ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าผนวกฟีเจอร์แชทของ New Bing ให้กับผลิตภัณฑ์อื่นของตัวเอง เช่น Microsoft Edge, ช่องค้นหาของ Windows 11, บ็อตใน Skype

ล่าสุดแอพคีย์บอร์ด SwiftKey เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่ได้ฟีเจอร์แชทจาก Bing เข้ามาด้วย โดยยังมีเฉพาะ SwiftKey เวอร์ชัน Beta บน Android เท่านั้น

ไมโครซอฟท์ตัดสินใจนำแอปคีย์บอร์ด SwiftKey มาให้ดาวน์โหลดใช้งานบน App Store ของผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS อีกครั้ง จากก่อนหน้าที่แอปถูกถอดออกไปต้นเดือนตุลาคม

ตัวแทนของไมโครซอฟท์ชี้แจงแบบไม่ได้ให้เหตุผลชัดเจนมาก (ซึ่งตอนเอาแอปออกก็ไม่ได้บอกเช่นกัน) ว่าจากผลตอบรับของลูกค้า จึงตัดสินใจนำแอป SwiftKey บน iOS กลับมาให้ดาวน์โหลดอีกครั้ง สามารถดูรายละเอียดเพิ่้มเติมได้ที่นี่ Support.SwiftKey.com

ไมโครซอฟท์ประกาศหยุดพัฒนาแอพคีย์บอร์ด SwiftKey บน iOS โดยจะถอดออกจาก App Store ในวันที่ 5 ตุลาคม 2022 แต่แอพที่ติดตั้งอยู่แล้วจะยังใช้งานต่อได้

ส่วน SwiftKey จะยังพัฒนาเวอร์ชัน Android ต่อไป รวมถึงใช้เป็นเอนจินของ touch keyboard ของ Windows ด้วย

ไมโครซอฟท์ไม่ได้ชี้แจงเหตุผลที่เลิกทำ SwiftKey for iOS แต่ตัวแอพก็ไม่ได้อัพเดตใดๆ มาเกิน 1 ปีแล้ว

SwiftKey ขายกิจการให้ไมโครซอฟท์ตั้งแต่ปี 2016

SwiftKey ซึ่งปัจจุบันเป็นของไมโครซอฟท์ ออกฟีเจอร์ Cloud Clipboard ให้กับแอพแอนดรอยด์รุ่นเสถียร ทำให้เราสามารถ copy ข้อความบนมือถือแอนดรอยด์ แล้วนำไปสั่ง paste บนพีซีวินโดวส์ได้แล้ว

ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์มีฟีเจอร์ sync clipboard แต่ยังจำกัดเฉพาะวินโดวส์ด้วยกันเท่านั้น การที่ SwiftKey บนแอนดรอยด์รองรับคำสั่งนี้ด้วย ทำให้การซิงก์ข้ามแพลตฟอร์มเป็นไปได้

ผู้ใช้จำเป็นต้องล็อกอินด้วยบัญชี Microsoft Account และเปิดใช้ฟีเจอร์ sync clipboard ทั้งสองฝั่งก่อน

เมื่อเดือนที่แล้วแอพคีย์บอร์ด SwiftKey ของไมโครซอฟท์เวอร์ชันสำหรับอุปกรณ์แอนดรอยด์ ได้รับอัพเดตเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ซึ่งได้เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมเคอร์เซอร์ขณะใช้ SwiftKey พิมพ์ข้อความ ผ่านการแตะค้างบนคีย์ spacebar จากนั้นจึงลากนิ้วเพื่อบังคับทิศทางของเคอร์เซอร์

อย่างไรก็ดีฟีเจอร์ดังกล่าวไม่ได้เปิดใช้งานเป็นค่าตั้งต้น ผู้ใช้ที่สนใจจำเป็นจะต้องตั้งค่าผ่านเมนู Setting > Typing > Cursor control เพื่อเปิดใช้งานด้วยตนเอง

