Rakuten Intelligence บริษัทสำรวจวิจัยตลาดอิสระของ Rakuten อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ญี่ปุ่น เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ในอเมริกาช่วงเทศกาลวันหยุดที่ผ่านมา พบว่าการจัดส่งได้รวดเร็วและตรงเวลา กลายเป็นปัจจัยสำคัญมากขึ้นสำหรับผู้ซื้อ
ข้อมูลพบว่าเว็บไซต์ค้าปลีกดั้งเดิมอย่าง Walmart หรือ Target ทราฟิกจะเพิ่มสูงสุดในวันที่ 10 ธันวาคม หรือประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาส ขณะที่ Amazon ทราฟิกสูงในวันที่ 18 ธันวาคม เนื่องจากผู้ซื้อเชื่อว่าสั่งของ Amazon ไม่กี่วัน ก็ยังได้สินค้าทันเทศกาลวันหยุด แต่ถ้าเป็นค้าปลีกรายอื่นต้องเผื่อเวลามากกว่านั้น
หลังจาก Amazon เข้าซื้อ Whole Foods ก็ทำให้ Instacart สตาร์ทอัพรับฝากซื้อของชำอยู่ในสถานะสับสน เนื่องจาก Instacart มีดีลกับ Whole Foods ทั้งหมด 5 ปี
ล่าสุด Instacart ประกาศอย่างเป็นทางการว่าดีลระหว่าง Instacart กับ Whole Foods นั้นได้ยกเลิกอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะทำให้ Instacart จะนำพนักงานกลุ่มแรก 1,415 คนออกจากสาขา Whole Foods ทั้งหมด 76 แห่งภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า และทางบริษัทคาดว่าจะหางานให้พนักงานเหล่านี้ได้ในร้านค้าปลีกของพาร์ทเนอร์ Instacart ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ที่ทำงานเดิมได้ราว 75%
หลังจาก Amazon ได้ทดลองเปิดร้านสะดวกซื้อแบบไม่ต้องมีพนักงานในชื่อว่า Amazon Go ไปแล้ว Amazon ก็เริ่มมีแผนจะขยายสาขาออกไปให้มากขึ้น ทั้งสาขาในสนามบิน หรือใช้เทคโนโลยีนี้กับพื้นที่ระดับซุปเปอร์มาร์เก็ต
ล่าสุดมีรายงานว่า Amazon ได้เริ่มเปิดสาขา Amazon Go ในอีกรูปแบบ เป็นสาขาขนาดกะทัดรัด มีขนาดเพียง 450 ตารางฟุตเท่านั้น โดยสาขาแบบใหม่สาขาแรกนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่สำนักงานของ Amazon ในเมือง Seattle และยังคงลักษณะของ Amazon Go เช่นเดิม คือผู้ใช้เพียงสแกนสมาร์ทโฟนและเดินเข้าร้าน หยิบของ และเดินออกไปได้เลย จากนั้น Amazon ก็จะหักเงินจากบัญชีที่ผูกไว้
JD.com เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในจีนประกาศร่วมมือกับอินเทล เตรียมตั้งแล็บวิจัยโดยเน้นที่การพัฒนาเทคโนโลยี smart retail โดยจะนำ IoT เข้ามาใช้เพื่อการค้าปลีก
แล็บร่วม JD.com และอินเทลนี้จะเน้นพัฒนาเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ, โซลูชั่นด้านสื่อและการโฆษณา กับเทคโนโลยีที่จะใช้ในร้านค้า อย่างเช่น ชั้นวางของและป้ายราคาอัจฉริยะ, โซลูชั่นการเช็คเอาท์ เป็นต้น ซึ่งอินเทลจะเป็นผู้ช่วยในด้านเทคโนโลยีการคำนวณ ส่วน JD.com จะเน้นเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูล
JD.com อีคอมเมิร์ซรายใหญ่เบอร์สองของจีน ประกาศความร่วมมือกับ Mitsubishi Chemical ของญี่ปุ่น เพื่อสร้างโรงปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจีน พื้นที่ 11,040 ตารางเมตร สำหรับจำหน่ายบนแพลตฟอร์มของ JD.com
