พนักงาน Amazon, Whole Foods, Instacart, FedEx, Target, Walmart รวมตัวกันประท้วงในวันแรงงาน เรียกร้องให้บริษัทมีมาตรการป้องกันเชื้อสำหรับคนทำงานด่านหน้าให้ดีกว่านี้ และยังเรียกร้องให้คนทั่วไปร่วมกันบอยคอตสินค้าแบรนด์ดังกล่าวตลอดวันแรงงานด้วย

Target ห้างค้าปลีกในอเมริกาเปิดตัวระบบจ่ายเงินด้วยมือถือในชื่อว่า Wallet เป็นระบบที่อยู่ภายในแอพของ Target ทั้งบน iOS และ Android โดยแอพนี้จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สแกนจ่ายเงินด้วย REDcard บัตรเครดิต/เดบิตของ Target รวมถึงเก็บคูปองของ Target และข้อเสนอจากแอพ Cartwheel ไว้ได้ในที่เดียว

นอกจากนี้ Target ยังรายงานว่าการใช้แอพของ Target เพื่อจ่ายเงินที่แคชเชียร์ของห้างนั้นถือว่าเร็วกว่าการใช้จ่ายเงินด้วยวิธีอื่น ๆ ถึง 4 เท่า โดยตอนนี้ฟีเจอร์ Wallet ดังกล่าวยังคงจำกัดให้ใช้เฉพาะผู้ใช้ REDcard ของ Target เท่านั้น ซึ่งในอนาคต Target น่าจะเปิดฟีเจอร์นี้ให้ผู้ใช้ทั่วไปใช้งานด้วย

ที่มา - Target

Target ห้างค้าปลีกในอเมริกาได้เพิ่มฟีเจอร์ AR บนเว็บไซต์ Target.com บนมือถือในชื่อว่า See It In Your Space โดยผู้ใช้สามารถทดลองวางเฟอร์นิเจอร์จำลองแบบสามมิติก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าจริง

ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพและเลือกรูปภาพที่ต้องการ หรือจะเลือกรูปที่ถ่ายไว้แล้วก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้แอพหรือฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม เพียงแค่เปิดเว็บไซต์ Target.com เท่านั้น

See It In Your Space เปิดให้ใช้แล้วกับสินค้าในบ้านแบรนด์ Project 62 จำนวน 200 ชิ้น และในอนาคตฟีเจอร์นี้จะขยายให้รองรับสินค้าอื่น ๆ อีกนับร้อยชิ้นในสิ้นปีนี้ และขยายให้ได้นับพันชิ้นในปี 2018

ที่มา - Target

Pinterest ประกาศความร่วมมือกับห้างค้าปลีก Target เพื่อนำฟีเจอร์ Lens ค้นหาข้อมูลสินค้าด้วยภาพถ่าย มาใส่ไว้ในบริการของ Target

ในเบื้องต้น Target จะให้บริการนี้กับจุดบริการลูกค้าก่อน จากนั้นจะขยายต่อไปยังแอพของ Target เอง ตลอดจนตัวค้นหาในหน้าเว็บไซต์ของห้าง

Target บอกว่าความร่วมมือนี้จะทำให้ห้างนำหน้าเหนือคู่แข่ง พร้อมยกข้อมูลพยากรณ์ที่ระบุว่าการค้นหาด้วยรูปภาพและเสียงพูด จะมีจำนวนถึง 50% ของการค้นหารวมทั้งหมดในปี 2020

ที่มา: Target

Target ได้วางแผนสร้างระบบจ่ายเงินบนแอพมือถือของตัวเอง โดย Michael McNamara หัวหน้าฝ่ายข้อมูลข่าวสารได้ให้ข้อมูลเรื่องนี้กับ Recode ไว้ในงาน National Retail Federation

สำหรับรายละเอียดของระบบจ่ายเงินจาก Target ที่จะเปิดให้ใช้งานในอนาคตนั้น ยังไม่แน่ชัดว่าทางบริษัทจะนำมาให้ผู้ใช้ได้ใช้งานผ่านแอพคูปอง Cartwheel ของตัวเอง, แอพ Target หรือทั้งสองแอพ แต่ค่อนข้างแน่นอนว่าจะสามารถใช้ได้เฉพาะผู้ใช้บัตร REDcard ของ Target เท่านั้น

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ระบบกระจายเสียง (Intercom) ภายในห้าง Target สาขาในเมือง San Jose, California ถูกควบคุม พร้อมทั้งเปิดเสียงหนังโป๊เป็นเวลานานกว่า 15 นาที สร้างความโกลาหลไปทั่วทั้งภายในห้าง

