ผู้ใช้ Galaxy S III ในโปแลนด์เริ่มได้รับอัพเดตเป็น Android 4.1 Jelly Bean แล้ว และคาดว่าผู้ใช้ Galaxy S III รุ่นนานาชาติ (GT-i9300) ในประเทศอื่นๆ จะได้อัพเดตในไม่ช้า

ในเบื้องต้นการอัพเดตยังต้องผ่าน Kies อยู่ ยังไม่ออกผ่าน OTA ครับ

สำหรับมือถือรุ่นอื่นๆ ของซัมซุงที่จะได้อัพเดตเป็น Jelly Bean ในอนาคตอันใกล้ได้แก่ Galaxy Tab 2 7.0/10.1, Galaxy Note 10.1, Galaxy S II, Galaxy Note, Galaxy Tab 7.0 Plus, Galaxy S Advance, Galaxy S II LTE, Galaxy Music, Galaxy Chat, Galaxy Ace 2, Galaxy Beam, Galaxy Ace Plus, Galaxy mini II, Galaxy S Duos

ก่อนหน้านี้ซัมซุงได้อัพเดท Samsung Apps ของตัวเองไปรอบนึงแล้ว ทำให้ระบบดูง่ายขึ้น (เหมือนของเจ้าอื่นๆ ซะที) และตอนนี้ก็ได้เพิ่มโปรโมชันจัดลดราคาเกมของค่าย EA โดยราคาต่อแอพเหลือเพียง 32.10 บาท หมดเขต 20 ตุลาคมนี้เท่านั้นครับ

รายชื่อเกมส์ที่ประกาศไว้

ปล่อยให้โนเกียและโมโตโรลาชิงตัดหน้าไปก่อนแล้ว คู่กัดรายสำคัญอย่างซัมซุงก็ไม่พลาดที่จะซ้ำเติมความผิดพลาดของแอปเปิลกับเขาบ้าง

ซัมซุงกัดแบบเล็กๆ ด้วยการโพสต์ลงใน Google+ ของ Samsung Mobile USA ด้วยรูปภาพ Google Maps พร้อมคำชวนว่า "กด +1 ถ้าหากคุณเตรียมใช้ Google Maps บนมือถือตระกูล Galaxy ช่วยบอกทางเพื่อนๆ ของคุณในวันนี้"

"+1" if you’re about to be helping your friends find their way using Google Maps on your Galaxy phone.

มีคนไปพบข้อมูลของ Galaxy S III รุ่นที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen ซึ่งซัมซุงร่วมพัฒนากับอินเทล อยู่ในใบรับรองความเข้ากันได้ของ Wi-Fi Alliance

ตามข้อมูลที่ปรากฏ มือถือตัวนี้ใช้เลขรุ่นว่า GT-i9300_TIZEN ซึ่งเป็นรหัสตัวเดียวกับ Galaxy S III แต่มีคำว่า Tizen ห้อยท้ายมาด้วย ข้อมูลอื่นๆ ยังไม่มีมากกว่านี้ คนที่สนใจ Tizen คงต้องลุ้นกันหน่อยครับว่ามันจะได้ออกเป็นผลิตภัณฑ์ขายจริงหรือไม่

ที่มา - IntoMobile

ความคืบหน้าของคดีระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งลูกขุนตัดสินให้แอปเปิลชนะ ได้ค่าเสียหายจากซัมซุง 1.05 พันล้านดอลลาร์

ล่าสุดแอปเปิลยื่นเอกสารต่อศาล ขอค่าเสียหายอีก 707 ล้านดอลลาร์ (โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ค่าเสียหายด้านต่างๆ อ่านกันเองตามต้นฉบับ) และยังขอให้ศาลสั่งแบน "ผลิตภัณฑ์อื่นใด" ของซัมซุงที่มีฟีเจอร์ไม่แตกต่างไปจากฟีเจอร์ที่อยู่ในคดีนี้

ถ้าศาลอนุมัติคำขอนี้ ก็อาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาทีหลังคดีอย่าง Galaxy S III ได้รับผลกระทบไปด้วย

ส่วนตัวแทนของซัมซุงก็ยื่นเรื่องต่อศาลขอให้ไต่สวนใหม่อีกครั้ง โดยระบุว่ากระบวนการไต่สวนรอบที่แล้วจำกัดเวลา พยาน หลักฐาน มากเกินไป จนซัมซุงไม่สามารถตอบโต้ข้อกล่าวหาจำนวนมากของแอปเปิลได้ทั้งหมด

