เรื่อง security update คงเป็นเรื่ีองธรรมดาของไมโครซอฟท์ แต่จะไม่ธรรมดาถ้าเป็นของวินโดวส์วิสต้าเบต้า 2!!
patch ที่จะออกมาจะแก้ไข 2 จุดคือ MS06-042 สำหรับ Internet Explorer และ MS06-051 สำหรับ Windows Kernel ซึ่งทั้งสองตัวมีระดับความสำคัญเป็น "Critical"
ทางไมโครซอฟท์ระบุว่าจะทำการออก security update กับความผิดพลาดที่มีระดับความสำคัญ "Critical" ทั้งหมดให้กับวินโดวส์วิสต้าตลอดช่วงการทดลองใช้ ซึ่งนั่นหมายความว่าตั้งแต่เบต้า 2 จนถึง release candidate นั้นจะมี security update ออกมาอัพเดทให้อุ่นใจ
ดีไม่ดีอาจจะมี Service Pack 1 ของตัว release candidate ให้ลงกันก่อนตัวจริงจะออก ซะงั้น
ที่มา - BetaNews
Comments
ถ้าไม่มีสิแปลก
เป็นยังงี้ ชิน ชิน ครับ :)
พี่แกคงโดนวิจาร์ณมากตอนออกXPรีลีสแรกอ่ะ บั๊กเพียบ คงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
อืมมมมม คงลดการออก full pack สำหรับ iso file มากกว่านะ คือไหนๆ ก็ออก beta มาแล้ว การที่จะนั่งลงใหม่ เรื่อยๆ ก็ทำ update pack เล็ก ๆ เพื่อที่ developer ที่ทำ demo ระบบ ต่อไปได้อย่างราบรื่น โดยที่ทดสอบได้โดยไม่ต้องไปโหลด iso ตัวใหม่เต็มๆ ใหม่ แล้วลงให้เสียเวลา เปลือง b/w ของเน็ตเล่นๆ (เยอะนะเฟ้ย หลาย GB อยู่) ซึ่งเป็นความคิดที่ดี
แล้วส่วนเรื่อง security update ผมว่ามันไม่ได้เป็นธรรมดาของ microsoft หรอก ผมว่ามันน่าจะเป็นธรรมดาของโลกของ software ทั้งหมดในตอนนี้มากกว่า หลายๆ คนยังไม่ชินกันอีก ? ทั้ง windows, office หรือแม้แต่ openoffice แต่ทำไมซอฟต์แวร์หลายๆ ตัวของ opensource มันต้องโหลดตัว full pack มาลงใหม่เสมอๆ ทั้งๆ ที่ update แค่ส่วนย่อยก็เพียงพอแล้ว ทำให้เสีย b/w เล่นๆ ทำไมก็ไม่เข้าใจ มีที่ดีหน่อยก็ firefox คิดออกแล้วทำเป็นตัวอย่างนะ
ดีๆ เดรียมพร้อม :-)
Debian ที่เป็น Unstable ยังมี update เลยไม่ใช่เหรอ? ก็น่าจะเหมือนๆ กันมั้ง ?
Ford AntiTrust: ถ้ามองในแง่ Distro แล้ว Windows ก็เหมือน Debian เปล่า? Debian ก็ไม่ได้ download ใหม่หมด ก็ upgrade เป็นส่วนๆ เหมือนกัน
แต่ว่า Windows ทำได้ละเอียดกว่า? ไม่รู้ MS เค้าทำไง? ทำแบบ rsync ปะ?
ถ้าแบบทำเองไปพลางๆ ก็อาจจะ ใช้ cvs update แล้ว rebuild เอาก็น่าจะประหยัด bandwidth ได้?
