ข่าวนี้เป็นเรื่องต่อเนื่องของดีล Elon Musk ซื้อ Twitter ที่ล่าสุด Musk บอกว่าเขาอาจซื้อกิจการด้วยมูลค่าที่ลดลงจากราคา 44,000 ล้านดอลลาร์ ที่เสนอตอนแรก เนื่องจากต้องการตรวจสอบจำนวนบัญชีที่เป็นบอตใหม่ หลังจาก Twitter ยื่นเอกสารต่อ SEC ระบุว่าบัญชีบอตมีน้อยกว่า 5% ของบัญชีประเภท mDAUs ทั้งหมด
เริ่มจาก Parag Agrawal ซีอีโอ Twitter ได้ทวีตชุดใหญ่อธิบายหลักการตัดสินใจว่าบัญชีผู้ใช้งานนั้นเป็นสแปมหรือไม่ บอกว่าการสรุปว่าบัญชีนั้นเป็นสแปมหรือไม่ ไม่สามารถทำได้ตรง ๆ แบบ binary (ใช่/ไม่ใช่) เพราะหลายบัญชีใช้งาน เป็นการทำงานผสมกันทั้งคนจริงและใช้ระบบอัตโนมัติช่วย สูตรที่ใช้แยกแยะวันนี้ อาจใช้ไม่ได้ในวันถัดไป Twitter เองมีการแบนบัญชีน่าสงสัยมากกว่าครึ่งล้านทุกวัน ซึ่งบัญชีเหล่านี้ต้องพิสูจน์ว่าเป็นคนจริง ๆ
เขาอธิบายต่อว่า กระบวนการตรวจสอบนั้น ส่วนหนึ่งมีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น IP, หมายเลขโทรศัพท์, พิกัด, ค่าเบราว์เซอร์ ซึ่งช่วยแยกบัญชีจริงและสแปมออกได้มาก แต่เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลจึงไม่สามารถลงรายละเอียดได้ เขายอมรับว่าวิธีการดังกล่าวไม่สมบูรณ์แบบ แต่ Twitter ยังปรับปรุงการทำงานนี้ตลอด จริงเป็นที่มาของตัวเลขน้อยกว่า 5% ของ mDAUs ซึ่งเป็นตัวเลขประเมินเบื้องต้นเท่านั้น
Elon Musk ตอบ Agrawal ทางทวิตเตอร์ว่าการชี้แจงแบบนี้ 💩 จากนั้นทวีตต่อว่า ผู้ซื้อโฆษณาจะทราบได้อย่างไรว่าเงินที่จ่าย ไปถึงคนดูตรงไหน และเรื่องนี้เป็นพื้นฐานสำคัญต่อโครงสร้างรายได้ Twitter ด้วย
ต่อมา Musk ทวีตว่าจากการตรวจสอบเขาพบว่าบัญชีบอต (ปลอม/สแปม) มีมากกว่า 20% ของบัญชีทั้งหมด สูงกว่าที่ Twitter ระบุมากกว่า 4 เท่าตัว ซึ่งราคาที่เขาเสนอซื้อคิดจากตัวเลขที่ Twitter ตอนแรก ซีอีโอเองก็ปฏิเสธที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเลขน้อยกว่า 5% มีที่มาอย่างไร ดีลนี้จึงไม่สามารถไปต่อได้ หากไม่มีการพิสูจน์เรื่องดังกล่าว
เขายังทวีตเรียกร้องให้ SEC ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย เนื่องจาก Twitter ระบุในเอกสารที่ยื่นว่ามีน้อยกว่า 5%
หลัง Musk ทวีตประเด็นดังกล่าว Twitter ก็ได้ยื่นเอกสารต่อ SEC ระบุว่า บริษัทได้ตอบรับข้อเสนอซื้อกิจการ 44,000 ล้านดอลลาร์ ของ Elon Musk และเตรียมเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติดีลนี้
ที่มา: CNBC
