หลังจากออราเคิลได้ซันไปครอบครองเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ไอบีเอ็มที่เคยแข่งประมูลซันมาก่อนก็เริ่มดำเนินการแบบแข่งขันทันที ด้วยการเสนอเงิน 4,000 ดอลลาร์ให้กับลูกค้าที่ย้ายระบบจาก SPARC ของซันหรือ Fujitsu มาใช้ชิป Power ของไอบีเอ็ม
ในเครื่องระบบยูนิกซ์ราคาแพงนั้นไอบีเอ็มกับซันยังคงเป้นคู่แข่งที่พอฟัดพอเหวี่ยงกันอยู่ โดยส่วนแบ่งของไอบีเอ็มนั้นมีส่วนแบ่งอยู่ที่ร้อยละ 37 และซันนั้นอยู่ที่ร้อยละ 28 แต่ตลาดนี้กำลังหดตัวไปอย่างต่อเนื่องจากการบุกเข้ามาของชิป x86 และลินุกซ์หรือ Windows Server
ในปีที่แล้ว MIT เคยจัดอันดับให้กราฟีน (Graphene) เป็นหนึ่งในสิบเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง [ข่าวเก่า] ล่าสุดนี้ นักวิจัยจาก MIT ใช้กราฟีนพัฒนาไมโครชิปที่มีความเร็วสัญญาณนาฬิการะดับ 1 เทราเฮิรตซ์ (THz) หรือ 1,000 กิกะเฮิรตซ์สำเร็จแล้ว ซึ่งชิปแบบกราฟีนตัวนี้จะสามารถเพิ่มความเร็วในการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ รวมถึงเพิ่มความเร็วในการขนส่งข้อมูลของโทรศัพท์มือถือได้
แฟนๆ AMD อาจจะเริ่มท้อหลังจาก Core i7 ออกมา ช่องว่างกลับยิ่งห่าง แต่การทดสอบล่าสุดของเว็บไซต์ The Tech Report พบว่าถ้าเอาราคามาหารประสิทธิภาพ ทั้ง Phenom II และ Athlon X2 กลับชนะอินเทลไกล
การทดสอบใช้ซีพียูของอินเทล 10 รุ่น ไล่ตั้งแต่ตัวท็อป Core i7-965 ราคาตัวละ 999 ดอลลาร์ ตามมาด้วย Core 2 Quad ไปจนถึง Core 2 Duo E8400 ราคา 163 ดอลลาร์ ส่วนฝั่ง AMD นั้นมี 7 รุ่น ที่แรงสุดคือ Phenom II X4 940 ราคา 225 ดอลลาร์ และปิดด้วยซีพียูสุดประหยัด Athlon X2 6400+ ราคา 90 ดอลลาร์เท่านั้น
ถ้าใครรำคาญใจว่าเน็ตบุ๊กมันช้ากว่าที่หวัง แถมยิ่งออกรุ่นใหม่ดูเหมือนจะยิ่งช้าลงเรื่อยๆ แล้ว วันนี้มีข่าวดีหลุดมาจากไต้หวันว่าอินเทลกำลังจะวางตลาดอะตอม Atom Z550 ที่ทำงานที่สัญญาณนาฬิกา 2GHz แถมใช้พลังงานสูงสุดเพียง 2.4 วัตต์
Atom Z550 ถูกออกแบบมาให้ทำงานคู่กับชิปเซ็ต US15W ที่รองรับหน่วยความจำ 2GB ภายในมีชิปกราฟิก GMA500 รองรับวีดีโอ 720p มาในตัว กินพลังงานเฉลี่ย 0.8 วัตต์ และสูงสุดที่ 2.3 วัตต์
สถานะระหว่างอินเทลและ NVIDIA ในวันนี้คงเป็นคำนิยามที่ดีของคำว่า "คู่รักคู่แค้น" เพราะแม้จะมีสถานะเป็นพันธมิตรคู่ค้าระหว่างกันอยู่ แต่อีกสถานะระหว่างกันคือคู่แข่งที่ดูเหมือนจะมีตลาดให้ทั้งสองบริษัทต้องเปิดแนวรบกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในงาน Morgan Stanley Technology Conference ทาง NVIDIA โดย Michael Hara ก็ได้ตอบคำถามนักข่าวว่าคำถามที่ว่า NVIDIA จะผลิตซีพียูในตระกูล x86 หรือไม่นั้นที่ถูกต้องแล้วคงต้องถามว่าเมื่อใหร่มากกว่า
Hara ได้ระบุว่า NVIDIA มีความหวังที่จะสร้างคอมพิวเตอร์บนชิปแบบเดียวกับ Tegra ที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM โดยระบบรวมจะต้องมีขนาดเล็กและกินพลังงานต่ำ โดยทาง NVIDIA ยังคงมองไปที่ตลาดอุปกรณ์ขนาดเล็กเช่นเดิม
เมื่อไม่นานมานี้ ไมโครซอฟท์ได้ทดสอบเอาชิป Atom ของอินเทลไปพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า Atom เป็นชิปที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้าและปล่อยความร้อนต่ำ แต่ว่าในเชิงปฏิบัติแล้ว Atom จะเหมาะกับเซิร์ฟเวอร์หรือไม่ ?
