แอปเปิลเปิดตัว iPad Air ที่มีดีไซน์ใหม่ตามที่หลุดคือเหมือน iPad Pro มากขึ้น ขนาดหน้าจอที่ 10.9 นิ้ว (2360 x 1650) แพแนลเป็น LCD แบบ Truetone และเคลือบด้วยสารกันสะท้อน ขณะที่ Touch ID ย้ายมาอยู่ที่ปุ่มล็อกหน้าจอด้านบนตัวเครื่องแทน

ชิปเซ็ตเป็น A14 Bionic ตัวใหม่ 6 แกน (2 big 4 little) จีพียู 4 แกน ใช้สถาปัตยกรรมการผลิต 5 นาโนเมตร พร้อมชิปเร่งความเร็วการประมวลผล machine learning ภายใน ที่สำคัญคือมาพร้อม USB-C (หัวชาร์จ 20W) และรองรับ Apple Pencil 2 แล้ว โดยสามารถชาร์จได้ที่ขอบด้านข้างตัวเครื่องเหมือนบน iPad Pro และลำโพงเป็นแบบคู่บนล่าง

ก่อนงานอีเวนต์ของแอปเปิล Time Flies จะเริ่มต้นในคืนนี้ ก็มีรายงานโค้งสุดท้ายออกมา ว่าแอปเปิลน่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใดบ้าง และผลิตภัณฑ์ใดที่อาจจะยังไม่เห็นในงานคืนนี้ รวบรวมมาให้ดูกันดังนี้ โดยเป็นข้อมูลจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg และ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ขาประจำ

ทวิตเตอร์ @duanrui1205 ที่มักปล่อยข้อมูลหลุดของมือถือจากโรงงานในประเทศจีน ล่าสุดเปิดเผยรูปคู่มือ iPad Air 4 เป็นภาษาสเปน พร้อมข้อความระบุว่า “ใช้ Touch ID บนปุ่มด้านบนของตัวเครื่อง เพื่อปลดล็อก iPad Air” พร้อมแสดงดีไซน์เบื้องต้นคล้าย iPad Pro คือขอบบาง ไม่มีปุ่มโฮม ชาร์จด้วย USB-C แทนพอร์ต Lightning และมี Smart Connector ด้านหลัง

แอปเปิลประกาศโครงการซ่อมฟรี โดยคราวนี้เป็น iPad Air 3rd Gen (เริ่มจำหน่ายปีที่แล้ว) ซึ่งแอปเปิลระบุว่ามีเครื่องจำนวนหนึ่ง พบปัญหาหน้าจอดับไปเลย โดยก่อนหน้าอาจแสดงอาการจอกะพริบแล้วจึงดับไป

ทั้งนี้ iPad รุ่นที่ได้รับผลกระทบมีเฉพาะ iPad Air 3rd Gen เท่านั้น รุ่นอื่นไม่มีปัญหาดังกล่าว และต้องเป็นลอตที่ผลิตในช่วงมีนาคม 2019 - ตุลาคม 2019

ลูกค้าที่พบปัญหาดังกล่าว สามารถติดต่อศูนย์ AASP หรือ Apple Store เพื่อรับการซ่อมแซมฟรี (รายละเอียด)

เมื่อวานนี้เป็น iPad mini 5 คราวนี้ก็ถึงคราวที่ iFixit จะแกะ iPad Air ตัวใหม่ (iFixit เรียก iPad Air 3) โดยข้อสรุปของ iFixit ก็คือ iPad Air รุ่นนี้ ไม่ใช่ iPad Air รุ่นเดิมที่อัพเกรด แต่เป็น iPad Pro รุ่นจอ 10.5 นิ้ว ที่เลิกขายไปแล้วมาเปลี่ยนชื่อใหม่มากกว่า

เพราะผลการแกะนั้น iFixit พบว่าการจัดวางตำแหน่งชิ้นส่วนแตกต่างจาก iPad Air รุ่นก่อนหน้า แต่คล้ายคลึงกับ iPad Pro มากกว่า แบตเตอรี่เป็นแบบ dual-cell ความจุ 30.8Wh ซึ่งใหญ่กว่าทั้ง iPad Pro จอ 10.5 นิ้ว และ iPad Air 2 รวมทั้งชิปต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามา เพื่อให้รองรับ Apple Pencil และคีย์บอร์ดเสริม ก็วางตำแหน่งเหมือนกับ iPad Pro

