Uber ประเทศญี่ปุ่น ประกาศเริ่มให้บริการเรียกรถโดยสารในเมืองหลวง โตเกียว แล้ว หลังเข้ามาทำตลาดในญี่ปุ่น 6 ปี แต่ไม่สามารถให้บริการรถโดยสารแบบ Ride-Share ได้ เนื่องจากกฎหมายไม่อนุญาต จึงเน้นทำตลาดเมืองรองแทน ก่อนหน้านี้บริการของ Uber ในโตเกียวมีเพียงส่งอาหาร Uber Eats

บริการเรียกรถของ Uber ในโตเกียว ใช้วิธีเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับบริษัทรถแท็กซี่ 3 ราย ได้แก่ Hinomaru Limousine, Tokyo MK และ Ecosystem เรียกชื่อบริการว่า Uber Taxi

คู่แข่งของ Uber ในโตเกียว นอกจากบริการแท็กซี่ท้องถิ่นแล้ว ยังมี Didi Chuxing ที่ร่วมมือกับ SoftBank ให้บริการรถแท็กซี่อีกด้วย

เซ่นพิษเศรษฐกิจจากโรคระบาดอีกราย Ola บริการเรียกรถในอินเดีย ประกาศผ่านอีเมลภายในระบุว่า บริษัทจะปลดพนักงาน 1,400 ราย คิดเป็น 35% ของพนักงานทั้งหมดในบริษัท

Bhavish Aggarwal ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Ola ระบุในอีเมลด้วยว่า รายได้บริษัทหายไปถึง 95% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาที่มีมาตรการล็อกดาวน์ คนไม่ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก ด้านโฆษก Ola บอกว่าพนักงานที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นฝ่าย food operations และทั้งหมดปฏิบัติการอยู่ในอินเดีย
พนักงานที่ถูกปลดออกจากงานจะได้รับเงินเดือนสามเดือน ประกันสุขภาพครอบคลุมบุพการี การสนับสนุนทางด้านสุขภาพกายและจิตใจไปจนถึงสิ้นปี

Lyft บริการเรียกรถโดยสารคู่แข่ง Uber ในอเมริกา ได้ส่งอีเมลแจ้งคนขับรถ ว่าบริษัทได้ร่วมมือกับ Amazon เพื่อออกโครงการให้ผู้ขับรถของ Lyft มาทำงานให้ Amazon ชั่วคราวได้ ไม่ว่าจะเป็นงานซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค, งานจัดส่งสินค้า และงานจัดการของในคลังสินค้า เพื่อชดเชยรายได้เนื่องจากการเรียกรถโดยสารลดลงไปมาก จากการระบาดของโควิด-19

Lyft แพลตฟอร์มเรียกรถแท็กซี่ที่ทำตลาดในอเมริกาเป็นหลัก และถือเป็นคู่แข่งของ Uber ได้เข้าซื้อกิจการ Halo Cars สตาร์ทอัพที่พัฒนาระบบจอแสดงโฆษณาดิจิทัล สำหรับติดแสดงผลบนหลังคารถ เพื่อให้ผู้ขับรถยนต์หารายได้เพิ่มเติม

ตัวแทนของ Lyft ยืนยันดีลดังกล่าว แต่ไม่ได้เปิดเผยมูลค่า

แนวทางของแอปเรียกรถแท็กซี่ทั้ง Uber และ Lyft ในช่วงที่ผ่านมาคือการทำให้บริษัทมีกำไร หลังจากทั้งสองบริษัทนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นสำเร็จ โดยแนวทางของ Uber คือการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ เช่น ขนส่งสินค้า, เดลิเวอรี่อาหาร ขณะที่ Lyft ยังเน้นที่ธุรกิจรถแท็กซี่ขนส่งผู้โดยสารอย่างเดียว การซื้อบริษัทโฆษณาเข้ามาน่าจะเป็นแนวทางในการสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่ง