แม้จะเงียบๆ ไปบ้างแต่เอเอ็มดีก็การเปิดตัวชิป Phenom II ก็น่าจะช่วยให้แฟนๆ หายคิดถึงเอเอ็มดีกันไปบ้าง
ชิป Phenom II เป็นซีพียูตัวแรกของเอเอ็มดีที่รองรับหน่วยความจำแบบ DDR3 เช่นเดียวกับ Core i7 ของอินเทล แต่ต่างกันที่ Phenom II นั้นทำงานแบบ dual channel ส่วนของอินเทลนั้นเป็น triple channel ทำให้ได้เปรียบเมื่อทำงานกับแอพลิเคชั่นที่ต้องการการใช้งานหน่วยความจำสูงมากๆ
ตัวชิปมีให้เลือกทั้ง AM2+ และ AM3 สำหรับผู้ใช้เดิมที่ใช้เมนบอร์ด AM2+ อยู่แล้วสามารถเลือกอัพเกรดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ แต่ต้องใช้หน่วยความจำแบบ DDR2 ต่อไป
ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 125 ดอลลาร์สำหรับ Phenom II X3 710 และขึ้นไปจนถึง 225 ดอลลาร์สำหรับ Phenom II X4 940 'Black Edition'
หลายคนดูวีดีโอเดโมของ Palm Pre ที่กำลังร้อนแรงสุดๆ ในตอนนี้แล้วอาจจะเห็นว่ามัน "ลื่น" มากเมื่อเทียบกับโทรศัพท์ที่รองรับจอสัมผัสเครื่องอื่นๆ แต่ ArsTechnica ก็มีบทวิเคราะห์ออกมาว่าอายุแบตเตอรี่อาจจะเป็นประเด็นที่ผู้ใช้ต้องกังวลกับเครื่อง Palm Pre
ปัญหาสำคัญคือความแรงของซีพียู TI OMAP3430 ที่ออกแบบไว้สำหรับเน็ตบุ๊กมากกว่าโทรศัพท์มือถือ โดยชิปตัวนี้มีแกนในเป็น ARM Cortex A8 และอาจจะทำงานที่สัญญาณนาฬิกาสูงถึง 1 กิกะเฮิร์ต แถมในตัวชิปยังมี GPU เป็น PowerVR ที่รองรับการเร่งความเร็วทั้งแบบสองมิติและสามมิติ
ข่าวสดๆร้อนๆ และ(น่า)จะร้อนไปถึงอินเทลและลุงสตีฟ จ็อบส์ด้วย เรื่องก็มีอยู่ว่า นายแมทธิว โรเบิร์ต ยัง ได้ยื่นฟ้องศาลสหรัฐฯ โดยนายยังอ้างว่า นายจ็อบส์ได้ขโมยผลงานของนายยังไปให้บริษัทอินเทลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากตน ซึ่งนายยังอ้างว่า ผลงานชิ้นนั้นก็คือต้นแบบของ Intel Core-2 Duo และเทคโนโลยี virtualization ที่อินเทลกำลังขายในท้องตลาด และนายยังได้เรียกร้องค่าเสียหายจากอินเทลและจ็อบส์เป็นเงินถึง 5 พันล้านเหรียญ
ปีหน้าประมาณการกันว่าตลาด Netbook จะอยู่ที่ 30 ถึง 40 ล้านชุด และจนถึงตอนนี้อินเทลยังเป็นผู้ครองตลาดส่วนใหญ่อยู่ แน่นอนว่าค่าย ARM นั้นไม่อยู่นิ่ง ล่าสุด Freescale (เคยเป็นแผนกหนึ่งของโมโตโรล่า) เตรียมออกชิปเซ็ตใหม่สำหรับ Netbook ราคาถูกกว่า 200 ดอลลาร์หรือประมาณ 7000 บาท
ข้อดีของสถาปัตยกรรม ARM นั้นคือการประหยัดพลังงานที่เหนือกว่า x86 อยู่หลายขุม ทาง Freescale เองก็ออกมาระบุว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิปรุ่นใหม่นี้จะทำงานต่อเนื่องได้ถึงแปดชั่วโมง
ARM Cortex A8 นั้นสามารถเลือกรุ่นตามความเร็วได้ตั้งแต่ 600 เมกกะเฮิร์ตไปจนถึง 1.1 กิกะเฮิร์ต และกินไฟตั้งแต่ 300 มิลลิวัตต์ขึ้นไปตามความเร็ว