จากการเปิดตัว iPad ที่มีการอัพเกรดสองรุ่นเมื่อวาน ก็มีข้อสังเกตว่าไลน์สินค้า iPad นั้นมีความหลากหลาย ขณะเดียวกันบนความหลากหลายก็ชวนสับสนอยู่ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะสำหรับคนที่กำลังจะซื้อ iPad เครื่องแรก น่าจะรู้สึกเลือกยากมากเลยทีเดียว ซึ่งก็มีสื่อหลายสำนักให้ข่าวเห็นไว้น่าสนใจ

ก่อนอื่นมาดู iPad 2 รุ่นใหม่ที่เปิดตัวเมื่อวานนี้ได้แก่

• iPad Air (2019) หน้าจอ 10.5 นิ้ว ถูกนำมาทดแทน iPad Pro รุ่นหน้าจอ 10.5 นิ้ว ซึ่งเลิกขายไป
• iPad mini 5 หน้าจอ 7.9 นิ้ว อันนี้ตรงไปตรงมา คือแทนที่ iPad mini 4

ส่วน iPad อีก 3 รุ่นวางจำหน่ายคือ

นอกจาก iPad mini 5th Gen แล้ว แอปเปิลยังเปิดตัว iPad Air รุ่นใหม่ด้วย ซึ่งถือเป็นการอัพเดตไลน์สินค้าก่อนงานอีเวนต์ในสัปดาห์หน้า ที่น่าสนใจคือแอปเปิลกลับมาใช้ชื่อ iPad Air อีกครั้ง หลังจากหยุดใช้ชื่อนี้ไปตั้งแต่การเปิดตัว iPad รุ่นปี 2017 โดยตอนนั้นกลับไปเรียกว่า iPad สั้น ๆ แทน

เว็บไซต์ 9to5 Mac รายงานว่าแอปเปิลเริ่มใช้นโยบายเปลี่ยนเครื่อง iPad 4 ให้กับลูกค้าที่มีประกัน Applecare และต้องซ่อมทั้งเครื่องหรือมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ ให้เป็น iPad Air 2 แทน เนื่องจากสต๊อคของ iPad 4 หมดลงไปแล้ว

นโยบายนี้เริ่มใช้มาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยลูกค้าที่ได้รับการเปลี่ยนเครื่องเป็น iPad Air 2 จะได้รับการอัพเกรดความจุของ iPad ไปด้วยกลายๆ เนื่องจาก iPad Air 2 ที่ยังมีสต๊อคอยู่นั้นเป็นรุ่นความจุ 32GB และ 128GB

ที่มา - 9to5Mac

ถัดจากการเปิดตัว iPad Pro 9.7 นิ้ว แอปเปิลก็ประกาศลดราคา iPad ดั้งเดิมสองตัว คือ iPad mini 2 เหลือ 9,900 บาท (269 ดอลลาร์) ขณะที่ iPad Air 2 ลดราคาจาก 16,900 บาท (499 ดอลลาร์) เหลือ 14,400 บาท (399 ดอลลาร์)

ขณะที่ประกาศลดราคาชื่อ iPad ที่แสดงบนเวทีกลับแสดงเพียง iPad mini เท่านั้น แต่หลังจบประกาศก็ยังมีทั้ง iPad mini 2 และ mini 4 ขายคู่กันเหมือนเดิม ที่ประหลาดคือราคาในไทย iPad mini 4 จะอยู่ที่ 13,400 บาท ทั้งที่ราคาในสหรัฐฯ เท่ากับ iPad Air 2

iPad mini 2 เปิดตัวตั้งแต่ปี 2013 การปรับลดราคาเช่นนี้เราคงเห็นมันวางขายไปอีกระยะครับ

ใกล้ถึงงานเปิดตัวสินค้าใหม่รอบต้นปีของแอปเปิลที่ลือกันไว้เป็นเดือนมีนาคมนี้ ก็เริ่มมีข่าวหลุดออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีรายงานชิ้นใหม่ระบุว่าไลน์อัพแท็บเล็ตของแอปเปิลจะถูกเปลี่ยนอีกครั้ง โดยมี iPad Air ที่จะโบกมือลาหลังจากไม่อัพเดตมาตั้งแต่ปี 2014

ในรายงานล่าสุดเผยว่าในงานเปิดตัวมีนาคมนี้ แอปเปิลจะเปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นใหม่เป็น iPad Pro หน้าจอ 9.7" ที่ออกมาแทน iPad Air ซึ่งการเปลี่ยนซีรีส์นอกจากจะได้อัพเกรดสเปคแล้ว ยังได้ฟีเจอร์เพิ่มเติมเทียบเท่ารุ่นใหญ่ทั้งแรม 4GB, ลำโพงสี่ตัว รวมถึงรองรับ Apple Pencil ด้วย

