[ลือ] Apple กำลังพัฒนา iOS 17 คาดจะประกาศที่ WWDC ในเดือนมิถุนายน

MacThai - 29 January 2023 - 10:00

ตามคิวในช่วงนี้แอปเปิลกำลังเร่งพัฒนา iOS 17 และการอัปเดตใหม่อื่น ๆ ที่จะเปิดตัวในปีนี้ พร้อมโชว์เอกสารที่เป็น Open Source บางส่วนที่อ้างถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ด้วย

โดยในเอกสารนั้นเริ่มอ้างอิงถึงการอัปเดต iOS, macOS และ watchOS ที่กำลังจะมาถึง แต่แอปเปิลมักจะอ้างถึงเวอร์ชันในอนาคตว่า “TBA” เพื่อซ่อนหมายเลขเวอร์ชันจริงเอาไว้ ซึ่ง Open Source เหล่านี้ก็ยังไม่ได้ยืนยันว่าจะเป็นไปตามนี้หรือไม่

แต่ตามที่ลือกันมานั้น iOS 17 มีสิทธิ์ที่จะประกาศในงาน WWDC ในเดือนมิถุนายน และเผยแพร่ในเดือนกันยายนและตุลาคมในปีนี้ด้วย พร้อมคาดว่าจะมาด้วยกันกับ “Reality Pro”  หรือ AR/VR Headset ที่พัฒนามานานของแอปเปิล ซึ่งอาจจะเป็นการแนะนำระบบปฏิบัติการใหม่ทั้งหมดก็เป็นได้

แต่ ณ ตอนนี้แอปเปิลยังไม่ได้คอนเฟิร์มวันที่จะจัดงาน WWDC และไม่มีสื่อไหนรู้ว่าจะเป็นการจัดงานแบบไฮบริดจ์ หรือ Virtual Event

และหากคำนวณย้อนหลังก็พบว่าแอปเปิลมีการจัดงาน WWDC ช่วงประมาณนี้ในแต่ละปี คือ

  • 2016: 18 เมษายน
  • 2017: 16 กุมภาพันธ์
  • 2018: 13 มีนาคม
  • 2019: 14 มีนาคม
  • 2020: 13 มีนาคม
  • 2021: 30 มีนาคม
  • 2022: 5 เมษายน

แต่ทางนักวิเคราะห์อย่าง Mark Gurman จาก Bloomberg ก็มีเปรยเอาไว้บ้างแล้วว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอีเวนต์เปิดตัวน้อยกว่าที่แอปเปิลวางแผนไว้ เพราะมุ่งโฟกัสไปกับ Reality Pro แล้ว

ที่มา – 9To5Mac

The post [ลือ] Apple กำลังพัฒนา iOS 17 คาดจะประกาศที่ WWDC ในเดือนมิถุนายน appeared first on Macthai.com.

True ย้ำการแข่งขันยังเดือด ร่วมมือพันธมิตรทำแคมเปญใหม่ หนีสงครามราคา ดันรายได้โต 5-6%

Brand Inside - 29 January 2023 - 09:58

แม้จากนี้ผู้เล่นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมประเทศไทยจะเหลือเพียง 2 รายใหญ่ แต่ True ยืนยันว่า การแข่งขันยังดุเดือดเช่นเดิม โดยเฉพาะการทำสงครามราคาที่ทำกันมานาน และส่งผลเสียมากกว่าผลดีให้กับผู้เล่นทุกราย

ทำให้การทำตลาดหลังจากนี้ของ True ภายใต้การคุมบังเหืยนของ ฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม (ร่วม) ด้านการพาณิชย์ จะเน้นไปที่การให้คุณค่า (Value) เกี่ยวกับการใช้งานให้ลูกค้า

ล่าสุด True ได้ทำแคมเปญโปรโมชันใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาด เพื่อยกระดับจากการแข่งเรื่องราคาสู่บริการอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในระบบมากขึ้น

True

True กับการเดินเกมแข่งเรื่อง Value

ฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม (ร่วม) ด้านการพาณิชย์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ True เล่าให้ฟังว่า การแข่งขันเรื่องราคาคือเรื่องปกติในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และเป็นการแข่งขันที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เพราะผู้เล่นทุกรายต่างปรับราคาแข่งขันในหลักวัน หรือเร็วสุด ๆ ในหลักชั่วโมงเพื่อจูงใจลูกค้าให้เข้ามาสมัครใช้งาน

“การลดราคาระหว่างเรากับคู่แข่งมันต่างกันไม่เกิน 2 วัน ถ้าเร็วสุด ๆ บางทีเจ้าหนึ่งทำโปรโมชันช่วงเช้า ตอนเย็นอีกเจ้าก็ต้องกดราคาลงมาแข่ง ซึ่งมันไม่ดีต่ออุตสาหกรรม และการแข่งขันด้วยคุณค่าคือทางออกของเรื่องนี้ เพราะฝั่งลูกค้าก็เริ่มมองเรื่องอื่น ๆ ที่มากกว่าแค่ราคา หรือปริมาณอินเทอร์เน็ต”

ในปี 2566 ทาง True จะเดินหน้ากลยุทธ์ทำตลาดด้วยความคุ้มค่า (Value) ในการใช้งานเพื่อจูงใจลูกค้าในระบบ รับกับเป้าหมายสร้างรายได้ให้เติบโตในอนาคต รวมถึงลดปริมาณการไหลออกของลูกค้าในระบบ โดยเฉพาะฝั่งลูกค้า TrueMove H ระบบเติมเงินที่ไตรมาส 3 คิดเป็นสัดส่วน 65% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด 33.6 ล้านราย

