เมื่อวานโนเกียจัดโฆษณาไปแล้ว วันนี้ไมโครซอฟท์ก็ออกโฆษณา Surface 2 มาอีกสองชุดด้วย โดยเนื้อหาเปรียบเทียบคุณสมบัติที่ Surface 2 มีแต่ใน iPad Air ไม่มี ซึ่งได้แก่
ดูโฆษณาได้ท้ายข่าวครับ
โนเกียออกโฆษณาแท็บเล็ต Lumia 2520 ตัวใหม่ โดยเปรียบเทียบคุณสมบัติบางอย่างกับแท็บเล็ตที่บางเบาเท่าดินสอ ซึ่งก็หมายถึง iPad Air นั่นเอง
เนื้อหาโฆษณาเป็นเรื่องของชายคนหนึ่งที่เพิ่งซื้อ iPad Air มาอวดเพื่อนฝูง แต่ต่อมาเขาพบข้อเสียสองอย่างคือมันไม่มีคีย์บอร์ดและแบตเตอรี่ก็อยู่ได้ไม่นานพอ ตอนท้ายของโฆษณาจบลงที่สาวผมบลอนด์ในกลุ่มที่เขาสนใจอยู่ เธอใช้แท็บเล็ต Lumia 2520 ซึ่งมีทั้งคีย์บอร์ดและมีแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานกว่า ทำให้ชายผู้นี้เปรยปิดท้ายว่าหรือเขาซื้อแท็บเล็ตผิดตัวกันแน่
ชมโฆษณาได้ท้ายข่าวครับ
ที่มา: WPCentral
หลังจากวันเปิดตัว iPad Air แอปเปิลไม่ได้ให้รายละเอียดว่า iPad mini รุ่น Retina Display จะวางจำหน่ายจริงเมื่อใด แต่อยู่ ๆ แอปเปิลก็เปิดวางจำหน่าย iPad mini รุ่นนี้ผ่านหน้าร้าน Apple Online Store ของตัวเองเมื่อซักครู่นี้ โดยเมืองไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถเลือกซื้อ iPad mini with Retina Display นี้ได้ทันที! ส่วน iPad Air ก็เริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อม ๆ กัน
iPad mini with Retina Display มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 13,400 บาทสำหรับรุ่น 16GB และสูงสุดที่ 23,900 บาทสำหรับรุ่น 128GB ส่วน iPad Air มีราคาเริ่มต้น 16,900 บาทสำหรับรุ่น 16GB และ 27,400 บาทสำหรับรุ่น 128GB
เป็นธรรมเนียมของสินค้าแอปเปิลที่หลังวางขายจะต้องถูกแยกชิ้นส่วนเพื่อหาต้นทุนการผลิต และตอนนี้แท็บเล็ตรุ่นใหญ่ตัวใหม่อย่าง iPad Air ก็ถูกประเมินต้นทุนโดย IHS Suppli เป็นที่เรียบร้อย
เริ่มต้นกันที่ต้นทุนรวมโดยประเมิน iPad Air ต้นทุนทั้งหมดอยู่ที่ 274 เหรียญ (ประมาณ 8,500 บาท) ในรุ่นถูกสุด และ 361 เหรียญในรุ่นแพงสุด เทียบกับรุ่นก่อนหน้าแล้ว iPad Air ถูกกว่าถึง 42 เหรียญด้วยกัน
ชิ้นส่วนที่แพงสุดของ iPad Air ยังคงเป็นหน้าจอที่ต้นทุน 90 เหรียญ (ผลิตโดยแอลจี และซัมซุง) รองมาเป็นส่วนควบคุมหน้าจอสัมผัสที่ 43 เหรียญ และชิปของ Qualcomm แพคมากับโมเด็ม LTE ต้นทุนอยู่ที่ 32 เหรียญ สำหรับชิป A7 นั้นต้นทุนอยู่ที่ 18 เหรียญ ซึ่งถูกลงจากรุ่นก่อนหน้าเช่นกัน
Primate Labs ได้เผยผลทดสอบ benchmark จากแอพ Geekbench 3 ของ iPad Air แล้ว ซึ่งคะแนนก็ออกมาตามที่แอปเปิลโม้ไว้คือ 2 เท่าเทียบกับ iPad รุ่นที่ 4
ผลทดสอบจากแอพ Geekbench 3 พบว่า iPad Air ได้คะแนนแบบซิงเกิลคอร์ 1465 คะแนน (มัลติคอร์ 2643 คะแนน) มากกว่า iPhone 5s ที่ได้คะแนนแบบซิงเกิลคอร์ 1400 คะแนน (มัลติคอร์ 2524 คะแนน) นิดหน่อย แต่ก็ทิ้งห่าง iPad รุ่น 4 ที่ได้คะแนนแบบซิงเกิลคอร์ 771 คะแนน (มัลติคอร์ 1408 คะแนน) ไปอย่างไม่เห็นฝุ่น