ในขณะที่ Uber กำลังพยายามรับมือกับกฎหมายแรงงานในสหรัฐ ที่กำหนดให้คนขับรถของ Uber เป็นลูกจ้าง เพื่อให้ได้รับสวัสดิการและค่าตอบแทนตามกฎหมาย ล่าสุดก็ได้ทดลองโมเดลในการคิดค่าบริการใหม่เริ่มจากในแคลิฟอร์เนีย ให้คนขับสามารถตั้งราคาค่าโดยสารได้เอง กึ่ง ๆ แสดงออกว่าคนขับรถเป็นพาร์ทเนอร์ ไม่ใช่ลูกจ้าง

Uber บอกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เพื่อให้คนขับมีชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น สอดคล้องกับกฎหมายแคลิฟอร์เนีย โดยเบื้องต้นจะทดสอบเฉพาะเส้นทางที่ออกจากสนามบิน Santa Barbara, Palm Springs และ Sacramentoคนขับสามารถปรับราคาเพิ่มขึ้นได้ 10% และสูงสุดคือ 5 เท่าจากราคาที่ Uber คำนวนให้ แต่การจับคู่คนขับกับลูกค้า Uber จะเลือกคนขับที่ตั้งราคาถูกที่สุดก่อน

ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน Uber และ Lyft มีประเด็นกับคณะกรรมการแท็กซี่และลิมูซีน (Taxi and Limousine Commission - TLC) ของนครนิวยอร์ก ที่ออกกฎจำกัดปริมาณรถยนต์สูงสุดและระยะเวลาที่สามารถวิ่งหาผู้โดยสารและจอดรอผู้โดยสารในพื้นที่ของนครนิวยอร์ก ก่อนที่ Uber ยื่นฟ้องศาลให้ยกเลิกกฎดังกล่าว เช่นเดียวกับ Lyft ที่ยื่นฟ้องเองต่างหาก

Transport for London หรือ TfL หน่วยงานผู้ดูแลการคมนาคมในกรุงลอนดอน ได้ปฏิเสธการต่อใบอนุญาตกิจการของบริษัท Uber ในกรุงลอนดอน เนื่องจากทางบริษัทไม่มีความเหมาะสมในการได้รับใบอนุญาตต่อไป

TfL ระบุว่า Uber ได้ปล่อยให้ผู้ขับรถจำนวนมากที่ไม่มีประกันและถูกระงับใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการได้ในเมืองลอนดอน ซึ่งก่อนหน้านี้ Uber เคยมีข้อพิพาทกับ TfL มาแล้ว แต่ Uber ชนะอุทธรณ์จึงทำให้บริษัทได้ต่อใบอนุญาตอีก 15 เดือน หลังจากที่ Uber แสดงหลักฐานอันเป็นสาระสำคัญว่าทางบริษัทได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติงานและดูเหมือนมุ่งมั่นที่จะพยายามปฏิบัติตาม

Grab ประกาศขยายบริการไปในประเทศญี่ปุ่นและ 13 ประเทศในตะวันออกกลาง ผ่านความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง JapanTaxi และ Careem ตามลำดับ โดยเมืองในญี่ปุ่นที่ให้บริการมี Tokyo, Kyoto, Nagoya, Sapporo, และ Okinawa ส่วนตะวันออกกลางมี Dubai, Doha, Istanbul, Cairo, Riyadj, Kuwait, Lahore, Muscat, และ Amman

Grab บอกว่าลูกค้าในสิงคโปร์, มาเลเซียและอินโดนีเซีย (ไม่มีไทย) สามารถเรียกใช้บริการจากแอป Grab ตัดเงินผ่าน GrabPay และยังคงได้ GrabRewards ตามปกติ

ที่น่าสนใจคือ Careem ที่มาเป็นพาร์ทเนอร์ Grab ในตะวันออกกลาง เป็นผู้ให้บริการเรียกรถที่ถูก Uber ซื้อไปเป็นบริษัทลูกเมื่อต้นปีและกระบวนการควบรวมกิจการน่าจะเสร็จสิ้นต้นปีหน้า

