ตอนนี้คงชัดเจนแล้วว่าตลาดทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีอนาคตที่สดใส และมีผู้เล่นหลายรายพยายามสร้างผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตทีวีเอง (อย่าง Samsung/Sony/LG) หรือฝั่งไอทีคือ Apple TV/Google TV แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่มีใครประสบความสำเร็จอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากนัก

สมรภูมิ Smart TV เริ่มระอุขึ้นมาเรื่อยๆ โดย LG ซึ่งประกาศสร้างแพลตฟอร์มทีวีของตัวเอง ประกาศความเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตทีวีอีกสองรายคือ Sharp และ Philips เพื่อให้แอพของแพลตฟอร์มนี้ทำงานได้บนทีวีทั้งสามยี่ห้อ

ที่งาน IFA บริษัท BitTorrent จับมือ Vestel ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติตุรกี ออกทีวีเครื่องแรกของโลกที่โหลดบิตได้ และแปะตรา BitTorrent Certified

ทีวีรุ่นนี้ของ Vestel จะรองรับการแชร์ไฟล์มัลติมีเดียจากอุปกรณ์อื่นๆ มาฉายขึ้นจอทีวี รวมถึงการดาวน์โหลดเนื้อหาผ่าน BitTorrent อย่างถูกกฎหมาย (บริษัท BitTorrent เริ่มเซ็นสัญญากับเจ้าของเนื้อหาจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ยังเป็นรายเล็กๆ)

ถึงแม้ Google TV จะยังล้มลุกคลุกคลานในตลาดสหรัฐ แต่ล่าสุด Eric Schmidt ประธานบริษัทกูเกิลไปพูดที่งานสัมมนาด้านทีวีที่สกอตแลนด์ พูดชัดเจนว่ากูเกิลจะส่ง Google TV ไปทำตลาดยุโรปในปีหน้า 2012 อย่างแน่นอน

เหตุผลหนึ่งที่ทีวี 3 มิติไม่ได้รับความนิยม ก็คือต้องใช้แว่น 3 มิติที่มีราคาแพง และใช้ร่วมกันระหว่างค่ายไม่ได้

ผู้ผลิตทีวีรายใหญ่ 3 รายคือ Panasonic, Samsung, Sony และบริษัทด้าน 3 มิติอีกรายคือ XpanD ได้ประกาศจับมือสร้างมาตรฐานแว่น 3 มิติ (แบบ active glasses) ทั้งที่สื่อสารผ่านคลื่นวิทยุและคลื่นอินฟราเรด

โครงการนี้ชื่อว่า Full HD 3D Glasses Initiative ซึ่งมี XpanD เป็นผู้ผลักดันคนสำคัญ ผู้บริหารของ XpanD บอกว่ามาตรฐานนี้จะช่วยให้ร้านขายทีวีทำงานง่ายขึ้น จากเดิมที่ต้องมีแว่น 3 มิตินับ 15 รุ่นในสต๊อกเพื่อขายกับทีวีแต่ละยี่ห้อ

มีข่าวลือว่า RIM กำลังจะทำกล่องมัลติมีเดียสำหรับเชื่อมต่อทีวีในลักษณะเดียวกับ Apple TV ในชื่อว่า "BlackBerry Cyclone"

ฟีเจอร์ของ Cyclone เท่าที่มีข้อมูลในตอนนี้คือ สตรีมวิดีโอจาก Netflix/YouTube และอุปกรณ์อื่นๆ ที่อยู่ในวง Wi-Fi เดียวกัน นอกจากนี้ยังเชื่อมกับทีวีผ่าน HDMI

ถ้าดูตามชื่อรุ่นของ BlackBerry ในอดีตอย่าง "Storm" แล้ว ชื่อ "Cyclone" ก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อย ส่วนระบบปฏิบัติการนั้นยังไม่ระบุ แต่ถ้าจะเดาว่าอิงจาก QNX ก็เป็นไปได้สูงเช่นกัน

ที่มา - BGR

ซาโตรุ อิวาตะ ประธานของนินเทนโดตอบคำถามว่า Wii U จะต่อกับทีวี 3 มิติได้หรือไม่ คำตอบก็คือ Wii U สามารถต่อกับทีวีทั่วไปที่มีฟีเจอร์แสดงผล 3 มิติได้แน่นอน

