หลังจากประกาศจับมือกับซันไปก่อนหน้านี้ กูเกิลก็แสดงท่าที่ชัดเจนแล้วว่า การจับมือกับซันในครั้งนี้หมายถึงการร่วมพัฒนาโอเพนออฟฟิศอย่างเป็นทางการ

 ท่าทีของกูเกิลชัดเจนเมื่อมีการประกาศรับสมัครโปรแกรมเมอร์ เพื่อทำหน้าที่พัฒนาโอเพนออฟฟิศอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าโปรแกรมเมอร์ของทางกูเกิลจะเข้ามาปรับปรุงเรื่องขนาด และความเร็วของโอเพนออฟฟิศซึ่งเป็นจุดอ่อนอยู่ในตอนนี้

ที่มา - ZDNet 

ข่าวช็อกโลกประจำสัปดาห์ครับ เมื่อคู่แข่งในตลาดเซิร์ฟเวอร์หันมาร่วมมือกัน คงไม่มีใครเชื่อว่า IBM จะมาขาย Solaris แต่มันก็เป็นไปแล้ว

สายผลิตภัณฑ์นั้นคือ BladeCenter ซึ่งก็คือ Blade Server นั่นเอง อธิบายแบบสั้นๆ Blade คือเซิร์ฟเวอร์แบบที่แชร์ power supply กัน เพื่อจำกัดจุดผิดพลาดจากปัญหาเรื่องพลังงานให้น้อยลง IBM จะขาย Solaris รุ่นสำหรับ x86 คือ Xeon และ Opteron

Google กับ Sun ประกาศความร่วมมือในเรืองเทคโนโลยีกัน

ในแถลงการณ์ สิ่งที่ Google ได้จาก Sun คือ ในหน้าดาวน์โหลด Java Runtime Environment (JRE) ของ Sun จะมีตัวเลือกให้ดาวน์โหลด Google Toolbar ด้วย (แบบเดียวกับที่มีให้เลือก Netbeans กับ JDK)

สก็อต แมคนีลลี CEO ของซัน ประกาศบนเวทีในงานของ Oracle ว่า ตอนนี้คนในซันพูดกันว่า ‘let’s have an iPod moment'

ซันประสบปัญหาเรื่องการเงินมาตั้งแต่ปี 2000 แต่แมคนีลลีหวังว่าการทุ่มงบลงไปในการวิจัยในปี 2005 นี้ จะช่วยให้ซันกลับมาดังพลุแตกได้ ดังเช่นที่แอปเปิลทำมาแล้วกับไอพ็อด โดยสิ่งที่แมคนีลลีพูดถึงก็อย่างเช่น Solaris 10, UltraSparc Niagara และการเข้าซื้อกิจการ StorageTek

Red Herring: McNealy: Sun Is the Next Apple

เพราะอะไรดูเอาเอง

ยังมีอันอื่น ไปดูได้ที่ SUN

ทางซันคงจะได้เปรียบในด้านกลยุทธมากขึ้น เมื่อไพ่ตายอย่าง Solaris 10 มีบริษัทระดับยักษ์สนับสนุนแล้ว และบริษัทนั้นคือ IBM

โดย IBM จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกลง Solaris 10 (เวอร์ชันสำหรับ x86) ได้ นอกเหนือไปจาก RHEL และ SUSE เดิมที IBM ใช้เกณฑ์การคัดเลือกตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งลูกค้าระดับบิ๊กอย่าง GM ก็มีบทบาทในการกดดันให้ IBM สนับสนุน Solaris 10

Jonathan Schwartz ประธานของซันคนปัจจุบัน ได้ออกมาบอกว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างซันกับ IBM ""tighter than we have been" ส่วนทาง IBM เองยังออกมาแบ่งรับแบ่งสู้เรื่องนี้อยู่

หลังจากเปิดตัวมาในปี 2002 ว่าเป็น GUI ที่ใช้กับลินุกซ์ และมุ่งตลาดเดสก์ท็อปในองค์กร Java Desktop System ก็ไม่ประสบความสำเร็จในหมู่ผู้ใช้ทั่วไปเท่าไร แต่กลับค่อนข้างได้รับความนิยมจากผู้ใช้ระดับสูง

