VLC อัพเดตแอพเวอร์ชัน Windows 8 ให้ทำงานกับ Windows 10 ได้ด้วย พร้อมเปลี่ยนชื่อแอพจากเดิม "VLC for Windows 8" มาเป็น "VLC for Windows Store" ให้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

VLC เวอร์ชันใหม่ยังมีของใหม่หลายอย่าง เช่น ปรับหน้าตาให้เข้ากับ Windows 10, เล่นวิดีโอต่อจากที่เล่นค้างไว้, เพิ่มตัวเล่นขนาดเล็ก Mini Player, ปรับปรุงระบบการค้นหาใหม่ ทำงานได้เร็วกว่าเดิม, ปรับปรุงระบบ metadata ให้ดีกว่าเดิม

เคยเป็นประเด็นกันมาแล้วครั้งหนึ่งเรื่อง ผู้ใช้ Windows 10 Home จะไม่สามารถปิด Windows Update ได้ คราวนี้มีคนไปค้นพบว่านโยบายบังคับอัพเดตไม่ได้มีแค่ตัวระบบปฏิบัติการ แต่รวมถึงแอพบน Windows Store ซะด้วย

ถ้าลองเข้าหน้าตั้งค่าของ Windows Store จะพบว่าตัวเลือก Update apps automatically มีสถานะเป็น On และตัวเลือกเป็นสีเทา ไม่สามารถกดกลับเป็น Off ได้ ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์เองไม่เคยออกมาประกาศข้อมูลใดๆ เรื่องนโยบายการอัพเดตแอพบน Windows Store และยังไม่มีทีท่าใดๆ ในข่าวนี้

เว็บไซต์ SuperSite for Windows ทดสอบประเด็นนี้แล้วพบว่ามีเฉพาะ Windows 10 Home เท่านั้นที่เข้าข่าย ส่วน Windows 10 รุ่นอื่นๆ สามารถกดปิดตัวเลือกเป็น Off ได้ครับ

ระหว่างที่ Terry Myerson ผู้บริหารของไมโครซอฟท์ที่คุมทั้งแผนกระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ ให้สัมภาษณ์เรื่อง Windows 10 กับ CNN Money นั้น เขากล่าวว่า เป้าหมายของไมโครซอฟท์คือต้องการให้ทุก stock app ที่มากับระบบปฏิบัติการอย่าง Notepad ขึ้น Windows Store เพื่อที่ผู้ใช้จะสามารถจัด rating และรีวิวแอพดังกล่าวได้

ทั้งนี้ Terry ไม่ได้ระบุว่าเราจะเห็นสิ่งนั้นเมื่อใดครับ

ที่มา: CNN Money ผ่าน Microsoft-News

หากใครยังจำได้ ในยุค Windows 8 นั้น ไมโครซอฟท์เปิดให้หนึ่งบัญชี Windows Store สามารถติดตั้งแอพที่ผู้ใช้ซื้อ-โหลดผ่าน Windows Store ลงอุปกรณ์ต่างๆ ได้สูงสุด 5 เครื่อง ต่อมาบริษัทก็ขยายเป็น 81 เครื่อง ช่วง Windows 8.1 แต่ล่าสุดมีคนพบว่ามีการระบุบนแอพของไมโครซอฟท์ว่า หนึ่งแอพสามารถถูกติดตั้งลงอุปกรณ์ต่างๆ ได้สูงสุด 10 เครื่อง ต่อหนึ่งบัญชี Windows Store บน Windows 10 เท่านั้น

การที่จะติตตั้งแอพเดียวกันถึง 10 เครื่องที่รัน Windows 10 นั้นเป็นไปได้กับผู้ใช้จำนวนหนึ่ง อาทิ ติดตั้งลงพีซี แท็บเล็ต มือถือ และ Xbox One

เว็บไซต์ Windows Central ได้สอบถามไมโครซอฟท์ในเรื่องนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างไร

