Xiaomi เปิดตัว Mi Mix 2s รุ่นอัพเกรดจาก Mi Mix 2 ยังคงใช้ดีไซน์ภายนอกเหมือนเดิม หน้าจอ IPS LCD 5.99 นิ้ว FHD+ แต่ปรับปรุงภายในใหม่หมดมา มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 845 แรมสูงสุด 8GB ความจุสูงสุด 256GB

กล้องหลังมีการดีไซน์ใหม่ให้มาอยู่ด้านซ้ายบนในแนวตั้งเหมือน iPhone X เป็นกล้องคู่ 12 ล้านพิกเซล เลนส์หนึ่งเป็นเลนส์เทเล อีกเลนส์เป็นเลนส์ไวด์ f/1.8 ถ่ายภาพกลางคืนได้ดี พร้อม OIS 4 แกน มาพร้อมระบบประมวลผลภาพเซลฟี่และ portrait ด้วย AI ในการละลายพื้นหลังและทำโบเก้เอฟเฟ็คต่างๆ โดยผลการทดสอบกล้องในหมวดภาพนิ่งจาก DxOMark ได้คะแนนไปถึง 101 คะแนน ส่วนคะแนนรวมอยู่ที่ 97 คะแนน ส่วนกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล ถ่ายเอฟเฟ็คโบเก้ได้เช่นกัน

อินเดียถือเป็นประเทศที่บริษัทเทคโนโลยีต่างให้ความสนใจทำตลาด ทั้งโอกาสเติบโต และจำนวนประชากรที่มีอยู่มาก จนน่าจะเป็นตลาดที่ร้อนแรงเหมือนจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในตลาดสมาร์ทโฟนนั้น ซัมซุงครองส่วนแบ่งเป็นเบอร์หนึ่งมายาวนานถึง 6 ปี และเพิ่งเสียแชมป์ให้กับ Xiaomi เมื่อไตรมาส 4 ปีที่แล้ว

เรื่องน่าสนใจมากกว่านั้นคือ Xiaomi เพิ่งเริ่มบุกตลาดในอินเดียเมื่อ 3 ปีที่แล้วเท่านั้น และบริษัทก็ไม่ได้เริ่มต้นสวยนัก โดยเฉพาะปี 2016 ที่ต้องแข่งขันรุนแรงกับคู่แข่งจากจีนด้วยกันอย่าง OPPO และ Vivo ซึ่ง Harish Jonnalagadda แห่ง Android Central มีบทวิเคราะห์ว่า Xiaomi ทำอย่างไรจึงมาถึงจุดนี้ได้

IDC รายงานตลาดอุปกรณ์สวมใส่ในไตรมาสสี่ของปี 2017 และทั้งปี โดยจากรายงานที่ IDC เก็บข้อมูลได้เผยว่า ในตลาดอุปกรณ์สวมใส่ประจำปีที่แล้วนั้น ยอดส่งสินค้าในไตรมาส 4 อยู่ที่ 37.9 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 7.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และหากคำนวณทั้งปีจะพบว่ายอดส่งสินค้าจะอยู่ที่ 115.4 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 10.3% จากปีก่อนหน้า

สำหรับบริษัทที่มียอดจำหน่ายอุปกรณ์สวมใส่มากที่สุดประจำปี 2017 ทั้งหมด 5 อันดับแรก มีดังนี้

Microsoft เซ็นบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (Memorandum of Understanding) หรือเอ็มโอยูกับ Xiaomi เพื่อร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งด้านฮาร์ดแวร์, AI และ cloud computing และสนับสนุนผลิตภัณฑ์ให้กันและกัน

ภายใต้การเซ็นสัญญาเอ็มโอยูครั้งนี้ แบ่งได้เป็นสี่ส่วนใหญ่ ๆ คือ

Xiaomi เปิดตัว Mi LED Smart TV 4 สมาร์ททีวีที่บางที่สุดในโลกที่ 4.9 มิลลิเมตร แพแนล LED ขนาด 55 นิ้ว ไร้ขอบ ความละเอียด 4K HDR (3840 x 2160) รีเฟรชเรทที่ 60Hz มุมมองกว้าง 178 องศา กรอบเป็นอะลูมิเนียมอัลลอยด์