อัดแคมเปญที่ไม่เคยมีมาก่อนในไทย

ล่าสุด True ส่งแคมเปญ UP2U ที่ร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ในธุรกิจต่าง ๆ เช่น ร้านอาหาร, ร้านเครื่องสำอาง, โรงภาพยนตร์, ผู้ให้บริการเกม และธุรกิจประกันภัย โดยเมื่อสมัครแพ็กเสริม 200 บาท จะได้อินเทอร์เน็ต 10 GB พร้อมเลือกรับสิทธิประโยชน์ หรือคูปองแทนเงินสดมูลค่าสูงสุด 200 บาท

สิทธิประโยชน์ข้างต้นอาทิ รับชมภาพยนตร์ฟรีในเครือเมเจอร์, ได้คูปองเพื่อไปรับประทานอาหารในเครือไมเนอร์, แมคโดนัลด์ และทรูคอฟฟี่ รวมถึงได้คูปองเพื่อใช้ในร้านเครื่องสำอางเซโฟร่า เป็นต้น โดยผู้ใช้สามารถเลือกสมัคร และยกเลิกได้ตลอดเวลา ทั้งเลือกสมัครเพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ หรือคูปองแทนเงินสดหลายบริการพร้อมกัน

“ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีแคมเปญในลักษณะนี้ โดยจุดเริ่มต้นมาจากการที่เรามี TrueID เพื่อรับชมภาพยนตร์ที่บ้าน และถ้าลูกค้าใช้ทรูน่าจะได้รับชมที่โรงภาพยนตร์ด้วย จึงดำเนินความร่วมมือกับกลุ่มเมเจอร์ และต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ เพิ่มเติม”

เสริมความแข็งแกร่งด้วยฐานลูกค้าใหม่

ขณะเดียวกัน UP2U ยังช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ให้กับบริษัท ผ่านพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจต่าง ๆ ที่มีฐานลูกค้ารวมกันหลายล้านราย และอาจยังไม่เป็นลูกค้าของ True ทำให้เมื่อพวกเขารับรู้ถึงแคมเปญดังกล่าวจะช่วยเข้ามาเพิ่มยอดผู้ใช้งานให้กับ True ได้

“เป้าหมายของผู้สมัครใช้งาน UP2U อยู่ที่ 2.8 แสนร้าย และการเดินหน้าแคมเปญนี้จะช่วยเพิ่มยอดใช้บริการเฉลี่ย (ARPU) ของฝั่งเติมเงินไปให้เลยจุดสูงสุดที่เคยทำได้ 160 บาท/ราย/เดือน จากปัจจุบันอยู่ที่ 90-110 บาท เพราะการแข่งขันเรื่องราคามันกดตัวเลขนี้ลง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเรา”

นอกจากนี้ UP2U ยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ของธุรกิจ TrueMove H เพิ่มขึ้น 5-6% จากปีก่อน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจในเวลานี้ เนื่องจากอยู่ระหว่างเน้นเพิ่มรายได้ มากกว่าการเพิ่มจำนวนลูกค้าในระบบ เพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

สรุป

ตั้งแต่ต้นปี 2566 AIS และ True ต่างเดินหน้าอัดโปรโมชันต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้บอกเหตุผลตรง ๆ ว่าต้องการจูงใจลูกค้า dtac ให้เข้ามาอยู่ในระบบ แต่ผู้ใช้ dtac เองก็คงอยู่ระหว่างตัดสินใจ ซึ่งงานนี้ก็ต้องดูว่าใครจะเป็นผู้ชนะ และการอัดแคมเปญแบบนี้จะไปได้อีกนานแค่ไหน

อ้างอิง // True 1, 2

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post True ย้ำการแข่งขันยังเดือด ร่วมมือพันธมิตรทำแคมเปญใหม่ หนีสงครามราคา ดันรายได้โต 5-6% first appeared on Brand Inside.

ทดสอบชิป M2 Pro และ M2 Max พบมีความเร็วในการเขียน SSD ที่เร็วขึ้น !

MacThai - 28 January 2023 - 10:00

MacBook Pro รุ่น 14 นิ้วและ 16 นิ้วรุ่นใหม่ที่ขับเคลื่อนโดยชิป M2 Pro และ M2 Max มีผลทดสอบออกมาแล้วด้วยว่า มีความเร็วในการเขียน SSD ที่เร็วกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ตามการทดสอบและรีวิวของแล็ปท็อปรุ่นใหม่ !

โดยผู้ตรวจสอบและสื่อที่ได้รับเลือกมีโอกาสตรวจสอบ MacBook Pro ใหม่ก่อนวางจำหน่ายตั้งแต่วันอังคารที่ 24 มกราคม ซึ่งMacworld และ Tom’s Guide ได้ทดสอบความเร็วในการอ่านและเขียน SSD ของ M2 Pro และ M2 ด้วย

และพบว่า MacBook Pro รุ่น 16 นิ้วที่มีชิป M2 Pro และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 2TB มีความเร็วในการอ่าน 5,372 MB/s และความเร็วในการเขียน 6,491 MB/s

ส่วน MacBook Pro รุ่น 14 นิ้วรุ่นก่อนหน้าที่ใช้ชิป M1 Pro และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาด 1TB ทำคะแนนความเร็วในการอ่านได้สูงกว่า M2 Pro รุ่น 16 นิ้วที่ 5,797 MB/s เล็กน้อย แต่ได้คะแนนความเร็วในการเขียนต่ำกว่าที่ 5,321 MB/s

ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าชิป M2 Pro ใหม่มีความเร็วในการเขียนที่เร็วกว่า M1 Pro แต่ความเร็วในการอ่านจะช้ากว่าเล็กน้อย และการทดสอบ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้วกับชิป M2 Max ทำคะแนนได้ใกล้เคียงกับ M2 Pro รุ่น 16 นิ้ว โดยมีความเร็วในการอ่าน 5,319 MB/s และความเร็วในการเขียน 6,402 MB/s