Didi Chuxing แอปเรียกรถโดยสารรายใหญ่ของจีน ประกาศกลับมาให้บริการคาร์พูล Hitch อีกครั้ง หลังจากบริษัทหยุดให้บริการไปตั้งแต่สิงหาคมปีที่แล้ว จากเหตุฆาตกรรมผู้โดยสารหญิงถึง 2 ครั้งภายในช่วงเวลาไม่กี่เดือน ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า Didi จะป้องกันเหตุร้ายได้อย่างไร

โดยในช่วงแรก Didi ระบุว่า Hitch จะยังเป็นช่วงทดสอบการให้บริการใน 7 เมือง และเพิ่ม Safety Assistant ตัวช่วยเหลือด้านความปลอดภัยภายในแอป ที่แสดงข้อมูลผู้ขับรถ พร้อมตัวขอความช่วยเหลือแบบเรียลไทม์

การปรับเงื่อนไขบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับกฏหมายเป็นเรื่องจำเป็น เช่นเดียวกับ Uber และ Lyft ที่ต้องปิดไม่ให้คนขับรับงานในพื้นที่ที่มีผู้ใช้บริการน้อยและในบางช่วงเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับกฏระเบียบใหม่ที่ทาง Taxi and Limousine Commission (TLC) ของนครนิวยอร์กร่างขึ้นมา

กฏหมายใหม่กำหนดเพดานปริมาณรถยนต์สูงสุดที่ให้บริการ Ride-Sharing, กำหนดอัตราจ่ายค่าตอบแทนขั้นต่ำให้กับคนขับ โดยอ้างอิงจากเวลาที่ผู้ขับให้บริการกับผู้โดยสาร ​รวมถึงต้องจำกัดเวลาการวนขับรถหาผู้โดยสารไปเรื่อย ๆ (Cruising) และการจอดรอผู้โดยสารด้วย

Lyft บริษัทเรียกรถจากสหรัฐฯ คู่แข่ง Uber ถูกฟ้องโดยผู้หญิงอย่างน้อย 14 คนที่ไม่เอ่ยนาม ซึ่งอ้างว่าถูกลวนลามหรือข่มขืนโดยคนผู้ขับรถของ Lyft โดยเหยื่อเหล่านี้ระบุว่า Lyft ไม่สามารถดูแลความปลอดภัยและปกป้องผู้โดยสารหญิงได้อย่างดีพอจากการกระทำโดยคนขับรถซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ในสังกัดของบริษัท

Estey & Bomberger บริษัทกฎหมายที่เป็นผู้ยื่นฟ้องคดีนี้ระบุว่า Lyft ได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศมาแล้วกว่า 100 ครั้งในช่วงปี 2014-2016 โดยหนึ่งในนักกฎหมายที่มีส่วนร่วมในการยื่นฟ้องคดีระบุว่าได้รับทราบกรณีเหล่านี้ราว 5-10 ครั้งต่อสัปดาห์

Bloomberg รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวที่ไมเ่ปิดเผยว่า Go-Jek ผู้ให้บริการ Ride-Hailing รถมอเตอร์ไซค์ที่เปิดบริการในไทยในชื่อ GET ได้รับเงินลงทุนก้อนใหญ่จากธนาคารไทยพาณิชย์ในรอบการระดมทุนซีรีส์ F

แหล่งข่าวไม่ได้เปิดเผยมูลค่าเงินที่ไทยพาณิชย์ลงทุนในครั้งนี้ รวมถึงยังไม่มีข้อมูลว่าจะมีความร่วมมืออะไรกันมากกว่าแค่การลงทุนหรือไม่ ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้วคู่แข่งอย่างธนาคารกสิกรไทยก็มีไปลงทุนกับคู่แข่ง Go-Jek อย่าง Grab เป็นเงินกว่า 1.6 พันล้านบาทไปก่อนหน้านี้

Ola บริษัทเรียกรถผ่านแอปจากอินเดียเตรียมบุกตลาดกรุงลอนดอนเร็ว ๆ นี้แล้ว หลังจากที่ทางบริษัทได้รับใบอนุญาตดำเนินกิจการในเมืองจาก Transport for London