แต่อิวาตะบอกว่าการทำเกม 3 มิติ (หมายถึง 3 มิติแบบเห็นความลึก ไม่ใช่กราฟิกโพลีกอน) ไม่ใช่โฟกัสของ Wii U เหตุเพราะทีวี 3 มิติยังไม่แพร่หลายมากพอนั่นเอง (เหตุผลเดียวกับที่ Wii ไม่รองรับกราฟิกแบบ HD ในช่วงนั้น)

ที่มา - Joystiq

มีข่าวว่าผู้ถือหุ้น Hulu บริการดูรายการทีวีผ่านเน็ตที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในสหรัฐ เตรียมขายกิจการให้บริษัทสักแห่งที่ยังไม่ระบุนาม

Hulu เป็นบริการที่ร่วมลงขันกันโดยสื่อใหญ่ของสหรัฐอเมริกา 3 รายคือ Disney, NBC Universal และ Fox (ซึ่ง Fox มี News Corp เป็นเจ้าของอีกทีหนึ่ง) ตัวบริการได้รับความนิยมสูง แต่ก็มีปัญหาเรื่องรายได้ไม่เข้าเป้า, ปัญหาการขอสิทธินำเนื้อหามาฉายบน Hulu, สื่อสามเจ้าทะเลาะกันเองว่าควรดำเนินธุรกิจ Hulu อย่างไร และปัญหาเรื่องคนหนีไปดูรายการทีวีบน Hulu จนทีวีแบบปกติรายได้ตกลง

กูเกิลเข้าซื้อกิจการบริษัท SageTV ซึ่งเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อัดรายการทีวี (DVR) ที่ใช้ร่วมกับการ์ด TV tuner บนพีซี

SageTV เปิดกิจการมาตั้งแต่ปี 2002 ส่วนการขายกิจการให้กูเกิลรอบนี้ บริษัทบอกเพียงว่าการเข้าร่วมกูเกิลจะทำให้ฐานผู้ใช้งานกว้างขึ้นอีกมาก และยังไม่ประกาศข้อมูลอื่นใดในตอนนี้

ถึงกูเกิลจะไม่พูดอะไร แต่ทุกคนก็น่าจะคาดเดาได้ว่าฟีเจอร์ของ SageTV จะถูกรวมเข้าไปใน Google TV ที่ยังขาดฟีเจอร์การอัดรายการทีวีอยู่

ที่มา - SageTV, Engadget

สถานีโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษ ประกาศถ่ายทอดสดการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดันนัดชิงชนะเลิศ ทั้งแบบชายเดี่ยว (3 ก.ค.) และหญิงเดี่ยว (2 ก.ค.) ในรูปแบบ 3D เป็นรายการแรกของสถานี

ผู้ชมที่มีทีวีแบบ 3D และดูช่อง BBC HD ได้ผ่านเคเบิลทีวีต่างๆ ส่วนพาร์ทเนอร์ร่วมถ่ายทอดของ BBC คือโซนี่ครับ เราอาจมองว่าการถ่ายทอดวิมเบิลดันแบบ 3D เป็น "ก้าวแรก" ของการทดลองถ่ายทอดสดกีฬา 3D ก่อนที่จะถ่ายทอดเต็มรูปแบบในโอลิมปิก 2012 ปีหน้า

ในสหรัฐอเมริกา สถานี ESPN ก็ประกาศถ่ายทอดการแข่งขันวิมเบิลดันเป็น 3D เช่นกัน โดยมีจำนวนแมตช์มากกว่าคือรวมรอบรองชนะเลิศด้วย

วิดีโอโปรโมทของโซนี่

บริษัทวิจัยตลาด MarketResearch.com ประเมินอัตราการเติบโตของทีวีที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ (Connected TV จำคำนี้ไว้ดีๆ) ว่าจะเติบโตสูงมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ตัวเลขของ MarketResearch.com ระบุว่าระหว่างปี 2009-2014 ทีวีต่อเน็ตได้จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 58.3% และถ้าคิดเฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อัตราการเติบโตจะสูงกว่า 60%

เนื่องจากเป็นตลาดเกิดใหม่ ทำให้เราเริ่มเห็นผู้เล่นรายใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำทีวีมาก่อนอย่างกูเกิล ยาฮู แอปเปิล ไมโครซอฟท์ ลงมาเล่นในตลาดนี้กันถ้วนหน้า