โปรแกรมซื้อขายหลักทรัพย์และอนุพันธ์ที่หลายคนรอคอย เพราะสามารถใช้ได้ทุกโบรคเกอร์ Settrade Streaming for Android รุ่น 1.0 ได้ถูกปล่อยออกมาแล้ว โดยสามารถดาวน์โหลดได้จาก Samsung Apps

ความสามารถในรุ่นนี้

อีกคดีที่แอปเปิลฟ้องซัมซุงในเยอรมนีครับ ศาลเขต Mannheim ตัดสินคดีแล้วว่าซัมซุงไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรของแอปเปิลเรื่องจอสัมผัส ตามที่โดนแอปเปิลฟ้อง

โฆษกของซัมซุงให้สัมภาษณ์ว่า ผลการตัดสินคดีนี้แสดงให้เห็นว่า ซัมซุงไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของแอปเปิล

นอกจากนี้ศาลเยอรมนียังปฏิเสธคำฟ้องของคดีที่แอปเปิลยื่นฟ้องโมโตโรลา ด้วยสิทธิบัตรใบเดียวกันอีกด้วย

ที่มา - Bloomberg

ซัมซุงเตรียมขอยื่นเรื่องต่อศาล เพิ่ม iPhone 5 เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ฟ้องว่าละเมิดสิทธิบัตรของซัมซุงในเร็วๆ นี้

แถลงการณ์ของซัมซุงระบุว่าแอปเปิลยังใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างหนักหน่วง เพื่อจำกัดการแข่งขันในตลาด ภายใต้สถานการณ์นี้ ซัมซุงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากป้องกันทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรมของตัวเอง

ที่มา - Reuters

อ่านก่อนคอมเมนต์: แอปเปิลฟ้องเพิ่ม Galaxy S III, Note และ Note 10.1

เมื่อแอปเปิลเริ่มวางขาย iPhone 5 ซัมซุงก็ไม่พลาดโอกาสนี้ในการยิงโฆษณา "เกทับ" แบบเดียวกับที่เคยทำมาแล้วตอน iPhone 4S (ข่าวเก่า 1,

แม้ว่าเราจะเห็นสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตหลายรุ่นก้าวข้ามไปใช้แรม 2GB กันบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีเฉพาะบางแบรนด์ และรุ่นท็อปเท่านั้น ปีหน้าอาจจะได้เห็นกันมากขึ้น หลังจากผู้ผลิตแรมสำหรับอุปกรณ์พกพาอย่างซัมซุง เริ่มผลิตแรม LPDDR3 ที่ความจุ 2GB เป็นจำนวนมากแล้ว

รุ่นใหม่นี้เป็นการต่อยอดจาก LPDDR2 ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีก่อน โดยสามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 1,600 Mbps (มากกว่ารุ่นเดิมราว 50%) และมีแบนวิดท์เพิ่มขึ้นเป็น 12.8 GB/s ทั้งหมดนี้ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 30 นาโนเมตรแล้ว

นอกจากแรมแล้ว หน่วยความจำสำรองแบบแฟลชที่ใช้กันบนมือถือความจุ 128GB ก็เริ่มผลิตจำนวนมากแล้วเช่นกัน

ต้นปีหน้าเราคงได้เห็นสมาร์ทโฟนแรม 2GB ความจุ 128GB เปิดตัวกันบ้างแล้ว

จากการสำรวจของเว็บตรวจสอบราคามือถือชื่อดังของออสเตรเลีย MobilePhoneFinder ระบุว่า 62.9 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้มือถือซัมซุงอยู่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ iPhone 5 โดย 80.6 เปอร์เซ็นต์ของชาวออสเตรเลียที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,400 มีแผนจะซื้อ iPhone 5 อยู่แล้ว

ในขณะที่แบบสำรวจลักษณะเดียวกันก่อนหน้านี้ที่ทำในสหรัฐอเมริกาพบว่า 1 ใน 3 ของชาวอเมริกันที่ตอบแบบถามต้องการเปลี่ยนมาใช้ iPhone 5 โดยจากตัวเลขนี้ 32 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ Android ต้องการเปลี่ยนมาใช้ iOS

