ไม่มีอะไรมากครับ แค่เคยได้อ่านบทความพวก คำว่า 'ทำการ' เป็นคำขยะ มาบ้าง เขาว่าคำว่า "ทำการ" มันไม่จำเป็น ใส่กับไม่ใส่ความหมายไม่ได้ต่างกันเลย เช่น
อินเทลได้ทำการชี้แจงว่า...
ไม่ได้ต่างกับ
อินเทลได้ชี้แจงว่า...
แต่ผมว่าการตีความว่าเป็น "ขยะ" มันดูรุนแรงไปหน่อย ผมคิดว่าบางทีใช้คำนี้มันก็ดูรื่นหูดี แต่ปัญหาคือบางทีเราใช้กันบ่อยไปหรือเปล่า? ผมเห็นข่าวหลาย ๆ ข่าวในช่วงเดือนที่ผ่านมามีคำนี้โผล่มาเยอะ เยอะจนเกินงาม
ผมตีความคำว่า "เยอะจนเกินงาม" เป็น "ฟุ่มเฟือย" ก็แล้วกัน ถ้านึกไม่ออกลองนึกถึงบทความที่ใส่ลงท้ายคำว่า "คะ" "ค่ะ" "ครับ" แทบทุกประโยค หรือเขียนชื่อคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่แทนชื่อว่า "เขา" หรือ "เธอ" หรือตัดออกไปเลย มันจะน่ารำคาญใช้ได้เลยทีเดียว
ขออนุญาตอ้างอิงข่าวของคุณ meawwat อย่าโกรธกันนะครับ ถือว่าผมไปคอมเมนต์ใต้ข่าวก็แล้วกัน ข่าวนี้มีคำว่า "ทำการ" ถึง 8 ที่ด้วยกัน ซึ่งอย่างน้อย 7 ใน 8 คำสามารถตัดออกได้โดยไม่เสียความหมายและความรู้สึกในการอ่านเลย (มีคำนึงอยู่ระหว่าง App Store และ copy ถ้าตัด "ทำการ" ออก ตอนอ่านเราจะรู้สึกติดขัดเล็กน้อย เพราะภาษาอังกฤษติดกัน 3 คำ แต่จริง ๆ มันมีความหมายแบ่งเป็นแค่ 2 กลุ่ม)
ในความรู้สึกผม ผมได้ยินคำพวกนี้บ่อย ๆ จากพวก pretty ตามงานต่าง ๆ และพวก DJ VJ หรืออะไรต่อมิอะไร J ทั้งหลาย ผมรู้สึกว่าฟังแล้วมันขัดหูพิกล เพราะพวกนี้จะใช้ถี่มาก ๆ
อยากทราบว่าท่านอื่นคิดว่ายังไงบ้างครับ รู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า?
ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องคำฟุ่มเฟือยนะครับ ผมดูที่รูปประโยค / เนื้อหาทั้งหมดเลยว่าได้ใจความไหม
พูดแบบเกรียนๆ เลยนะครับ โพสท์ของคุณอาจไม่มีคำฟุ่มเฟือย แต่เขียนได้เยิ่นเย้อมากครับ
+1 คือผม get ฟินเนเล่ไปตั้งแต่ 3 บรรทัดแรกแระ แต่คุณสามารถเขียนจาก 3 บรรทัดเป็นเกือบ 20 บรรทัดได้นี่ เจ๋งกว่าคนใช้คำฟุ่มเฟือยซะอีก ฮาา แซวเล่นนะคับ
ตอนฟินฯ นี่จบท่าสวยมั้ยครับ