แต่แม้ว่า MacBook Pro ใหม่จะมีความเร็วในการอ่านที่ช้าลงเล็กน้อยตามการทดสอบเหล่านี้ แต่ผู้ใช้ไม่น่าจะสังเกตเห็นความแตกต่างในประสิทธิภาพการทำงานในแต่ละวันมากนัก เว้นแต่จะทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่มาก ๆ

และนอกจากประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วของชิปรุ่นใหม่แล้ว อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยังยาวนานขึ้นอีกด้วย เพราะ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้วที่ได้รับการปรับปรุง มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Mac เลยก็ว่าได้ เพราะปาไป 22 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ที่มา – MacRumors

The post ทดสอบชิป M2 Pro และ M2 Max พบมีความเร็วในการเขียน SSD ที่เร็วขึ้น ! appeared first on Macthai.com.

เริ่มแล้ว! SCB และ KBank ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝาก เงินกู้ มีผล 30 มกราคม 66 นี้

Brand Inside - 28 January 2023 - 09:00

ธนาคารเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลัง กนง. มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จากเดิม 1.25% ต่อปีเป็น 1.50% ต่อปี เมื่อ 25 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ล่าสุดมี SCB และ KBank เริ่มทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยแล้ว

scb

ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย ดังนี้

  • ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย MLR MOR และ MRR 0.10% – 0.20% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.520% เป็น 6.620% ต่อปี
  • อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (Minimum Loan Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.150% เป็น 6.350% ต่อปี
  • อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.745% เป็น 6.895% ต่อปี

โดบอัตราดอกเบี้ยใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

KBank, กสิกรไทย

ขณะเดียวกัน KBank หรือธนาคารกสิกรไทย ก็ปรับขึ้นดอกเบี้ยเช่นกัน ดังนี้

  • ธนาคารกสิกรไทยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำให้สูงขึ้น 0.10-0.25%
  • ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อย 0.10% และปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทอื่น ดังนี้
  • อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับจาก 6.37% เป็น 6.57%
  • อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับจาก 6.74% เป็น 6.89%
  • อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับจาก 6.50% เป็น 6.60%

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ให้มีผลในวันที่ 30 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

ที่มา – SCB, KBank

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post เริ่มแล้ว! SCB และ KBank ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝาก เงินกู้ มีผล 30 มกราคม 66 นี้ first appeared on Brand Inside.

วิธีตั้งค่าและใช้งาน SOS ฉุกเฉิน (SOS Emergency) บน iPhone ใน iOS 16.3

iPhonemod - 27 January 2023 - 20:51

Apple ได้ปล่อยอัปเดต iOS 16.3 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา […] More

The post วิธีตั้งค่าและใช้งาน SOS ฉุกเฉิน (SOS Emergency) บน iPhone ใน iOS 16.3 appeared first on iMoD.

จับตาทุนใหญ่จากจีน แย่งอาชีพคนไทย: ใต้เงาธุรกิจนอมินี แค่มีวีซ่าท่องเที่ยวก็ทำได้

Brand Inside - 27 January 2023 - 14:53

มาแรงไม่หยุด สำหรับทุนใหญ่ของชาวจีน ไหนจะธุรกิจสีเทาจากคดีตู้ห่าวที่ยังสะสางกันไม่เสร็จ ไหนจะเรื่องแย่งอาชีพ ลดโอกาสการทำมาหากินของชาวไทยในย่านเยาวราช ล่าสุดยังมีจัดแพคเกจทัวร์ VIP ของชาวจีนที่มีตำรวจคอยอารักขาเต็มที่ แต่ ททท. กลับไม่พบว่ามีแพคเกจนี้ขายอยู่

เริ่มที่เรื่องคนไทยถูกแย่งอาชีพก่อน หลังผู้ประกอบการย่านเยาวราชแชร์เรื่องราวกันผ่านโซเชียลมีเดียว่า อัตลักษณ์ของเยาวราชกำลังถูกกลืนกินและค่อย ๆ หายไปเพราะร้านอาหารของคนไทยเชื้อสายจีนที่มีมายาวนานเริ่มกลายเป็นร้านอาหารที่เจ้าของเป็นนายทุนจีนไปมากกว่าครึ่ง!!

ผู้ประกอบการไทยเริ่มเดือดร้อนแล้ว รู้ยัง?

คำบอกเล่าจากร้านอาม่งหม่าล่า ผู้ประกอบการในเยาวราช บอกว่าคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจแค่ใช้วีซ่าท่องเที่ยวก็ทำได้ แถมยังไม่ต้องแบกรับภาษีอย่างผู้ประกอบการไทย วัตถุดิบที่ใช้ก็มาจากจีน

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

ตามกฎหมายไทย คนจีนเป็นเจ้าของธุรกิจได้หรือไม่?

กฎหมายไทยอ่อนแอเกินไปหรือไม่ ทำไมจึงไม่สามารถคุ้มครองผู้ประกอบการชาวไทยเชื้อสายจีนที่ทำธุรกิจมาก่อนในย่านเยาวราชได้ทั้งที่ควรให้สิทธิและผลประโยชน์กับคนในประเทศไทยก่อน

กฎหมายของทุกประเทศส่วนใหญ่มุ่งเน้นคุ้มครองและให้สิทธิในการทำธุรกิจของพลเมืองภายในประเทศก่อนเสมอ ถ้าดูตามกฎหมาย ไทยเองก็เข้าข่ายเช่นนั้นพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 บัญชีสาม วรรค (19) ระบุว่า คนต่างด้าวจะประกอบธุรกิจการขายอาหารและเครื่องดื่มได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากอธิบดีโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนตางด้าวก่อน เพราะธุรกิจร้านอาหารยังถูกจัดอยู่ในบัญชีสาม ซึ่งเป็นธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันกับคนต่างด้าว

เท่ากับว่าหากคนจีนไม่ได้รับอนุญาติให้ประกอบธุรกิจจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนตางด้าวก่อนก็จะไม่สามารถเปิดธุรกิจได้ แล้วทำไมร้านจำนวนมากในเยาวราชปัจจุบันจึงเป็นธุรกิจของชาวจีนไปได้?