ถ้ามองผมว่ามอง Windows หรือ Distro ของ Linux เป็น OS ตัวหนึ่งไปเลย จะได้ง่ายน่ะครับ แล้วจากที่ดูใน Architecture ใน Longhorn Architecture แล้วเนี่ย เค้าแยกส่วนต่าง ๆไว้เยอะมากๆ แบ่งย่อยเพียบเลย ซึ่งผมมองว่ามันก็ตรงตาม software engineering นั้นแหละครับ ทุก component ทุก ๆ module แยกออกจากกัน ถ้า component อะไรเสียหรือมีรูโหว่ก็แก้แค่ตรงนั้น แล้วก็ update pack ก็แค่ทำ pack มาแก้ไขตรงส่วนนั้น อาจจะ pack component เป็น dll file หรืออะไรทำนอกนั้นแล้วก็ไปทำการ backup file เก่าแล้วก็ copy ตัว file ใหม่ลงไป
แล้วข่าวเก่าเรื่อง GUI แยกออกจาก kernel นั้นอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันกินระบบการแสดงผลสูงขึ้น แต่ก็ได้มาซึ่งความเสถียรในเรื่องของการทำงาน คงคล้ายๆ กับ Linux หรือ Unix ที่มี shell และ xWindows แยกออกจากกันนั้นแหละครับ xWindows หรือส่วน Presentation (View) มีปัญหา ก็แค่ start xWindows ใหม่ ก็จบ แต่ปัญหาคือในเมื่อ concept เดียวกันทำไมมันกินทรัพยากรต่างกันเยอะขนาดนั้น
ส่วน microsoft จะใช้อะไรที่คล้ายๆ กับ rsync หรือเปล่านี่ผมไม่แน่ใจครับ ;)
cvs หรืิอ svn มันตอบเรื่องการ rebuild ของการทำ software development ได้ดีครับ เพียงแต่ว่า ในเมื่อเราใช้ส่วนนี้แล้ว ทำไมเราไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นด้วยการทำ fullpack และ updatepack มาพร้อมๆ กัน ส่วนไหนไม่ได้มีการ update หรือแก้ไขก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน เพราะตลาดระดับองค์กรเค้าชอบการ update แบบ microsoft มากกว่าครับ มันเล็กและง่าย ยิ่งมีทำระบบ service update ที่สามารถตั้ง windows update service ให้โหลดภายในองค์กรโดยไม่ต้องต่อตรงเข้าเว็บ microsoft ด้วยนี่ยิ่งดีใหญ่เพราะไม่เปลือง b/w internet ครับ (คล้ายกับ internet cache นั้นแหละครับ) มี update ใหม่โหลดลง server ที่เป็น update services center แล้วก็กระจาย บอกแต่ละเครื่องให้เข้ามา update ไฟล์ไป มันทำให้การ update ง่ายขึ้น ซึ่งในไทยมีองค์ที่ทำแบบนี้น้อยครับ ส่วนใหญ่จะไม่รู้กัน
Ford AntiTrust: สมมุติว่า มี patch แก้ x.dll เขาก็จะส่ง x.dll มาใหม่ทั้งไฟล์เลยหรือเปล่า? หรือส่งมาแค่บางส่วน?
CVS และ SVN น่าจะมีประสิทธิภาพเวลาใช้กับ text file เท่านั้น? (เนื่องจาก program diff) สำหรับการ upgrade file ถ้าไม่ download มาทั้งไฟล์ใช้ rsync อาจจะดีกว่า? ถ้าใช้ rsync อาจจะมีคนลองทำไปแล้ว?
เท่าที่ search ดูก็มีคนอภิปรายกันเหมือนกันนะ ว่าจะใช้ rsync ดีหรือเปล่า เท่าที่อ่านๆ มาถ้าใช้ rsync มันอาจจะดีต่อ bandwidth แต่ว่ามันก็ใช้ cpu ของ server เยอะ หรือไม่งั้นอาจจะคำนวณไว้ก่อนก็ใช้ disk space เยอะอีก ตอนนี้ debian ก็ใช้ disk space เยอะ (มาก) อยู่แล้ว http://lists.debian.org/debian-devel/2000/02/msg00433.html
ก็อาจจะต้องมองหาวิธีอื่นต่อไป :-P อาจจะใช้ bittorrent แทน? สิ่งหนึ่งที่ทำได้ไม่ยากคือทำ package ให้เล็กๆ หน่อย ก็จะประหยัด bandwidth ไปเอง?
ส่วนเรื่องทำ cache นี่ debian ก็มี apt-proxy ให้ หรือบางที่ก็ทำ mirror ซะเลย :-) แต่ว่า hdd ขนาด 40 GB นี่ mirror ได้แค่ package ที่เป็น i386 :-P
แยกประเด็นเรื่อง Windows Vista ออกมาเลยละกัน :-)
สิ่งที่ให้ Windows Vista ช้ากว่า Windows XP อาจจะไม่ใช่ Windows Presentation Foundation อย่างเดียว?
