เป้าหมายหลักอย่างหนึ่งของ Tesla คือการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยเป็นอย่างมาก โดยก่อนหน้านี้ Tesla Model S รถยนต์ซีดานก็ได้รับการจัดอันดับความปลอดภัย 5 ดาวโดย National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) มาก่อนแล้ว ล่าสุด Tesla Model X รถยนต์ SUV ก็ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวเช่นกัน

Tesla ระบุว่า Model X ได้คะแนน 5 ดาวในทุกการทดสอบ ทั้งในหมวดหมู่หลัก และหมวดหมู่ย่อย ส่งผลให้ Model X เป็นรถยนต์ SUV รุ่นแรกที่ได้คะแนนระดับนี้เท่าที่เคยมีการทดสอบมา และมีความน่าจะเป็นที่จะพลิกคว่ำต่ำที่สุดในประเภทรถ SUV ด้วยกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการวางแบตเตอรี่ที่พื้นรถ ทำให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำนั่นเอง

ต่อเนื่องจากข่าวสหรัฐฯ สั่งห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนขึ้นเครื่องบิน เราได้เห็นการแก้ปัญหาของสายการบิน Emirates ที่ให้นำอุปกรณ์มาใช้งานได้จนถึงก่อนขึ้นเครื่องบิน ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสายการบินจากตะวันออกกลางหลายแห่ง ก็แก้ไขปัญหานี้ได้น่าสนใจ

เริ่มจาก Turkish Airlines ได้ทวีตว่า ผู้โดยสารเส้นทางอเมริกาจะได้ใช้ Wi-Fi ฟรีตลอดเส้นทาง เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม

ส่วน Etihad Airways มี iPad ให้ยืม และให้ใช้งาน Wi-Fi ได้ฟรี เฉพาะผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน

แต่ที่จัดหนักที่สุดก็คือ Qatar Airways โดยผู้โดยสารชั้นธุรกิจสามารถยืมแล็ปท็อปเพื่อใช้ทำงานได้ ซึ่งสายการบินแนะนำให้นำไฟล์ที่ต้องการใช้เซฟไว้ใน USB และนำขึ้นเครื่องมาด้วย ส่วน Wi-Fi มีให้บริการฟรีเป็นเวลา 1 ชั่วโมง หากต้องการใช้งานตลอดการเดินทางคิดเพิ่ม 5 ดอลลาร์

มีแนวโน้มว่าสายการบินอื่นอาจเลือกใช้แนวทางเดียวกับ Qatar Airways เช่นกัน

ที่มา: Business Insider และ Qatar Airways

เมื่อวานนี้ สหรัฐห้ามผู้โดยสารสายการบินตะวันออกกลางจาก 8 ประเทศ ถืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่กว่าโทรศัพท์ขึ้นเครื่อง วันนี้ สหราชอาณาจักรประกาศสั่งห้ามแบบเดียวกัน กับสายการบินจาก 6 ประเทศที่บินเข้าสหราชอาณาจักร

ประเทศที่เข้าข่ายคือ ตุรกี เลบานอน จอร์แดน อียิปต์ ตูนิเซีย ซาอุดีอาระเบีย สายการบินที่ได้รับผลกระทบ มีทั้งสายการบินจาก 6 ประเทศเหล่านี้ และสายการบินของประเทศอื่นๆ รวมถึงสหราชอาณาจักรเอง (เช่น British Airways, EasyJet) ที่บินจาก 6 ประเทศเหล่านี้กลับเข้ามายังสหราชอาณาจักร

คณะกรรมาธิการกำกับดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคสหรัฐฯ (Consumer Product Safety Commission - CSPC) ซึ่งเคยมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียกคือ Galaxy Note 7 ของซัมซุง ออกมาเรียกร้องให้อุตสาหกรรมไอทียกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของแบตเตอรีลิเทียม-ไอออน

Elliot Kaye ประธานคณะกรรมาธิการฯ เปิดเผยว่าได้ร่วมมือกับซัมซุง เพื่อปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยของแบตเตอรี่ทั้งอุตสาหกรรมไอที โดยแบตเตอรี่จะมีเครื่องป้องกันการลัดวงจรตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบไปจนถึงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าจะไม่เกิดเหตุซ้ำรอย Galaxy Note 7 อีก