Mi LED Smart TV 4 มาพร้อมระบบเสียง Dolby Audio และ DTS-HD มีให้ทั้งพอร์ท AV, HDMI, USB 3.0 และ 2.0 รวมถึง RJ45 พร้อมรองรับ Wi-Fi แบบ Dual Band และ Bluetooth 4.0 LE ซีพียูเป็น Amlogic Cortex A53 จีพียู Mali-T830 แรม 2GB DDR หน่วยความจำ eMMC 8GB

เริ่มวางจำหน่ายในอินเดียวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ที่ราคา 39,990 รูปี หรือราว 19,500 บาท

ที่มา - Xiaomi

ค่อนข้างประสบความสำเร็จกับ Mi A1 สมาร์ทโฟน Android One จาก Xiaomi ที่เป็นส่วนผสมระหว่างความคุ้มค่าของ Xiaomi กับเพียวแอนดรอยด์ ซึ่งเสียงตอบรับดังกล่าวจากแฟนๆ ก็ดูจะสะท้อนออกมาบนโพลล์ในทวิตเตอร์ของ Xiaomi ด้วยที่เปิดให้ผู้ติดตามโหวตระหว่าง MIUI 9 และ Android One ก่อนที่ส่วนใหญ่จะโหวตตัวเลือกหลัง

ไม่รู้ว่าด้วยความเงิบหรือความอาย แอคเคาท์ Xiaomi ลบโพสต์นั้นทันทีที่โพลล์สิ้นสุด โดยยังคงมีกระทู้ใน Reddit เหลือเป็นหลักฐาน ขณะเดียวกันก็มีคนแคปภาพผลโพลล์เอาไว้ทัน โดยมีคนโหวตทั้งหมด 14,769 คนและกว่า 57% เลือก Android One

Huami บริษัทผลิตภัณฑ์อุปกรณ์สวมใส่อิเล็กทรอนิกส์ ได้นำหุ้นบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ด้วยตัวย่อ HMI ซึ่งเป็นการไอพีโอเพิ่มทุน 110 ล้านดอลลาร์ ในราคาหุ้นละ 11 ดอลลาร์ โดยวันแรกหุ้นปิดการซื้อขายที่ราคา 11.25 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากภาพรวมตลาดหุ้นอเมริกามีแรงขายค่อนข้างมาก

หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ Huami แต่บริษัทคือผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาและผลิตสินค้าอุปกรณ์สวมใส่ให้ Xiaomi โดยมีสินค้าเด่นอย่าง Amazfit Watch นาฬิกาอัจฉริยะของ Xiaomi และ Mi Band

Huami บอกว่าขายอุปกรณ์ไปแล้วรวมกว่า 45 ล้านชิ้น และจากการจัดอันดับของ IDC ก็ถือเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สวมใส่รายใหญ่ที่สุดของโลก (ภายใต้แบรนด์ Xiaomi)

Lei Jun ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Xiaomi ออกจดหมายเปิดผนึกแถลงความสำเร็จในปีที่ผ่านมาพร้อมเปิดเผยแผนงานในปี 2018 โดยเริ่มด้วยยอดขายในปี 2017 ซึ่งทะลุ 100,000 ล้านหยวนได้เป็นครั้งแรก จากการก่อตั้งบริษัทมาเพียง 7 ปีกว่าเท่านั้น

หลังไตรมาส 3 ปีที่แล้ว Xiaomi ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 เท่าซัมซุง ในตลาดอินเดียตามรายงานของ IDC ล่าสุดข้อมูลจาก Calanys ชี้ว่าไตรมาสสุดท้าย Xiaomi แซงซัมซุงขึ้นเป็นเบอร์ 1 แต่เพียงผู้เดียวได้แล้ว ด้วยยอดส่งมอบทั้งหมด 8.4 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งที่ 27%