หลังจากออก Windows 10 SDK รุ่นพรีวิวมาได้สักระยะหนึ่งให้คนทำแอพมีเวลาเตรียมตัว เมื่อวานนี้ไมโครซอฟท์ก็ออก Windows 10 SDK รุ่นสมบูรณ์มาพร้อมกับ Windows 10 Build 10240 แล้ว

นักพัฒนาที่ต้องการสร้างแอพบน Windows 10 จะต้องอัพเกรดเป็น Windows 10 Build 10240 และดาวน์โหลดเครื่องมือพัฒนาแอพ ซึ่งไมโครซอฟท์จัดเป็นชุดสำเร็จมาให้ มีทั้ง Visual Studio 2015, Windows 10 SDK และเครื่องมือช่วยเหลืออื่นๆ

จากประเด็น Windows 10 จะรองรับโค้ด Android/iOS/.NET (ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องโค้ดเนม) มีคำถามที่นักพัฒนาทั่วโลกยังสงสัยและคาใจกันอยู่ ผมมีโอกาสสัมภาษณ์คุณ Todd Brix ผู้บริหารตำแหน่ง General Manager, Windows Store and Developer Marketing ได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาอีกบางส่วนครับ

ไมโครซอฟท์ประกาศแนวทางใหม่ของ Windows Store บน Windows 10 (ตอนนี้มันถูกเรียกว่า Store Beta ไม่มีคำว่า Windows แล้ว) ว่าจะผนวกเอาเนื้อหาดิจิทัลอื่นๆ นอกจากแอพมาขายด้วย เพื่อสร้างประสบการณ์ Store เดียวครบทุกอย่าง

สิ่งที่เพิ่มเข้ามาแล้วคือเนื้อหาหมวด Movies & TV และอีกสักพักจะมีเนื้อหาหมวด Music ตามมา ไมโครซอฟท์ยังบอกว่าแอพ Music และ Video ตัวใหม่ของ Windows 10 จะเชื่อมกับเนื้อหาใน Store โดยตรงด้วย

สำหรับคนที่ซื้อเนื้อหาดิจิทัลผ่าน Xbox Music หรือ Xbox Videos ไปแล้ว เนื้อหาเดิมยังอยู่ครบและเข้าถึงได้จาก Store ใหม่เช่นกัน

ขอรวมข่าวเกี่ยวกับ Windows 10 มานำเสนอเป็นข่าวเดียวกัน ดังนี้

ข่าวแรก เว็บไซต์ Windows Central รายงานว่า Windows Store Beta เพิ่มหมวด Movies & TV ให้ผู้ใช้ในประเทศที่สามารถเข้าถึงบริการ Xbox Video ได้ (ไม่รวมประเทศไทย) สามารถค้นหาและซื้อหรือเช่าภาพยนตร์กับรายการโทรทัศน์ได้ โดย ณ เวลานี้เซกชันดังกล่าวยังไม่พร้อมให้ใช้งาน แต่จะพร้อมใช้งานเดือนนี้

Windows Central กล่าวว่านี่คงเป็นหนึ่งในการรวมสโตร์ต่างๆ (อาทิ สโตร์แอพ เพลง ภาพยนตร์) เป็นสโตร์เดียวกัน - Windows Central

ไมโครซอฟท์เผยสถิติเกี่ยวกับ Windows Store และ Windows Phone Store รวมถึงระบบปฏิบัติการ Windows และ Windows Phone ประจำเดือนพฤศจิกายน ดังนี้

ไมโครซอฟท์อัพเดต Windows App Studio Beta เว็บแอพพัฒนาแอพ Windows Store และ Windows Phone โดยไม่ต้องเขียนโค้ด ที่มีผู้ใช้กว่า 2.3 ล้านบัญชีผู้ใช้ ดังนี้