Ola ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตอนนี้ทางบริษัทได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการ PHV จาก TfL แล้ว และเตรียมจะให้บริการในเดือนกันยายนนี้

การขยายสู่ตลาดโลกถือเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญของ Ola เพราะในช่วงต้นนั้นบริษัทจะโฟกัสที่ตลาดบ้านเกิดก่อน (ลักษณะเดียวกับ Lyft) ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Uber ใช้เงินจำนวนมหาศาลขยายตลาดไปทั่วโลก

เมื่อปีที่แล้ว Didi Chuxing ผู้ให้บริการเรียกรถผ่านแอปของจีนมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร จนทำให้ทางบริษัทต้องยกเครื่องด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ ซึ่งล่าสุด Didi ได้ประกาศนำผู้ขับรถออกจากแพลตฟอร์มเนื่องจากไม่ผ่านมาตรฐานกว่า 3 แสนราย

การนำผู้ขับรถออกจากแพลตฟอร์มจำนวนมากนี้ เนื่องจากผู้ขับรถไม่ผ่านมาตรฐานที่ทางบริษัทกำหนดขึ้นมาใหม่ในช่วงของการยกเครื่องด้านความปลอดภัย โดยมาตรฐานใหม่ที่ทำให้ Didi ต้องเข้มงวดต่อผู้ขับรถจะส่งผลอย่างมากต่อ Didi เองที่ในระยะสั้นแพลตฟอร์มจะขาดแคลนผู้ขับรถจนทำให้ผู้ใช้บริการรอนาน แต่ Didi ได้พูดคุยเรื่องการระดมทุนรถยนต์ไร้คนขับแล้ว ซึ่งอาจเป็นหนทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว

Didi Chuxing แอปเรียกรถแท็กซี่รายใหญ่ของจีน ประกาศทดลองเปิดแพลตฟอร์มให้บริการเรียกรถที่ถือเป็นคู่แข่ง เข้ามาช่วยให้บริการรถยนต์ผ่านแอปได้ด้วย โดยเริ่มทดสอบในเมืองเฉิงตูเป็นแห่งแรก ซึ่งแอปจะสามารถเรียกรถจาก Miaozou บริการแอปรถคู่แข่งที่เน้นทำตลาดในเมืองนั้น

โดย Didi บอกว่าการเปิดให้ผู้ให้บริการแอปเรียกรถเหมือนกันรายอื่น มาเชื่อมต่อบนแพลตฟอร์มของ Didi ได้นั้น ทำให้ Didi เป็นแอปที่มีบริการขนาดใหญ่ขึ้น และรองรับรถยนต์ได้มากที่สุดในประเทศ

Uber ออกบริการเสริมใหม่สำหรับบริการเรียกรถระดับพรีเมียม Uber Black โดยมีคุณสมบัติเพิ่มเติมหลายอย่าง แต่ที่น่าสนใจคือการระบุว่า Quiet Mode ซึ่งเป็นการกำหนดเลยว่าผู้โดยสารต้องการความเงียบ โดยคนขับจะไม่มีการชวนสนทนาใด ๆ (ถึงตรงนี้หลายคนอาจคิดว่า ก็บอกคนขับไปตรง ๆ ก็ได้ ทำไมต้องบอกผ่านแอป)

นอกจากโหมดความเงียบแล้ว คุณสมบัติใหม่เพิ่มเติมที่สามารถระบุไปได้อีก อาทิ แจ้งว่าต้องการให้ช่วยขนกระเป๋าสัมภาระเป็นพิเศษ แจ้งว่าให้ปรับอุณหภูมิรถให้เหมาะสมก่อนเดินทางมารับ แจ้งว่าอาจมาถึงรถยนต์ช้ากว่ากรอบเวลาที่กำหนด ฯลฯ