ส่วนซัมซุงถึงแม้จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 17% แต่ส่งมอบน้อยลงจากไตรมาสก่อนหน้าเหลือ 7.3 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่ง 25% ซึ่งเท่ากับ Xiaomi และซัมซุงรวมกันครองตลาดเกิน 50% ของอินเดีย ขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนอินเดียโดยรวมยังคงเติบโตที่ 6% ส่งมอบไปทั้งหมดราวๆ 30 ล้านเครื่อง โดยมี Vivo, Oppo และ Lenovo ตามมาในท็อป 5

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Xiaomi ได้ประกาศหยุดปล่อยอัพเดต Android 8.0 Oreo ให้ Mi A1 เนื่องจากผู้ใช้หลายรายแจ้งว่าพบปัญหาเกี่ยวกับประสิทธิภาพ โดย Xiaomi แจ้งว่าจะกลับมาให้อัพเดตอีกครั้งในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม การหยุดอัพเดตชั่วคราวนี้กินเวลาน้อยกว่าที่ประกาศไว้ เพราะวันนี้ Xiaomi ได้กลับมาปล่อยอัพเดตดังกล่าวอีกครั้งแล้ว พร้อมระบุว่าแก้ปัญหาแบตเตอรี่หมดเร็ว, เครื่องรีบูตแบบสุ่ม และปัญหาอื่นๆ แล้ว รวมถึงการรูดนิ้วลงผ่านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็ใช้ได้แล้วเช่นกัน อีกทั้งยังรวมแพตช์ความปลอดภัยของเดือนมกราคมเข้ามาด้วยเลย

มีรายงานว่า Xiaomi ได้เริ่มพูดคุยกับสถาบันการเงินหลัก อาทิ CLSA, Goldman Sachs และ Morgan Stanley เพื่อเตรียมนำบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้น ในช่วงครึ่งหลังของปี 2018 นี้ โดยมูลค่ากิจการอาจสูงถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ และน่าจะเป็นไอพีโอบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของปีนี้

ยังไม่มีการยืนยันว่า Xiaomi จะนำหุ้นจดทะเบียนที่ตลาดหุ้นใด แต่คาดกันว่าน่าจะเป็นตลาดหุ้นฮ่องกง

ช่วงปี 2015-2016 Xiaomi มีส่วนแบ่งตลาดและยอดขายที่ลดลง แต่เมื่อปีที่แล้วบริษัทกลับมายึดตลาดได้อีกครั้ง จากการปรับกลยุทธ์ใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะการบุกตลาดขนาดใหญ่อย่างอินเดียที่ได้ผลดี

หลังปล่อยอัพเดต Android 8.0 Oreo ให้ Xiaomi Mi A1 มาเกือบครึ่งเดือน มีผู้ใช้หลายรายระบุว่าพบปัญหาด้านประสิทธิภาพเช่นแอพกล้อง, แอพโทรศัพท์ และหน้า Recent Apps ไม่ตอบสนอง รวมถึงมีปัญหาเกี่ยวกับเซ็นเซอร์วัดแสงสำหรับปรับแสงหน้าจออีกด้วย

ในขณะที่ผู้ใช้อีกส่วนหนึ่งก็รายงานว่าใช้นิ้วรูดบริเวณเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อดึงการแจ้งเตือนลงมาไม่ได้ และแบตเตอรี่หมดเร็วมากเมื่อเปิดบลูทูธค้างไว้

จากปัญหาดังกล่าว ทำให้ Xiaomi ตัดสินใจหยุดการปล่อยอัพเดต Oreo นี้ชั่วคราว และจะกลับมาให้อัพเดตกันอีกครั้งภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงไม่พบปัญหาข้างต้นระหว่างการทดสอบเวอร์ชันเบต้าในวงจำกัด