App Annie แหล่งข้อมูลแอพบนอุปกรณ์พกพา ประกาศเพิ่มการรองรับการแสดงผลทางสถิติของแอพบน Windows Phone Store และ Windows Store อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเป็นผลดีต่อนักพัฒนาสาย Windows/Windows Phone ที่จะสามารถรู้สถิติของการดาวน์โหลดแอพ และสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อผลทางการโปรโมตและการประเมินยอดดาวน์โหลดของแอพต่าง ๆ

นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับนักพัฒนาที่จะสามารถดูสถิติเพื่อวิเคราะห์ยอดดาวน์โหลดได้ง่ายยิ่งขึ้นครับ

ไมโครซอฟท์ออกโฆษณาทางโทรทัศน์ตัวใหม่ชื่อ Windows Store: Apps ชูดจุดขายเรื่องแอพบน "Windows Store" ที่ไม่แยกอีกต่อไปว่าเป็น Windows 8.x หรือ Windows Phone

ในโฆษณาชิ้นนี้ ไมโครซอฟท์นำแอพชื่อดังหลายตัวมาแสดงให้เห็นว่า Windows Store มีแอพเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Vine, Skype, Twitter, LINE, Netflix, Hulu Plus, Pandora, Spotify, Videmo, Flipboard รวมถึงเกมดังๆ อีกหลายตัวด้วย

ต้องรอดูกันต่อไปครับว่านโยบายรวมแบรนด์ รวมแอพ รวมร้านขายแอพของไมโครซอฟท์จะช่วยให้แพลตฟอร์ม Windows กลับมาประสบความสำเร็จแค่ไหน

มีคนไปพบว่าไมโครซอฟท์ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการคิดค่าธรรมเนียมการขายแอพบน Windows Store จากเดิมคิดที่ 20% สำหรับแอพที่ทำรายได้เกิน 25,000 ดอลลาร์ (แอพที่ทำรายได้ไม่ถึงคิดที่ 30%) เป็นคิดที่ 30% ไม่ว่าแอพนั้นจะทำรายได้เท่าไรก็ตาม โดยเงื่อนไขนี้จะมีผล 1 ม.ค. ปีหน้าเป็นต้นไป

ไมโครซอฟท์ชี้แจงกับเว็บไซต์ Neowin ว่าประกาศเรื่องนี้ตั้งแต่งาน BUILD 2014 เมื่อต้นปีที่ผ่านมาแล้ว แต่กลับไม่เป็นข่าวเลย ซึ่ง Neowin คาดว่าเป็นไปได้ที่ ณ เวลานั้นทุกสื่อมุ่งทำแต่ข่าวใหญ่ที่กลบข่าวเล็กอย่างการเปลี่ยนการคิดค่าธรรมเนียมแอพบน Windows Store นี้ไปซะหมด

ทั้งนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการคิดค่าธรรมเนียมแอพบน Windows Phone Store แต่อย่างใด (คิดที่ 30% ของรายได้ต่อแอพ)

หลังจากมีภาพหลุด Windows 10 รุ่นทดสอบ 9888 ซึ่งมากับเคอร์เนลรุ่น 10.0 แทนที่จะเป็นรุ่น 6.4 ตาม Windows 10 รุ่นทดสอบก่อนหน้านี้ และกระโดดจาก 6.x ที่เริ่มมาจาก Windows Vista ล่าสุดไมโครซอฟท์ยืนยันเรื่องนี้อย่างเงียบๆ ผ่านคู่มือพัฒนาเว็บบน Internet Explorer Dev Center ครับ

ไมโครซอฟท์ระบุว่าเคอร์เนล Windows NT (แกนของ Windows อยู่ในสาย Windows NT) ใน UA string จะเปลี่ยนจาก 6.4 เป็น 10.0 ดังนั้นนักพัฒนาควรอัพเดตโค้ดเพื่อให้รองรับกับค่าใหม่ ซึ่งหมายถึงรองรับ Windows 10 นั่นเอง