อันนี้ยอมรับครับว่าจริง แต่ผมตั้งใจนะ เพราะถ้าจบแค่สามบรรทัดแรก คนอ่านจะรู้สึกว่าผมตั้งใจมาด่าคนใช้คำนี้แน่ ๆ แต่พอเพิ่มเข้ามาน่าจะทำให้รู้สึกเบาลงบ้าง เหมือนท่านที่ถูกอ้างอิงแหละครับ เขายังบอกเลยว่าเห็นหัวข้อปุ๊บสะดุ้งเลย ผมว่าถ้ามีแค่สามบรรทัดเขาโกรธผมแหงเลย ดีใจที่ไม่โกรธกันครับ ^^
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ไม่ซีเรียสครับ ติมาดีแล้วผมจะได้ปรับปรุง :)
โอ้ ... อ่านแล้วชื่นใจมากครับ ผมชอบนะที่เรายังเป็นห่วงความรู้สึกของคนที่เราไม่รู้จักกัน
ผมมีคติว่าไม่จำเป็นไม่สร้างศัตรูครับ และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ที่คนเราทะเลาะกัน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไม่เข้าใจกัน สาเหตุส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจกันก็คือพูดจากันห้วน ๆ สั้น ๆ จนแสดงออกถึงความรู้สึกได้ไม่ครบถ้วนครับ ดังนั้นถ้าทำได้ ผมจะเขียนยาวไว้ก่อน ไม่อ่านดีกว่าอ่านแล้วเข้าใจกันผิด ๆ ครับ
tldr (Too long. Don't read.) << tsmu (Too short. Misunderstand.)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ตอนเรียนมหาวิทยาลัยวิชาสัมนา อาจารย์บอกว่า ให้ตัดคำว่า "ทำการ" ออกให้หมด
ผมก็คิดในใจ งั้นคำว่า "ที่ทําการอําเภอ" ก็ต้องแก้เป็น "ที่อำเภอ" เฉยๆ สิ เหอะๆ
ปกติติดคำว่า ที่ว่าการอำเภอ (- - ")
[Blog ZeroEngine] [@ZeroEngines]
ที่ทำการไปรษณีย์ ก็จะกลายเป็น ที่ไปรษณีย์ สินะครับ :P
งั้นที่ทำงานไปรษณีย์ ดีมะ :)
ผมถือว่าเป็นคำฟุ่มเฟือยครับ ปกติผมก็พยายามตัดคำนี้ออกเหมือนกัน เว้นแต่มันจะช่วยให้ประโยคสวยขึ้นจริงๆถึงเก็บไว้
ที่เขาว่าคำขยะ เพราะใส่เยอะแล้วมัน "รก"
ที่เขาว่าฟุ่มเฟือย เพราะใส่พร่ำเพรือโดยไม่มีประโยชน์
หลายท่านไม่ได้เป็นนักเขียนมืออาชีพครับ ผมเองก็เขียนวกวนบ่อย บางทีรีบๆ เขียนมันก็จะวกวน ซ้ำซ้อนอย่างนี้ละครับ
เห็นด้วยที่ควรตัดออกบ้าง เพื่อความกระชับของเนื้อหา
พอเห็นหัวกระทู้ผมก็รีบกลับไปดูข่าวที่พึ่งโพสไปเมื่อกลางวันทันทีปรากฎว่าใช้คำนี้เยอะเกินไปจริงๆ (ตอนโพสก็รู้สึกว่ามันยาวไป) สงสัยกระทู้จะหมายถึงผม พอเข้ามาอ่านใช่จริงๆด้วยแฮะ - -"
กำลังคิดว่าควรกลับไปแก้หรือปล่อยไว้เป็นตัวอย่างเตือนใจตัวเองดี ยังไงก็ขออภัยด้วยครับคราวหน้าจะปรับปรุงให้ดีขึ้น
ปุ่มกดไลค์อยู่ไหน...