ที่มา - GSMArena

Oculus ประกาศความร่วมมือกับ Xiaomi และ Qualcomm สำหรับผลิตภัณฑ์แว่น VR ในอนาคตโดยเริ่มจาก Oculus Go เป็นผลิตภัณฑ์แรกภายใต้ความเป็นพาร์ทเนอร์นี้ พร้อมเปิดตัว Mi VR Standalone แว่น VR สำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ

Mi VR ใช้ฮาร์ดแวร์เดียวกับ Oculus Go โดยทั้งคู่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 821 Mobile VR Platform พร้อมรองรับ Oculus Mobile SDK ขณะที่แพลตฟอร์ม VR ของ Oculus ในจีนจะใช้ชื่อว่า Mi VR Platform รวมถึงปรับปรุงคอนเทนท์บน Oculus Store ให้เหมาะสมกับตลาดจีนและให้บริการภายใต้ Mi VR Store

ปี 2015-2016 อาจไม่ใช่ปีที่ดีนักของ Xiaomi (ข่าวเก่า 1, ข่าวเก่า 2, ข่าวเก่า 3) แต่บริษัทกลับมาทำผลงานได้ดีในปี 2017 ทั้งในแง่ยอดขายโทรศัพท์, กลับมาติด Top 5 ของโลก, ขึ้นเบอร์หนึ่งผู้ขายอุปกรณ์ wearable ของโลก, ขึ้นเบอร์หนึ่งผู้ขายสมาร์ทโฟนในอินเดีย คำถามที่น่าสนใจคือ Xiaomi กลับมาประสบความสำเร็จได้อย่างไร

Lei Jun ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Xiaomi ประเมินสาเหตุที่บริษัทย่ำแย่ในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้า ว่าเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งปัญหาเรื่องซัพพลายเชนของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ปัญหาการบริหารภายในองค์กรเอง และโมเดลการขายสมาร์ทโฟนผ่านช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว ที่เริ่มถึงทางตัน

บริษัทจึงใช้โอกาสที่เพลี่ยงพล้ำ ปรับตัวเองใหม่จนกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

เรียกว่ามากันนาทีสุดท้ายก่อนสิ้นปีเลย สำหรับอัพเดต Android 8.0 Oreo ของ Xiaomi Mi A1 สมาร์ทโฟนในโครงการ Android One ตัวแรกจาก Xiaomi โดยบัญชีทวิตเตอร์ @xiaomi ได้ประกาศเริ่มปล่อยอัพเดตดังกล่าวแล้ว

หากเช็คอัพเดตแล้วยังไม่มาก็ไม่ต้องตกใจ เพราะ Xiaomi ระบุว่าทยอยปล่อยเป็นชุดๆ และผู้ที่จะอัพเดตได้ต้องอัพแพตช์ล่าสุดของเดือนธันวาคมที่ปล่อยออกมาช่วงต้นเดือนกันก่อนด้วย

ที่มา - Android Police

จุดด้อยอย่างหนึ่งของ Xiaomi Mi A1 สมาร์ทโฟนในโครงการ Android One ตัวแรกของ Xiaomi คือมันไม่มีฟีเจอร์การชาร์จเร็ว โดยก่อนหน้านี้ Xiaomi ได้เปิดรับสมัครผู้ร่วมทดสอบรอม Android 8.0 Oreo Beta สำหรับ Mi A1 และมีผู้พบว่ามีฟีเจอร์ Fast Charge เข้ามาแล้ว

เว็บไซต์ Telecomtalk จากอินเดียรายงานว่าในอัพเดตล่าสุด Mi A1 ได้รับฟีเจอร์ชาร์จเร็วเพิ่มเข้ามา โดยทดสอบชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ OnePlus Dash Charger พบว่าชาร์จเต็มภายในเวลา 92 นาที จากที่ก่อนหน้านี้ใช้เวลาชาร์จถึง 2 ชั่วโมง

