RIM ออกมาประกาศผ่านบล็อกสำหรับนักพัฒนาแล้วว่า นักพัฒนาแอพ Android ที่อยากขายแอพบน PlayBook (ผ่าน BlackBerry Runtime for Android Apps) ขอให้ส่งแอพขึ้นไปยัง BlackBerry App World ภายในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้

เงื่อนไขการส่งแอพไปขายกับ RIM จะต้องใช้กับ PlayBook OS 2.0, ลบชื่อ Android ออกทั้งหมด และนำลิงก์ที่ชี้ไปยัง Android Market ออกไปด้วย สำหรับคนที่คิดจะขายจริงๆ RIM ยังมีปลั๊กอิน BlackBerry Plug-in for ADT คอยอำนวยความสะดวกสำหรับคนใช้ Eclipse ด้วย

เว็บไซต์ BGR ซึ่งได้ข้อมูลหลุดของ RIM ออกมาอยู่เรื่อยๆ คราวนี้ได้ "แผนผัง" แสดงการออกรุ่นของ RIM ตลอดปี 2012 นี้

รายละเอียดคงไม่ต่างกับข่าวก่อนหน้านี้เท่าไรนัก แต่เมื่อมีภาพประกอบก็ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของ RIM ในปีนี้ได้ชัดเจนขึ้น

เว็บไซต์ BGR ได้ข้อมูลที่อ้างว่าเป็นแผนการล่าสุดของ RIM ระหว่างปี 2012-ต้นปี 2013 ซึ่งข้อมูลบางจุดจะไม่ตรงกับข่าวลือก่อนหน้านี้

Thorsten Heins ซีอีโอคนใหม่ของ RIM ออกมาแนะนำตัวกับสื่อมวลชน และตอบคำถามเรื่องทิศทางของบริษัทหลายข้อ

นี่อาจเป็นข่าวที่แฟนๆ BlackBerry รอคอย เมื่อ Research in Motion หรือ RIM ประกาศวันนี้ว่าบริษัทได้ประกาศการปรับตำแหน่งในฝ่ายบริหารโดยคู่หูซีอีโอ Jim Balsillie และ Mike Lazaridis ได้ลาออกจากตำแหน่งและแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่คือ Thorsten Heins ซึ่งก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งซีโอโอใน RIM

เว็บไซต์ N4BB ซึ่งเป็นเว็บรวมข่าว BlackBerry อ้างว่าได้ข้อมูลแผนการออกผลิตภัณฑ์ของ RIM ประจำปีนี้มาชุดใหญ่ รายละเอียดมีดังนี้

เว็บไซต์ BGR รายงานข่าววงในของ RIM ว่าตอนนี้กำลังพยายามเต็มที่ในการขายกิจการ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งขายบางส่วนหรือขายทั้งบริษัท โดย Jim Balsillie ซีอีโอร่วมของบริษัทได้พบปะกับตัวแทนของบริษัทอื่นๆ หลายแห่งที่น่าจะสนใจซื้อ RIM

หนึ่งในบริษัทที่มีชื่อออกมาคือซัมซุง แต่แหล่งข่าวก็ระบุว่าที่ RIM ยังขายกิจการไม่สำเร็จเพราะเรียกราคาแพงไปที่ราวๆ 12-15 พันล้านดอลลาร์ (มูลค่าบริษัทตามราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ที่ 8.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์บอกว่าแค่นี้ก็แพงเกินไปแล้ว)

ส่วนฝั่งซัมซุงออกมาแถลงปฏิเสธแล้วว่าไม่สนใจซื้อ RIM แต่อย่างใด และไม่เคยได้รับการติดต่อจาก RIM ด้วย

สำนักข่าว DigiTimes รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในไต้หวันระบุว่า ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อย่างน้อย 4 รายคือ HTC, RIM, Sony และ Motorola เตรียมปรับกลยุทธ์การขายสมาร์ทโฟน โดยจะออกรุ่นใหม่ๆ ในแต่ละปีให้น้อยลง และแต่ละรุ่นก็จะเพิ่มการสนับสนุนด้านการพัฒนาและการตลาดให้มากขึ้น