โดยโรงเพาะปลูกนี้เป็นการปลูกด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์ในระบบปิด ซึ่งไม่ใช้ดิน และนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาดูแลจัดการ ซึ่งการที่ JD.com เป็นผู้จัดจำหน่าย ได้เข้ามาควบคุมตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำนี้ ทำให้สามารถดูแลคุณภาพสินค้าได้ว่าปลอดภัย มีโภชนาการ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยผักจากโรงเพาะปลูกนี้จะจำหน่ายผ่านช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ของ 7FRESH ซูเปอร์มาร์เก็ตของ JD
Wall Street Journal รายงานว่า Amazon กำลังเริ่มทดสอบระบบร้านค้าปลีกแบบไม่ต้องใช้พนักงานดูแล แบบที่ทำอยู่ตอนนี้กับร้าน Amazon Go แต่ไปในสเกลที่มากขึ้น โดยนำไปใช้กับร้านค้าที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ซึ่งตอนนี้เริ่มทดสอบภายในสำนักงานใหญ่แล้ว
แหล่งข่าวบอกว่า Amazon มีแผนนำเทคโนโลยีมาใช้กับซูเปอร์มาร์เก็ต Whole Foods ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตามถ้าจินตนาการตามก็จะเห็นว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตขายอาหารสดที่ไม่มีพนักงานเลยนั้น น่าจะเป็นการท้าทายข้อจำกัดหลายอย่างมากสำหรับ Amazon เมื่อเทียบกับรูปแบบเดิม Amazon Go ที่ไม่ได้ใช้พื้นที่มากนัก และกลุ่มสินค้าก็ง่ายต่อการจัดการมากกว่า
อันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไป
Walmart เชนร้านค้าปลีกรายใหญ่ของอเมริกา ได้แจ้งผู้ผลิตสินค้ากลุ่ม Smart Home เพื่อจำหน่ายภายในร้าน โดยระบุข้อกำหนดว่าสินค้านั้นต้องรองรับการทำงานร่วมกับ Google Home เสมอ ส่วนการทำงานร่วมกับ Alexa ของ Amazon จะได้หรือไม่ก็ไม่บังคับ แต่หากรองรับ Alexa ด้วย ก็ให้ติดฉลากการรองรับ ไว้ที่ด้านข้างหรือด้านหลังกล่องผลิตภัณฑ์เท่านั้น
ผู้ผลิตสินค้าหลายรายยืนยันว่า Walmart แจ้งข้อกำหนดนี้จริง แถมผู้ผลิตบางรายบอกว่า Walmart ยังแนะนำว่าจะดีมาก หากบริการนั้นไม่ได้รันอยู่บน AWS
Amazon ซื้อกิจการซูเปอร์มาร์เก็ต Whole Foods มาตั้งแต่ปีที่แล้ว และมีการรวมพลังเข้ากับบริการเดิมของ Amazon ต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้มีบริการเดลิเวอรี่สินค้าส่งถึงบ้าน ล่าสุดเป็นการเชื่อมสู่หน้าร้านที่เป็นออฟไลน์มากขึ้น
โดย Amazon จะเพิ่มบริการใหม่สำหรับลูกค้า Prime คือการขับรถเข้าไปรับสินค้าได้ที่ร้าน Whole Foods ซึ่งลูกค้าสามารถกดสั่งสินค้าที่ต้องการผ่านแอป Prime Now ล่วงหน้า จากนั้นจึงขับรถเข้าไปเพื่อรับสินค้าจากพนักงานที่ซื้อสินค้ารอไว้ให้แล้ว และสามารถกำหนดจุดรับสินค้าในพื้นที่จอดรถได้ด้วย
วงการค้าปลีกเป็นอีกสมรภูมิที่กำลังเผชิญกับ digital disruption อย่างรุนแรง โดยความท้าทายจากบริษัทอีคอมเมิร์ซเป็นตัวเร่งให้บริษัทค้าปลีกเก่าแก่ต้องเร่งปรับตัวเพื่ออยู่รอด
กลุ่มเซ็นทรัลเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของยักษ์ใหญ่วงการค้าปลีกที่ปรับตัวอย่างมากในช่วงหลัง โดยเฉพาะการร่วมทุนกับบริษัท JD จากประเทศจีน ตั้งเป็น JD Central เพื่อตอบโจทย์ฝั่งอีคอมเมิร์ซ แต่ในฝั่งที่เป็นห้างสรรพสินค้าก็ต้องปรับตัวเช่นกัน และการนำ "ข้อมูล" มาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน
John Berns ผู้บริหารตำแหน่ง Chief Data Officer ของ Central Group จะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังในงาน Blognone Tomorrow ในหัวข้อ Data in the Transformation of Retail
Walmart เชนร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ของอเมริกา ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับไมโครซอฟท์ เพื่อเปลี่ยนผ่านค้าปลีกสู่ยุคดิจิทัล และเพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยไมโครซอฟท์จะเข้ามาดูแลโซลูชันทั้งหลายโดยเฉพาะคลาวด์ และ AI ด้วย Azure และ Microsoft 365
โดยข้อตกลงระหว่าง Walmart กับไมโครซอฟท์นี้ คือการใช้ผลิตภัณฑ์คลาวด์ทั้งหมดเป็นเวลา 5 ปี รวมทั้งย้ายแอพพลิเคชันสำคัญไปไว้บนคลาวด์ ซึ่งรวมทั้งเว็บไซต์หลักของ Walmart ทั้ง walmart.com และ samsclub.com ที่จะไปอยู่บน Azure
JD.com อีคอมเมิร์ซเบอร์สองของจีน และกูเกิล ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ โดยกูเกิลจะลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของ JD.com ด้วยเงิน 550 ล้านดอลลาร์ (18,000 ล้านบาท) คิดเป็นจำนวนรวม 27.1 ล้านหุ้น ซึ่งความร่วมมือจากทั้งสองบริษัทนั้น มีทั้งการร่วมกันพัฒนาโซลูชันของธุรกิจค้าปลีกเน้นเจาะตลาดทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อเมริกา และยุโรป ซึ่ง JD.com จะช่วยด้านขนส่งและซัพพลายเชน ส่วนกูเกิลจะเป็นด้านเทคโนโลยี
ในความร่วมมือนี้ JD.com ยังบอกว่าจะคัดเลือกสินค้าคุณภาพสูงหลายรายการ เพื่อจำหน่ายผ่านช่องทาง Google Shopping ในบางประเทศด้วย
JD.com อีคอมเมิร์ซเบอร์สองของจีน เปิดเผยว่าบริษัทได้สร้างศูนย์จัดการคำสั่งซื้อสินค้า (Fulfillment) แห่งใหม่ขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ ที่สามารถรองรับคำสั่งซื้อถึง 2 แสนคำสั่งต่อวัน และที่น่าสนใจคือศูนย์จัดการสินค้านี้มีพนักงานเพียงแค่ 4 คน โดยทั้งหมดมีหน้าที่ควบคุมหุ่นยนต์ในศูนย์
ผู้บริหารของ JD.com กล่าวว่าการใช้ระบบอัตโนมัติทั้งหมดเช่นนี้ จะทำให้บริษัทเป็นอีคอมเมิร์ซรายแรกที่สามารถจัดส่งสินค้าได้ทั่วทั้งประเทศจีน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดภายในวันเดียวกับคำสั่งซื้อ (same day) บนเงื่อนไขว่าคำสั่งซื้อต้องเสร็จสิ้นก่อนเวลา 11 นาฬิกา
สำนักข่าว Reuters อ้างแหล่งข่าวจำนวน 6 คน เปิดเผยว่าไมโครซอฟท์กำลังพัฒนาเทคโนโลยี ที่ช่วยให้ตัดขั้นตอนการชำระเงินในแถวจ่ายเงินของร้านค้าได้ ซึ่งคล้ายกับร้าน Amazon Go ที่ตรวจจับดูว่าลูกค้าหยิบสินค้าชิ้นไหนบ้าง แล้วคิดเงินแบบออนไลน์ได้เลย
แหล่งข่าวบอกว่าไมโครซอฟท์ได้สาธิตเทคโนโลยีนี้กับร้านค้าหลายรายแล้วทั่วโลก รวมทั้งเชนค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Walmart ที่แสดงความสนใจเทคโนโลยีนี้และอาจนำมาใช้