ซัมซุงแถลงสาเหตุของ Galaxy Note 7 ระเบิดอย่างเป็นทางการ เกิดจากปัญหาแบตเตอรี่อย่างที่คาดกันตั้งแต่แรก แต่ที่น่าสนใจคือแบตเตอรี่ล็อตแรกสุด กับแบตเตอรี่ล็อตที่สองจากอีกบริษัทที่ใช้แทนล็อตแรก กลับระเบิดทั้งคู่ แต่มาจากคนละสาเหตุกัน (จะเรียกว่าซัมซุงซวยซ้ำซ้อนก็คงได้)

กระบวนการตรวจสอบของซัมซุงมีทั้งการตรวจสอบโดยคนในเอง และใช้ผู้เชี่ยวชาญภายนอก 3 บริษัท ได้แก่ UL, Exponent, TÜV Rheinland โดยสองรายแรกตรวจสอบตัวแบตเตอรี่ในทางวิศวกรรม ส่วน TÜV Rheinland ตรวจสอบกระบวนการผลิตและการขนส่งแบตเตอรี่ จากโรงงานในเกาหลีใต้และในเวียดนาม

แม้ว่า Galaxy Note 7 จะหยุดขายไปหลายเดือนแล้วก็ตามแต่สิ่งที่ยังคงอยู่คือประกาศห้ามนำ Note 7 ขึ้นเครื่องบิน จากข้อกำหนดของ FAA (Federal Aviation Administration) ของสหรัฐฯ ส่งผลให้สายการบินทั่วโลก และสนามบินนานาชาติล้วนมีประกาศห้ามนำ Note 7 ขึ้นเครื่อง ตอนนี้ FAA ก็ยกเลิกข้อกำหนดให้ประกาศนี้แล้ว

ประกาศห้ามนำ Note 7 ขึ้นเครื่องบินยังคงมีผลอยู่ แต่สายการบินไม่จำเป็นต้องแจ้งประกาศนี้แก่ผู้โดยสารอีกต่อไป ถ้าชาติอื่นทำตาม เราก็จะเริ่มไม่เห็นป้ายเตือน Note 7 ตามสนามบินและไม่มีการประกาศก่อนขึ้นบินบนเครื่องอีกแล้ว

FAA ให้เหตุผลประกาศนี้ว่าทางซัมซุงประสบความสำเร็จในการเรียกคืนสินค้า โดยเรียกคืนได้แล้วถึง 96% และยังออกอัพเดตเพื่อจำกัดการชาร์จไฟไปแล้ว

เมื่อเวลาประมาณเวลา 2 ทุ่มครึ่งที่ผ่านมา Facebook ได้เปิดระบบ Safety Check โดยแจ้งเตือนว่ามีเหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้ผู้ใช้ได้รับข้อความแจ้งเตือนเหล่านี้ โดยเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีเว็บข่าวได้นำข่าวเก่าเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 ซึ่งเป็นข่าวระเบิดที่แยกราชประสงค์มาโพสต์ลง Facebook และเกิดการแชร์ต่อกันจนทำให้ระบบ Safety Check ทำงานนั่นเอง

ฟีเจอร์ Safety Check เคยผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยระบบได้แจ้งเตือนเหตุระเบิดในปากีสถานแต่คนทั้งโลกได้รับข้อความจนทำให้เกิดความเดือดร้อนในผู้ใช้นั่นเอง

ที่มา : ข้อมูลเพิ่มเติมใน Safety Check, Facebook คุณ Wannam Pantip

U.S. Transportation Department ออกประกาศห้ามนำโทรศัพท์ Galaxy Note 7 ขึ้นเครื่องบินไม่ว่าจะเป็นการโหลดใต้ท้องเครื่องหรือเป็นการถือขึ้นเครื่องก็ตาม

ก่อนหน้านี้ FAA หรือองค์กรควบคุมการบินรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ออกประกาศห้ามโหลด Galaxy Note 7 ใต้ท้องเครื่องและห้ามเปิดใช้งาน แต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาก็ยังมีรายงาน Note 7 ไฟลุกไหม้ระหว่างอยู่บนเครื่องบินอยู่