ปัจจุบันบริษัทที่ดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวและได้ผลดีคือแอปเปิลและซัมซุง แอปเปิลนั้นคงไม่มีข้อสงสัยอยู่แล้วเพราะ iPhone ออกมาปีละรุ่น ส่วนซัมซุงนั้นจะเน้นการตลาดไปที่สมาร์ทโฟนอย่าง Galaxy S ที่จะออกมาปีละรุ่นให้เป็นสินค้าเรือธงซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างดี

RIM เผยแพร่วิดีโอตัวแรกของ PlayBook OS 2.0 โดยสาธิตหน้าตาของแอพอีเมล ที่ติดต่อ ปฏิทิน ที่จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการตัวใหม่

แอพอีเมลจะสามารถส่งข้อความของ social network ได้ด้วย โดยบริการที่สาธิตในวิดีโอคือ LinkedIn และ Twitter direct message นอกจากนี้ยังสามารถ multitask เขียนอีเมลได้หลายฉบับพร้อมกัน

ส่วนแอพที่อยู่ติดต่อจะรวม contact ของเพื่อนๆ ในบริการต่างๆ เอาไว้เป็นบุคคลเดียวกัน (แบบเดียวกับที่เริ่มมีใน webOS)

แอพปฏิทินมีแนวทางที่น่าสนใจคือวันที่เรามีนัดเยอะจะแสดงวันที่ตัวใหญ่กว่าปกติ อย่างอื่นๆ ดูได้จากวิดีโอครับ RIM บอกว่าจะทยอยปล่อยวิดีโอตัวอื่นๆ ของ PlayBook OS 2.0 ให้ดูกัน

RIM ประกาศออก BlackBerry OS 7.1 ซึ่งเป็นการอัพเดตย่อยของสาย 7.x ระหว่างรอ BlackBerry 10 (เริ่มปล่อยตัวอัพเดตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป)

ของใหม่ได้แก่

เว็บไซต์ Pocketnow ได้เผยข้อมูลจาก Jefferies & Co.'s โดย Peter Misek ว่า มีโอกาสสูงมากที่ RIM จะปล่อยลิขสิทธิ์ BlackBerry OS 10 ให้กับค่ายอื่น เพราะว่าขณะนี้ทาง RIM อยู่ระหว่างการมองตัวเลือกอยู่ ซึ่งตัวเลือกนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน HTC กับ Samsung เจ้าเก่านั่นแหละครับ โดยงานนี้ทาง RIM เชื่อว่า BlackBerry OS 10 จะบูมได้ ก็ต้องมีผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์หลายๆ ค่ายช่วยกันผลักดันให้มันเกิดขึ้นมานั่นเองครับ

รวมสามข่าวของ RIM ไว้ในข่าวเดียวเลยนะครับ

ข่าวแรก RIM ส่งบัตรเชิญถึงสื่อมวลชนฝรั่งแล้วว่าจะเปิดตัว PlayBook OS 2.0 ที่งาน CES 2012 ในวันที่ 10 มกราคมนี้ นอกจากนี้ในงานจะโชว์ BlackBerry OS 7 รุ่นปัจจุบันด้วย - Engadget

หลังจากประสบความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าในการออก BlackBerry 10 และ

เว็บไซต์ของ RIM ประกาศหั่นราคา BlackBerry PlayBook รอบใหม่ โดยคราวนี้เหลือ 299 ดอลลาร์เท่ากันทุกระดับความจุ

• 16GB จาก 499 เหลือ 299 ดอลลาร์ (ลด 200 ดอลลาร์)
• 32GB จาก 599 เหลือ 299 ดอลลาร์ (ลด 300 ดอลลาร์)
• 64GB จาก 699 เหลือ 299 ดอลลาร์ (ลด 400 ดอลลาร์)