ส่วนสเปคของ iPad Air ที่ได้ทราบจาก benchmark คือใช้ชิพ Apple A7 ความถี่ 1.4GHz (มากกว่า iPhone 5s อยู่ 100MHz) ดูผลทดสอบได้ท้ายเบรคครับ
ที่มา - Primate Labs
เมื่อสักครู่นี้แอปเปิลได้ออกมารายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สี่ ประจำปี 2013 แล้ว โดยทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล ได้ออกมาบอกว่าเขาไม่มั่นใจว่า Retina iPad mini ที่แอปเปิลเตรียมวางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ จะมีสต็อคมากเพียงพอกับความต้องการหรือไม่
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาบอกว่าข้อจำกัดทางการผลิต ทำให้แอปเปิลไม่สามารถผลิต iPad mini รุ่นนี้ให้มากเพียงพอต่อความต้องการได้ สำนักข่าวบางแห่งอ้างว่า iPad mini จะหาซื้อได้ยากมากไปจนถึงต้นปีหน้า
จากการเปิดตัว iPad Air แท็บเล็ตรุ่นท็อปของแอปเปิล ก็มีนักข่าวไปถามความเห็นของ Steve Wozniak "Woz" ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิลถึงงาน Apps World ว่าคิดเห็นอย่างไรกับ iPad Air บ้าง
แน่นอนว่า Woz เองก็ไม่ได้บ่ายเบี่ยง ก่อนหน้านี้เขาเองก็วิจารณ์ผลิตภัณฑ์ และผลงานของแอปเปิลอยู่บ่อยๆ และสำหรับ iPad Air นั้น Woz บอกว่าโดยส่วนตัวเขาแล้ว มันยังไม่โดนเสียเท่าไหร่ เนื่องจากตัวเขาเองนั้นต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ แม้แต่งานคีย์โน้ตคราวนี้เขาก็ไม่ได้ดูเพราะอยู่ในระหว่างเดินทางบนเครื่องบิน สิ่งที่เขาต้องการจาก iPad รุ่นใหม่คือความจุที่มากขึ้น
หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสองวันก่อน วันนี้แอปเปิลได้ปล่อยโฆษณาตัวใหม่ของ iPad Air ตัวใหม่ "Pencil" โฆษณาตัวนี้สื่อถึงความสามารถที่มากมายบนความเรียบง่าย ชูจุดเด่นในเรื่องของขนาดและน้ำหนัก ด้วยการนำ iPad Air มาวางเทียบกับดินสอ และมีฉากหลังเป็นงานประเภทต่างๆ เน้นความเข้าใจง่ายเหมือนเดิมตามสไตล์แอปเปิล
วันนี้ Frank Shaw ประธานอาวุโสฝ่ายการติดต่อสื่อสารของไมโครซอฟท์ ได้เขียนบล็อกลงใน The Official Microsoft Blog เพื่อโจมตีซอฟต์แวร์ iWork ของแอปเปิลและ iPad รุ่นใหม่โดยเฉพาะ มีเนื้อความสำคัญ ดังนี้
ในที่สุดพระเอกของงานประจำวันนี้ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ iPad รุ่นใหม่ที่ปรับการออกแบบไปในแนวทางเดียวกับ iPad mini มีขอบหน้าจอบางลง ฝาหลังไม่ได้เว้าเข้าตรงกลาง และขัดขอบตัวเครื่องให้เงาแล้ว ในชื่อใหม่เสียด้วยอย่าง iPad Air
iPad Air มาพร้อมกับตัวเครื่องที่บางลงมากเหลือเพียง 7.5 มม. บางลง 20% สำคัญที่สุดอยู่ที่น้ำหนักเพียง 469 กรัมเท่านั้น! (สำหรับรุ่น Wi-Fi) ในขณะที่หน้าจอเท่าเดิม 9.7" บนความละเอียด 2048x1536 พิกเซล
สเปคอื่นๆ ไม่ตื่นเต้นนัก ค่อนข้างใกล้เคียงกับ iPhone 5s อย่างซีพียู Apple A7 รองรับการประมวลผลแบบ 64 บิต และชิปประมวลผลร่วม M7 รองรับ WiFi with MIMO แต่ยังเป็น 802.11n กล้องหลังเท่าเดิมที่ 5 เมกะพิกเซล ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง