http://en.wikipedia.org/wiki/The_World_Is_Flat

ผมเป็นแฟนรายการ Business Connection ร่วมคิดร่วมสร้าง ต่อยอดธุรกิจ (ต้องฟังผู้จัดพูดเอง คำนี้จะได้อารมณ์มาก) ทาง FM 96.5 จันทร์ - ศุกร์ เวลา 12.30 - 14.00 จริงๆโดยงานของผมไม่น่าจะไปเป็นแฟนรายการประเภทนี้ได้ คงประเภทฟังเอามันส์ ซะมากกว่า รายการนี้มีการแจกไฟล์เอกสารความรู้เป็น PDF ไฟล์ โดยให้ส่ง e-mail มาทาง SMS แล้วก็ส่งไฟล์มาให้ ก่อนนี้ผมส่ง SMS ไปบ่อยๆ หลังๆ นี่ไม่ส่งไปเลยเพราะสงสารผู้จัด ที่ต้องส่งอีเมลล์จำนวนมาก ใช้เวลานานๆ ผมเองก็เคยส่ง SMS ไปถามว่าทำไม่ไม่ใช้ mailing list อุตส่าห์ไปลงทะเบียนที่ yahoo ไว้ให้ แล้วจะให้ password admin ก็ไม่ตอบกลับมา สงสัยจะไม่รู้จัก mailing list

เมื่อ 2 เดือนก่อนรายการมรการพูดถึงหนังสือเล่มนึงชื่อ The World Is Flat: โดย Thomas L. Friedman http://en.wikipedia.org/wiki/The_World_Is_Flat และมีการแจกไฟล์ สรุปเนื้อหา ให้เป็น PDF ผมขอตัดตอนบางส่วนมาดังนี้ ==================== การเชื่อมโยงกันของความรู้ทั้งหมดของมนุษยชาติจะก่อให้เกิดการก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษย์ แรง 10 อย่าง ที่กดโลกให้แบน 1. การพังทลายกำแพงเบอร์ลิน เป็นเหมือนการปลดปล่อยพลังงานที่ถูกขังอยู่ภายในอาณาจักรคอมมิวนิสต์มานาน เป็นการเปลี่ยนสมดุลไปสู่โลกแห่งประชาธิปไตยและการค้าเสรี นับเป็นการสิ้นสุดการต่อสู้ระหว่างทุนนิยมและสังคมนิยมด้วยชัยชนะของฝ่ายแรก เมื่อสังคมนิยมหายไป มนุษย์ก็ต้องอยู่กับทุนนิยมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง 2. การเปิดตัวของ Netscape ที่เปลี่ยนแปลงการเชื่อมระบบจาก PC-based เป็น Internet-based อันก่อให้เกิดผลที่สำคัญ คือการขยายตัวของการใช้อีเมล์ และ Web browser ที่สามารถหาข้อมูลที่อยู่บนอินเตอร์เน็ตมาแสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของทุกคนได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ยังตามมาด้วยการเปิดตัว Windows 95 ที่สามารถ support ระบบอินเตอร์เนตได้ในตัวมันเอง 3. Work flow software ช่วยให้ work flow ก้าวกระโดดไปข้างหน้า ยกตัวอย่าง ฝ่ายขายของบริษัทแห่งหนึ่ง รับออร์เดอร์ลูกค้าทางอีเมล์ แล้วก็ฟอร์เวิร์ดต่อไปยังฝ่ายขนส่งสินค้า เพื่อให้จัดส่งสินค้าแก่ลูกค้าพร้อมกับใบเสร็จที่พิมพ์ออกมาได้ทันที และเมื่อสินค้าถูกขายไปแล้วโปรแกรมเช็คสต็อคสินค้า ก็จะรู้เองโดยอัตโนมัติว่าต้องสั่งสินค้าตัวนี้มาสต็อคเพิ่ม มันจึงส่งคำสั่งไปยัง supplier ได้เองโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ดี การที่ฝ่ายต่างๆในบริษัทจะทำงานร่วมกัน (interoperate) ได้โดยไม่เกิดการติดขัดใน work flow ทุกฝ่ายในบริษัทจำต้องใช้ ระบบ software และ hardware ที่เหมือนกันทั้งหมด ในทำนองเดียวกัน การ interoperate ข้ามบริษัทก็ต้องใช้ระบบเดียวกันจึงจะต่อกันได้ 4. Open-Sourcing ยกตัวอย่างโปรแกรม Apache (อปาเช่) ที่เป็น shareware โปรแกรมเกี่ยวกับ e-commerce อันหนึ่ง ที่ใครๆก็ดาวน์โหลดได้ฟรีทางอินเตอร์เน็ต Apache เกิดจากการที่นักพัฒนา software หลายพันคนทั่วโลกร่วมกันทำงาน on-line พัฒนาโปรแกรมนี้ขึ้นมา มันเป็นตัวอย่างหนึ่งของ Open-source movement ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เท่านั้น คำว่า Open-Source มาจากแนวคิดที่บริษัทหรือกลุ่มคนได้เปิด source code (คือคำสั่งทางคอมพิวเตอร์ที่ทำให้โปรแกรมหนึ่งๆทำงานได้ บริษัทที่ทำโปรแกรมขายจะรักษาความลับของ source code ไว้ เพราะถือเป็นหัวใจของโปรแกรมแต่ละโปรแกรม) ให้ทุกคนสามารถใช้ได้บนอินเตอร์เน็ต เพื่อให้ใครก็ได้ มาช่วยกันปรับปรุง แล้วก็เปิดให้ดาวน์โหลดไปใช้ได้ฟรี มี Open-source movement หลักๆ 2 กระแส 1.) การแชร์ความรู้ (intellectual commons movement) คล้ายกับ network ของนักวิชาการ เพียงแต่เปิดกว้างให้ใครๆก็เข้าร่วมได้ ทำให้เพิ่มโอกาสที่จะมีคนเข้ามาแชร์ความรู้ และการพัฒนาขององค์ความรู้ ตัวอย่างเช่น การเขียน Weblog หรือการพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งของ สารานุกรมออนไลน์ wikipedia (ถ้าคุณยังไม่ค่อยแน่ใจว่า Weblog คืออะไร ก็ลองเข้าไปหาข้อมูลดูได้ที http://en.wikipedia.org/wiki/Main_Page ----ภาณุภาคย์) ที่เปิดโอกาสให้ทุกคน สามารถส่งข้อมูลเกี่ยวกับทุกๆหัวเรื่องเข้ามาเพิ่มเติม 2.) การร่วมกันพัฒนา free software (ดูตัวอย่าง Apache ที่กล่าวไปแล้ว) เป้าหมายแรกเริ่มคือ ให้มีคนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มาร่วมกันเขียน ปรับปรุง เผยแพร่โปรแกรมออกไปสู่ผู้ใช้โดยไม่คิดเงิน ซึ่งเป็นการทำให้ปัจเจกบุคคลมีพลังมากขึ้นด้วยการร่วมมือกันกับใครๆก็ได้ในโลกนี้ ตัวอย่างของ open-source free software ที่โด่งดังและประสบความสำเร็จที่สุด จนโคตรยักษ์อย่าง Microsoft ยังต้องปรายตามาดู ก็คือ Linux Operating System (ระบบปฏิบัติการลีนุกส์) หรือที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้ก็คือ web browser ที่ชื่อว่า Firefox