ดาวน์โหลดแอพ SwiftKey สำหรับ Android ได้ที่ Google Play ครับ

แอพคีย์บอร์ด SwiftKey ของไมโครซอฟท์ออกอัพเดตใหม่สำหรับเวอร์ชันแอนดรอยด์ โดยได้เพิ่มฟีเจอร์ค้นหาพร้อมแชร์ข้อมูลจากหน้าเว็บให้สามารถเรียกได้จาก toolbar บนตัวคีย์บอร์ดโดยตรง ช่วยอำนวยความสะดวกให้ไม่ต้องคอยสลับแอพไปก๊อปปี้ข้อมูลจากเว็บเบราว์เซอร์อีกที

สำหรับวิธีการใช้งานก็เพียงแค่กดปุ่ม + บนแถบเดาคำตามด้วยปุ่ม search เพื่อเริ่มการค้นหาด้วย Bing หรือพิมพ์ URL เพื่อเข้าเว็บไซต์อื่นๆ และเมื่อได้ผลลัพธ์ที่พอใจแล้ว ผู้ใช้จะสามารถเลือกสร้างลิงก์ที่จะพาไปยังผลการค้นหาหรือจะเลือกจับภาพสกรีนช็อตเพื่อ crop เอาเฉพาะข้อมูลที่ต้องการส่งต่อก่อนนำไปแชร์ให้ผู้อื่นก็ทำได้

คีย์บอร์ด SwiftKey ที่ปัจจุบันเป็นของไมโครซอฟท์ ออกอัพเดตบนเวอร์ชันแอนดรอยด์ เพิ่มฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์โดยใช้เอนจินจาก Microsoft Translator

ฟีเจอร์แปลภาษานี้ทำให้เราสามารถแชทคุยกับคนต่างชาติได้ง่ายขึ้นมาก เพราะข้อความแชทที่ส่งมาในภาษาอื่น จะถูกแปลให้เห็นในหน้าจอคีย์บอร์ดของ SwiftKey และเมื่อเราพิมพ์ตอบกลับในภาษาของเราเอง ก็จะแปลเป็นภาษาของคู่สนทนาให้เราเห็นก่อนส่งเช่นกัน

SwiftKey ระบุว่ารองรับ 60 ภาษาแต่ไม่บอกว่ามีภาษาใดบ้าง ส่วนหน้าเว็บของ Microsoft Translator บอกว่ารองรับภาษาไทย

ไมโครซอฟท์ออก Windows 10 Insider Preview Build 17692 มีของใหม่ที่สำคัญคือครั้งแรกของคีย์บอร์ด SwiftKey บนพีซี

SwiftKey โดนไมโครซอฟท์ซื้อกิจการในปี 2016 จากนั้นก็อัพเดตเวอร์ชันเดิมมาเรื่อยๆ จนล่าสุดมาโผล่อยู่บน Windows 10 เรียบร้อยแล้ว และมาแทน touch keyboard ตัวเดิมของไมโครซอฟท์ ฟีเจอร์เรื่องการลากคำและช่วยสะกดคำก็ไม่ต่างอะไรกับเวอร์ชันอื่นๆ ตอนนี้ยังรองรับเฉพาะบางภาษา เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี เยอรมัน รัสเซีย

Microsoft ออกอัพเดตแอพคีย์บอร์ด SwiftKey เวอร์ชัน 7.0 ซึ่งเป็นการอัพเดตใหญ่ครั้งแรกหลังจากที่ Microsoft ซื้อไปในปี 2016 โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายอย่าง

SwiftKey เวอร์ชันใหม่นี้จะเปลี่ยนไปใช้ Toolbar แบบใหม่ (และนำฮับแบบเดิมที่มีในแอพ Android ออกไป) เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ โดย Toolbar สามารถเรียกใช้งานได้โดยการกดปุ่ม + ทางซ้ายของแถบเดาคำ

ฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างของ SwiftKey คือสติ๊กเกอร์ที่สามารถแปะไปกับข้อความได้ โดย Microsoft จะมีชุดสติ๊กเกอร์มาให้ส่วนหนึ่งและจะทยอยเพิ่มให้เรื่อย ๆ (ใช้งานได้เฉพาะ Android เท่านั้น)

แอพคีย์บอร์ด SwiftKey ได้รับอัพเดตใหม่โดยได้เพิ่มการรองรับ Microsoft Account เข้ามาเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่สามารถลงทะเบียนใช้บริการ SwiftKey ได้

