และหลีกเลี่ยงปัญหาอื่นๆ ที่อาจตามมาดังที่กล่าว

By: Zerothman
WriteriPhoneIn Love
on 30 September 2009 - 11:46 #128206 Reply to:128147

ตรงนั้นพูดถึงเรื่องว่าเกมที่จะถูก licensed ได้ต้องผ่านในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ด้วยครับ

By: Witna
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 30 September 2009 - 10:44 #128186

ผมว่ามันเป็นเรื่องปกตินะ

ผู้บริโภค คิดถึงแต่เรื่องของตัวเองมากเกินไปจนไม่ได้สนใจทางฝั่งผู้ผลิต รวมไปถึงการเล่นเกมแผ่นก๊อป โหลดบิตทั้งหลายแหล่ด้วย

ผู้ผลิตตายไปหลายต่อหลายเจ้าแล้ว ผู้บริโภคก็ยังคงไม่สนใจต่อไป

By: Thaina
Windows
on 30 September 2009 - 11:42 #128205 Reply to:128186

เห็นด้วยส่วนนึง ไม่เห็นด้วยส่วนนึง

ถ้าเล่นกันแบบนี้ คนขายควรรับซื้อคืนเวลาลูกค้าจะทำอะไรแล้วทำไม่ได้ด้วยครับ

ไม่ใช่เขียน EULA ยาวเหยียดเป็นสิบๆหน้าให้คนขี้เกียจอ่าน แล้วสอดไส้หมกเม็ดอะไรก็ตามแต่ใจ ใครทนอ่านจบ เข้าใจหมด ก่อนซื้อเครื่อง ก็ถือว่าโชคดี

ผมอยากรู้เหมือนกันว่า ไอ้โทรศัพท์แบรนด์ดังๆ ที่ห้ามคนใช้ทำโน่นทำนี่
ถ้ามีโทรศัพท์ที่ฟังค์ชั่นใกล้เคียงกัน ราคาพอๆกัน อยู่ในตลาด แต่ไม่ห้ามอะไร
และคนที่เผลอซื้อมาแล้ว เอาไปขายคืนได้

สถิติการโยนไอ้แบรนด์ดังนั่นคืนจะมากแค่ไหน

By: Ishmael
iPhoneAndroidWindows
on 30 September 2009 - 15:11 #128257 Reply to:128205

ถ้าใช้แล้วไม่ถูกใจ ก็ขายทิ้งเสียก็หมดเรื่อง
ตลาดมือสอง คนหาซื้อกันตลอด
โทรศัพท์มีมากมายหลายยี่ห้อ....ให้เลือกซื้อเลือกใช้
เลือกจนกว่าจะพอใจ ค่อยซื้อมาใช้...ไม่ยาก
ไอ้แบรนด์ดัง หรือไม่ดังไม่เกี่ยว....ดังแล้วห่วย...ก็ดับได้
ของแบบนี้วัดที่ความพึงพอใจของผู้ใช้โดยรวมมากที่สุด
ว่าใครจะอยู่ในตลาดได้....แล้วมีลูกค้ามาซื้อเรื่อยๆ

By: mk
FounderAndroid
on 30 September 2009 - 10:48 #128188
mk's picture

ผมคิดว่าการนำ Mac กับ iPhone มารวมเป็นชุดเดียวกัน ไม่ใช่คำอธิบายที่เหมาะสมนะครับ

Mac แม้ว่าจะล็อคกับฮาร์ดแวร์ข้างล่างก็จริง แต่ด้านบน สามารถลงซอฟต์แวร์อะไรก็ได้ ไม่ต่างอะไรกับวินโดวส์ (ที่เปิดรับทั้งข้างบนข้างล่าง) ดังนั้น argument ที่ว่าวินโดวส์เปิดกว้างด้านซอฟต์แวร์ ทำให้ "ประสบการณ์ในการใช้งาน" เละ จึงใช้กับแมคได้เช่นกัน

ยิ่งถ้าพูดเรื่องอินเทอร์เฟซแล้ว คนที่ทำผิด HIG มากกว่าใครก็คือแอปเปิลเองด้วยซ้ำ ไม่มีใครอธิบายได้ว่าทำไมแอปเปิลถึงใช้ scrollbar สีแปลกๆ ใน iTunes หรือใช้ขอบหน้าต่างของ Safari ที่สีผิดกับชาวบ้าน ลำพังแค่นี้ผมก็ว่า "ความสับสนของการใช้งานอินเตอร์เฟซต่างๆ" เช่นกัน

กลับกัน ในกรณีของ iPhone นั้นล็อคทั้งข้างล่าง (ฮาร์ดแวร์) และข้างบน (ซอฟต์แวร์จาก App Store) ซึ่งก็คงจะต้องนำมาคิดแยกเป็นอีกกรณีหนึ่ง เป็นกรณีเดียวกับเกมคอนโซล รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เช่น Zune ด้วย

By: Soul_Master
Windows Phone
on 30 September 2009 - 11:18 #128195 Reply to:128188

I agree with you. +100

By: Zerothman
WriteriPhoneIn Love
on 30 September 2009 - 11:51 #128209 Reply to:128188

เห็นด้วยครับ :)

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 30 September 2009 - 21:38 #128346 Reply to:128188
hisoft's picture
  • ในกรณีของ iPhone นั้นล็อคทั้งข้างล่าง (ฮาร์ดแวร์) และข้างล่าง

หมายถึงข้างบนและข้างล่างหรือเปล่าครับ?

 

The Phantom Thief

By: mk
FounderAndroid
on 30 September 2009 - 21:43 #128349 Reply to:128346
mk's picture

โอ้ ใช่ๆ แก้ก่อน

By: AbandonPhuwan
Android
on 30 September 2009 - 22:05 #128360 Reply to:128188
AbandonPhuwan's picture

Safari สีผิดกับชาวบ้าน?
เอ่อ...ผิดยังไงเหรอครับ บังเอิญไม่เคยเห็น
ส่วน scrollbar ผมเดาว่าคงเป็นสิ่งที่จะมีอยู่ใน OS รุ่นต่อๆไปมั้งครับ (แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าใส่มาเลยทำไม?)

By: mk
FounderAndroid
on 30 September 2009 - 23:17 #128382 Reply to:128360
mk's picture

ลองดู Daring Fireball กับ Wikipedia

By: S.T.E.Y.R.C.
Ubuntu
on 30 September 2009 - 15:26 #128261

เหตุผลส่วนนึงของ Friend Code ของทางนินเทนโด ผมว่าไม่ได้เป็นปัญหาด้านเทคนิคเท่าไหร่ จุดประสงค์ของทางนินเทนโดส่วนนึงก็ตามในบทความ คืออยากให้เจอ ได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนกันเอง คล้ายๆ โปเกม่อนที่เพิ่งออกมาภาคล่าสุดที่นินเทนโดไม่ใส่อะไรเข้าไปในระบบออนไลน์ทั้งหมด ก็เพื่อที่อยากจะให้ผู้เล่นได้แลกเปลี่ยนกันแบบพบเห็นหน้า ได้พูดคุยกันมากกว่าอยู่หน้าจอในระบบออนไลน์

เรื่องความสะดวกอาจจะไม่ได้ แต่เรื่องอื่นๆ ได้ใจผมไปเต็มๆครับ

By: kohsija
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 1 October 2009 - 20:52 #128674
kohsija's picture

เป็นบทความที่ดีครับ

Kohsija