หากรายงานข่าวนี้จริง ถือเป็นการขยับที่น่าสนใจของไมโครซอฟท์ ซึ่งปัจจุบันก็ไล่ตาม Amazon อยู่แล้วในบริการคลาวด์ แต่ครั้งนี้มาเป็นการแข่งขันในระบบจัดการสำหรับร้านค้า
ตัวแทนของไมโครซอฟท์และ Walmart ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในข่าวดังกล่าว
Rakuten อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของญี่ปุ่น ประกาศเข้าซื้อกิจการ Curbside สตาร์ทอัพจากซิลิคอนวัลเล่ย์ ด้วยมูลค่าที่ไม่เปิดเผย ซึ่ง Rakuten คาดว่าจะนำผลิตภัณฑ์และบริการของ Curbside มาต่อยอดในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
Curbside เป็นบริการด้าน Mobile Commerce หรือการซื้อสินค้าผ่านมือถือ มีจุดแตกต่างคือโฟกัสที่การเชื่อมต่อข้อมูลกับร้านค้าและร้านอาหาร ผู้ใช้งานสามารถเลือกซื้อสินค้าโดยอ้างอิงจากพิกัดที่อยู่ แล้วสามารถขับรถเพื่อไปรับสินค้าได้ ณ เวลาที่ถึงร้านทันที เนื่องจากฝั่งร้านค้าก็จะมีข้อมูลพิกัดจากลูกค้าว่าใกล้เดินทางมาถึงหรือยัง ปัจจุบัน Curbside มีพาร์ทเนอร์เป็นทั้งห้างค้าปลีกรายใหญ่ และเชนร้านอาหารหลายแห่ง ให้บริการเฉพาะในอเมริกา
Amazon ซื้อกิจการซูเปอร์มาร์เก็ต Whole Foods Markets ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว แต่ยังไม่เห็นการต่อยอดที่ชัดเจนนักนอกจากการลดราคา และนำสินค้า Amazon ไปวางขาย ล่าสุดภาพนี้ก็ชัดเจนขึ้นโดย Amazon ประกาศเตรียมเพิ่มบริการเดลิเวอรี่จัดส่งสินค้า Whole Food ถึงบ้าน
โดย Amazon บอกว่าบริการนี้ให้จะมีผ่านแอพและเว็บ Prime Now เท่านั้น ในเบื้องต้นจะเริ่มให้บริการใน 4 เมือง ได้แก่ Austin (สำนักงานใหญ่ของ Whole Foods), Cincinnati, Dallas และ Virginia Beach แล้วจะขยายไปทั่วอเมริกาภายในปีนี้
Walmart เชนร้านค้าปลีกของอเมริกา และ Rakuten อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของญี่ปุ่น ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ โดยนำความถนัดของแต่ละบริษัทมาให้บริการลูกค้าแต่ละประเทศ
โดยในฝั่งญี่ปุ่น Rakuten ประกาศเพิ่มบริการจัดส่งสินค้าของชำภายในประเทศชื่อ Rakuten Seiyu Netsuper ซึ่งเป็นความร่วมมือกับซูเปอร์มาร์เก็ต Seiyu ที่ตอนนี้มี Walmart เป็นเจ้าของ คาดเริ่มให้บริการได้ในครึ่งหลังของปี 2018
ส่วนที่อเมริกา Walmart จะนำบริการอีบุ๊ก Kobo ของ Rakuten ที่ตอนนี้มีหนังสือกว่า 6 ล้านหัวเรื่อง ไปให้บริการที่นั่นผ่าน Walmart.com รวมทั้งจำหน่ายบัตรซื้ออีบุ๊ก และเครื่องอ่าน Kobo ในร้าน Walmart ด้วย
ในที่สุด Amazon Go ร้านค้าปลีกของ Amazon ที่ลูกค้าเดินเข้าไปหยิบของได้เลยไม่ต้องต่อคิวจ่ายเงิน ก็จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว
ร้านค้าต้นแบบ Amazon Go เปิดที่ซีแอตเทิล ช่วงแรกเปิดให้พนักงาน Amazon ใช้งานก่อน และตั้งใจจะเปิดให้บริการคนทั่วไปในต้นปี 2017 แต่ก็เลื่อนออกไป จนกระทั่งมกราคม 2018 ก็เปิดให้บริการคนทั่วไปแล้ว