ซัมซุงประกาศหยุดการผลิต Galaxy Note 7 เป็นการถาวร และตอนนี้อยู่ระหว่างการเรียกคืน

กระแสเรื่องสมาร์ทโฟน Galaxy Note 7 ระเบิดยังไม่ทันซา ก็มีผู้ใช้กลุ่มหนึ่งจากสหรัฐอเมริการายงานว่าเครื่องซักผ้าซัมซุงของพวกเขาก็เกิดระเบิดเช่นกัน

หน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคสหรัฐฯ (Consumer Product Safety Commission - CSPC) ออกมาเตือนว่ามีเครื่องซักผ้าฝาบนยี่ห้อซัมซุง ที่ผลิตตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2011 ถึงเดือนเมษายน 2016 เกิดระเบิดขึ้น โดยไม่ได้ระบุรุ่นแต่อย่างใด ในรายงานแนะนำให้ผู้ใช้เลือกตั้งโปรแกรมการซักที่รอบต่ำเมื่อซักเครื่องนอนหรือผ้าจำนวนมาก เพราะการใช้ความเร็วต่ำช่วยลดความเสี่ยงที่พื้นที่และทรัพย์สินโดยรอบจะได้รับความเสียหาย หากเครื่องซักผ้าเกิดระเบิดหรือแยกส่วน

ในบรรดาข่าว Galaxy Note 7 ช่วงนี้ เคสที่ดูรุนแรงที่สุดคงเป็นข่าวที่เจ้าของ Note 7 บอกว่ามือถือระเบิดจนไฟไหม้รถไปทั้งคัน

แต่ล่าสุด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเมือง St. Petersburg ในรัฐฟลอริดา ที่เกิดเหตุการณ์นี้ ออกมาให้ข่าวว่าไม่สามารถเชื่อมโยงหลักฐาน Galaxy Note 7 ที่วางไว้ในรถขณะที่เกิดเพลิงไหม้ ว่าเป็นสาเหตุของการลุกไหม้ได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บอกว่ายังไม่สามารถหาสาเหตุของเพลิงไหม้รถครั้งนี้ได้เช่นกัน ในเอกสารของทางการจึงใช้คำว่า "undetermined" เอาไว้

ที่มา - Patch via SamMobile

ในการประกาศเรียกคืน Galaxy Note 7 ของซัมซุงในสหรัฐอเมริกา มีประเด็นอยู่เล็กน้อยว่าเป็นการเรียกคืนของซัมซุงเอง โดยไม่ผ่านคณะกรรมการด้านความปลอดภัยของสินค้า (Consumer Product Safety Commission หรือ CPSC) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐของสหรัฐอเมริกา

เมื่อวานนี้ CPSC ประกาศเรียกคืน Galaxy Note 7 อย่างเป็นทางการ ตามกระบวนการมาตรฐานแล้ว โดยระบุอาการว่าเกิดจากแบตเตอรี่มีความร้อนสูง (overheat) และติดไฟ (catch fire) ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค โดยข้อมูลของ CPSC ระบุว่ามีสินค้าที่ได้รับผลกระทบต้องถูกเรียกคืนประมาณ 1 ล้านเครื่อง

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกค้าของธนาคาร ING ในโรมาเนียต้องเจอกับปัญหาบริการจ่ายบิลและเอทีเอ็มล่มไปนาน 10 ชั่วโมง ซึ่งมีสาเหตุมาจากฮาร์ดดิสก์เสียหายในระหว่างการทดสอบระบบป้องกันอัคคีภัยของศูนย์ข้อมูลใน Bucharest

การทดสอบระบบครั้งดังกล่าวมีการทดสอบระบบดับเพลิงอัตโนมัติด้วย โดยศูนย์ข้อมูลแห่งนี้ได้ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงอัตโนมัติแบบใช้ก๊าซเฉื่อย ซึ่งเป็นสารที่นิยมใช้สำหรับระบบดับเพลิงในศูนย์ข้อมูลและสถานที่ซึ่งมีอุปกรณ์ทางไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์กันโดยมาก เนื่องจากก๊าซเฉื่อยไม่ทำให้อุปกรณ์เสียหายเหมือนการใช้น้ำหรือสารเคมีแบบโฟมหรือแบบผง