ปกติแล้วมือถือค่าย Xiaomi ไม่มีชื่อเสียงในเรื่องกล้องเท่าไรนัก แต่สำหรับ Mi Note 3 สมาร์ทโฟนระดับกลางที่เน้นถ่ายภาพสวย (ในราคาประมาณ 13,000 บาท) ก็ทำผลงานรีวิวจาก DxOMark ได้ค่อนข้างดี ด้วยคะแนนรวม 90 คะแนน (อันดับ 7 ร่วม เท่ากับ Pixel 1 และ HTC U11)

กล้องของ Xiaomi Mi Note 3 เป็นกล้องคู่ 12MP เท่ากัน กล้องหลักเป็นกล้องมุมกว้าง 27mm f/1.8 ส่วนกล้องตัวที่สองเป็นกล้องเทเล 52mm f/2.6 ใช้ถ่ายซูม 2x optical ได้

คะแนนภาพนิ่งของ Mi Note 3 สูงถึง 94 คะแนน (มากกว่า iPhone 8 ที่ได้ 93 คะแนน) ส่วนคะแนนวิดีโอได้ 82 คะแนน

Xiaomi มีแบรนด์ย่อย Redmi ที่เป็นสมาร์ทโฟนราคาถูก ล่าสุดบริษัทเปิดตัว Redmi 5 และ Redmi 5 Plus ตามรอบการอัพเดตช่วงปลายปี

ทั้ง Redmi 5 และ Redmi 5 Plus เปลี่ยนมาใช้จอขอบบางสัดส่วน 18:9 ตามสมัยนิยม (ขนาด 5.7 1440x720 และ 5.99 นิ้ว 2160x1080 ตามลำดับ) กล้องหลังชูจุดเด่นเซนเซอร์มีพิกเซลขนาดใหญ่ 1.25μm รับแสงได้มากขึ้น, กล้องหน้า 5MP พร้อมโหมด Beautify, ระบบปฏิบัติการ MIUI 9

Redmi 5 ใช้ซีพียู Snapdragon 450, แบตเตอรี่ขนาด 3300mAh, แยกเป็น 2 รุ่นย่อยคือ แรม 2GB/ความจุ 16GB ราคา 799 หยวน (ประมาณ 4 พันบาท) และแรม 3GB/ความจุ 32GB ราคา 899 หยวน

Xiaomi ประกาศเปิดตัวบอร์ด ESP32 ของตัวเองในงาน Xiaomi IoT Developer Conference พร้อมกับ SDK โอเพนซอร์สตัวใหม่ โดยตัวบอร์ดมีราคา 15 หยวนหรือประมาณ 80 บาทเท่านั้น

ตอนนี้ตัว SDK ยังมีแค่ repository ใน GitHub แต่ยังไม่มีโค้ดอะไรออกมา ระบุเพียงสัญญาอนุญาตเป็น Apache 2.0 เท่านั้น ขณะที่ตัวบอร์ดใช้โมดูล ESP-WROOM-320

เอกสารของ Xiaomi ระบุว่าการสั่งซื้อมีสองแบบคือแบบนักพัฒนาที่ซื้อปลีกไม่กี่บอร์ด และแบบซื้อเพื่อผลิตสินค้า จะเป็นการซื้อ 500 บอร์ดขึ้นไป

Baidu และ Xiaomi ประกาศความร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และ Internet of Things อย่างเป็นทางการในงานประชุมนักพัฒนาที่จัดโดย Xiaomi ณ กรุงปักกิ่ง

ทั้งสองระบุว่าเป็นการร่วมมือโดยเน้นเรื่อง voice recognition, deep learning และ computer vision ที่ซึ่ง
Baidu อาจนำไปต่อยอดใน หุ่นยนต์ AR, VR และรถยนต์

ทั้งสองบริษัทมีการร่วมกันทำงานมาก่อนหน้านี้แล้วคือ Baidu มีแพลตฟอร์ม AI ของตัวเองในชื่อ DuerOS ซึ่งปรากฎในผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi บางรุ่นด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ออกมาประกาศความร่วมมือกันอย่างเป็นทางการ