ขออภัยที่ยกคุณมาคนเดียว พอดีข่าวเพิ่งมาสด ๆ ร้อน ๆ เลยอ้างถึงซะเลย จริง ๆ เห็นมาหลายข่าว-หลายคนแล้ว แต่ไม่ได้จดไว้น่ะครับ ยินดีที่เข้าใจครับ ผมเองก็ต้องขอบคุณที่เขียนข่าวมาให้อ่านเสมอ ๆ ผมยังไม่มีปัญญาเขียนได้ซักข่าวเลย แค่ไม่โกรธกันก็ดีใจแล้วครับ -/|-
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ส่วนตัวก็อยากเขียนข่าวให้สั้นที่สุดครับ (ประหยัดเวลาคนเขียน คนอ่าน get เร็ว)
แต่บางทีก็มีหลุดมาบ้าง ยังไงผมก็จะพยายามทำการตรวจสอบถ้ารู้สึกว่าข่าวมันเยิ่นเย้อเกินความจำเป็นนะครับ ;P
"ยังไงผมก็จะพยายามทำการตรวจสอบ"
trolling for fun
เหมือนคำว่า I love you. กับคำว่า I do love you. ที่จะมีความหมายคล้ายกัน แต่ทว่า อย่างหลังดูหนักแน่นกว่า ผมคิดว่า "ทำการ" แสดงถึงความหนักแน่น และความพยายามของประธาน ในการทำกริยาครับ เช่น ตำรวจจับผู้ร้าย กับ ตำรวจทำการจับผู้ร้าย
ผมจำได้แม่นยำว่า วิชาภาษาไทยม.ปลาย ให้คำว่า ทำการ เป็นคำฟุ่มเฟือย แต่บางครั้งจะไม่ฟุ่มเฟือย
วิธีดูว่าฟุ่มเฟือยหรือไม่ให้ลองตัดคำว่า ทำการ ออกแล้วดูว่าความหมายที่ได้ยังครบถ้วนหรือไม่ ถ้าตัดได้ให้ตัด ถ้าตัดไม่ได้แสดงว่าไม่ฟุ่มเฟือย
ผมเข้าใจว่าพวกโฆษกหรือพริ้ตตี้งานต่างๆ ที่เค้าใช้คำว่าทำการเยอะๆ เพราะเค้ารู้สึกว่ามันทำให้เค้าพูดลื่นไหลครับ
คำฟุ่มเฟือย คือ คำที่ไม่จำเป็นต้องมี (ตัดทิ้งแล้วความหมายไม่เปลี่ยน)
คำว่า ทำการ เป็นทั้งคำฟุ่มเฟือย และ ไม่ใช่คำฟุ่มเฟือย
กรณีที่เป็น คำฟุ่มเฟือย เมื่อตัดทิ้งแล้ว จะไม่ทำให้ความหมายของประโยคเปลี่ยนไป (ไม่น่าจะเกี่ยวกับการทำให้พูดลื่นไหล หรืออื่นใด เป็นเรื่องของการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง มากกว่า ยิ่งเป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อการพูดในที่สาธารณะ หรือออกสื่อต่างๆ ย่อมต้อง ศึกษาการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น ถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้พูด)
การที่บางคนอาจรู้สึกไม่คุ้นเคย ที่ไม่มีคำว่า ทำการ ก็เป็นเพราะใช้แบบนั้นมาก่อน ลองเปลี่ยนมาใช้ให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทยให้เคยชิน แล้วจะพบว่า ถ้าใช้ ทำการ จะกลายเป็นไม่เคยชิน
กรณีที่ไม่เป็นคำฟุ่มเฟือย เช่น ที่ทำการไปรษณีย์ เป็นต้น
ตามที่เคยเรียนมา สำหรับคำว่า I do love you กับ i love you อาจดูเหมือนความหมาย ไม่แตกต่าง แต่การใส่ do เข้าไปเป็นการเน้น กริยา นั้นๆ ของผู้พูดเข้ามากขึ้น กรณีนี้ ก็จะเป็น ฉันรักเธอจริงๆ นะ (ไม่น่าจะเกี่ยวกับคำฟุ่มเฟือย)
คำประเภท ทำการ เช่น อาจจะ (อาจ เฉยๆ ก็ได้), ที่จะ (นึกออกแค่นี้ ตอนนี้)
ยืนยันว่า do เป็นการเน้นย้ำจริง ๆ ไม่ใช่ภาษาพูดด้วย มีอยู่ใน grammar ครับ แต่ผมเห็นด้วยกับคุณ Lazarus ว่าบางทีก็ให้ความรู้สึกเน้น ย้ำ ได้เหมือนกัน เข้าใจว่าเมื่อก่อนไม่มีแบบนี้หรอก แต่เดี๋ยวนี้เราคงใช้บ่อยจนรู้สึกไปอย่างนั้นแล้ว (เรียกว่าวิวัฒนาการของภาษาได้หรือเปล่าหว่า?) แต่อย่างที่บอก บางทีมันเยอะไปเลยดูเกินงาม
เสริมย่อหน้าสุดท้ายครับ
และรวม "ทำการ" ไปด้วยอีกคำ พูด 4 คำนี้บ่อย ๆ คุณจะเหมือนพริตตี้หรือ DJ ทันที ฮา..