ซัมซุงออกประกาศเตือนให้ลูกค้าหยุดใช้งาน Galaxy Note 7 โดยให้ปิดเครื่องและหยุดการชาร์จโดยทันทีหลังจากที่ยังมีรายงานแบตเตอรี่ลุกไหม้ออกมาเรื่อยๆ

ในสหรัฐฯ ซัมซุงออกประกาศผ่านกรรมการคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภค (U.S. Consumer Product Safety Commission - CPSC) ว่ากำลังเตรียมการเรียกคืนโทรศัพท์ทั้งหมด

ส่วนในเกาหลี ทางซัมซุงออกประกาศด้วยตัวเอง ว่าระหว่างที่กระบวนการเปลี่ยนจะพร้อมในวันที่ 19 กันยายนนี้ ทางบริษัทจะมีเครื่องสำรองใช้งานไปก่อน

ยังมีข่าวการระเบิดของ Galaxy Note 7 กันอยู่เรื่อยๆ นะครับ ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงมากนัก แต่คราวนี้มือถือเจ้าปัญหาอาจเป็นต้นเหตุให้ไฟไหม้รถทั้งคันอย่างเหตุการณ์นี้ก็เป็นได้

นาย Nathan Dornacher จากรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เพิ่งซื้อ Note 7 มาได้เพียง 4 วันก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น โดยเขา, ภรรยา และลูกสาวอายุ 8 ขวบขับรถ Jeep เพื่อขนของไปงานเปิดท้ายขายของวันแรงงาน (Yard sale) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เมื่อไปถึงเขาและภรรยาก็ช่วยกันขนโต๊ะออกจากรถไปไว้ที่อื่น โดยชาร์จ Note 7 ทิ้งไว้ในรถ หลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาก็บอกให้ลูกสาวกลับไปที่รถ และเมื่อมองไปข้างนอก รถก็กำลังถูกไฟไหม้อยู่พอดี

หลังจากมีข่าวลือว่า Samsung จะเรียกคืน Galaxy Note 7 รวมถึงข่าวชะลอการส่งมอบหลังจากที่มีปัญหาระเบิดเกิดขึ้น ล่าสุดทาง Samsung (สำนักงานใหญ่) ได้ออกแถลงการณ์ ยุติการวางจำหน่าย Galaxy Note 7 ทั่วโลกเป็นการชั่วคราวแล้ว

ทางบริษัทระบุว่าได้รับแจ้งเหตุการณ์ที่ Galaxy Note 7 ระเบิดถึง 35 ครั้งทั่วโลก ทำให้ทางบริษัทตัดสินใจยุติการจำหน่าย Galaxy Note 7 เป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยของลูกค้า และได้เริ่มต้นกระบวนการสอบสวนสาเหตุ รวมถึงชุดของแบตเตอรี่ที่มีปัญหาและถูกติดตั้งไปภายในเครื่องแล้ว

เหตุการณ์ Galaxy Note 7 ระเบิดอาจจะส่งผลร้ายแรงกว่าที่คาด เมื่อสำนักข่าว Yonhap อ้างแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ของซัมซุงไม่เปิดเผยตัวตนว่าทางบริษัทกำลังเรียกโทรศัพท์ทั้งหมดคืน

เจ้าหน้าที่รายนี้ระบุว่าซัมซุงน่าจะเปิดเผยผลการสอบสวนภายในสุดสัปดาห์นี้หรือภายในสัปดาห์หน้าเป็นอย่างช้า หลังจากที่ซัมซุงได้พูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรธุรกิจแล้ว

ก่อนหน้านี้ซัมซุงเพิ่งประกาศเลื่อนการส่งมอบ Galaxy Note 7 ไปอย่างไม่มีกำหนด รวมถึงในประเทศไทย และตอนนี้โทรศัพท์มีวางขายไปแล้วในสิบประเทศทั่วโลก

การทางหลวงไต้หวันระบุว่าได้ส่งเรื่องไปยัง Niantic ผู้สร้างเกม Pokemon Go ให้เว้นพื้นที่ทางหลวงออกไปจากเกม หลังจากก่อนหน้าที่การรถไฟไต้หวันก็ประกาศห้ามเล่นเกม และติดต่อ Niantic เพื่อขอให้เว้นพื้นที่สถานีออกจากเกมเช่นกัน