หลังจากที่โนเกียได้เปิดหมวดพิเศษเพื่อแสดงแอพที่คัดเลือกเองมานำเสนอบนสโตร์ในชื่อ Nokia collection มาตั้งแต่สมัยเริ่มขายโทรศัพท์ Lumia มาถึงวันนี้ที่ไม่มีโนเกีย ก็ถึงเวลาบอกลากันแล้ว เมื่อมีผู้ใช้จำนวนหนึ่งรายงานว่าหมวดดังกล่าวได้หายไปและมีหมวดใหม่มาแทนในชื่อว่า Lumia collection

เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้แปลกใจกันอีกต่อไป ในเมื่อหลายเดือนมานี้หลังจากที่ไมโครซอฟท์เข้าซื้อส่วนหนึ่งของโนเกียมาและเริ่มจัดการกับคำว่า "Nokia" ออกจากที่ต่างๆ ทั้งแอพ หน้าเว็บ ทวิตเตอร์ และอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ผมยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงในสโตร์บนโทรศัพท์ของผมเองครับ

ไมโครซอฟท์วางขาย Kinect for Windows v2 มาได้สักพัก คราวนี้ได้ฤกษ์ของ Kinect SDK 2.0 เวอร์ชันสมบูรณ์ นักพัฒนาสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้ฟรี โดยต้องใช้กับ Windows 8 และ VS2012 ขึ้นไป รายการเปลี่ยนแปลงอ่านได้จาก Release Notes

นอกจาก SDK 2.0 ตัวจริงแล้ว ไมโครซอฟท์ยังประกาศข่าวของ Kinect เพิ่มอีก 2 อย่างคือ

ไมโครซอฟท์อัพเดต Windows App Studio Beta เว็บพัฒนาแอพ Windows Store และ Windows Phone โดยไม่ต้องเขียนโค้ด ดังนี้

Oliver Niehus ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาแอพพลิเคชันของไมโครซอฟท์ เผลอโพสต์รายละเอียดของ Windows 10 ลงบล็อกแล้วนำออกในภายหลัง ในโพสต์นี้มีข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows Store รุ่นใหม่ ที่บอกว่าจะมีแอพเดสก์ท็อป และเนื้อหาดิจิทัลประเภทอื่นๆ วางขายด้วย นอกเหนือจากของเดิมที่มีแต่แอพ Modern อย่างเดียว

เขายังบอกว่าไมโครซอฟท์จะเพิ่มวิธีจ่ายเงินให้หลากหลายมากขึ้น และเปิดให้องค์กรสามารถมี "หน้าร้าน" เฉพาะของตัวเองอยู่ใน Windows Store อีกทีหนึ่ง เพื่อให้พนักงานสามารถดาวน์โหลดแอพที่องค์กรอยากให้ใช้งานได้สะดวกกว่าเดิม

รายละเอียดอื่นๆ ของ Windows 10 ที่ถูกกล่าวถึงคือ รองรับ VPN แยกตามแอพพลิเคชัน และรองรับ Azure Active Directory (Azure AD) เต็มรูปแบบ

ไมโครซอฟท์ประกาศว่า ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป จะปรับการสมัครสมาชิกนักพัฒนาแอพ Windows Store และ Windows Phone จากเดิมแบบรายปีเป็นแบบตลอดชีพแทน สำหรับสมาชิกนักพัฒนาเดิม (ที่ไมโครซอฟท์โชว์ตัวเลขว่ามีมากกว่า 6 แสนราย) จะไม่ต้องจ่ายค่าสมาชิกรายปีอีกต่อไป

ทั้งนี้ ค่าสมาชิกนักพัฒนารายบุคคลอยู่ที่ 601 บาท ส่วนสมาชิกแบบบริษัทอยู่ที่ 3,000 บาท สำหรับประเทศอื่นดูได้จากที่นี่

จากปัญหาเรื้อรังเรื่องแอพปลอมใน Windows Store ในที่สุดไมโครซอฟท์ก็ออกมาแก้ปัญหา โดยปรับเงื่อนไขการตรวจสอบแอพก่อนขึ้น Store ดังนี้