ช่วงนี้มีข่าวลือเกี่ยวกับงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของแอปเปิลที่คาดว่าจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม ล่าสุด เว็บไซต์ DigiTimes รายงานข้อมูลจาก General Interface Solution และ TPK บริษัทรับผลิตจอภาพจากประเทศไต้หวัน ที่ได้เผยว่า iPad รุ่นใหม่จะมาพร้อมหน้าจอ 9.7 นิ้ว ความละเอียด ระดับ 4K, แรม 4 GB และปรับปรุงด้านอายุการใช้งานแบตเตอรี่

แต่ทั้งนี้ฟีเจอร์ 3D Touch ที่เปิดตัวพร้อมกับ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus จะยังไม่มาบน iPad รุ่นใหม่ เนื่องด้วยกระบวนการการผลิตที่ยากขึ้นสำหรับอุปกรณ์หน้าจอใหญ่

9to5mac รายงานข่าวลือล่าสุดว่าในเดือนมีนาคมนี้ นอกจากแอปเปิลจะออก iPhone 5se และ Apple Watch รุ่นปรับปรุงย่อย เรายังจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่อีกตัวคือ iPad Air 3

ปีที่แล้วแอปเปิลไม่ได้อัพเกรด iPad Air 2 แต่หันไปทำ iPad Pro กับอัพเกรด iPad mini แทน ตามข่าวบอกว่า iPad Air 3 ตัวใหม่อาจมีแฟลช LED ที่กล้องหลังเพื่อช่วยการถ่ายรูปให้ดีขึ้น และอาจเป็นไปได้ว่ามันจะใช้กับปากกา Apple Pencil ได้ด้วย

ที่มา - 9to5mac

ในงานอีเวนท์เมื่อคืนนี้ มีหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับ iPad Air และ iPad mini รุ่นใหม่ที่ทางแอปเปิลไม่ได้พูดถึงใน Keynote ซึ่งก็คือการที่ iPad Air 2 และ iPad mini 3 รุ่น Wi-Fi + Cellular จะมาพร้อมกับซิมของทางแอปเปิล ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเครือข่ายได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนซิมให้ยุ่งยาก

รายละเอียดเท่าที่มีตอนนี้คือซิมของแอปเปิลที่มาพร้อมกับ iPad รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกแพลนการใช้งานดาต้าในระยะสั้น (short-term plan) จากผู้ให้บริการเครือข่าย โดยไม่ต้องผูกกับสัญญาระยะยาว ซึ่งในเบื้องต้นดูเหมือนจะใช้ได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรก่อนเท่านั้น

แม้ว่าวันนี้แอปเปิลจะเปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นใหม่ทั้ง iPad Air 2 และ iPad mini 3 แต่ทว่ารุ่นก่อนหน้าของทั้งสองซีรีส์นี้ยังคงวางขายอยู่ดังเดิม (รวมถึง iPad mini รุ่นแรกด้วย) โดยลดราคาลงไปพอสมควร ไล่ตามรุ่นดังนี้ครับ

เปิดตัวอย่างเป็นทางการตามคาดสำหรับ iPad Air 2 แท็บเล็ตจอใหญ่รุ่นใหม่ของแอปเปิลที่ยังคงเน้นความบางเช่นเคย (ของเดิมก็บางมากอยู่แล้ว) และยังเพิ่มฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยแบบสะดวกนิ้วอย่าง Touch ID มาเป็นครั้งแรกของซีรีส์ iPad อีกด้วย

อย่างที่บอกไปว่า iPad Air 2 เน้นความบางเป็นพิเศษ เทียบกับรุ่นก่อนแล้วบางกว่ากัน 18% ไปอยู่ที่ 6.1 มม. ซึ่งแอปเปิลเทียบกับดินสอไม้ว่า iPad Air เนี่ยบางเสียยิ่งกว่าดินสอไม้อีกนะ (มีเปรียบเทียบกับ iPad รุ่นแรกด้วยการวางสองเครื่องซ้อนกันก็ยังบางกว่า)

สเปคของ iPad Air นั้นตรงเป๊ะกับที่หลุดมาจากข่าวลือช่วงหลังๆ ดังนี้ครับ

แอปเปิลเผลอหลุดภาพและข้อมูลของ iPad Air 2 และ iPad mini 3 ในคู่มือการใช้งาน iOS 8.1

จากภาพ iPad Air 2 และ iPad mini 3 จะมีปุ่มโฮมเป็นเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ Touch ID แน่นอนแล้ว ส่วนหน้าตาและการออกแบบภายนอกยังเหมือนรุ่นก่อนแทบทุกประการ ฟีเจอร์ใหม่อีกตัวที่ระบุคือ iPad Air 2 จะได้โหมดถ่ายภาพ Burst Mode ที่เคยมีครั้งแรกใน iPhone 5s ด้วย