Xiaomi นั้นไปได้ดีกับการบุกตลาดอินเดีย โดยไตรมาสที่ผ่านมามีส่วนแบ่งการตลาดเป็นที่ 1 เท่ากับซัมซุง ซึ่งจากนี้ Xiaomi ก็มีแผนจะยึดตลาดอินเดียให้อยู่หมัดมากยิ่งขึ้น

โดยซีอีโอ Lei Jun ให้สัมภาษณ์ว่าบริษัทมีแผนจะลงทุนถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ภายใน 5 ปีข้างหน้า กับสตาร์ทอัพในอินเดีย 100 แห่ง เพื่อให้บริษัทเหล่านี้พัฒนาแอพ เสริมระบบนิเวศบนสมาร์ทโฟนของ Xiaomi ให้เข้ากับตลาดอินเดีย

หมวดแอพและธุรกิจที่ Xiaomi สนใจลงทุนมีทั้งกลุ่มผู้ผลิตเนื้อหา, เทคโนโลยีการเงิน, บริการแบบเจาะเฉพาะพื้นที่, บริการซ่อมบำรุงโทรศัพท์ ตลอดจนภาคการผลิตที่เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟน

IDC เผยรายงานการส่งมอบสมาร์ทโฟนไตรมาส 3 ที่ผ่านมาในอินเดีย ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสถิติใหม่ที่ 39 ล้านเครื่อง สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า 40% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ปีที่แล้ว โดยสาเหตุหลักมาจากการฉลองลดราคาของร้านค้าออนไลน์ต่างๆ ในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน

ขณะที่ในกลุ่มท็อป 5 มีส่วนแบ่งรวมถึงสูงถึง 72% นำมาโดย Xiaomi ที่ขึ้นมามีส่วนแบ่งเท่ากับซัมซุงที่ 23.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 3 เท่า โดย Redmi Note 4 เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด ขณะที่ซัมซุงก็เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 23% โดย Galaxy J2, J7 Nxt และ J7 Max เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด ส่วนเบอร์ 3 คือ Lenovo (รวมโมโตโรลา) ที่ตามมาห่างๆ ที่ 9% โดย 2/3 ของยอดขายเป็นของโมโตโรลา

สมาร์ทโฟนในระดับเรือธงปีนี้ ที่สังเกตได้ชัดนอกจากจะสู้กันเรื่องกล้องแล้ว ขนาดและสัดส่วนหน้าจอขนาด 18:9 และไร้ขอบก็เป็นเทรนด์ที่เห็นกันได้ชัดแทบในทุกๆ เจ้า ซึ่งหากมองย้อนกลับไปแล้ว สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่นำเทรนด์นี้คือ Mi Mix ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2016

วันนี้ Xiaomi ประกาศเปิดตัวของ Mi Mix 2 สมาร์ทโฟนหน้าจอไร้ขอบสเปคระดับเรือธง พร้อมเปิดราคาในไทยเบาๆ เพียง 17,990 บาท โดยรุ่นที่เอามาวางจำหน่ายเป็นแรม 6GB ความจุ 64GB และฝาหลังเป็นเซรามิคเงา มีสีเดียวคือสีดำ

Mi Mix 2 เริ่มวางจำหน่ายพรุ่งนี้ ทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านลาซาด้าหรือร้านค้าทั้ง Mi Store, Jaymart และ IT City ส่วนสเปคของ ดูได้จากข่าวเปิดตัวครับ

Qualcomm ได้ลงนามในบันทึกตกลงความเข้าใจ (MOUs) กับ Xiaomi, Oppo และ Vivo เป็นระยะเวลา 3 ปี มูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่ง Reuters ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของดีลในครั้งนี้ แต่อย่างน้อยๆ เราน่าจะได้เห็นสมาร์ทโฟนจากจีนทั้ง 3 เจ้าใช้ชิปหรือเทคโนโลยีของ Qualcomm มากขึ้น

ดีลเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงทางธุรกิจระหว่างสหรัฐและจีน มูลค่าราว 2.5 แสนล้านเหรียญ ระหว่างการเดินทางเยือนปักกิ่งของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์

ที่มา - Reuters