ทำให้ผู้ใช้ที่มี Microsoft Account อยู่แล้วสามารถล็อกอินบนแอพ SwiftKey เพื่อเปิดใช้แบ็คอัพและซิงค์ข้อมูล / การตั้งค่าต่างๆ ข้ามอุปกรณ์ได้ทันที ซึ่งก็รวมถึงสไตล์การเขียนที่ตัวแอพเรียนรู้จากผู้ใช้ด้วย ช่วยให้ SwiftKey ยังคงสามารถเดาสิ่งที่ผู้ใช้กำลังจะคีย์ได้อย่างแม่นยำแม้ว่าจะเปลี่ยนไปคีย์บนอุปกรณ์ตัวอื่น

แอพคีย์บอร์ด SwiftKey อัพเดตฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจคือ Clipboard บันทึกข้อความที่พิมพ์บ่อยๆ เช่น เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ไปรษณีย์ เพื่อให้นำมาใช้งานได้สะดวก สามารถ copy & paste ได้เลย ไม่ต้องพิมพ์ใหม่ทุกครั้ง

อีกฟีเจอร์หนึ่งคือ Shortcuts เอาไว้ใช้ร่วมกับ Clipboard เพื่อให้พิมพ์เร็วมากขึ้นกว่าเดิม เราสามารถตั้งช็อตคัตว่า home1 แล้ว SwiftKey จะเปลี่ยนเป็นที่อยู่บ้านให้อัตโนมัติ

สุดท้าย SkiftKey ยังเพิ่มโหมด Incognito ในกรณีที่ผู้ใช้ไม่อยากให้แอพจดจำคำที่พิมพ์ลงไป (ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม) ก็สามารถเข้าโหมด Incognito เพื่อพรางตัว พิมพ์ได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวข้อมูลหลุด

คีย์บอร์ด SwiftKey เปิดตัวความสามารถใหม่ นำเทคนิค neural network มาช่วยให้เดาสิ่งที่ผู้ใช้จะพิมพ์ต่อไปได้แม่นยำขึ้น

SwiftKey ทดสอบความสามารถนี้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2015 หลักการคือเปลี่ยนโมเดลการเดาคำจาก n-gram ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (ดูสองคำล่าสุดแล้วเดาคำถัดไป อิงจากความถี่ทางสถิติว่าพบคำไหนบ่อยกว่ากัน) มาเป็นการใช้ neural network ดูข้อความย้อนหลังไปทั้งประโยค แล้ววิเคราะห์แต่ละคำแยกจากกันอย่างละเอียด ดังนั้น SwiftKey จะเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ เข้าใจว่าหน้าที่ของแต่ละคำในประโยคคืออะไรกันแน่

SwiftKey ตัวใหม่ใช้งานได้แล้วบน Android โดยยังรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น

SwiftKey เป็นคีย์บอร์ดบนแอนดรอยด์ที่มีความสามารถในการเก็บข้อความแบบใหม่ๆ บนคลาวด์เพื่อใช้แนะนำผู้ใช้เพิ่มเติม แต่ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผู้ใช้จำนวนมากกลับพบข้อความที่ไม่ควรถูกซิงก์มา เช่น เบอร์โทรศัพท์ และอีเมลส่วนตัวของคนอื่นๆ ที่ไม่เคยคุยด้วย

ทาง SwiftKey ยืนยันว่าบั๊กนี้ไม่ได้ก่อปัญหาความปลอดภัยแก่ลูกค้าแต่อย่างใด แต่ระหว่างนี้ทางบริษัทจะปิดระบบซิงก์เพื่อล้างข้อมูลอีเมลออกไปก่อน ทำให้ลูกค้าไม่สามารถซิงก์ข้อความที่เซฟไว้ในเครื่องได้

วันนี้ SwiftKey แอพพลิเคชั่นคีย์บอร์ดที่ Microsoft ซื้อไปก่อนหน้านี้ เปิดตัว Swiftmoji แอพทำนายอีโมจิที่จะใช้ ลดการเสียเวลาเลื่อนหาอีโมจีที่ต้องการ