Comments
โอ้ยพ่อ....นี่มันเอามาปั่นชัด ๆ เลย
ผู้บริหารทวิตเตอร์นั่งยิ้มเลย เพราะก็ไม่ได้อยากให้ซื้ออยู่แล้ว
ปัญหาคือมัสก์จะเฉไฉไม่จ่ายค่าปรับเพราะว่าทวิตเตอร์ให้ข้อมูลเท็จหรือเปล่านะ
ส่วนที่อาจจะสุนัขนิดนึง น่าจะเป็นดอร์ซีย์
ปัญหาคือ ตัวเลข 20% มันน่าเชื่อถือกว่าตัวเลข 5% ตรงไหน
ที่มาคืออะไร ทำไมถึงคิดว่าตัวเลขที่คิดเองน่าเชื่อถือกว่าตัวเลขที่มีที่มาที่ไป
มองเห็นเจตนานี้เลยว่าคืออะไร
เจตนาต้องการซื้อถูกลง ไม่ใช่เรื่องดูยาก อันนี้แน่นอน แต่ไม่ได้เห็นได้ชัดจากเรื่อง 5% 20% หรอกครับ (จริงๆที่มามันก็มีอยู่แต่ต้องไปอ่านทวีต Musk เองว่าหายังไง ส่วนจะเชื่อวิธีหาแบบนั้นมั้ยก็อีกเรื่อง)
ถ้าดูกระแสใน reddit (แม้กระทั้ง Musk hater) หรือนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะบอกว่าแน่นอน 5% มันไม่น่าใช่นะ ทุกคนรู้ (หรือรู้สึกเองว่า) bot มันน่าจะเยอะกว่านั้นนะ แต่ทุกคนรู้มาตั้งนานแล้วว่า twitter มันมีแต่ bot รู้มาก่อน Musk ขอซื้ออีก แต่ Musk แกล้งทำเป็นไม่รู้ตอนเสนอซื้อแล้วค่อยเอามาพูดถึงตอนนี้นี่แหละที่ค่อนข้าง huh?
มันเลยโยงไปอีกเรื่องนึงว่าจริงๆแล้วคนปั่นคือ twitter เองรึเปล่า เพื่อบอกคนซื่อ ads ว่าฉันมี user จริงๆเยอะนะ
ตัวอย่างนักวิเคราะห์คนนึง
@garyblack00: @ajtourville @hamids @SawyerMerritt Everyone with many followers knows that spam/bots are >5% of their followers. Advertisers know it. Elon knew it. He can pay the $1B fee and get out of the deal and $TSLA will rise. Or he can renegotiate terms which reduces the $TWTR overhang.
But don’t say no one knew.
งั้นปัญหา อยู่ที่ว่า 5% เห็นตอนไหน เห็นก่อนซื้อไหม หรือเห็นหลังเสนอซื้อไปแล้ว แต่จากที่อ่านเพิ่งเห็นหลังจะซื้อรึเปล่า?
ผมว่าเห็นก่อนอยู่แล้วล่ะครับแต่ทำเป็นอินโนเซ้น 55
แนวคิดซื้อของในตลาดสดละมั้งครับ
ฝั่งคนซื้อก็จะติโน่นตินี่ เพื่อให้คนขายลดราคา
ฝั่งคนขายก็ต้องอวยสินค้าของตัวเองหรือพูดตำหนิให้น้อยที่สุด
ปั่นขึ้นมาแล้วก็ทุบก่อนซื้อขอส่วนลด แหม เงินหายไปเยอะเพราะคริบโตร่วงเลยเริ่มเหนียมขึ้นมามากกว่า
TWTR น่าจะเป็นหุ้น tech ตัวเดียวที่ไม่ร่วงในช่วงก่อนหน้านี้เพียงเพราะมี deal นี้ห้อยอยู่
ส่วนผู้ถือหุ้น TSLA ก็สาปส่งว่าไม่ต้องซื้อแล้วว้อย บริษัทพรรค์นั้น 55555
ถ้า Musk เป็นเจ้าของ twitter เขาจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลใน social network ต่อยอดธุรกิจได้หลายอย่าง