ราคานี้จะลดถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้น ถึงวิธีการลดราคาจะดูแปลกๆ แต่ก็เป็นโอกาสอันดีสำหรับคนสนใจซื้อรุ่น 64GB (ถ้ายังมีของ) นะครับ

ที่มา - CrackBerry

จากข่าวเก่าที่รัฐบาลอาร์เจนตินาสั่งห้ามขาย iPhone และ Blackberry ความจริงแล้วข่าวนั้นเป็นเพียงแค่การโกหกตามเทศกาลวัน Dia de los Santos Inocentes ซึ่งเป็นวันคล้ายกับวันเมษาโกหกของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาสเปน

จริงๆ แล้ว ผู้ที่ลงข่าวภาษาอังกฤษในเว็บ Manuals.ws ก็มองข้ามความขัดแย้งอย่างหนึ่งไป คือ RIM ประกาศว่าจะมาเปิดโรงงานที่ประเทศอาร์เจนตินาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้แล้ว แต่เนื้อหาข่าวกลับบอกว่า RIM ควรมาเปิดโรงงานในอาร์เจนตินาถึงจะกลับมาขายสินค้าของตนเองได้

รัฐบาลอาร์เจนตินาได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จำนวนหลายรายการภายในประเทศซึ่งรวมถึง iPhone และ BlackBerry ด้วย โดยอ้างเหตุผลเรื่องปัญหาเศรษฐกิจในประเทศเพื่อไม่ให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงไปกว่านี้ ทั้งช่วยรักษาดุลการค้าระหว่างประเทศและเสถียรภาพของค่าเงินเปโซ

อย่างไรก็ตามรัฐบาลอาร์เจนตินาได้เสนอเงื่อนไขสำหรับแอปเปิลและ RIM เพื่อให้สามารถกลับมาจำหน่ายสินค้าของตนได้ โดยทั้งสองบริษัทต้องจัดตั้งโรงงานผลิตสินค้าภายในประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งปัจจุบันมีผู้ผลิตรายอื่นอย่าง Nokia, Samsung และ LG ทำอยู่แล้ว จึงสามารถจำหน่ายสินค้าของตนในประเทศได้

ช่วงนี้เป็น "ขาลง" ของบริษัท RIM จริงๆ เพราะนอกจากมีปัญหาเรื่องการแข่งขัน, BlackBerry 10 ล่าช้ากว่ากำหนด แล้วยังต้องเผชิญกับคดีเรื่องเครื่องหมายการค้าซ้ำอีก

ในการแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ RIM บริษัทบอกว่า BlackBerry 10 จะเลื่อนไปออกปลายปี 2012 โดยให้เหตุผลว่า RIM ต้องการรอให้ซีพียูดูอัลคอร์และชิปเซ็ต LTE รุ่นที่ต้องการใช้วางตลาดเสียก่อน

สองข่าวที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการของ RIM ที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงแบบสุดๆ

ข่าวแรก รอยเตอร์รายงานว่าช่วงกลางปี 2011 ที่ผ่านมา Amazon ถึงกับว่าจ้างบริษัทวาณิชธนกิจมาประเมินโอกาสว่าควรซื้อกิจการของ RIM หรือไม่ แต่สุดท้าย Amazon ก็ล้มเลิกเรื่องนี้ไปเอง โดยไม่ได้ยื่นข้อเสนอซื้อต่อ RIM แต่อย่างใด (ส่วนการเจรจานอกรอบคงมี แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าได้คุยกันจริงหรือไม่)

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ RIM ก็บอกว่ายุทธศาสตร์ของบริษัทตอนนี้ไม่เน้นขายหรือควบกิจการ แต่ต้องการจะพลิกฟื้นบริษัทขึ้นมาโดยกำลังตัวเองมากกว่า - รอยเตอร์

หนังสือพิมพ์ The New York Times อ้างบทวิเคราะห์ของ Shaw Wu จากบริษัท Sterne Agee ว่าปัญหาสำคัญของ RIM ที่คนยังไม่พูดถึงกันมากนักในตอนนี้ คือจำนวนรุ่นของ BlackBerry ที่มีเยอะมากจนเลือกไม่ถูก และแต่ละรุ่นก็มีความแตกต่างกันน้อยมาก