ธุรกิจนอมินี แค่มีวีซ่าท่องเที่ยว คนจีนก็เป็นเข้าของธุรกิจได้

ก่อนที่คนจีนจะเข้ามาทำธุรกิจในย่านเยาวราชแข่งกับคนไทยได้ ด่านแรกก็คือการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย วีซ่าของคนจีนที่เข้ามาเป็นวีซ่าท่องเที่ยวซึ่งเคยมีระยะเวลาการพักอาศัยในไทย 15 วัน แต่ปัจจุบันมีมติคณะรัฐมนตรีให้ขยายเวลาเป็น 30 วันแล้ว แต่จุดประสงค์ของวีซ่ายังเหมือนเดิม คือการเข้ามาท่องที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยในระยะสั้น แต่สาเหตุที่คนจีนเหล่านี้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจได้ก็เพราะธุรกิจสีเทาที่มีมายาวนานอย่าง ‘ธุรกิจนอมินี (Nominee)’

ธุรกิจนอมินีคือการที่คนไทยที่อยู่ในประเทศไทยเป็นตัวแทนใส่ชื่อจดทะเบียนเป็นเจ้าของธุรกิจแทนนายทุนจีนที่เป็นเจ้าของธุรกิจตัวจริง หรือใส่ชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเกินครึ่ง เพราะถ้ามีคนไทยถือหุ้นเกินร้อยละ 51% ก็จะถือว่าเป็นบริษัทไทยและเปิดธุรกิจร้านอาหารได้

เมื่อคนจีนที่ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยไม่สามารถเปิดธุรกิจเองได้ จึงทำให้มีคนไทยจำนวนมากรับจ้างเปิดธุรกิจเป็นฉากหน้าให้คนจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย 

ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในขั้นตอนการจดทะเบียน กำหนดให้คนไทยที่ร่วมลงทุนในนิติบุคคลต้องแสดงหลักฐานที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินที่แสดงว่ามีทรัพย์สินเพียงพอที่จะลงทุนในนิติบุคคลได้ โดยบริษัทจำกัดที่จะถือว่าเป็นของคนไทยจะต้องมีคนไทยถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละ 51 หรือถือหุ้นข้างมาก

ขั้นตอนการจดทะเบียนไม่สามารถป้องกันไม่ให้คนจีนเป็นเจ้าของธุรกิจในไทยได้ แถมยังเป็นช่องโหว่ของกฎหมายให้เกิดธุรกิจนอมินี แค่มีคนไทยเข้ามาเป็นนอมินี ชาวจีนก็สามารถทำธุรกิจได้แล้ว

หลังจากผู้ประกอบการย่านเยาวราชออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เผยว่าการแก้ปัญหานี้ต้องได้รับการตรวจสอบที่เข้มงวดและความร่วมมือจากหลายฝ่าย พร้อมย้ำว่าคนไทยที่ถือหุ้นแทนต่างด้าวหรือร่วมเข้าชื่อเป็นผู้ถือหุ้นโดยไม่ได้ร่วมลงทุนจริง หรือสนับสนุนให้คนต่างด้าวมาประกอบกิจการในไทยโดยแสดงว่าเป็นธุรกิจของคนไทยเพื่อให้เจ้าของธุรกิจคนจีนสามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายได้จะถือว่ากระทำความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 – 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000 – 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน

แต่แม้จะมีกฎหมายลงโทษ แต่ธุรกิจนอมินีก็เหมือนธุรกิจสีเทาอื่นที่ก็ยังมีอยู่ในปัจจุบัน

คนจีนแย่งตลาดคนไทยเพราะทุนหนากว่า แต่เม็ดเงินส่วนใหญ่กลับสู่จีน

เมื่อคนจีนเข้ามาประกอบธุรกิจไทยในไทยในรูปแบบของเจ้าของคนไทยที่เป็นนอมินีทำให้คนไทยเชื้อสายจีนที่ทำธุรกิจค้าขายอาหารมาก่อนในย่าวเยาวราชถูกแย่งชิงตลาด เพราะนายทุนจีนที่เข้ามามีทุนหนากว่าทำให้สามารถเปิดร้านขายอาหารและเครื่องดื่มขนาดใหญ่และสามารถขายตัดราคาคนไทยได้

เมื่ออาหารของผู้ประกอบการชาวจีนแท้ถูกกว่า ทำให้รายได้ของคนไทยในย่านเยาวราชได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ การจัดหาวัตถุดิบอาหารจีนก็มีแหล่งซัพพลายเออร์ที่หาได้ง่ายอยู่แล้วและต้นทุนยังราคาถูกกว่าด้วยเพราะสามารถสั่งเข้ามาได้ปริมาณมากต่อครั้ง

ในเรื่องภาษีเจ้าของธุรกิจร้ายขายอาหารจำเป็นจะต้องเสียภาษีเงินได้ หรือถ้าหากจดทะเบียนเป็นบริษัทก็จะต้องเสียภาษีตามเกณฑ์ธุรกิจ SME กำไรจากธุรกิจจะถูกนำมาคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ถ้าหากมีกำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษี หากมีกำไรสุทธิ 300,000-3,000,000 บาท จะเสียภาษี 15% หากมีกำไรสุทธิเกิน 3,000,000 บาทขึ้นไปจะเสียภาษี 20% 