เรื่อง bot เขาพูดถูกที่ถูกเวลา เขี้ยวลากดินทีเดียว
ผมก็ว่าเขาพูดในมุมมองผู้บริหาร พวกบอกปั่นนี่รู้ได้ไงว่าปั่น มีข้อมูลขนาดนั้นทำไมไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์
ผมว่าก็ใช่นะ เพราะก็มีข้อมูล แล้วเอามาทำยังไงให้เกิดประโยชน์
ก็”ปั่น”ไงครับ
ผมคิดแบบนี้นะ หรือแบบนี้ไม่เรียกปั่น หรือคือปั่นทางอ้อม หรือไม่ปั่นแต่เรียกต่อรอง หรือ… เรียกอะไรผมนึกไม่ออกละ
ผมมองว่าตัวผมติดภาพว่าปั่นคือปั่นราคาให้สูงขึ้น จะตรงกับ pump ของฝรั่งใน pump & dump
แต่อันนี้เหมือนเป็นการต่อรองมากกว่า (ยิ่งถ้ามองว่าหุ้น Tesla ก็ร่วง หุ้น TWTR ก็ซื้อแพง ไม่น่าเรียกปั่นราคาละ)
เอาจริงๆ มันเมคเซนส์ที่จะถามนะ แต่ควรถามก่อนซื้อ ยกเว้นว่าทางทวิตเตอร์ไม่ให้ข้อมูลนอกจากจะเป็นการพยายามเข้าซื้อ
ถ้าไม่ถามว่าแอคเคาท์ปลอมเท่าไร ผู้ใช้จริงเท่าไร ก็คำนวณผลกำไรยากมาก หรือกำไรอาจไม่คุ้มกับราคาตอนซื้อ หรืออาจจะได้กำไรช้าลง ไม่ตรงตามเป้าที่กะจะเอาเข้าตลาดอีกรอบจากนี้ไป 5 ปี
เขี้ยวลากดินอยู่แล้ว คนเคยซื้อขายหุ้นบริษัท หรือต่อรองโครงการก็จะพอรู้ Musk เขาซื้อขายบริษัทมาจนเป็นเรื่องปรกติ ช่องทางต่างๆ หรือช่องหลบหลีก หรือยอมเสี่ยงจ่ายค่าปรับเมื่อเทียบกับมูลค่าที่จะได้มันคุ้มหรือไม่เขาย่อมรู้ดี เพียงแต่เขามีชื่อเสียงเลยสามารถใช้ช่องทางสื่อในการกดดันอีกทางนึง ซึ่งความจริงแล้วตลาดหุ้นไทยก็ใช้วิธีปั่นข่าวก็เป็นวิธีการของคนกลุ่มหนึ่งเช่นกัน
เอาจริง 20% รวบอทอวตารหน้าแมวหน้านักร้องเกาหลีต่างๆนานาบลาๆ ยังแอบรู้สึกว่าน้อยไปด้วยซ้ำ
ใช่เลยครับ ตัวการสร้างข่าวลือ fake news ต่างๆ นานา เอายอดรี ถ่มถุยอะไรก็ได้ไม่ต้องรับผิดชอบ อยากให้จัดการให้สักที
WE ARE THE 99%
เหมือนคนตกลงซื้อขายเสร็จแล้ว เกิดเสียดายตังค์ หาติโน่น ตินี่ ขอลดราคา ขอส่งฟรี บลา บลา ถ้าไม่ให้ก็ล้มดีลซ้าาาา. ไม่อยากได้แล้วสิ
ประเมินบอท 20% น่าจะน้อยไป
pump & dump scheme
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
นี้คนหรือเครื่องปั่น
นักปั่นในตำนาน
ผมว่าอวตารน่าจะเกิน 25 % อีก
ก็แหม 1 คนมีหลายแอค มีทั้งใช้ประจำ ทั้งหลุม ทั้งบอท ทั้งอะไร...
ว่าแล้ว ไม่ได้จะซื้อแต่แรก
แอดล๊อกอีกเพียบ ฮ่าๆ
ถ้าให้ KYC + 1 คน 1 บัญชี เผลอๆ เหลือไม่ถึงครึ่ง (หรือผมประเมินสูงไป อาจจะเหลือน้อยกว่านั้นอีก)
วิถีของอัจฉริยะ ต้องเป็นแบบนี้นี่เอง