Uber และ Lyft สองบริการแอปเรียกรถโดยสารในอเมริกา ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกันในวันเดียวกัน เพื่อแก้ไขปัญหาเมื่อผู้โดยสารต้องการเรียกรถจากสนามบินไปจุดหมายปลายทาง แต่ถึงแม้ในสนามบินหลายแห่งจะจัดพื้นที่สำหรับบริการ Ride-Share แบบนี้อยู่แล้ว แต่การที่มีคนใช้แอปเรียกรถเหมือนกัน ยืนรอกันจำนวนมาก ความลำบากก็เกิดขึ้นทั้งฝ่ายผู้โดยสารที่ต้องมองหารถของตนว่าใช่หรือไม่ ในทางกลับกันฝั่งคนขับรถก็เจอปัญหาเดียวกัน ทำให้การจราจรในบริเวณดังกล่าวติดขัด

Uber แอปบริการแชร์รถโดยสารที่เพิ่งไอพีโอเข้าตลาดหุ้นไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยระดมทุนเพิ่มไปได้อีก 8,100 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามวันแรกราคาหุ้นไม่ดีนัก โดยลดจากไอพีโอ 7.6% และเมื่อคืนนี้ก็ลดลงอีกกว่า 10% ถึงแม้จะเริ่มต้นไม่สดใสสำหรับไอพีโอ แต่ที่มูลค่ากิจการล่าสุดกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ ต้องถือว่า Uber เติบโตด้วยมูลค่ากิจการมากทีเดียว

Uber ประกาศราคาหุ้นไอพีโอสุดท้ายก่อนนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กคืนวันนี้ (10 พฤษภาคม 2019) โดยกำหนดราคาหุ้นที่ 45 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากกรอบราคาที่กำหนดไว้ 44-50 ดอลลาร์ ทำให้บริษัทระดมทุนเพิ่มได้จากไอพีโอนี้ 8,100 ล้านดอลลาร์ และมีอีก 500 ล้านดอลลาร์ จากข้อตกลงกับ PayPal ก่อนหน้านี้

ก่อนหน้านี้ Uber ถูกจับตามองว่าจะเป็นไอพีโอหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของปี เนื่องจากบริษัทมีมูลค่ากิจการจากการเพิ่มทุนสูง โดยที่ราคานี้ทำให้ Uber มีมูลค่ากิจการตามราคาหุ้น 82,400 ล้านดอลลาร์ ไม่ถึงแสนล้านอย่างที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้

โซนี่เปิดตัว S.Ride บริการแอปเรียกรถแท็กซี่ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับกลุ่มผู้ให้บริการรถแท็กซี่ในญี่ปุ่น 5 ราย ซึ่งเคยมีข่าวเมื่อปีที่แล้ว

บริการ S.Ride มีให้ใช้บริการเฉพาะในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นแห่งแรก โซนี่ระบุว่าตอนนี้มีแท็กซี่ในแพลตฟอร์มแล้วรวมมากกว่า 10,000 คัน จำนวนนี้อาจยังไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับบริการคู่แข่งแนวเดียวกันในญี่ปุ่นอย่าง JapanTaxi ที่มีรถแท็กซี่ 60,000 คัน แต่เป็นจำนวนทั่วประเทศ

Lyft บริการเรียกรถแท็กซี่เบอร์สองในอเมริกา คู่แข่ง Uber นำบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้นไปเมื่อปลายเดือนที่แล้ว โดยจากราคาหุ้นไอพีโอที่ 72 ดอลลาร์ต่อหุ้น และราคาวันแรกก็ปรับเพิ่มถึง 21% ทุกอย่างนั้นดูสวยดี แต่ราคาหุ้นล่าสุดนั้นร่วงลงมาอยู่ที่ 59.51 ดอลลาร์ หรือลดลงถึง 17% ก็มีคนที่ไม่ถูกใจกับสิ่งนี้

Alibaba, Tencent, ร้านค้าปลีก Suning และผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จีน อาทิ Changan, Dongfeng และ FAW ประกาศร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ด้วยเงินทุน 9,760 ล้านหยวน หรือราว 46,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาธุรกิจแชร์รถโดยสารขึ้นมาในจีน ซึ่งเป็นการแข่งขันกับรายใหญ่อย่าง Didi Chuxing ที่มีส่วนแบ่งการตลาดตอนนี้ถึง 90%