ที่มา - AppMarket

จากงาน Google I/O ครั้งที่ผ่านมา กูเกิลได้เผยโฉม Google TV เวอร์ชัน Honeycomb พร้อมกับการจัด Session พูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนาโปรแกรมบน Google TV โดยจุดที่น่าสนใจคือถึงแม้ว่าทีวีจะเป็นอุปกรณ์ที่อยู่กับเรามานาน (กว่า PC และ Smart Phone) แต่การพัฒนาโปรแกรมให้ทำงานบนทีวีนั้นยังเป็นเรื่องใหม่มากในตอนนี้

หลังจากที่ได้ดู Session แล้ว (อ่านเพิ่มได้จากบล็อก "On Google TV" ของ mk) ก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจดี เลยนำมาแชร์กันครับ

บนเวที keynote วันแรกของ Google I/O กูเกิลพูดถึง Google TV เพียงนิดเดียว โดยบอกว่าจะใช้ฐานโค้ดของ Android 3.1 และรองรับ Android Market

แต่ที่ห้องบรรยายหัวข้อ Google TV กูเกิลก็ได้เผยหน้าตาของ Google TV ภาค Honeycomb ซึ่งคล้ายกับแท็บเล็ต Honeycomb มาก จุดต่างมีแค่ไอคอนจะถูกเรียงอยู่ขอบล่างของหน้าจอเท่านั้น ไม่สามารถวางไว้บน homescreen ได้อย่างอิสระเหมือนภาคแท็บเล็ต

ในเอกสารของกูเกิลยังระบุว่าจะออกอีมูเลเตอร์ Google TV เพื่อให้นักพัฒนาแอพทดสอบกันช่วงหน้าร้อนปีนี้ และ Google TV จะยังไม่รองรับแอพ Android ที่เขียนด้วย NDK, เรียกใช้กล้องหรือไมโครโฟน แต่จะรองรับในรุ่นถัดไป

เว็บไซต์ Business Insider รายงานข้อมูลจากวงในว่า Google TV กำลังจะกลับมาอีกครั้ง หลังจากรุ่นแรกออกมาแล้วได้รับเสียงตอบรับไม่ดีจากตลาด

Google TV รุ่นใหม่จะเปิดตัวในงาน Google I/O 2011 เดือนพฤษภาคมนี้ ปรับปรุงเพิ่มขึ้น 3 อย่าง

• ความเร็ว โดยอุปกรณ์จะใช้ชิปที่เร็วกว่าเดิม
• ปรับปรุง user experience ให้ดีขึ้น
• รองรับแอพจาก Android โดยแหล่งข่าวเชื่อว่ากูเกิลกำลังสร้าง Android Market ที่เหมาะกับจอทีวีอยู่

นอกจากนี้แหล่งข่าวยังเชื่อว่า แพลตฟอร์ม Android ในภาพรวมกำลังถูกปรับปรุงให้เน้นวิดีโอออนไลน์และแอพมากขึ้น ซึ่งสะท้อนความต้องการของตลาดแท็บเล็ต และการผนวกแพลตฟอร์มเข้ากับ Google TV

แนวทางของ YouTube ชัดเจนมาตลอดว่าจะรับเฉพาะวิดีโอที่สมาชิกส่งเข้ามา (ส่วนจะละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) แต่จะไม่จ่ายเงิ่นซื้อรายการดังๆ มาขึ้นเว็บ ในลักษณะเดียวกับที่ Netflix/Hulu ทำอยู่

ผลก็คือคนเข้า YouTube เยอะตามจำนวนวิดีโอที่มีอยู่ แต่เวลาเฉลี่ยที่ดูวิดีโอบน YouTube สั้นมาก (2 ชม. 11 นาทีต่อเดือน) ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Netflix แม้จะมีผู้ชมจำนวนน้อยกว่า แต่กลับดูวิดีโอนานถึง 9 ชม. 16 นาทีต่อเดือน ระยะเวลาที่ผู้ใช้ดูวิดีโอนั้นสะท้อนกับอัตราการลงโฆษณาซึ่งเป็นรายได้หลักของ YouTube ด้วย

ทางออกของ YouTube จึงเป็นการสร้าง "ช่องรายการ" ของตัวเองขึ้นมา ซึ่งกูเกิลคงประเมินแล้วว่ามีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการซื้อสิทธิรายการมาฉายบนเว็บ

แม้เราจะรู้จัก MeeGo ในฐานะระบบปฏิบัติการสำหรับมือถือและเน็ตบุ๊ก แต่เอาจริงแล้ว MeeGo ยังสามารถทำงานได้บนอุปกรณ์อื่นๆ เช่น รถยนต์ ทีวี และโทรศัพท์บ้าน (แบบที่ไฮเทคหน่อย)