ยอดผู้ถูกจับเพราะใช้โทรศัพท์ขณะขับรถในไต้หวันพุ่งสูงขึ้น หลังจากเกมเปิดตัวมาเพียงไม่กี่วันมีผู้ถูกจับแล้ว 1,210 ราย โดยผู้ขับขี่รถยนต์จะถูกปรับ 3,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 3,300 บาท) และผู้ขับขี่จักรยานยนต์จะถูกปรับ 1,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 1,100 บาท)

ที่มา - Strait Times

Japan Meteorological Agency (JMA) หน่วยงานตรวจวัดแผ่นดินไหวญี่ปุ่นออกประกาศแจ้งเตือนแผ่นดินไหวระดับ shindo 7 ระดับรุนแรงที่สุด เป็นวงกว้างทั่วบริเวณคันโตทั้งที่ไม่มีแผ่นดินไหวจริง

รายงานแจ้งเตือนนี้ส่งผลให้รถไฟหยุดให้บริการหลายสาย เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ NTT ระบุว่าระบบโทรศัพท์เกิดคอขวดอยู่เป็นเวลา 15 นาที

ทาง JMA ชี้แจงว่าการแจ้งเตือนผิดพลาดเป็นเพราะสัญญาณไฟฟ้าในพื้นทะเล และการแจ้งเตือนผิดพลาดครั้งเป็นครั้งที่ผิดพลาดมากที่สุดนับแต่เปิดระบบในปี 2007

Facebook เตรียมดำเนินการให้ระบบ Safety Check เสถียรขึ้นและใช้งานง่ายกว่าเดิม รวมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ให้ครอบคลุม 80 ภาษา และฟีเจอร์กลุ่มผู้ประสบภัยที่ช่วยให้ได้รับความช่วยเหลือด้านน้ำอาหารได้ง่ายขึ้น

ระบบ Safety Check คือฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้รู้ว่าเพื่อนของคุณปลอดภัยในเหตุการณ์วิกฤตเช่นแผ่นดินไหว ซึนามิ เป็นต้น และในเหตุการณ์โจมตีปารีสเมื่อเดือน พ.ย. 2015 เป็นครั้งแรกที่ระบบ Safety Check ทำงานนอกเหนือจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ แต่ก็ถูกตั้งคำถามเมื่อระบบนี้กลับไม่ทำงานเมื่อเกิดเหตุระเบิดในกรุง Beirut ทั้งที่เกิดก่อน Paris Attack แค่วันเดียว

การใช้โทรศัพท์ขณะขับรถคือหนึ่งในสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์มาส่งข้อความสนทนา ซึ่งแน่นอนว่าดึงความสนใจของผู้ขับออกจากเหตุการณ์บนท้องถนนไปมากกว่าการโทรอยู่โข ทางการ Ontario ในประเทศแคนาดาเองก็รณรงค์เหลือเกินให้ผู้คนลดละพฤติกรรมเสี่ยงอย่างที่ว่า เพราะการใช้โทรศัพท์เพื่อรับ-ส่งข้อความคือสาเหตุอันดับหนึ่งของอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตบนท้องถนนใน Ontario นั่นเอง

แต่ในเมื่อดูท่าว่าคำเตือนคำปรามจะไม่ได้ผลเพราะบางคนยังใช้โทรศัพท์รับ-ส่งข้อความในขณะขับรถโดยอ้างเหตุผลว่าในขณะนั้นอยู่บนเส้นทางที่ไม่สามารถจอดรถข้างทางเพื่อสนทนาได้ นั่นจึงเป็นที่มาของไอเดียจัดพื้นที่บนทางด่วนที่ผู้ขับขี่จะสามารถหยุดรถเพื่อส่งข้อความได้อย่างปลอดภัย

Stadtwerke Augsburg บริษัทด้านพลังงานและสาธารณูปโภคพื้นฐานในประเทศเยอรมนี ลงทุนติดตั้งไฟจราจรแบบฝังบนพื้นทางเท้าในเมือง Augsburg เพื่อช่วยเตือนให้คนเดินเท้าที่เอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ได้ทันเห็นว่าเวลาไหนไม่ควรข้ามถนน