สามผู้ผลิตรถยนต์จะถือหุ้นในบริษัทใหม่นี้รายละ 15% ส่วน Suning จะถือหุ้น 19% ส่วนสองยักษ์ใหญ่ไอที Alibaba กับ Tencent จะถือหุ้นส่วนที่เหลือ เมื่อพิจารณาผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Didi Chuxing ที่มีทั้ง Uber และ SoftBank ก็ถือเป็นการเข้าแข่งขันกับธุรกิจแชร์รถกับรายใหญ่ของจีนและระดับโลกโดยตรง

GET ผู้ให้บริการเรียกรถและรับส่งพัสดุ ที่มีเทคโนโลยีเบื้องหลังคือ Go-Jek จากอินโดนีเซีย ประกาศเปิดให้บริการในไทยอย่างเป็นทางการ หลังทดสอบให้บริการมา 2 เดือน

บริการของ GET ตอนนี้มี 3 บริการคือ GET WIN, GET DELIVERY และ GET FOOD ที่ GET บอกว่ามีร้านอาหารกว่า 20,000 ร้านอยู่บนแพลตฟอร์ม พื้นที่ให้บริการตอนนี้ครอบคลุมราว 80% ของกรุงเทพ โดยในช่วงเปิดตัวตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 7 มีนาคม สามารถใส่โค้ด "WEGETYOU" เพื่อรับส่วนลด 50% ในทุกๆ ครั้งที่เรียกใช้งาน ส่วนค่าบริการ GET FOOD ฟรีจนถึงวันที่ 13 มีนาคมนี้

Pew Research Center ได้ออกผลการศึกษาเกี่ยวกับการใช้บริการเรียกรถในสหรัฐฯ​ ตั้งแต่ปี 2015 โดยจากผลการศึกษาพบว่าคนรู้จักบริการเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้นมาก จำนวนคนใช้บริการก็มากเช่นกัน แต่พบว่าผู้ที่ใช้งานเป็นประจำรายสัปดาห์นั้นยังคงมีจำนวนน้อย

สำหรับผลศึกษาของ Pew ระบุว่า เมื่อถามว่าเคยใช้บริการเรียกรถหรือไม่ ในปี 2015 ยังมีผู้ตอบว่าเคยเพียง 15% แต่ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 36% ในปีที่แล้ว ส่วนคำถามที่ว่าเคยได้ยินคำว่า “บริการเรียกรถ (ride-hailing)” หรือไม่ ในปี 2015 มีผู้ตอบว่าไม่เคยถึง 33% ในขณะที่ปีที่แล้วเหลือเพียง 3%

รัฐบาลจีนเริ่มออกมาตรการเข้มงวดสำหรับบริการเรียกรถ (ride hailing) ในประเทศ โดยผู้ขับจะต้องมีใบอนุญาต 2 ใบ คือ ใบขับขี่ของตัวเอง และใบอนุญาตของรถยนต์เชิงพาณิชย์ ที่แต่ละเมืองก็มีกฎแตกต่างกันไปอีกต่างหาก

กรณีของใบอนุญาตขับขี่ มีความซับซ้อนตรงที่ผู้ขับจะต้องมีใบอนุญาตที่อยู่อาศัย (residency permit หรือ hukou) ในเมืองนั้นๆ ด้วยจึงจะประกอบอาชีพขับรถในเมืองนั้นได้ ซึ่งเป็นปัญหาต่อผู้ขับจำนวนมากที่ย้ายจากเมืองเล็กๆ มาทำงานในเมืองใหญ่และไม่มี hukou นั่นแปลว่าจะกลายเป็นผิดกฎหมายทันที

ส่วนใบอนุญาตใช้งานรถยนต์เชิงพาณิชย์ จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเรื่องประกันและการบำรุงรักษา รวมถึงอนุญาตให้ใช้รถเก่าได้ไม่เกิน 8 ปีเท่านั้น