ล่าสุดทาง The Linux Foundation ในฐานะองค์กรกลางผู้ดูแล MeeGo ได้ประกาศตั้งคณะทำงานสำหรับ Smart TV แล้ว เพื่อพัฒนา MeeGo ให้เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับทีวีรุ่นใหม่ๆ ที่ต่อเชื่อมกับอินเทอร์เน็ตได้ พันธมิตรที่เข้าร่วมคณะทำงานนี้ก็มีทั้งสองแกนหลักของ MeeGo คือ อินเทล/โนเกีย, Sigma Designs, Telecom Italia, Videon Central, Locatel, MIPS Technologies, Ysten เป็นต้น

ล่าสุดนี้ ทาง Skype ได้ทำการอัพเดต Skype for iOS เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมการรองรับ H.264 วีดีโอด้วย เพื่อรองรับการเชื่อมต่อการสนทนาบนทีวีอีกด้วย

ซึ่งทีวีที่รองรับตอนนี้ คือ Samsung, Panasonic, LG และเร็ว ๆ นี้ คือ Sony และ Vizio

น่าสนหละสิท่า และพร้อมให้อัพเดตแล้ว ที่นี่ ครับ

ที่มา : Engadget

ต่อไปนี้ คงจะนั่งสนทนาบนโซฟานุ่ม ๆ แล้วหละสินะ

LG ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการด้านการค้าระหว่างชาติ (ITC) ของสหรัฐ ว่าโซนี่ได้ละเมิดสิทธิบัตรของ LG หลายชิ้น และขอให้ ITC สั่งโซนี่ให้หยุดขายสินค้าเหล่านี้ในตลาดสหรัฐ

คำร้องของ LG ระบุว่าโซนี่ละเมิดสิทธิบัตรด้านทีวีจำนวน 4 ชิ้น และสิทธิบัตรด้าน Blu-ray จำนวน 4 ชิ้น ซึ่งหมายถึงทีวีตระกูล Bravia และ PlayStation 3 นั่นเอง (ในคำร้องไม่ได้พูดถึงเครื่องเล่น Blu-ray ชัดเจน แต่พูดถึง PS3)

การยื่นคำร้องของ LG คราวนี้เป็นการตอบโต้คำร้องของโซนี่ต่อ ITC ว่ามือถือของ LG ละเมิดสิทธิบัตรโซนี่ 7 ชิ้น เมื่อเดือนธันวาคม 2010

บริษัทผลิตทีวีแต่ละค่ายต่างก็มียุทธศาสตร์ที่แตกต่างกันออกไป โซนี่ประกาศตัวชัดว่าสนับสนุน Google TV ส่วน LG ก็ชัดเจนว่าจะสร้างแพลตฟอร์ม SmartTV ของตัวเอง

ยักษ์อีกรายที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือซัมซุง ซึ่งในงาน CES 2011 ซัมซุงก็ประกาศยุทธศาสตร์ด้านทีวีของตัวเองชัดเจนดังนี้

เก็บตกข่าว CES 2011 ครับ นอกจากมือถือและแท็บเล็ตแล้ว ค่ายเกาหลี LG ยังเปิดตัวแพลตฟอร์ม SmartTV สำหรับสร้างแอพบนทีวีของบริษัทตัวเอง

ในแง่การใช้งานมันเป็นทีวีต่อเน็ตที่มีเนื้อหาพิเศษและแอพพลิเคชันให้ใช้งาน เช่นเดียวกับ Google TV, Apple TV และอุปกรณ์อื่นๆ จุดขายที่เหนือกว่าคู่แข่งอยู่ที่รีโมท Magic Remote ซึ่งมีไจโรสโคปใช้ควบคุมสั่งการได้ง่าย แอพชุดแรกที่เปิดตัวได้แก่ VUDU, YouTube, Netflix, Hulu Plus และ Amazon Video on Demand รวมถึงการถ่ายทอดสดกีฬาผ่านเน็ตอีกมาก

SmartTV จะรวมมาให้ในทีวีและเครื่องเล่นบลูเรย์ของ LG ที่จะวางขายในปีนี้ และถ้าไม่อยากเปลี่ยนทีวีใหม่ LG ก็มีกล่อง SmartTV Upgrader ขายแยกต่างหากด้วย