ตัวแอพทำงานโดยใช้บริบทของข้อความที่พิมพ์เข้าไปก่อน ควบคู่กับแนวโน้มของการใช้อีโมจิโดยทั่วไปว่า คนนิยมใช้อะไรกัน เพื่อการคาดการณ์ที่มีประสิทธิภาพและตรงความต้องการผู้ใช้ รวมถึงเทรนด์การใช้อีโมจิที่มีความหมายสื่อถึงบุคคล ก่อนหน้านี้ SwiftKey ทำการสำรวจเทรนด์การใช้อีโมจิ พบว่าผู้คนนิยมใช้อีโมจิรูปหมู และหูหมูเพื่อสื่อความหมายถึง David Cameron รูปผึ้งและมงกุฏสื่อความหมายถึง Beyonce และรูปแพะ สื่อถึง Mohammed Ali (G.O.A.T ย่อมาจาก Greatest of All Time)

Swiftmoji มีเฉพาะในภาษาอังกฤษ ดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบ Android และ iOS

ที่มา - SwiftKey

ในยุคที่บอทจะครองเมือง (ข่าวเก่า 1, 2, 3, 4) SwiftKey อาจช่วยให้เราใช้ภาษาได้สละสลวยขึ้น โดยออกแอพใหม่ ShakeSpeak

ShakeSpeak เป็นคีย์บอร์ดรุ่นลิมิเต็ด เนื่องในโอกาสครบรอบ 400 ปีของการจากไปของเชกสเปียร์ โดยมีฟีเจอร์เดาคำโดยใช้สำนวนของเชกสเปียร์ ซึ่งทีมงานกล่าวว่าได้วิเคราะห์งาน "ทั้งหมด" ของเชกสเปียร์พื่อที่จะเข้าถึงแก่นของการใช้ภาษากวี

มีรายงานเมื่อเดือนที่แล้วว่า ไมโครซอฟท์เข้าซื้อ SwiftKey ผู้พัฒนาคีย์บอร์ดชื่อดังบนสมาร์ทโฟน ล่าสุดฝั่งไมโครซอฟท์ได้ออกมายืนยันดีลดังกล่าวแล้ว

ผู้ที่ออกมายืนยันคือรองประธานฝ่ายเทคโนโลยีและการวิจัยของไมโครซอฟท์ Harry Shum เขาทวีตผ่านบัญชีส่วนตัวว่า "ผมตื่นเต้นที่จะบอกว่าการเข้าควบรวมกิจการกับ SwiftKey เสร็จสิ้นแล้ว ยินดีต้อนรับสู่ไมโครซอฟท์! เรามาทำอะไรเจ๋งๆ ให้ลูกค้าของเรากันเถอะ"

ไมโครซอฟท์เคยยืนยันก่อนหน้านี้แล้วว่าจะยังซัพพอร์ต SwiftKey บน iOS และ Android ต่อไป อีกทั้งจะนำฟีเจอร์ของ SwiftKey เข้าไปรวมกับคีย์บอร์ด Word Flow ของ Windows 10 Mobile ในอนาคต

รายงานจาก Financial Times เผยไมโครซอฟท์เตรียมเข้าซื้อบริษัทซอฟต์แวร์รอบใหม่อีกระลอก โดยบริษัทล่าสุดที่ถูกเล็งไว้คือ SwiftKey ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์คีย์บอร์ดชื่อดังบนแอนดรอยด์ที่มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 10 ล้านครั้งด้วยกัน

ตามข่าวที่ออกมาระบุว่าไมโครซอฟท์จะทุ่มเงินกว่า 250 ล้านเหรียญเพื่อเข้าซื้อ SwiftKey โดยคาดกันว่าเป้าหมายหลักคือการเข้าครอบครองเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เบื้องหลังฟีเจอร์เดาคำระหว่างพิมพ์ซึ่งได้รับคำชมมาเนิ่นนาน รวมถึงนักพัฒนาเบื้องหลังระบบนี้ด้วย

หลังรายงานออกมา มีนักข่าวสอบถามไปยังไมโครซอฟท์ และ SwiftKey โดยตรง แต่ทั้งคู่ปฏิเสธจะออกความเห็นกับประเด็นดังกล่าว