Gina Young ผู้เป็นแม่ พร้อมทั้งลูกแฝดสองอายุ 3 ขวบที่มาซื้อของในห้าง Target ได้ถ่ายวีดีโอขณะที่เกิดเหตุการณ์ในเวลานั้น เธอได้กล่าวกับนักข่าวว่า "ตอนนั้นมีคนมาช่วยปิดหูให้ลูกชายฝาแฝดของฉัน บางคนโยนของทิ้งแล้วเดินออกไปเลย และพนักงานวิ่งไปมาทั่วทุกที่เลย" หลังจากนั้นไม่นาน ทางโฆษกจากห้าง Target ก็ได้ออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์ครั้งนี้

ปัญหาห้าง Target ถูกเจาะจนข้อมูลบัตรเครดิตรั่วจำนวนมาก ส่งผลให้ ซีอีโอ Gregg Steinhafel และซีไอโอ (Chief Information Officer - CIO) ของห้าง คือ Beth M. Jacob ต้องยื่นใบลาออกจากบริษัทแล้ว โดยตอนนี้จะหาผู้บริหารคนนอกมานั่งแทนชั่วคราว พร้อมกับเตรียมยกเครื่องระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลลูกค้าเสียใหม่

ซีอีโอ Steinhafel ทำงานห้าง Target มานานถึง 35 ปี เขานั่งสามตำแหน่งพร้อมกันได้แก่ ประธานบอร์ดบริหาร, ประธานบริษัท, และซีอีโอ โดยการลาออกครั้งนี้จะลาออกจากทุกตำแหน่งพร้อมกัน โดยตำแหน่งซีอีโอจะให้หัวหน้าฝ่ายการเงิน (CFO) John Mulligan เข้ามาดูแลชั่วคราว

ห้าง Target เพิ่งถูกแฮ็กบัตรเครดิตเมื่อปลายปีที่ผ่านมาสร้างความเสียหายให้กับบริษัทจำนวนมาก ตอนนี้ทางห้างก็ออกมาประกาศว่ากำลังเปลี่ยนบัตรเครดิตและเดบิตของตัวเองที่ชื่อว่า REDcard เป็นบัตรแบบชิป และยืนยันตัวตนร่วมกับรหัสผ่าน (chip and PIN)

บัตรแบบชิปที่มีกระบวนการเข้ารหัสแน่นหนาทำให้การทำสำเนาบัตร (skimming) ทำได้ยาก ขณะที่การใช้รหัสผ่านจะช่วยลดความเสียหายในกรณีที่ห้างร้านเองเป็นฝ่ายทำข้อมูลลูกค้าหลุดออกไป เช่น ในกรณีของห้าง Target นี้

ห้าง Target ระบุว่าจะลงทุน 100 ล้านดอลลาร์เพื่อปรับปรุงระบบจ่ายเงินของตัวเองทั้งระบบ

สำหรับประเทศไทยตอนนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกประกาศให้ธนาคารเริ่มเชื่อมโยงเครือข่ายกันในปี 2558 เพื่อเตรียมพร้อมเปลี่ยนไปใช้บัตรแบบชิปในปี 2559

เหตุการณ์แฮกเครื่องรับจ่ายเงิน (POS) ของห้าง Target ผ่านไปสามเดือนกว่าแล้วตอนนี้เข้าสู่ช่วง "เก็บกวาด" ก็มีข้อมูลให้ปะติดปะต่อเรื่องราวกันมากขั้น รายงานล่าสุดจาก Bloomberg ระบุว่ากลุ่มแฮกเกอร์ได้บุกเข้ามาวางมัลแวร์ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน โดยซอฟต์แวร์ FireEye ที่ห้าง Target ซื้อมาสามารถแจ้งเตือนได้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ทีมงานที่ดูแลการแจ้งเตือนในอินเดียแจ้งเตือนกลับมายังทีมงานความปลอดภัยในสหรัฐฯ แต่ปรากฎว่าไม่มีใครตอบรับการแจ้งเตือนแต่อย่างใด

แฮกเกอร์กลับมาอีกครั้งในวันที่ 2 ธันวาคมเพื่อติดตั้งมัลแวร์รุ่นใหม่ ทาง FireEye และทีมงานในอินเดียก็แจ้งเตือนกลับมาอีกครั้ง แต่ทีมงานก็ยังคงเงียบ