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
Pretty หรือ DJ ที่มีคุณภาพก็มีครับ
แต่ถ้าให้เหมือน Pretty หรือ DJ ที่พูดแบบไม่รับผิดชอบต่อสังคม เหมือนแบบนั้น ก็ไม่เอา ฮา..
(เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้...นั่นแหละผิด ชอบครับ เหมือน หลักการใช้ภาษา ไม่ผิด แต่คนใช้..นั่นแหละผิด เอ..เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย)
วิวัฒนาการของภาษา ส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของการใช้ในภาษาพูด มากกว่า ในเรื่องของหลักภาษา หรือในการเขียน ซึ่งคนละหัวข้อกับ การใช้ภาษาที่ถูกต้อง
ขอฝากอีกคำหนึ่ง ที่ใช้แบบไม่ตรงความหมาย คือ
สนธิกำลัง (ค้นหาใน Google มีเยอะมาก)
ตามพจนานุกรม คำว่า สนธิ หมายถึง ที่ต่อ, การติดต่อ; การเอาศัพท์ตั้งแต่ ๒ ศัพท์ขึ้นไปมาเชื่อมเสียงให้กลมกลืนกันตามหลักที่ได้มาจากไวยากรณ์บาลีและสันสกฤต เช่น พจน + อนุกรม เป็นพจนานุกรม, ราช + อุปถัมภ์ เป็น ราชูปถัมภ์, นว + อรห + อาทิ + คุณเป็น นวารหาทิคุณ. (ป., ส.).
....ข้อความในตัวอย่างแรกนำคำ สนธิ มาใช้เป็นคำกริยา โดยต้องการจะสื่อความหมายว่า ร่วมกัน ส่วนข้อความที่ ๒ แม้จะใช้เป็นคำนามแต่ก็ต้องการสื่อความหมายว่า การรวมกำลัง ซึ่งข้อความทั้ง ๒ ข้อความใช้คำสื่อความไม่ถูกต้อง และไม่ตรงกับความหมายของคำ
ครูอาจารย์ที่สอนภาษาไทยมักจะให้นักเรียนจดจำหลักการเชื่อมเสียงของคำด้วย ข้อความที่คล้องจองว่า สมาสชน สนธิเชื่อม ซึ่งจากข้อความนี้เป็นการบอกให้ทราบว่า สนธิเป็นหลักของการเชื่อมเสียงไม่ใช่หมายถึงรวม
การนำคำมาใช้ไม่ถูกต้องตามความหมายเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ภาษาผิดเพี้ยนไป และเมื่อใช้กันอย่างผิด ๆ เป็นเวลานานโดยไม่แก้ไขให้ถูกต้องจนกลายเป็นที่ยอมรับ จะทำให้เข้าใจความหมายของคำผิดไป และหากไม่ทราบว่าความหมายที่ถูกต้องคืออะไร เมื่อมีผู้ใช้คำถูกต้องตรงตามความหมายก็จะคิดว่าผู้นั้นใช้คำผิด และอาจทำให้เยาวชนที่ไม่ทราบใช้ผิดตามไปด้วย
ภาษาสื่ออาจเป็นภาษาที่ต้องการนำเสนอสิ่งต่าง ๆ ให้โดดเด่นน่าสนใจ แต่ก็ควรเป็นภาษาที่ถูกต้อง เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้ติดตามข่าว.....
จาก http://kaewpanya.rmutl.ac.th/k2552/index.php?option=com_content&view=article&id=863:2009-09-10-05-08-13&catid=50:2009-08-24-03-03-28
สรุป ควรใช้ "รวมกำลัง" แทน "สนธิกำลัง"
ผมเคยเจอกลอนบทนี้ล่ะ :D
ชอบอ่ะ ^^
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
+555
อันนั้นก็เกินไปนะครับ