SwiftKey ผู้พัฒนาคีย์บอร์ดแนวเดาคำรายแรกๆ ของตลาด ออกมาเปิดตัวแอพใหม่ SwiftKey Symbol คีย์บอร์ดสำหรับการส่งรูปภาพเพื่อสื่อสาร แทนตัวอักษร ในขณะเดียวกันยังใช้คอร์เดียวกับ SwiftKey จึงมีฟีเจอร์เด่นๆ ติดมาด้วย

SwiftKey ซอฟต์แวร์คีย์บอร์ดชื่อดัง ออกเวอร์ชันใหม่ 6.0 ของใหม่ที่สำคัญคือ Double-Word Prediction หรือการเดาคำที่เราจะพิมพ์ต่อไปให้อีก 2 คำเลย จากปกติเดาทีละ 1 คำเท่านั้น

ตัวอย่างเช่นเราพิมพ์ประโยคว่า "This is a ..." ของเดิมอาจเดาว่า "big" จากนั้นเราค่อยกดคำว่า "deal" แต่ของใหม่จะเสนอคำว่า "big deal" มาให้กดได้ครั้งเดียวเลย

ฟีเจอร์ใหม่อย่างอื่นคือปรับหน้าจอการแทรก emoji, เพิ่มธีมใหม่ Carbon Light, ปรับหน้าจอตั้งค่า และรองรับภาษาเพิ่มอีก 5 ภาษา รวมถึงแก้บั๊กยิบย่อยต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง

ที่มา - Android Police

SwiftKey ซอฟต์แวร์คีย์บอร์ดรายสำคัญออก SwiftKey Neural Alpha คีย์บอร์ดรุ่นทดสอบที่ใช้เครือข่ายประสาทเทียมเข้ามาช่วยคาดเดาคำที่เราพิมพ์ผิดและคำต่อไปที่เรากำลังจะพิมพ์ แทนที่จะใช้สถิติและความน่าจะเป็น

ระบบเดิมของ SwiftKey นั้นใช้ n-gram ดูชุดของคำที่เป็นไปได้ ตัวอย่างที่ยกมาคือหากพิมพ์ว่า "It might take a" คำต่อไปที่จะแนะนำคือ "look" (เพราะดูจะลำดับคำ take -> a -> look) โดย SwiftKey ดูคำที่พิมพ์ไปก่อนหน้าเพียงสองคำ ขณะที่โมเดลเครือข่ายประสาทเทียมนี้คำนวณคำทั้งประโยค

งานวิจัยในแนวทางนี้มีมาก่อนแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ซอฟต์แวร์เครือข่ายประสาทเทียมมักทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ ทาง SwiftKey ระบุว่านี่เป็นครั้งแรกมีการปรับเครือข่ายประสาทเทียมเพื่อการคาดเดาประโยคบนสมาร์ตโฟน

NowSecure รายงานช่องโหว่ร้ายแรงบนโทรศัพท์ซัมซุงหลายรุ่นที่ติดตั้งคีย์บอร์ด SwiftKey มาในตัว เมื่อผู้ใช้กดติดตั้งภาษาใหม่กลับดาวน์โหลดผ่าน HTTP กระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์ก่อนใช้งานก็เป็นเพียงการส่งค่า SHA1 ของไฟล์ผ่าน HTTP อีกเช่นกัน

ทาง NowSecure สร้างไฟล์ใหม่แล้วคำนวณค่า SHA1 เพื่อหลอกให้ตัวอัพเดตดาวน์โหลดไฟล์ปลอมไปก็พบว่าติดตั้งได้สำเร็จ ความร้ายแรงของช่องโหว่นี้อยู่ที่แพ็กเกจ SamsungIME.apk นั้นเป็นแพ็กเกจที่รับรองโดยซัมซุงโดยตรงทำให้ถูกรับรองในระดับ system สามารถเขียนไฟล์ที่ใดก็ได้ ทีมงานสร้างไฟล์ zip ที่เขียนไฟล์ไปยัง /data/payload ก็พบว่าสามารถเขียนไฟล์ได้สำเร็จ