เอกสารหลุด iOS 8.1 ออกมาแบบนี้ ก็คาดว่างานแถลงข่าวคืนนี้ของแอปเปิลจะออก iOS 8.1 เพิ่มมาอีกอย่างด้วยครับ

ที่มา - 9to5mac

ใกล้ถึงงานของแอปเปิลวันที่ 16 ซึ่งคาดกันว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายชิ้น หนึ่งในนั้นคือ iPad Air รุ่นใหม่ที่เคยมีข่าวลือถึงสเปคที่อัพเกรดขึ้นอย่างมาก ตอนนี้ก็มีภาพยืนยันถึงสเปคที่เพิ่มขึ้นออกมาให้เห็นกันจะๆ แล้ว

ภาพบอร์ดของ iPad Air รุ่นใหม่หลุดมาจากเว็บไซต์ไต้หวัน Apple.club.tw เผยให้เห็นถึงชิปตัวใหม่ที่เป็น Apple A8X อย่างแน่นอนแล้ว เหนือขึ้นไปเป็นแรมจาก Elpida ที่คาดว่าจะความจุเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2GB (ที่มาพูดถึงเลขรหัสตัวที่สองที่ควรจะเป็น 8 ถ้าหากแรม 1GB ซึ่งในภาพน่าจะเป็น A ซึ่งหมายถึง 2GB มากกว่า)

Bloomberg รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวไม่เปิดเผยว่า iPad Air รุ่นต่อไปที่ถูกคาดว่าจะเปิดตัวช่วงปลายเดือนนี้ จะมาพร้อมฝาหลังสีทองแบบเดียวกับ iPhone 5s

คาดว่าที่แอปเปิลเพิ่มตัวเลือกสีเข้ามาในไลน์ของ iPad ก็เพื่อกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้น หลังจากที่ลดลงในขวบปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ไม่มีรายงานว่า iPad รุ่นเล็กอย่าง iPad Mini รุ่นต่อไปจะมีตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่

ที่มา - Bloomberg

มีข่าวลือว่าเดือนหน้าแอปเปิลเตรียมจัดงานอีกรอบ โดยคาดว่าจะเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ OS X Yosemite ซึ่งตอนนี้มีรายละเอียดออกมาบ้างแล้ว

รายงานชิ้นดังกล่าวระบุว่า iPad Air 2 แท็บเล็ตจอใหญ่ของแอปเปิลที่นอกจากจะบางลงแล้ว จะได้อัพเกรดสเปคไปใช้ระดับเดียวกับ iPhone 6 ด้วยชิป Apple A8 และยังอัพเกรดแรมเป็น 2GB อีกด้วย รวมถึงจะใส่ Touch ID เป็นครั้งแรกในซีรีส์ iPad แล้ว แต่จะยังแบ่งรุ่นตามหน่วยความจำเป็น 16GB, 32GB, 64GB และ 128GB ดังเดิม

บทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่สนใจจะซื้อ Surface Pro 3 โดยเฉพาะคนที่กำลังชั่งใจระหว่างรุ่นต่ำสุดที่มากับ Core i3 และรุ่น Core i5 ครับ

เว็บไซต์ AnandTech เปิดเผยผลทดสอบแท็บเล็ตตระกูล Surface Pro จากไมโครซอฟท์ และ MacBook Air จอ 13 นิ้วรุ่นต้นปี 2014 จากแอปเปิล แท็บเล็ตจากไมโครซอฟท์ที่เข้าทดสอบคือ Surface Pro, Surface Pro 2 และ Surface Pro 3 สองรุ่นย่อย ดังนี้

• รุ่น Core i3 ที่มากับ Core i3-4020Y ที่ 1.5 กิกะเฮิรตซ์, SSD 64 กิกะไบต์
• รุ่น Core i5 ที่มากับ Core i5-4300U ที่ 1.9 กิกะเฮิรตซ์ (Turbo Boost สูงสุด 2.9 กิกะเฮิรตซ์) SSD 128/256 กิกะไบต์

คำเตือน: ภาพเยอะมาก

หลังจากที่ช่วงนี้พื้นที่สื่อมีแต่ข่าวหลุดของ iPhone รุ่นต่อไปของแอปเปิล ล่าสุดมีภาพหลุดของ iPad Air รุ่นต่อไปออกมาบ้างแล้ว เรียกได้ว่ามีแนวโน้มตรงตามข่าวลือก่อนหน้าทุกประการ เพราะดูจากรูป (ท้ายข่าว) แล้ว iPad Air 2 น่าจะมาพร้อมกับ Touch ID จริงดังคาด