ไฟจราจรที่ว่านี้เป็นไฟ LED แสงสีแดงแบบติดตั้งด้วยการเจาะฝังในพื้น มันถูกติดตั้งไว้บริเวณริมทางเท้าในจุดที่คนข้ามถนนโดยสัญญาณไฟจะเชื่อมต่อกับสัญญาณไฟจราจรคนข้าม เมื่อใดที่ไฟจราจรบนเสาปรากฏไฟแดงห้ามคนเดินข้ามถนน ไฟที่ฝังในพื้นก็จะส่องแสงสีแดงออกมาด้วย

หน่วยควบคุมความปลอดภัยทางหลวงสหรัฐฯ หรือ National Highway Traffic Safety Association (NHTSA) เริ่มออกมาตรการเมนชั่นหาคนบนทวิตเตอร์ที่ระบุว่ากำลังขับรถไปทวีตไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือล้อเล่น หรือแม้แต่ทวีตถึงคนอื่น ผ่านทาง @NHTSAgov

นอกจากจะไล่เมนชั่นคนบนทวิตเตอร์ ทางหน่วยยังทวีตข้อความรณรงค์ เช่น "คู่บน Tinder ของคุณจะดีใจถ้าคุณไม่ได้กำลังปัดจอตอนขับรถ"

ทาง NHTSA ระบุว่าแคมเปญนี้จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ ถึงวันที่ 30 เมษายนนี้เท่านั้น

ที่มา - Wired

เหตุระเบิดปากีสถานเมื่อวันเช้านี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ครั้งนี้ทางเฟซบุ๊กตัดสินใจเปิดฟีเจอร์ Safety Check เพื่อให้ผู้ใช้แจ้งว่าตนเองยังปลอดภัยดีหรือไม่ อย่างไรก็ดีผู้ใช้จำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในปากีสถานกลับได้รับข้อความไปด้วย

ผู้ที่ได้รับข้อความดูจะกระจายไปทั่วโลก รายงานล่าสุดมีผู้ได้รับข้อความสอบถามว่าปลอดภัยดีหรือไม่ทั้งจากสหรัฐฯ, อังกฤษ, และอียิปต์

ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กเคยถูกวิจารณ์ว่าเลือกปฏิบัติเพราะไม่ยอมเปิดฟีเจอร์นี้ให้กับเหตุร้ายแรงในบางประเทศเช่นเหตุระเบิดกรุงเบรุต

จากเหตุการณ์ผู้เสียชีวิตจากสารดับเพลิง ผู้ดูแลระบบส่วนใหญ่ก็มักต้องเข้าๆ ออกๆ ศูนย์ข้อมูลกันเป็นปกติ และศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ก็มักจะมีระบบดับเพลิงที่เข้มงวด และอาจจะอันตรายต่อผู้ที่อยู่ในห้องเซิร์ฟเวอร์ได้ ทาง ThaiCERT มีบทความแนะนำขั้นตอนการใช้ห้องเซิร์ฟเวอร์อย่างปลอดภัย 4 ขั้นตอน

ผู้ผลิตรถยนต์ 20 รายร่วมลงนามกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรอิสระของสหรัฐอเมริกา กำหนดว่าในปี 2022 รถยนต์ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาจะต้องมีระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเป็นหนึ่งในระบบมาตรฐานด้านความปลอดภัยของรถยนต์

ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ หรือ AEB (Automatic Emergency Braking) ที่ว่านี้เป็นการเรียกโดยรวมของระบบที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการมีอยู่ของวัตถุ ซึ่งอาจเป็นเรดาร์, ลิดาร์ หรือเซ็นเซอร์ประเภทอื่น โดยเมื่อตรวจพบวัตถุด้านหน้ารถก็ให้ทำการแจ้งเตือนผู้ขับขี่ให้เบรกได้ทันก่อนเกิดการชน และหากผู้ขับขี่ไม่สามารถเบรกรถได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด รถจะต้องทำการเบรกด้วยตนเองก่อนการชนเพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