• ชื่อแอพ ต้องชัดเจน และสะท้อนความสามารถของแอพนั้น
• หมวดหมู่ ต้องตรงกับความสามารถของแอพนั้น
• ไอคอน ต้องแตกต่างกับแอพตัวอื่นเพื่อไม่ให้ผู้ใช้เข้าใจผิด

กฎใหม่มีผลกับแอพใหม่และแอพเก่าที่จะส่งอัพเดตเข้ามายัง Windows Store/Windows Phone Store นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ก็กำลังตรวจสอบแอพเก่าที่อยู่บน Store แล้วว่าทำถูกต้องตามเงื่อนไขหรือไม่ และที่ผ่านมาก็ลบแอพบน Store ทิ้งไปจำนวน 1,500 แอพแล้ว (ใครที่พลาดเสียเงินซื้อแอพปลอมพวกนี้ไปแล้ว ไมโครซอฟท์ยินดีคืนเงินให้)

ไมโครซอฟท์อัพเดต OneNote บน Windows (Windows Store app) และ Android ซึ่งนอกจากจะแก้บั๊กแล้วยังมีฟีเจอร์ใหม่ด้วย ดังนี้

ผู้ใช้ Windows Store และ Windows Phone Store น่าจะพอทราบกันดีอยู่แล้วว่ามันเต็มไปด้วย "แอพปลอม" มากมาย เว็บไซต์ How-To Geek ลองรวบรวมปัญหามานำเสนอครับ

How-To Geek ลองสำรวจสถานการณ์แอพบน Windows Store พบว่ามีแอพที่ใช้ชื่อและโลโกเลียนแบบแอพดังๆ มากมาย เช่น VLC, Firefox, iTunes, WhatsApp, Flash Player, Minecraft, Picasa โดยแอพปลอมหลายตัวเป็นแอพคิดเงินด้วย และจากการสำรวจคอมเมนต์ก็พบว่ามีผู้ใช้จำนวนไม่น้อยที่เผลอซื้อแอพพวกนี้ไป และกลับมาให้คะแนน 1 ดาวพร้อมคำบ่นว่าโดนหลอก

หลังจากไมโครซอฟท์เปิดให้ใช้งานวิดีโอคอลล์แบบกลุ่มบน Skype ได้ฟรีบนพีซี แมค และ Xbox One เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริษัทได้อัพเดตแอพ Skype แบบ Metro ให้รองรับฟีเจอร์นี้แล้ว โดยความพิเศษของแอพบน Windows Store คือ

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ Windows App Studio Beta เว็บแอพพัฒนาแอพแบบ Metro บน Windows และบน Windows Phone โดยไม่ต้องเขียนโค้ด ที่มีผู้ใช้งานกว่า 1.1 ล้านราย ดังนี้

ไมโครซอฟท์เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสาย Windows เข้ามาขอ API ที่ต้องการใช้ในการพัฒนาแอพสำหรับ Windows Store ผ่านหน้าเว็บ Windows Dev Feedback บนหัวข้อ Missing Platform APIs

API ที่ขอนั้นสามารถเป็นได้ตั้งแต่ Windows API เดิมที่ยังไม่อนุญาตให้ใช้บนแอพ Windows Store จนไปถึง API ที่มีอยู่บนระบบปฏิบัติการอื่นแต่ไม่มีให้ใช้บน Windows นอกจากนี้หากต้องการให้ API ตัวไหนได้สิทธิรันนอก sandbox เพื่อให้นำไปใช้งานได้มีประสิทธิผลมากขึ้นก็สามารถขอได้เช่นกัน

หวังว่าโครงการนี้จะทำให้แพลตฟอร์มฝั่งไมโครซอฟท์กลับมาตีตื้นด้านจำนวน/คุณภาพของแอพได้บ้างนะครับ ส่วนนักพัฒนาก็คงจะได้หายอึดอัดกันซักที