ในปีนี้แอปเปิลอาจจะทำการปล่อย iPad Air รุ่นใหม่ออกมาอีกครั้ง และจะเลื่อนการเปิดตัว iPad Pro ขนาด 12.9 นิ้วและ iPad mini รุ่นใหม่ออกไปปีหน้า โดย iPad Air รุ่นใหม่นี้น่าจะมาพร่้อมกับเซ็นเซอร์อ่านลายนิ้วมือ Touch ID และชิป Apple A8 และจะเป็นแท็ปเล็ตเพียงรุ่นเดียวที่แอปเปิลเลือกที่จะเปิดตัวภายในปีนี้

Ming-Chi Kuo จาก KGI Securities ซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลในครั้งนี้ ได้ออกมาบอกว่าแอปเปิลมีแผนที่จะปล่อย iPad Air ใหม่ภายในครึ่งแรกของปีนี้ และจะเร่งพัฒนา iPad รุ่นที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 12.9 นิ้วออกมา อีกทั้งยังมีทีมงานหลายส่วนที่ต้องไปพัฒนา iWatch แทน ทำให้ทรัพยากรไม่เพียงพอต่อการพัฒนา iPad mini รุ่นใหม่

หลังจาก iPad Air โดนโฆษณาจากแท็บเล็ตคู่หูฝั่งไมโครซอฟท์จิกกัดไปก่อนหน้าแล้ว ก็ถึงคิวของ Amazon ลงมาเล่นในเกมนี้บ้าง โดยส่งแท็บเล็ตใหม่เอี่ยมของตัวเองอย่าง Kindle Fire HDX 8.9 มาเทียบกับ iPad Air ว่าเหนือกว่าอย่างไรบ้าง

ในโฆษณาเป็นการชนกันตรงๆ ในแง่ของสเปค โดยฝั่ง Amazon บอกว่า Kindle Fire นั้นทั้งความละเอียดหน้าจอมากกว่า (2560x1600 พิกเซล) คมชัดกว่าเพราะหน้าจอเล็กกว่า และยังเบากว่า iPad Air ถึง 20% แถมคนให้เสียงฝั่ง iPad Air ยังเลียนแบบเสียงสำเนียงอังกฤษของ Jonathan Ive ซึ่งมักปรากฏตัวในวิดีโอโฆษณาสินค้าของแอปเปิลอีกด้วย

ข้อมูลล่าสุดจาก InfoScout สำนักวิจัยตลาดแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่าในเทศกาล Black Friday (เทศกาลจับจ่ายสินค้าในช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้า) สินค้าตระกูล iPad สามารถสร้างยอดขายได้ดีที่สุดในช่วงนี้

โดยสินค้าที่ขายดีที่สุดอันดับหนึ่งในห้าง Target ตามการวิเคราะห์ของ InfoScout ระบุว่าเป็น iPad Air รุ่น Wi-Fi ขนาดความจุ 16 GB (ที่ราคาในเทศกาลนี้ลงเหลือ 479 ดอลลาร์สหรัฐ) 8.2% รองลงมาก็คือ iPad mini รุ่น Wi-Fi ความจุ 16 GB 7.5% ขณะที่อันดับ 3 คือ iPad Air รุ่น Wi-Fi ความจุ 32 GB 2.4%

เมื่อวานโนเกียจัดโฆษณาไปแล้ว วันนี้ไมโครซอฟท์ก็ออกโฆษณา Surface 2 มาอีกสองชุดด้วย โดยเนื้อหาเปรียบเทียบคุณสมบัติที่ Surface 2 มีแต่ใน iPad Air ไม่มี ซึ่งได้แก่

• สั่งงานโดยไม่ต้องแตะสัมผัสหน้าจอเมื่อเปิดตำราทำอาหาร ขณะที่ iPad Air ต้องใช้การสั่งงานด้วยเสียงแทน ซึ่งสถานการณ์สมมติอย่างในห้องครัว เป็นเรื่องยากที่จะให้บรรยากาศรอบๆ เงียบพอในการใช้งาน
• รองรับการใช้งานหลายบัญชีผู้ใช้ ซึ่งเหมาะสำหรับพ่อแม่ในการควบคุมลูกเวลาใช้งาน รวมถึงตรวจสอบข้อมูลการใช้งานของลูกได้ด้วย ขณะที่ iPad Air ไม่มีคุณสมบัติแยกผู้ใช้งานแบบนี้

ดูโฆษณาได้ท้ายข่าวครับ