ถึงแม้ค่าย OnePlus จะยังมีกรณีขัดแย้งกับ Cyanogen อยู่ แต่ในประเด็นที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้ สองบริษัทนี้ก็ยังจับมือกันได้

ล่าสุด OnePlus ประกาศความร่วมมือกับแอพคีย์บอร์ด SwiftKey โดยจะนำคีย์บอร์ด SwiftKey รวมมาอยู่ในรอม CyanogenMod 11S ของมือถือ OnePlus One เลย ผู้ใช้เพียงแค่กดอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบ แล้วสามารถเปลี่ยนมาใช้ SwiftKey เป็นคีย์บอร์ดหลักได้ทันทีโดยไม่ต้องลงแอพเพิ่มเอง

Helen Li หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์มือถือของ OnePlus ระบุว่าเลือก SwiftKey เพราะให้ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม พิมพ์เร็ว แม่นยำ มีระบบช่วยเดาคำ และรองรับคีย์บอร์ดมากถึง 81 ภาษา

SwiftKey คีย์บอร์ดยอดนิยมบนแอนดรอยด์ เปิดให้โหลดฟรีแล้วใน Google Play พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อีกครบครัน ผู้ใช้ที่เคยเสียเงินซื้อไปแล้วก็จะได้ชุด premium theme จำนวน 10 ลายมูลค่า $4.99 ไปฟรีๆ
ฟีเจอร์เด่นๆ ที่เพิ่มเข้ามาในอัพเดตนี้

แอปเปิลได้ทำการเปิดตัว iOS 8 ไปเมื่อคืนนี้ โดยหนึ่งในฟีเจอร์เด่นๆ คือการรองรับคีย์บอร์ดจากนักพัฒนาภายนอก แน่นอนว่านอกจากฝั่งผู้บริโภคจะตื่นเต้นกันแล้ว ดูเหมือนฝั่งผู้พัฒนาจะตื่นเต้นและเตรียมพร้อมไม่แพ้กัน โดยสามนักพัฒนาคีย์บอร์ดยักษ์ใหญ่ของฝั่งแอนดรอยด์อย่าง SwiftKey, Swype และ Flesky ออกมาเปิดเผยว่าพร้อมและยินดีอย่างยิ่งที่จะพอร์ตคีย์บอร์ดลง iOS

โดยทางด้าน Swype ได้เปิดเผยว่ารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พัฒนาคีย์บอร์ดลง iOS ขณะที่ด้าน SwiftKey เปิดเผยว่าได้เริ่มพอร์ตคีย์บอร์ดของตนเองมาสักระยะแล้ว และ Flesky ที่ดูเหมือนจะก้าวหน้ากว่าเล็กน้อย เพราะพร้อมแล้วที่จะเปิดทดสอบเวอร์ชันเบต้า และกล่าวว่าจะเป็นเจ้าแรกที่จะปล่อยให้ดาวน์โหลดไปใช้

SwiftKey ต่อยอดความสำเร็จในฐานะผู้พัฒนาซอฟต์แวร์แป้นพิมพ์ที่สามารถรับรู้และเลือกคำที่ผู้ใช้ต้องการพิมพ์ได้จากการอ่านแนวการเคลื่อนที่ของปลายนิ้วผู้ใช้ผ่านแป้นพิมพ์บนหน้าจอ ด้วยการนำเสนอ Flow Hard ระบบการอ่านคำและข้อความจากการพิมพ์โดยลากนิ้วไปมาบนแป้นพิมพ์ของจริง

Flow Hard คือฟังก์ชั่นการอ่านคำหรือข้อความที่ผู้ใช้ลากนิ้วไปตามแป้นพิมพ์แบบปุ่มของจริง ซึ่งจะช่วยให้การพิมพ์งานหรือสนทนาผ่านข้อความทำได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ตัวเดียวกันกับที่ใช้ในแอป SwiftKey Keyboard ซึ่งเป็นแอปแป้นพิมพ์ที่ประสบความสำเร็จสูง สามารถพิสูจน์ประสิทธิภาพของปัญญาประดิษฐ์ที่นำมาใช้งานนี้ได้อย่างดี