The New York Times ระบุว่านับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา RIM ออก BlackBerry มาแล้ว 37 รุ่น ที่แย่ไปกว่านั้นคือแถลงการณ์ของบริษัทบอกว่า "ไม่รู้" ว่าออกมือถือมาแล้วกี่รุ่น

ที่สำคัญมือถือ BlackBerry รุ่นที่มีความสามารถต่างกันกลับใช้ชื่อเดียวกัน เช่น Torch 9850 มีแต่จอสัมผัสไม่มีคีย์บอร์ด แต่ Torch 9800 กลับเป็นจอสัมผัสแบบคีย์บอร์ดสไลด์ นอกจากนี้ยังแยกรุ่นย่อยสำหรับเครือข่ายที่ต่างกันอีกด้วย

RIM รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามประจำปีการเงิน 2012 ตามวิธีนับของบริษัท มีรายได้ 5.2 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 6% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน คิดเป็นกำไรสุทธิ 667 ล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงถึง 27% เมื่อเทียบกับปีก่อนเช่นกัน อย่างไรก็ตามตัวเลขกำไรนี้ยังไม่ได้คำนวณความเสียหายมูลค่า 54 ล้านดอลลาร์จากปัญหา

RIM มีปัญหากับรัฐบาลอีกแล้ว คราวนี้เป็น กสทช. ของอินโดนีเซีย (Indonesian Telecommunication Regulation Body หรือ BRTI) บอกว่าอาจสั่งห้ามใช้ BIS และ BBM บน BlackBerry ทุกเครื่องภายในอินโดนีเซีย ถ้าหากว่า RIM ยังไม่ยอมมาตั้งเซิร์ฟเวอร์อยู่ในประเทศ

เมื่อเดือนกันยายนปีนี้ RIM ได้เจรจากับ BRTI ในหลายประเด็น ซึ่งประเด็นหนึ่งคือการตั้งเซิร์ฟเวอร์ BlackBerry ภายในอินโดนีเซีย และ RIM จะต้องทำตามเงื่อนไขเหล่านี้ภายในสิ้นปีนี้

เว็บไซต์ CrackBerry เผยแพร่ภาพที่อ้างว่าเป็น BlackBerry "Milan" มือถือชุดใหม่ของ RIM ที่จะใช้ระบบปฏิบัติการ BlackBerry 10 ในปีหน้า

ที่งาน BlackBerry DevCon Asia ซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์ในวันนี้ RIM ประกาศข้อมูลว่าแพลตฟอร์ม BlackBerry รุ่นถัดไปที่เคยถูกเรียกว่า BBX จะเปลี่ยนชื่อเป็น BlackBerry 10 แทน

เหตุผลก็มาจากปัญหาเรื่องเครื่องหมายการค้า BBX ที่บริษัทซอฟต์แวร์ BASIS International เป็นเจ้าของอยู่ (โปรแกรมชื่อ BBx Generations) ซึ่ง BASIS ได้ขอให้ RIM เลิกใช้ชื่อนี้แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เลยยื่นเรื่องต่อศาลสหรัฐให้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเรื่องนี้ และศาลก็ออกคำสั่งคุ้มครองให้ตามคำขอ

ปัญหาสำคัญคงไม่ใช่ว่า "ชื่ออะไร" แต่เป็น "ออกเมื่อไร" มากกว่า

RIM จะแถลงผลประกอบการณ์ประจำไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ 2012 (แต่ละรายนับไม่เหมือนกันนะครับ) ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้

แต่บริษัทก็ออกมาเกริ่นก่อนแล้วว่า ในส่วนของ PlayBook จะต้องเสียเงินถึง 485 ล้านดอลลาร์จากสต๊อกของ PlayBook ที่คั่งค้างอยู่ อันเป็นผลให้รายรับและกำไรของบริษัทในไตรมาสนี้ (และปีนี้) ลดลงด้วย