อย่างไรก็ตาม ขณะที่การที่คนจีนเข้ามาทำธุรกิจต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวและไม่ก่อให้เกิดรายได้กับคนไทย แถมยังเข้ามาตัดราคาและแข่งขันกับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ของไทย แม้ว่าการเปิดบริษัทแบบนอมินีจะต้องเสียภาษีบริษัทเช่นเดียวกัน แต่อำนาจในการตัดสินใจดำเนินการของธุรกิจก็อยู่ที่นายทุนจีน รวมทั้งเม็ดเงินและกำไรส่วนใหญ่กลับไหลออกนอกประเทศไทยไปกับนายทุนจีนที่เป็นเจ้าของตัวจริง 

เท่ากับว่า การที่คนจีนเข้ามาประกอบธุรกิจในไทย นอกจากจะทำให้ร้านค้าขนาดเล็กเดือดร้อนเพราะต้องสู้กับนายทุนใหญ่จากจีนแล้วและแบกรับต้นทุนมากมายแล้ว ประเทศไทยเองก็แทบจะไม่ได้อะไรเลยจากผู้ประกอบการชาวจีนและธุรกิจนอมินี

ประเด็นระหว่างไทยและจีนดูเหมือนจะยังไม่มีที่สิ้นสุด ล่าสุดก็เกิดประเด็นตำรวจไทยพานักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศแบบ VIP ที่ทำให้คนไทยตั้งคำถามขึ้นมาอีกครั้ง ว่าตกลงแล้วธุรกิจสีเทาที่เอื้อให้กับจีนในประเทศไทยจะมีอยู่ทุกแง่มุมของชีวิตเลยหรือไม่ และมีมานานแค่ไหนแล้ว

ไม่แน่ว่าความสัมพันธ์แบบ “เมืองพี่-เมืองน้อง” อาจจะหมายถึงการเอื้อประโยชน์ให้เกิดธุรกิจสีเทาจากจีนหรือไม่ ขณะที่คนไทยเองกลับไม่ได้รับการคุ้มครองที่ควรได้เพราะกฎหมายไม่เข้มแข็งพอ จนผู้ประกอบการในย่านเยาวราชที่เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากธุรกิจสีเทาที่มีอิทธิพลมหาศาลเลยต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม

อ้างอิง – อาม่งหม่าล่ารัฐบาลไทย, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 1, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 2, กรมสรรพากร

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post จับตาทุนใหญ่จากจีน แย่งอาชีพคนไทย: ใต้เงาธุรกิจนอมินี แค่มีวีซ่าท่องเที่ยวก็ทำได้ first appeared on Brand Inside.

แผ่นดินจีนสะเทือน! เหล่าเศรษฐีเตรียมขนเงินย้ายประเทศอยู่

Brand Inside - 27 January 2023 - 13:52

ในหลายประเทศ คนรวย ยิ่งอยู่ ยิ่งรวยขึ้น รวยขึ้น แต่สำหรับจีน ยิ่งรวย ยิ่งมีปัญหา ในยุคที่โควิดระบาดเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลจีนหันมาไล่ทุบบริษัทเทคจีนยักษ์ใหญ่ ทำให้หุ้นร่วง รายได้ลดกันเป็นแถว ตัวอย่างชัดเจนก็แจ็ค หม่านั่นไง คงไม่มีใครอยากเป็นแจ็คหม่า 2 ถึงทำให้บรรดาเศรษฐีหาทางแพคกระเป๋า ขนทรัพย์สินเตรียมย้ายประเทศกัน
 

การผ่อนคลายมาตรการ Zero-Covid และการเปิดประเทศของจีนทำให้เศรษฐีจีนจำนวนมากวางแผนย้ายออกนอกจีนไปพร้อมกับเม็ดเงินมหาศาลที่เตรียมไปลงทุนในต่างประเทศ

เศรษฐีชาวจีนจำนวนมากเริ่มวางแผนย้านถิ่นฐานไปยังต่างประเทศพร้อมเม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และการทำธุรกิจในประเทศต่าง ๆ 

ก่อนเกิดไวรัสโควิด-19 จีนเผชิญกับสภาวะเงินทุนไหลออกนอกประเทศปีละราว 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่แล้วจากผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ ทั้งนี้ Alicia Garcia Herrero หัวหน้านักเศรษศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Natixis SA. คาดว่าเงินทุนจะไหลออกเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้เนื่องจากชาวจีนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศในในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและอาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินหยวนและบัญชีเงินสะพัดของจีน

จากข้อมูลของ New World Wealth แหล่งข่าวพาร์ทเนอร์ของที่ปรึกษาด้านการโยกย้ายและลงทุน Henley & Partners เผยว่า เศรษฐีชาวจีนราว 10,800 รายเริ่มเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้งตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งนับว่ามากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019 และมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากรัสเซีย

จีนเป็นประเทศที่มีมหาเศรษฐีหรือ Ultra Rich มากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา โดยจีนมีผู้ที่ถือครองทรัพย์สินเกิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่มากกว่า 32,000 ราย ตามรายงานของ Credit Suisse Group AG ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว

สาเหตุหลักที่มหาเศรษฐีจีนอพยพออกนอกประเทศมากขึ้นมาจากนโยบายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงที่ควบคุมอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างเข้มงวดทั้งด้านเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการศึกษาเพื่อผลักดันนโยบาย Common Prosperity ให้เกิดความมั่งคั่งร่วมกันของคนในประเทศ ทำให้การแสวงหาความมั่งคั่งทางธุรกิจของมหาเศรษฐียากขึ้นจากแต่เดิมที่แค่ไม่ตั้งคำถามกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ดำเนินธุรกิจไปได้