เทสโก้ โลตัส ประกาศจัดงานแฮกกาธอน 2018 ให้สตาร์ทอัพ บุคคลจากวงการต่างๆ นิสิต นักศึกษาสมัครเข้ามาฝึกอบรมและประกวดนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมค้าปลีก Lotus Express โดยนวัตกรรมต้องตอบโจทย์ 5 โจทย์สำคัญคือ digital transformation, เทรนด์สุขภาพ, โครงสร้างครอบครัวที่เปลี่ยนแปลง ครอบครัวขนาดเล็กลง การมาถึงของสังคมสูงอายุ, ความสะดวกรวดเร็ว และความยั่งยืน เปิดรับผลงานที่จะเข้าประกวดทุกรูปแบบ เช่น ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ แอพพลิเคชั่น
เราเห็นการบุกสู่โลกร้านค้าปลีกออฟไลน์จากยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซหลายราย ทั้ง Alibaba และ Amazon คราวนี้เป็นของ JD.com อีคอมเมิร์ซเบอร์สองคู่แข่ง Alibaba ในจีน โดยเปิดตัวซูเปอร์มาร์เก็ตไฮเทคชื่อ 7Fresh ในปักกิ่ง
Xiaosong Wang ซีอีโอของ 7Fresh และกลุ่มธุรกิจอาหารสดของ JD.com บอกว่าจุดขายของ 7Fresh คือการจำหน่ายสินค้าระดับพรีเมี่ยมคุณภาพสูง (แฮมจากสเปน, อาหารทะเลจากญี่ปุ่น เป็นต้น) รวมทั้งผสานการจัดการออฟไลน์-ออนไลน์ แบบที่ลูกค้าในจีนไม่เคยเจอมาก่อน ตัวอย่างความล้ำที่ 7Fresh พูดถึง อาทิ
ปี 2015-2016 อาจไม่ใช่ปีที่ดีนักของ Xiaomi (ข่าวเก่า 1, ข่าวเก่า 2, ข่าวเก่า 3) แต่บริษัทกลับมาทำผลงานได้ดีในปี 2017 ทั้งในแง่ยอดขายโทรศัพท์, กลับมาติด Top 5 ของโลก, ขึ้นเบอร์หนึ่งผู้ขายอุปกรณ์ wearable ของโลก, ขึ้นเบอร์หนึ่งผู้ขายสมาร์ทโฟนในอินเดีย คำถามที่น่าสนใจคือ Xiaomi กลับมาประสบความสำเร็จได้อย่างไร
Lei Jun ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Xiaomi ประเมินสาเหตุที่บริษัทย่ำแย่ในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้า ว่าเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งปัญหาเรื่องซัพพลายเชนของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ปัญหาการบริหารภายในองค์กรเอง และโมเดลการขายสมาร์ทโฟนผ่านช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว ที่เริ่มถึงทางตัน
บริษัทจึงใช้โอกาสที่เพลี่ยงพล้ำ ปรับตัวเองใหม่จนกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
ในขณะที่ Amazon มีข่าวแว่วว่าอาจจะรุกตลาดร้านขายยา CVS Health ร้านขายยารายใหญ่ในสหรัฐฯก็ออกเคลื่อนไหวบ้าง เข้าซื้อบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ Aetna ราคาอาจสูงถึง 69,000 ล้านดอลลาร์
ย้อนกลับไปไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ สำนักข่าว CNBC รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวว่า Amazon กำลังอยู่ระหว่างวิจัยตลาดขายยา ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะรุกตลาดทำขายยาออนไลน์
ยอดขายช่วงเทศกาล Black Friday และวันขอบคุณพระเจ้าในช่องทางออนไลน์ที่สหรัฐฯ ประจำปีนี้พุ่งสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ โดยข้อมูลจาก Adobe Analytics ซึ่งคำนวณจากเว็บไซต์ค้าปลีกในหสรัฐฯ ขนาดใหญ่ที่สุด 100 แห่งเผยว่าในปีนี้สามารถทำรายได้ถึง 7.9 พันล้านดอลลาร์ สูงขึ้น 17.9% จากปีที่แล้ว