เมื่อซันเปลี่ยนนโยบายมาเปิดเผยซอร์สโค้ดของ Solaris ในชื่อ OpenSolaris จึงมีแผนการที่จะเปิดโค้ดของ JDS ตามมา เพื่อให้เป็นระบบ GUI ของ OpenSolaris แทน CDE เดิมที่เก่ามากแล้ว เมื่อมี JDS อีกตัวแล้ว OpenSolaris ก็จะใช้งานบนเดสก์ท็อปได้สะดวกขึ้น ตามแผนการแล้วบอกว่า JDS จะมาภายใน 3 เดือนหลังเปิด OpenSolaris (ซึ่งเปิดไปแล้ว) ก็อีกไม่นานมากนัก

หลังจากวนเวียนอยู่แต่ในตลาดระดับองค์กร ในวันนี้ซันก็ประกาศวางตลาดเครื่องแลปท็อปเครื่องแรกนับแต่เปิดบริษัทมาแล้ว โดยเครื่อง Ultra 3 Mobile Workstation ใช้ซีพียู UltraSPARC ของซันเองโดยใส่แรม 512 เมกกะไบต์ และฮาร์ดดิสก์ 40 กิกะไบต์ ราคาอยู่ที่เครื่องละ 3,400 ดอลล่าห์

ข่าวนี้มาพร้อมกับการลดราคาเครื่องเดสก์ท็อปของซันไปพร้อมกัน โดยช่วงห้าปีหลังมานี้ ซันพบกับยอดขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงต้องปรับกลยุทธมาเล่นสงครามราคาโดยใช้เอเอ็มดีเป็นพันธมิตร

Groklaw สำนักกฎหมายที่คอยออกหน้าช่วยชาวลินุกซ์คดี SCO ออกมาวิเคราะห์ไลเซนส์ CDDL ของซัน ที่ใช้ใน Open Solaris ว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่นักพัฒนาจะถูกกันไม่ให้แจกจ่ายโค้ดออกไป (คือดูได้ แก้ได้ แต่ห้ามแจก) เนื่องจากซันมีข้อตกลงบางอย่างกับไมโครซอพท์เมื่อต้นปีที่แล้วน่ะเอง ผมอ่านมาจาก Slashdot อีกทีไม่ค่อยละเอียดเท่าไร ใครว่างและมีความรู้เรื่องกฎหมายสามารถไปอ่านจาก Groklaw โดยตรงครับ Slashdot: Sun's Patent and Licensing Practices Examined

Jonathan Schwartz ประธานของซัน นับว่าเป็นคนที่ใช้บล็อกตัวเองให้เกิดประโยชน์สุดๆ ล่าสุดหลังจากเปิดตัว Solaris 10 ที่ซันภูมิใจนักหนาแล้ว และค่อนข้างได้รับความสนใจพอสมควร Schwartz จึงกดดัน IBM ด้วยการเขียนจดหมายเปิดผนึก (Open Letter) ผ่านบล็อกของตัวเอง ถึง Sam Palmisano ประธาน IBM ให้สนับสนุน Solaris 10 กับแอพพลิเคชั่นของ IBM ซึ่งค่อนข้างได้รับความนิยมในตลาดระดับบนเสียที (ตัวอย่างเช่น WebSphere, DB2, Lotus และ Tivoli) ปัจจุบัน IBM ถือหางลินุกซ์เต็มตัว และถึงแม้ว่าสองบริษัทนี้จะเป็นพันธมิตรที่ดีในบางเรื่อง เ

ซันออกมาประกาศ Common Development and Distribution License (CDDL) ซึ่งน่าจะเป็น license ที่ใช้ในโครงการโอเพ่นซอร์สโซลาริส 10 แล้วครับ ตัว license นี้ปรับปรุงมาจาก MPL 1.1 (Mozilla Public License) ที่ใช้ใน Mozilla และ Firefox ซึ่งนั่นเป็นการยืนยันได้ว่าซอร์สโค้ดของ Solaris จะต้องเปิดเผยและเป็น CDDL ต่อไป การเปลี่ยนแปลงนั้นมีไม่เยอะเท่าไร ตัวเอกสารเองก็สั้นอยู่แล้ว แต่เผอิญว่าผมไม่ใช่นักกฎหมายอ่านไม่ค่อยเข้าใจนัก ถ้าสนใจลองอ่านได้ที่นี่ CDDL ซันเองเตรียมความพร้อมมาดี มีทั้งสรุปการเปลี่ยนแปลง จุดแตกต่างกับ MPL และล่าสุดตอนนี้ CDDL ได้ส่งเข้าไปให้ Open So