Sobirovs บริษัทกฎหมายอพยพคนเข้าประเทศของแคนาดาเผยว่าในช่วงหกเดือนที่ผ่านมามีชาวจีนขอคำปรึกษาเพื่อย้ายถิ่นฐานเข้าประเทศในทวีปอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นมาก ส่วน Henley & Partners เผยว่ามีชาวจีนมาสอบถามเรื่องการย้ายออกนอกประเทศมากขึ้น 4 เท่าหลังจากจีนเปิดประเทศเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อน รวมทั้งมีการค้นหาบนเว็บไซต์เพิ่มขึ้น 2 เท่าในปี 2022 แม้ว่าการย้ายออกนอกประเทศจะยังอยู่ในระดับต่ำในช่วงแรกของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

Juwai IQI บริษัทขายอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศให้กับลูกค้าชาวเอเชียเผยว่า ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ชาวจีนเข้ามาสอบถามลดลง 26% ในปี 2021 และลดลง 11% ในปี 2022 แต่เพิ่มขึ้น 55% ในปีนี้และยังอยู่ในระดับคงที่ นอกจากนี้ ยอดการค้นหาด้วยคำว่า “Emigration” (การย้ายถิ่นฐาน) เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าบน WeChat ในวันที่ 26 ธันวาคมปีที่แล้วเทียบกับวันก่อนหน้า โดยมีผู้ค้นหา 110.7 ล้านคนหลังจากจีนปรับลดระดับความรุนแรงของโควิด-19 และประกาศเตรียมยกเลิกมาตรการป้องกันโรคทั้งหมด

ธนาคารเอกชนได้เตรียมรองรับการไหลออกนอกประเทศของเงินทุน อย่างสิงคโปร์ที่เตรียมพร้อมรับเงินที่จะไหลเข้ามาในประเทศจนทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นอยากรวดเร็วตั้งแต่ราคาคฤหาสน์ สนามกอล์ฟ ไปจนถึงราคารถหรู 

อย่างไรก็ตาม แค่นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางออกนอกประเทศก็เพียงพอที่จะกระทบต่อทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศและค่าเงินหยวนของจีนแล้ว แม้ว่าจีนจะมีการควบคุมเงินทุนอย่างเข้มงวด โดยชาวจีนสามารถแลกเงินหยวนเป็นสกุลต่างประเทศจำกัดได้มูลค่า 50,000 ดอลลาร์ต่อปี 

Chen Zhiwu ประมาณการณ์ว่าเงินที่ไหลออกไปกับนักท่องเที่ยวจีนจะมากถึง 1-2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ซึ่งอาจทำให้เงินหยวนอ่อนค่าลงได้แต่ธนาคารกลางยังคงออกนโยบายแทรกแซงให้เงินหยวนยังมีค่ามากอยู่ได้

ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือเศรษฐกิจของประเทศที่ชาวจีนอพยพเข้าไป Iris Pang หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเนเธอร์แลนด์ ING Groep NV กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจซบเซาในยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่อาจเป็นหลายทางของชาวจีนอาจส่งผลให้ชาวจีนหางานยากขึ้นและอาจทำให้นโยบายการอพยพเข้าประเทศของประเทศต่าง ๆ เข้มงวดขึ้นด้วย

ที่มา – Bloomberg 

อ่านเพิ่มเติม

 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post แผ่นดินจีนสะเทือน! เหล่าเศรษฐีเตรียมขนเงินย้ายประเทศอยู่ first appeared on Brand Inside.

เปิดกลยุทธ์สิงห์ไฟฟ้า! Peugeot เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 5 รุ่นรวดภายใต้แผน E-Lion Project

Brand Inside - 27 January 2023 - 11:05

Peugeot แบรนด์รถยนต์จากฝรั่งเศส กางแผนทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ส่ง E-Lion Project ขอเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 5 รุ่น ภายใน 2 ปีข้างหน้า วิ่งไกลสุด 700 กม. เสริมแกร่งขายแต่รถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่ยุโรปภายในปี 2030

Peugeot

Peugeot เดินหน้าโครงการสิงห์ไฟฟ้า

Peugeot แบรนด์รถยนต์จากฝรั่งเศส และหนึ่งในแบรนด์ของกลุ่ม Stellantis ประกาศเดินหน้า E-Lion Project ประกอบด้วยการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 5 รุ่น ภายใน 2 ปีข้างหน้า พร้อมกับการเปิดตัวเทคโนโลยี Mild-Hybrid 48 โวลต์ เพื่อช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่

หากเจาะไปที่การทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วน Peugeot จะเปิดตัว 5 รุ่น ประกอบด้วย E-308, E-308 SW, E-408, E-3008 และ E-5008 โดย 2 รุ่นแรกจะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลัง 156 แรงม้า และมีแบตเตอรี่ที่วิ่งได้ไกล 400 กม. เปิดตัวเดือน ส.ค. 2023 ก่อนวางขายช่วงสิ้นปี 2023

ส่วนรุ่น E-3008 จะเป็นรถยนต์ SUV ที่วิ่งได้ไกลถึง 700 กม. พัฒนาบนแพลตฟอร์ม STLA Medium ซึ่งถูกใช้เป็นรุ่นแรกของกลุ่ม ส่วน E-5008 ทาง Peugeot แจ้งว่าจะเปิดตัวหลังจากนั้นไม่นาน ส่วน E-408 ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าจะเปิดตัวเวลาใด

นอกจากนี้ Peugeot ยังเปิดตัวเทคโนโลยี Mild-Hybrid เพื่อติดตั้งในรถยนต์รุ่นต่าง ๆ เพื่อทำตลาดก่อน และควบคู่ไปกับรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่จะเปิดตัวในอนาคต โดยบริษัทวางแผนมีรถยนต์ไฟฟ้าล้วนให้เลือกทุกรุ่นภายในปี 2025 และจะทำตลาดแต่รถยนต์ไฟฟ้าล้วนในกลุ่มประเทศยุโรปภายในปี 2030