==================== Opensource เป็น กระแสโลกครับ ท่านรมต. สิ่งที่ท่านให้สัมภาษณ์มันไม่ใช่ถูกผิด ครับ คงไม่ต้องออกมาขอโทษอะไร มันคือวิสัยทัศน์ของท่าน คนที่มีวิสัยทัศน์แบบนี้ ไม่สมควรเป็น รมต.ไอซีที ครับ ผมเองขอแสดงคววามยินดีกับท่านด้วย ท่านดังแน่นอนครับ

http://digg.com/tech_news/Open_Source_condemned_by_Thai_Minister ผมกำลังรอ E-mail comment วิสัยทัศน์ของท่าน จากกลุ่มคนที่พัฒนา Opensource อยู่ หนึ่งในนั้น คือ http://www.sineapps.com/news.php?rssid=1465 เด็กหนุ่มอายุ 21 ที่ยังเรียนหนังสืออยู่ และได้รับการว่าจ้างเป็นพนักงงานของ Digium บริษัทที่พัฒนา Asterisk PBX opensource IPPBX ที่คาดว่าสะเทือนวงการโทรคม และเพิ่งได้รับเงินทุนจาก Matrix Partners venture capital จำนวน 13.8 ล้าน USD (http://www.sineapps.com/news.php?rssid=1416 )

สิ่งเหล่านี้ ท่านรมต. คงไม่สามารถจินตนาการไปถึงได้ครับ วิสัยทัศน์เช่นนี้ ไม่ได้ผิดอะไรครับถ้าเป็น อธิการบดี แต่ รมต.ไอซีที นี่คงจะไม่ไหวล่ะครับ ผมได้แต่สวดมนต์ภาวนาว่า 1 ปีนี้ขอให้ผ่านไปเร็วๆ ให้ท่านเอาเวลาไปทำอย่างอื่น อย่าได้มายุ่งกับ Opensource เลยครับ พวกผมอยู่กันได้ สวัสดีครับ

Get latest news from Blognone

Comments

By: revolution
AndroidUbuntu
on 19 November 2006 - 00:19 #13026

ผมก็เป็นแฟนรายการนี้เหมือนกัน มีอีกทีวันเสาร์ 5 ทุ่มที่ http://www.managerradio.com ครับ