ซันรุกตลาด x86 เต็มที่ด้วยการประกาศสนับสนุนให้ช่องทางจำหน่ายจ่างๆ พยายามขายเครื่องที่ใช้ชิป Opteron ของเอเอ็มดีให้มากขึ้น ด้วยการแถมเครื่องฟรีหนึ่งเครื่อง ทุกๆ 25 เครื่องที่ตัวแทนขายได้

งานนี้น่าสนุก เพราะู้ผชิตพีซีประสิทธิภาพสูงเช่น ไปบีเอ็มและ เอชพี คงหนาวๆ ดีพิลึก แต่คนที่ยิ้มร่าก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเอเอ็มดี เพราะได้พันธมิตรรายใหม่แบบเปิดเผย

แต่ถ้าลดราคามาชายคนใช้งานตามบ้านด้วยก็คงดี

ที่มา Sun begs partners to sell more Opteron servers | The Register

สตาร์ออฟฟิศของซันวางรากฐานในอังกฤษแล้วที่เมื่องบริสตอล ประเทศอังกฤษ โดยสภาเมืองได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนจากระบบที่ผสมกันระหว่าง WordPerfect, Lotus 1-2-3 และ MS Office มาเป็นระบบที่ใช้เพียงสตาร์ออฟฟิศอย่างเดียว

การเปลี่ยนถ่ายครั้งนี้กระทบผู้ใช้กว่าห้าพันคน และเครื่องคอมพิวเตอร์กว่าพันแปดร้อยเครื่อง โดยจะเหลือเครื่องจำนวนเล็กน้อยที่ได้สิทธิในการใช้งานเพื่อการศึกษา และเครื่องที่รันระบบฐานข้อมูล ไมโครซอฟท์แอคเซสอยู่้

การเปลี่ยนย้ายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังโครงการนำร่องจำนวนหกร้อยเครื่องได้ประสบความสำเร็จไปก่อนแล้ว

เมื่อใหร่เมืองไทยจะย้ายไปโอเพ่นออฟฟิศ?

ความจริงแล้วข่าวนี้ออกมาตั้งแต่วันก่อนครับ แต่เป็นวีดีโอขนาดใหญ่ ผมอยู่บ้านเลยไม่ได้โหลดมาดู ใครมีเน็ตความเร็วสูงลองไปโหลดมาดูนะครับ ผมว่าเค้าโชว์ได้ดีมากทีเดียว

ออกเมื่อใหร่ย้ายไปใช้ลินิกซ์แน่นอน

Project Looking Glass

ซันยอมจ่ายค่าเสียหายที่โกดักเรียกร้องจากซันถึงพันล้านดอลล่าห์ โดยโกดักอ้างว่าซันได้ละเมิดสิทธิบัตรของตนที่ได้มาจากการซื้อบริษัท แวงแลปบอราทอรี แต่การจ่ายในครั้งนี้เป็นเงินเพียง 92 ล้านดอลล่าห์

โกดักซื้อแวงมาในราคาถึง 260 ล้านดอลล่าห์ตั้งแต่ปี 1997 หลายคนจึงมองว่าโกดักเริ่มมาหากินกับการฟ้องจากสิทธิบัตรต่างๆ ซึ่งโกดักถือครองอยู่

ทางซันเองก็เปลี่ยนท่าทีไปมากจากตอนที่โกดักเริ่มฟ้อง ในตอนนั้นซันทีท่าทีแข็งกร้าวมากว่าสิทธิบัตรดังกล่าวไม่มีผลต่อจาวาของซัน

แต่ที่แน่ๆ คนใช้จาวาเย็นใจได้ครับ เรื่องวุ่นๆ ได้จบลงไปแล้ว

ต่อจาก ภาคแรก

เรื่องเริ่มจาก George Colony CEO ของ Forrester Research ไปนั่งคุยกับ Jonathn Schwartz COO ของซัน และ Schwartz ได้เล่าแผนการกลับมารุ่งเรืองใหม่อีกครั้งของซัน โดยการถล่มคู่แข่งหน้าใหม่ที่มาแย่งตลาดเซิร์ฟเวอร์ คือ Red Hat และบริษัททั้งหลายที่ไปให้ความสำคัญกับลินุกซ์จนทำให้ Solaris หมองลงไป (Oracle-IBM-Dell) ทีนี้ นาย Colony ได้เขียนบทวิเคราะห์แผนลงเว็บ ZDNET ว่าซันจะจัดการกับลินุกซ์ Red Hat และจับมือกับไมโครซอพท์