ผมก็งงๆ เรื่อง WPF อย่างไรก็ตามเท่าที่ดูคร่าวๆ ขอบเขตของมันเหมือนจะเกินกว่า X-Window? อาจจะคล้าย X-Window กับ Cairo กับ GTK+ กับ libglade? แต่รวมๆ GNOME ทั้งชุดแล้วก็อาจจะใช้ memory น้อยกว่า Windows Vista อยู่ดี? -_-!
วันก่อนไปลองเล่นๆ ดูที่ ICT Expo ก็ไม่ช้านะ (แต่ว่าไม่รู้ Specs เครื่อง)
veer - ผมบอกตามตรงว่าไม่เคยลอง Vista สักที ด้วยเหตุที่ว่าหาเครื่องลงไม่ได้ ถึงจะมีเพื่อนๆ ที่มีแผ่นอยู่ แต่ก็ไม่มีใครลงสักคน เพราะ spec เครื่องไม่ถึงระดับ Aero Glass คือถ้าลงแล้วได้แค่ระดับล่างๆ ลง XP เหมือนเดิมดีกว่า แต่ก็อย่าง แต่ก็อย่างที่คุณ veer คิดหล่ะครับ ยังไงมันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นแหละ แต่มันก็ใช้ memory มากเกินไปหรือเปล่า ซึ่งผมว่าตอนนี้ microsoft เค้าคงนั่ง optimize กันหัวหมุนอยู่แหละ ส่วนเรื่องการ pack .dll ถ้าจำไม่ผิด ตอนผมลอง pack พวก update เล่นๆ ดู ถ้าเรา pack dll เนี่ย มันต้องยกทั้งไฟล์ไปเลยครับ ถ้า dll เราใหญ่นี่ก็ทำใจหน่อย แต่ dll ส่วนใหญ่เท่าที่เจอนะครับ ไม่เกิด 15MB อ่ะ และมันแค่ 1% ของทั้งหมดด้วยซ้ำ คือเจอน้อยมากๆ และกว่า 90% ไม่เกิน 1MB ด้วยซ้ำไป การที่ส่งไฟล์มาใหม่ทั้งน่าจะดีกว่า แต่ว่าส่วนใหญ่ dll กับ app file มันทำงานร่วมกัน อาจจะมีไฟล์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง dll, ini และอื่น ๆ ทำให้ไฟล์ update ดูใหญ่ขึ้น อย่างเรื่อง update security ของ jpeg ใน windows ก็แค่ update ไฟล์ gdiplus.dll ขนาด 1.6MB เพียงแค่ 1 ไฟล์เท่านั้น หรืออื่น ๆ บางส่วนที่บางครั้งก็แค่ 200KB หรือน้อยกว่านั้น
Ford AntiTrust: ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงใกล้เคียงกับ Debian เช่น ถ้าต้องการ upgrade jpeg ก็ upgrade แต่ libjpeg ก็พอ (หรือเปล่า?) ซึ่ง libjpeg ก็ดูเหมือนจะขนาดน้อยกว่า 200 KB
อย่าง GNOME ก็มี package เล็กๆ ให้ค่อยๆ upgrade ได้เต็มไปหมด (ไม่เหมือน OO.o :-P บางทีถ้า OO.o ทำ module ให้ย่อยๆ เหมือน GNOME ก็อาจจะพอแล้ว?)
veer - ครับ ;)
มาแก้ตัวสะกดให้นิด
X-Window ไม่มี s ครับ (ถ้ามี s จะโดนฟ้อง)
mk: lol
ถ้าชอบยาวก็เขียน X-Window System ก็ได้ หรือถ้าชอบสั้นมากก็เขียน X ตัวเดียวก็พอ หรือถ้าชอบสั้นแต่ไม่มากก็เรียก X11 หรือต้องการเน้นๆ ว่าตัวไหนก็ใส่ x.org ก็ได้ (มั้ง)
http://en.wikipedia.org/wiki/X-Window http://en.wikipedia.org/wiki/X.org