สรุป

Peugeot และกลุ่ม Stellantis ค่อนข้างล่าช้าในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า สังเกตจากแผนการเปลี่ยนผ่าน รวมถึงจำนวนรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำตลาดแทบจะไม่มี ทำให้ Peugeot ที่ตลาดหลักอยู่ในยุโรปต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับนโยบายไร้มลพิษของกลุ่มประเทศยุโรปให้ได้

สำหรับในประเทศไทย Peugeot ทำตลาดรถยนต์ทั้งหมด 3 รุ่น เป็น SUV ทั้งหมด ประกอบด้วยรุ่น 2008, 3008 และ 5008 โดยทั้งหมดนี้ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และนำเข้ามาจากโรงงานผลิตที่มาเลเซีย ส่วนความชัดเจนในเรื่องการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า Hybrid ยังไม่มีการเริ่มทำตลาดที่มาเลเซียแต่อย่างใด

อ้างอิง // Motor 1, Peugeot

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post เปิดกลยุทธ์สิงห์ไฟฟ้า! Peugeot เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 5 รุ่นรวดภายใต้แผน E-Lion Project first appeared on Brand Inside.

Apple ถูกกล่าวหาไม่แฟร์ให้แอปอื่นขออนุญาตผู้ใช้ก่อนติดตาม แต่บริษัทตัวเองทำได้

MacThai - 27 January 2023 - 10:00

แอปเปิลถูกกลุ่มพันธมิตรอุตสาหกรรมโฆษณากล่าวหาว่าผูกขาด และไม่แฟร์เกี่ยวกับฟังกัน “Ask App Not To Track” ในการขออนุญาตติดตามผู้ใช้ iOS แต่บริษัทของตัวเองสามารถทำได้โดยไม่ต้องขอ

โดย Interactive Advertising Bureau (IAB) กลุ่มการค้าอุตสาหกรรมโฆษณาที่ต่อต้านนี้ มี Meta, Adobe และ Google เป็นสมาชิกด้วย ได้พูดโจมตีถึงแนวทาง และนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปเปิล

ซึ่งโคเฮนหนึ่งในผู้พูดในการประชุมผู้นำประจำปีของ IAB บอกว่าเหมือนกับเป็นความหน้าซื่อใจคด ที่แอปอื่น ๆ ต้องอนุญาตผู้ใช้ก่อนที่จะติดตามพวกเขาในแอป และเว็บไซต์ แต่กลับกันบริษัทสามารถติดตามผู้ใช้ของตนเองได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร

โดยเขาอ้างถึงคุณลักษณะที่เรียกว่าความโปร่งใสในการติดตามแอป (ATT) ซึ่งเปิดตัวในเดือนเมษายน 2021 ว่ามันเป็นเหมือนกับข้อบังคับให้แอปขอความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากผู้ใช้ก่อนที่จะติดตาม ซึ่งมันไม่ยุติธรรม

แต่ตามรายงานของ Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์แอปเปิล ได้ให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal ในเดือนเมษายน 2021 เกี่ยวกับ ATT ไปแล้ว ว่าไม่มีแอปไหนของแอปเปิลที่มีป๊อบอัป ATT ให้ผู้ใช้ขออนุญาต เนื่องจากไม่มีแอปหรือบริการไหนของแอปเปิลติดตามข้อมูลผู้ใช้เลย

และหากแอปเปิลเปิดตัวแอป หรือบริการที่ติดตามผู้ใช้ มันจะเป็นไปตามนโยบาย App Store ของบริษัทเอง ซึ่งนโยบายและแนวทางความเป็นส่วนตัวของ ‌App Store‌ ของแอปเปิลเป็นข้อกังวลที่ชัดเจนมากขึ้นสำหรับองค์กรและบริษัทระหว่างประเทศ

ตั้งแต่สหภาพยุโรปไปจนถึง Meta, Google และ Spotify ที่มีการเขียนจดหมายถึงสหภาพยุโรป เรียกนโยบายของแอปเปิลว่าเป็นการต่อต้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมโฆษณากับบริษัทอื่น ๆ

เลยทำให้แอปเปิลกำลังเผชิญกับการฟ้องร้องดำเนินคดีแบบกลุ่ม โดยกล่าวหาว่าบันทึกกิจกรรมมือถือของผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม แม้ว่าแอปเปิลจะรับรองความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้แล้วก็ตาม

ที่มา – MacRumors

The post Apple ถูกกล่าวหาไม่แฟร์ให้แอปอื่นขออนุญาตผู้ใช้ก่อนติดตาม แต่บริษัทตัวเองทำได้ appeared first on Macthai.com.

ทำความรู้จัก “Monk Mode ช่วงเวลาแห่งการเป็นพระ” เทคนิคที่ซีอีโอนำมาใช้แล้ว ทำงานได้ดีขึ้น!

Brand Inside - 27 January 2023 - 08:30

ทำความรู้จัก Monk Mode เป็นคนธรรมดาไม่ชอบ ขอเป็นพระกับเขาบ้างได้มั้ย?

พระสงฆ์, MonkPhoto by sippakorn yamkasikorn on Unsplash

ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยเสียงแจ้งเตือน Notification จากหลากหลายแพลตฟอร์ม จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราจะเข้าสู่โหมดการเป็นพระบ้าง พระผู้ซึ่งละกิเลสทั้งมวล ตัดตัวเองออกจากโลกที่มีแต่เสียงรอบทิศทางสู่ความสงบบ้าง

วันนี้ เราจะพาไปรู้จักกับ “Monk Mode” ช่วงเวลาแห่งการเป็นพระ..มันเป็นยังไง?