ทั้งนี้ Adobe ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าในช่วง Cyber Monday นั้น คาดว่าจะมียอดขายทางอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 6.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน่าจะเป็นยอดขายทางออนไลน์ช้อปปิ้งที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ Criteo บริษัททำด้านการตลาดกล่าวว่า ในการขายออนไลน์นั้น 40% เป็นการสั่งซื้อจากโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสูงขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 29%
aCommerce ให้บริการสนับสนุนระบบหลังบ้านแก่บริษัทอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งให้บริการด้านโลจิสติกส์, fulfillment และบริการดิจิทัล แถลงยุทธศาสตร์ตั้งเป้าเป็น One platform, one stop service ให้แก่ลูกค้า และเตรียมลงทุนเพิ่มทุกด้านเพื่อบริการลูกค้าได้แบบ end-to-end
นายพอล ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท aCommerce ระบุว่า อีคอมเมิร์ซมีความซับซ้อน การซื้อขายเกิดขึ้นหลายช่องทางเช่น LINE, Marketplace, Facebook Messenger, เว็บไซต์ เป็นต้น ระบบภายในของแบรนด์ต้องตอบสนองลูกค้าได้ทุกช่องทาง นำมาสู่โมเดลธุรกิจของ aCommerce คือ รวมคอมเมิร์ซเข้าด้วยกัน (Unified Commerce) และสร้างบริการให้ลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบตั้งแต่ให้คำปรึกษาลูกค้า การทำการตลาดไปจนถึงระบบโลจิสติก (full service end-to-end) ด้วยเหตุนี้จึงต้องลงทุนทุกด้านทั้งบุคลากร, เทคโนโลยีคลาวด์ ระบบจัดการในฝ่ายงานปฏิบัติการ โกดัง การจัดซื้อ การขนส่ง
Alibaba ประกาศเข้าซื้อหุ้น 36.16% ในกลุ่ม Sun Art Retail ของจีน คิดเป็นมูลค่าราว 2,880 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 94,000 ล้านบาท) เพื่อเป็นการขยายธุรกิจสู่ร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ให้มากขึ้น
กลุ่ม Sun Art ดำเนินธุรกิจด้านจัดจำหน่ายอาหารในจีน มีร้านค้าระดับไฮเปอร์มาร์เก็ตรวม 446 แห่ง ใน 29 จังหวัดของจีน ภายใต้แบรนด์ RT-Mart (大润发) และ Auchan (欧尚) รวมทั้งร้านค้าปลีกแนวใหม่ที่ไม่ใช้พนักงานชื่อ Auchan Minute
Daniel Zhang ซีอีโอ Alibaba กล่าวว่าพันธมิตรในธุรกิจค้าปลีกครั้งใหม่นี้จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับจีน ตามยุทธศาสตร์ New Retail ที่ผสานเทคโนโลยีดิจิทัลกับร้านค้าออฟไลน์ไว้ด้วยกัน
การใช้หุ่นยนต์ตรวจสอบสินค้าบนชั้นวางในร้านค้าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ยังไม่ได้แพร่ขยายมากจนเห็นได้ทั่วไป ล่าสุด Walmart ขยายสาขาการใช้หุ่นยนต์เช็คสินค้าบนชั้นวางใน 50 สาขาในสหรัฐฯแล้ว
หุ่นยนต์ที่ใช้เป็นของบริษัท Bossa Nova Robotics รูปร่างทรงสี่เหลี่ยม สูงประมาณเอว มีปล่องสูงขึ้นไปเหนือศรีษะซึ่งเป็นความสูลที่พอดีกับชั้นสินค้า มีล้อเลื่อน กล้องและจอมอนิเตอร์ตรงส่วนบน ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวเองไปตามชั้นสินค้า ดูปริมาณสินค้า ตรวจสอบว่ามีสินค้าใดขาดหายไป หรือแม้แต่สามารถตรวจจับการหายไปของสลากสินค้าได้ด้วย โดยระบบจะส่งสถานะสินค้าไปยังแอพพลิเคชั่นเรียลไทม์