๋Javalobby มีบทวิเคราะห์ว่า ถ้า Sun โดนซื้อไป จาวาจะเป็นเช่นไร โดยบริษัทที่มีความเป็นไปได้คือ IBM และ Fujitsu ครับ สาเหตุเกิดจากการที่ส่วนแบ่งตลาดของ Sun ลดลงมากในทุกด้านต่อเนื่องกันมาหลายปีแล้วน่ะเอง

ไม่รู้ว่า Red Hat ไปทำอะไรไว้ Scott McNealy ซีอีโอของ Sun ถึงจงเกลียดจงชังขนาดนี้ ข่าวใหญ่ประจำวันครับ

จาก The Register : McNealy: Microsoft needs Sun to beat IBM and Red Hat ใจความรวมๆ คือ แมคนีลลีตั้งตัวเป็นศัตรูกับ Red Hat และบอกว่าไมโครซอพท์จำเป็นต้องพึ่ง Sun เป็นพันธมิตร ในการต่อกรกับ Red Hat และ IBM แมคนีลลีบอกอีกว่า เราเป็นศัตรูกับ Red Hat เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรกับประชาคมโอเพ่นซอร์สแต่อย่างใด

เมื่อวานนี้ศาลเมืองโรเชสเตอร์ได้ตัดสินให้บริษัทซันไมโคตรซิสเต็ม มีความผิดในการละเมิดสิทธิบัตรของโกดักจากการสร้างเทคโนโลยี Java

โกดักอ้างว่าเทคโนโลยีจาวาของซันนั้น เป็นการละเมิดสิทธิบัตรของเทคโนโลยี "ask for help" ที่โกดักได้มาจากการซื้อบริษัทแวงแลปบอราทอรี เมื่อปี 1997 แต่ทางซันออกมาโต้แย้งว่าเทคโนโลยีจาวาไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรดังกล่าว หรือหากละเมิด ก็เป็นเพราะสิทธิบัตรดังกล่าวไม่ถูกต้อง

แต่การที่ศาลสั่งจ่ายพันล้านครั้งนี้ก็ทำให้โกดักได้รับไปเนื้อๆทีเดียวครับ ในช่วงปีที่ผ่านมาทางโกดักมีกำไรพุ่งพรวดๆ อยู่แล้ว งานนี้คงทำให้หุ้นโกดักพุ่งไม่อยุดเลยล่ะครับ

เมื่อวานนี้ศาลเมืองโรเชสเตอร์ได้ตัดสินให้บริษัทซันไมโคตรซิสเต็ม มีความผิดในการละเมิดสิทธิบัตรของโกดักจากการสร้างเทคโนโลยี Java

โกดักอ้างว่าเทคโนโลยีจาวาของซันนั้น เป็นการละเมิดสิทธิบัตรของเทคโนโลยี "ask for help" ที่โกดักได้มาจากการซื้อบริษัทแวงแลปบอราทอรี เมื่อปี 1997 แต่ทางซันออกมาโต้แย้งว่าเทคโนโลยีจาวาไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรดังกล่าว หรือหากละเมิด ก็เป็นเพราะสิทธิบัตรดังกล่าวไม่ถูกต้อง

แต่การที่ศาลสั่งจ่ายพันล้านครั้งนี้ก็ทำให้โกดักได้รับไปเนื้อๆทีเดียวครับ ในช่วงปีที่ผ่านมาทางโกดักมีกำไรพุ่งพรวดๆ อยู่แล้ว งานนี้คงทำให้หุ้นโกดักพุ่งไม่อยุดเลยล่ะครับ

Sun Microsystem เป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ด้านคอมพิวเตอร์ แต่ปัจจุบันอาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง หลังจากรายได้ตกต่อเนื่องติดต่อกันมาสามปี เมื่อกลยุทธของบริษัทเปลี่ยนมายึด Solaris เป็นหลักอีกครั้ง และข้อกินแหนงแคลงใจเรื่อง OpenOffice.org ทำให้ผู้บริหารของ Red Hat ออกมาโจมตี

Sun ทำธุรกิจหลายอย่างครับ หลักๆ มีดังนี้