เอาจริงๆ monk mode เป็นกระแสไวรัลตั้งแต่กลางปีที่แล้วและยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Josh Wood ซีอีโอจากบริษัท Bloc เขียนบทความในเว็บไซต์ Bloc ที่เป็นเว็บไซต์ให้ผู้คนเข้ามาแชร์เรื่องราวที่อยากเขียน โดย Business Insider ได้นำเรื่องนี้มาถ่ายทอดต่อ ดังนี้

Josh พูดถึงกระแส monk mode ว่า มันช่วยทำให้เขาทำงานไม่ว่าจะเป็นโปรเจกต์เล็กหรือใหญ่ได้สำเร็จทุกเรื่อง จากนั้นก็ยกตัวอย่าง Iman Gadzhi นักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จที่เผยแพร่แนวคิดดังกล่าวใน TikTok และทำให้เขาอยากลองทำบ้าง

Josh เอามาวิธีการเข้าสู่โหมดแห่งการเป็นพระมาใช้ในชีวิตจริงอย่างไร?

เขาบอกว่า วิธีนี้มันจำเป็นต้องโดดเดี่ยวตัวเองจากสังคมและมีวินัย พร้อมที่จะอยู่กับความเงียบสงบ ให้ตัวเองมุ่งเป้าไปที่ความคิดภายในของตัวเอง

สิ่งที่เขาทำก็คือ ปิดกั้นทุกช่องทางที่จะทำให้เขาเสียสมาธิได้ ไม่ว่าจะเป็นปิดโทรศัพท์ ปิดการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันทั้งจาก Slack โซเชียลมีเดีย และอีเมล์ รวมถึงดาวน์โหลดแอปที่ชื่อ Monk Mode มาใช้ด้วย แอปนี้ก็มีลักษณะใช้งานเหมือนแอปปลูกต้นไม้ หรือแอปที่กำหนดเวลาเพื่อให้เราทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งได้อย่างต่อเนื่องตามระยะเวลาที่เรากำหนด ใช้แอปเหมือนเล่นเกม ถ้าเราทำได้สำเร็จ เราจะได้รางวัลจากการให้เวลาทำมันโดยไม่เสียสมาธิกับสิ่งใด

Josh บอกว่า เขาเคยใช้เทคนิค Pomodoro หรือการกำหนดระยะเวลาในการทำงานช่วงสั้นๆ เช่น กำหนดเวลาไว้ที่ 25 นาทีแต่ก็พบว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สั้นเกินไปและก็พบว่ามันยากมากที่จะสร้างแรงจูงใจให้ตัวเองกลับมาทำงานหลังเบรคเพื่อพักผ่อน ขณะที่ monk mode ทำให้เขามีสมาธิมากกว่าและไม่สะดุดง่ายๆ เพราะใช้เวลายาวนานกว่า

เขาใช้ monk mode ในเวลาที่ต้องการตอบอีเมล์ในทุกๆ เช้าและยังใช้เพื่อทำงานยากๆ เช่น การวางแผนเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ ช่วงเวลาที่เขาเลือกใช้มักเป็นช่วงที่เขารู้สึก Productive มากที่สุดซึ่งก็คือช่วงเช้าของวัน เขาบอกว่ามันทำให้เขาวางแผนในการใช้ชีวิตได้ดีขึ้น สื่อสารกับพนักงานในองค์กร กับหุ้นส่วน กับสมาชิกครอบครัวได้ดีขึ้น มันดีมากที่จะทำให้ผู้คนได้รู้ว่าเขายุ่งเมื่อไร เมื่อไรที่สามารถติดต่อเขาได้ ซึ่งเวลาที่เขาอยู่ในโหมดแห่งความสงบนี้ เขาก็ขอแค่เพียง 2 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น

สิ่งที่ยากสำหรับการเข้าสู่โหมดแห่งความสงบ

สิ่งที่ยากสำหรับ monk mode เมื่อเราตัดสิ่งรบกวนจากภายนอกได้แล้ว สิ่งที่ยากกว่านั้นก็คือ ความคิดของตัวเอง แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะฝึกฝนและทำมันบ่อยๆ โดยกำหนดเป้าหมายและทำให้สำเร็จด้วยการแข่งกับตัวเอง เขาบอกว่า เทคนิคนี้ช่วยให้เขาทำงานได้ดีขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติถึง 5 เท่า

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการใช้เทคนิคนี้ของเขาก็คืด เขาจะไม่ทำงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลังยาวนาน 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์หรือมากกว่านั้น แต่ทำงานเท่าเดิมในระยะเวลาที่สั้นลง เพื่อจะเอาเวลาไปทำสิ่งสำคัญอื่นๆ ได้ ทั้งการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงญาติมิตร หรือให้เวลากับครอบครัว

ทุกวันนี้ Josh ให้เวลากับงานราว 30-40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทำ ลองฝึกเริ่มที่ 30 นาทีก่อน จากนั้นค่อยเพิ่มเป็นรายชั่วโมง ถ้ารู้สึกเหนื่อยล้าก็ควรแบ่งเวลาพักเบรคสั้นๆ สัก 10 นาที แต่กรณีที่ทำงานระยะไกล ทำงานจากบ้าน ควรบอกสมาชิกครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เพื่อให้ได้ปรับตัวที่จะไม่กวนใจคุณเวลาที่ต้องการสมาธิจดจ่อ และในที่สุดภารกิจ monk mode ที่คุณตั้งใจทำก็จะประสบความสำเร็จได้

ที่มา – Business Insider, TikTok, Monk Mode

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ทำความรู้จัก “Monk Mode ช่วงเวลาแห่งการเป็นพระ” เทคนิคที่ซีอีโอนำมาใช้แล้ว ทำงานได้ดีขึ้น! first appeared on Brand Inside.

Pages