เมื่อปีที่แล้ว Skype ได้จับมือกับพานาโซนิคและซัมซุง นำโปรแกรม Skype ไปลงทีวีบางรุ่นบ้างแล้ว ในปีนี้ Skype เริ่มขยายตลาดมายังทีวีตระกูล Bravia ของโซนี่ และทีวียี่ห้อ Vizio โดยทีวีจากทั้งสองยี่ห้อจะออกขายในปีนี้

นอกจากทีวีแล้ว Skype ยังมีแผนจะขยายไปยังเครื่องเล่นบลูเรย์และเว็บแคมของโซนี่กับพานาโซนิคอีกด้วย

ที่มา - Skype Blog

นอกจากแท็บเล็ตและมือถือที่เป็นข่าวไปแล้ว บริษัททีวี Vizio ก็ประกาศว่าจะผลิตโทรทัศน์และเครื่องเล่น Blu-ray ที่รองรับฟีเจอร์ Google TV ด้วยเช่นกัน

คนที่ประกาศเรื่องนี้คือกูเกิล ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ ของทีวีจาก Vizio คาดว่าจะเปิดตัวใน CES 2011 ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือมาแล้วว่า Vizio จะบุกตลาด Google TV

สุดท้าย Vizio เปิดเผยสเปกของ Via Phone และ Via Tablet อีกเล็กน้อย ว่าทั้งคู่จะใช้ซีพียู 1GHz, Wi-Fi 802.11n, GPS, Micro SD, มีฟีเจอร์ IR blaster สำหรับทำงานร่วมกับรีโมทคอนโทรล

โซนี่วางขายทีวี Bravia รุ่น KDL-22PX300 ซึ่งมีความพิเศษตรงที่มันรวม PlayStation 2 มาให้ในตัว

ทีวีรุ่นนี้มีขนาด 22" ความละเอียดสูงสุด 720p มีพอร์ท HDMI 4 พอร์ท, USB 3 พอร์ท, Ethernet และนอกจากเล่นเกมแล้ว มันยังสามารถเล่นดีวีดีผ่านระบบของ PS2 ได้ เหมือนกับเราเล่นผ่านเครื่อง PS2 ตามปกติ

ตอนนี้ขายเฉพาะในอังกฤษเท่านั้น ค่าตัว 199 ปอนด์ครับ (ลิงก์ไปยังร้านค้า)

ที่มา - Reg Hardware

ซัมซุงเริ่มบุกตลาดทีวีที่ต่อเน็ตได้มาตั้งแต่ปี 2007 แต่เริ่มเปิดให้มีแอพบนทีวีเมื่อต้นปี 2010 (ร้านเรียกว่า Samsung Apps เช่นเดียวกับบนมือถือซัมซุง)

ผ่านมาเกือบปี ซัมซุงเปิดเผยว่ามีคนดาวน์โหลดแอพบนทีวีเกิน 1 ล้านครั้งแล้ว โดยแอพยอดนิยมได้แก่ Hulu Plus, ESPN Next Level, CinemaNow และ Texas Holdem ตอนนี้ซัมซุงมีส่วนแบ่งตลาดทีวีแบบต่อเน็ตได้ในสหรัฐ 66%

ทำเองก็ไปได้สวยแบบนี้ ตกลงข่าวลือว่าจะทำ Google TV ด้วยนี่จริงหรือหลอกกันแน่?

ช่วงนี้วงการทีวีผ่านอินเทอร์เน็ตเริ่มร้อนแรงด้วยอุปกรณ์อย่าง Google TV และ Apple TV จริงๆ แล้วไมโครซอฟท์เป็นรายแรกๆ ที่บุกเข้ามาด้วย Web TV เมื่อหลายปีก่อนแต่ก็ต้องม้วนเสื่อกลับไปเพราะเน็ตยังไม่เร็วพอ ตอนนี้อาจถึงเวลาที่ไมโครซอฟท์จะกลับมาอีกครั้ง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข่าววงในว่า ไมโครซอฟท์กำลังเจรจากับสถานีโทรทัศน์หลายแห่ง เพื่อขอลิขสิทธิ์รายการทีวีมาเปิดบริการใหม่บน Xbox 360

ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนนัก รอยเตอร์ประเมินว่าไมโครซอฟท์อาจให้บริการลักษณะเดียวกับเคเบิลทีวี แต่เปลี่ยนมาใช้ Xbox แทนกล่อง set-top ของเคเบิลทีวี หรือไม่ก็ร่วมมือกับผู้ให้บริการเคเบิลทีวีในสหรัฐ ให้สมาชิกเคเบิลสามารถดูวิดีโอผ่าน Xbox ได้