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาว่าซัมซุงจะปล่อย Galaxy S IV เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ล่าสุดซัมซุงได้ทวีตปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวแล้ว

หากย้อนกลับไปดูประวัติการเปิดตัวมือถือตระกูล Galaxy S รุ่นก่อนหน้านี้แล้ว จะพบว่าซัมซุงเลือกที่จะเปิดตัวสินค้าตระกูลนี้ในช่วงครึ่งปีแรก เช่น Galaxy S เปิดตัวในเดือนมีนาคม, Galaxy S II เปิดตัวเดือนกุมภาพันธ์ และ Galaxy S III เปิดตัวเดือนพฤษภาคม

ที่มา - ทวิตเตอร์ของซัมซุงภาษาเกาหลี ผ่านทาง Engadget

The Korea Times รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากภายในซัมซุงและจากผู้ผลิตชิ้นส่วน ว่าซัมซุงมีแผนจะเปิดตัวสมาร์ทโฟน Galaxy S รุ่นที่ 4 ในงาน Mobile World Congress ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า โดยกำหนดช่วงเวลาดังกล่าวถูกกำหนดขึ้นเพียง 3 วันหลังจากแอปเปิลได้เปิดตัว iPhone 5

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของ Galaxy S รุ่นที่ 4 นั้น แหล่งข่าวระบุจะยังคงมีสเปกสูงทั้งการรองรับเครือข่าย LTE, ซีพียูควอดคอร์, รูปทรงสี่เหลี่ยมมุมโค้ง แต่หน้าจอจะมีขนาดเพิ่มขึ้นอีกจาก S III ที่มีขนาด 4.8 นิ้ว เป็นขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว

ที่มา: The Korea Times

AnandTech ตรวจสอบพบว่าไส้ในของชิป A6 ที่อยู่ใน iPhone 5 ของ Apple นั้นถูกผลิตขึ้นโดย Samsung โดยการตรวจสอบจากเลขรหัสที่อยู่บนชิป (K3PE7E700F-XGC2) แล้วพบว่าเป็นรหัสชิ้นส่วนของหน่วยประมวลผลที่อยู่บนเอกสารแนะนำผลิตภัณฑ์ของ Samsung ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่า Apple เลือก TSMC ให้ทดลองผลิตชิป A6 ก็ตาม

นอกจากจะทราบว่าผลิตจากที่ไหนแล้ว ยังได้สเปกภายในติดมาด้วย คือมีหน่วยความจำแบบ dual-channel ขนาด 512 MB จำนวนสองชุด (รวม 1 GB) แบนด์วิดท์ราว 8.5 GB/s (น้อยกว่า The new iPad ที่มีแบนด์วิดท์ราว 12.8 GB/s) และมีบัสที่ 1066 MHz

จาก iPhone 5 ที่เพิ่งเปิดตัวไปและกระแสตอบรับก็แรงพอสมควร Samsung ก็ไม่รอช้า ออกโปสเตอร์โฆษณาใหม่ ในชื่อ "It doesn't take a genius."

รายละเอียดภายในก็ไม่มีอะไรมาก เอาสเปกของ iPhone 5 และ Samsung Galaxy S III มาเทียบกัน ตามสไตล์ Samsung ดูภาพได้จากด้านล่าง

ที่มา: AllThingsD

เป็นอีกคดีระหว่างแอปเปิลกับซัมซุง ที่ฟ้องกันภายใต้อำนาจของคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ (ITC) ซึ่งมีอำนาจสั่งแบนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาขายในอเมริกา

คดีนี้ซัมซุงยื่นฟ้องแอปเปิลว่าละเมิดสิทธิบัตร 4 รายการ โดยแบ่งเป็นสิทธิบัตรเกี่ยวกับ 3G 2 รายการ และสิทธิบัตรเกี่ยวกับอินเทอร์เฟซของสมาร์ทโฟนอีก 2 รายการ ผลสรุปคือผู้พิพากษาของ ITC ตัดสินว่าแอปเปิลไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรทั้ง 4 รายการ

ผลการตัดสินของ ITC ยังไม่สิ้นสุด เพราะคณะกรรมการชุดใหญ่ของ ITC จะต้องพิจารณาคำตัดสินของผู้พิพากษาอีกรอบหนึ่ง ว่าตกลงแล้วจะยึดตามคำตัดสินนี้หรือไม่

Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg หลายประเด็นที่น่าสนใจ

ข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Galaxy S Advance และ Galaxy Ace 2 ในบ้านเราที่กำลังรอ Android 4.0 อยู่ครับ ทางซัมซุงประเทศบัลแกเรียเพิ่งประกาศข้อมูลผ่าน Facebook ว่าจะอัพข้ามจาก Android 2.3 Gingerbread ไปเป็น Android 4.1 Jelly Bean ให้ทีเดียวเลย ไม่ต้องผ่าน Android 4.0 Ice Cream Sandwich แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ซัมซุงบัลแกเรียยังไม่บอกว่า Jelly Bean จะมาเมื่อไร (น่าจะหลังพวกมือถือระดับเรือธง) ระหว่างนี้ก็คงต้องรอกันไปก่อน

ที่มา - Android Central

Shin Jong-kyun ประธานของ Samsung Mobile ให้สัมภาษณ์นักข่าวเกาหลีใต้ว่ายอดขายของ Galaxy S III ในปีนี้จะมากกว่า 30 ล้านเครื่อง (เพิ่งทะลุ 20 ล้านเครื่องเมื่อไม่กี่วันก่อน) ส่วนยอดขายของ Galaxy Note II น่าจะเป็นเท่าตัวของ Note รุ่นแรก (10 ล้านเครื่อง) ซึ่งก็ควรอยู่ที่ 20 ล้านเครื่องนั่นเอง

Galaxy Note II จะวางขายในเดือนตุลาคมนี้ตามกำหนด โดยซัมซุงปฏิเสธว่าไม่เลื่อนเข้ามาเพื่อชิงจังหวะกับ iPhone รุ่นใหม่แต่อย่างใด

นักวิเคราะห์ของบริษัท Piper Jaffray ประเมินว่า iPhone รุ่นใหม่น่าจะขายได้ 10 ล้านเครื่องภายในเดือนกันยายนนี้ เอาตัวเลขในอดีตมาเทียบ iPhone 4S ขายได้ 4 ล้านเครื่องในสามสัปดาห์แรก

ซัมซุงประเทศอังกฤษให้ข้อมูลกับ CNET UK แล้วว่า Galaxy S III จะได้อัพเป็น Android 4.1 Jelly Bean ในเดือนตุลาคมนี้

นอกจากนี้ซัมซุงยังจะวางขาย Galaxy S III รุ่น 4G กับเครือข่าย Everything Everywhere ของอังกฤษ (ที่เปิด 4G เป็นรายแรกของประเทศ) โดยมาพร้อมกับ Jelly Bean ตั้งแต่ต้น

ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลของ S III ในประเทศอื่นๆ ว่าจะได้ Jelly Bean เมื่อไร แต่คาดว่าคงไม่หนีกันมากครับ

ที่มา - CNET

บริษัทวิจัยสื่อ Media Measurement เข้าไปสำรวจความคิดเห็นในโลก social network หลังคณะลูกขุนมีมติตัดสินให้แอปเปิลชนะคดีซัมซุง ผลออกมาพบว่าภาพลักษณ์ของแอปเปิลกลับแย่ลง

Media Measurement สำรวจข้อมูลระหว่างวันที่ 3-30 สิงหาคม มีการสนทนาเกี่ยวกับคดีนี้ 700,000 ครั้ง ส่วนใหญ่อยู่บน Twitter แต่ก็มีส่วนที่เป็นคอมเมนต์สาธารณะบน Facebook อยู่บ้าง (ประมาณ 58,000 ครั้ง) ส่วนที่นำมาเปิดเผยละเอียดมีเฉพาะคอมเมนต์ใน Facebook Page ของแอปเปิล ที่แยกแยะออกมาได้ในทางลบกับแอปเปิลมากกว่าทางบวกอย่างมีนัยสำคัญ (ดูกราฟประกอบ)

อย่างไรก็ตาม คอมเมนต์ในทางลบต่อแอปเปิลไม่ได้แปลว่าซัมซุงได้รับคอมเมนต์ทางบวกมากกว่า เพราะทั้งสองบริษัทมีอัตราคอมเมนต์ทางลบใกล้เคียงกันคือ 62%

เมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มจับตาแรงงาน China Labor Watch ออกมาแถลงข้อมูลว่าซัมซุงจ้างโรงงานจีนที่ใช้แรงงานเด็ก ซึ่งซัมซุงก็รับไปตรวจสอบ และผลออกมาว่าไม่พบแรงงานเด็ก แต่สภาพความเป็นอยู่ในโรงงานต่ำกว่ามาตรฐาน

ล่าสุดทางกลุ่ม China Labor Watch ออกมาแถลงข่าวอีกรอบ โดยระบุว่าโรงงานในจีนที่ซัมซุงจ้างผลิตสินค้าอีก 8 แห่ง (คนละแห่งกับโรงงานในข่าวแรก โรงงานชุดใหม่เป็นของบริษัท Tianjin Intops) ปฏิบัติต่อแรงงานอย่างไม่เป็นธรรม

แอปเปิลยื่นคำร้องต่อหน่วยงานด้านการค้าอย่างเป็นธรรม (Fair Trade Commission ย่อว่า FTC) ของเกาหลีใต้ ว่าซัมซุงอาศัยส่วนแบ่งตลาดของตัวเอง ผูกขาดเทคโนโลยีไร้สาย 3G ผ่านระบบสิทธิบัตร

รายละเอียดของเรื่องนี้ยังมีน้อยมาก สื่อตะวันตกรายงานข่าวเพียงว่าตัวแทนของ FTC ระบุว่ากำลังตรวจสอบข้อมูลในคำร้องของแอปเปิล แต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะสอบสวนซัมซุงอย่างเป็นทางการหรือไม่ ทั้งสองบริษัทเองก็ปฏิเสธจะให้ข้อมูลในประเด็นนี้

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ศาลเกาหลีใต้ตัดสินลงโทษทั้งแอปเปิล-ซัมซุงในคดีละเมิดสิทธิบัตร โดยสิทธิบัตรที่แอปเปิลถูกตัดสินว่าละเมิดซัมซุงคือสิทธิบัตรด้าน 3G นั่นเอง

พวกเราส่วนใหญ่น่าจะรู้ว่าช่วงปีที่ผ่านมา แอปเปิลนั้นเป็นลูกค้ารายใหญ่ของซัมซุงมาโดยตลอด เมื่อปีที่แล้วซัมซุงมียอดสั่งซื้อชิ้นส่วนจากแอปเปิลเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านวอน (ประมาณ 276,000 ล้านบาท) แต่ดูเหมือนว่าปีนี้แอปเปิลจะเริ่มปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานของบริษัทแล้ว โดยจะไม่สั่งชิ้นส่วนหน้าจอและชิปหน่วยความจำจากซัมซุงเป็นหลักเหมือนเมื่อก่อนแต่จะหันไปหา โตชิบา, SK Hynix และ Elpida Memory สำหรับการผลิตชิปหน่วยความจำและจะให้แอลจีผลิตหน้าจอเป็นหลักแทน อย่างไรก็ตาม ซัมซุงจะยังเป็นผู้จัดส่งชิปให้กับแอปเปิลก่อนในช่วงแรกแต่ก็มีแนวโน้มว่าจะลดลงไปเรื่อยๆ

หลังจากสร้างชื่อด้วยหน้าจอ Super AMOLED ที่เริ่มมีใช้มากขึ้นในอุปกรณ์ของซัมซุงหลายรุ่นแล้ว ก็มีรายงานว่าซัมซุงกำลังพัฒนาหน้าจอชนิดใหม่ สำหรับใช้งานกับเครื่องรุ่นท็อปในอนาคตออกมาแล้ว

แหล่งข่าวอ้างว่าหน้าจอใหม่นี้เรียกว่า ClorOLED ซึ่งกลบจุดด้อยของ AMOLED ที่มักเรียงพิกเซลแบบ Pentile โดยใช้การเรียงพิกเซลแบบ RGB Matrix ที่หนึ่งพิกเซลจะมีพิกเซลย่อยมากถึง 16 จุดด้วยกัน (Super AMOLED Plus มี 12 จุด) และด้วยจำนวนพิกเซลย่อยมากขนาดนี้ จะสามารถทำหน้าจอขนาด 5.8" ที่มีความหนาแน่นสูงถึง 358 PPI ได้

หน้าจอที่ว่านี้คาดว่าจะเริ่มใช้ช่วงกลางปี 2013 ครับ