เราได้รู้จัก Roadrunner กับ Jaguar ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สองระบบที่มีพลังประมวลผลระดับเพตาฟลอป (PetaFLOPS) ไปแล้ว [ข่าวเก่า] สำหรับข่าวนี้ ผมขอนำเสนอโครงการใหญ่ของไอบีเอ็ม ที่กำลังพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์อีกระบบในนามว่า Blue Waters โดยในขณะที่ Roadrunner แชมป์ปัจจุบันมีพลังประมวลผลอยู่ที่ 1.1 เพตาฟลอป ทางไอบีเอ็มตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้ Blue Waters ประมวลผลได้เร็วกว่า Roadrunner อีกหลายเท่า
งานวิจัยจาก Sandia National Laboratories พบว่าการเพิ่มจำนวนคอร์ของซีพียูอย่างรวดเร็ว จนไม่ทันกับแบนด์วิธของหน่วยความจำ กลับทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของระบบช้าลง
ปัญหานี้เป็นปัญหาที่รู้จักกันมาในวงการซีพียูมานานแล้ว มันคือ "memory wall" ซึ่งหลักการง่ายๆ มีอยู่ว่า แบนด์วิธรวมในการประมวลผลของซีพียู (นับทุกคอร์ หรือทุกเธร็ด) จะต้องมีขนาดได้ดุลกับแบนด์วิธการส่งข้อมูลจากหน่วยความจำด้วย ระบบจึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากข่าวเก่า จีนได้ตั้งเป้าผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์พลัง PetaFLOPS โดยใช้โปรเซสเซอร์ Godson (หรืออีกชื่อคือ Loongson) อันเป็นผลิตภัณฑ์ของประเทศจีน โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระบบนี้จะมีชื่อเรียกว่า Dawning 6000 และคาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนา 2 ปี
ในการจัดอันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์โดย TOP500 ครั้งล่าสุด ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จากจีนในนามว่า Dawning 5000A ติดอันดับที่ 10 ของโลก ซึ่ง Dawning 5000A ใช้โปรเซสเซอร์ตระกูล AMD Opteron แต่ทว่าครั้งนี้ ถึงคิวของ Dawning 6000 ที่จะพิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นว่า จีนจะสามารถส่งซูเปอร์คอมพิวเตอร์ตระกูล Godson ไปต่อกรกับ Roadrunner และ Jaguar ได้หรือไม่ ? [ข่าวเก่า]
ถึงแม้ว่า AMD จะมาช้าในตลาด netbook/ultraportable (ข่าวเก่า: เอเอ็มดีเตรียมส่ง Conesus ลงตลาด netbook) แต่บทจะมาก็มาพร้อมกันเป็นชุด นอกจาก Conesus ที่เป็นตัวซีพียูแล้ว AMD ยังเปิดเผยข้อมูลของแพลตฟอร์ม Yukon กับ Congo สำหรับตลาดนี้ด้วยเช่นกัน
Congo เป็นแพลตฟอร์มที่จับตลาดบน (ของ netbook/ultraportable) ประกอบด้วย
Yukon เป็นแพลตฟอร์มระดับรองลงมา
AMD Fusion โครงการ CPU+GPU ซึ่งเป็นความหวังของค่าย AMD นั้นถูกเลื่อนออกไปเป็น "อย่างเร็วที่สุดปี 2011"
นักวิเคราะห์มองว่าการเลื่อนครั้งนี้มีสาเหตุมาจากเทคโนโลยีการผลิต ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ระดับ 45 นาโนเมตรในปัจจุบันนั้นเป็นไปได้ยากที่ Fusion จะถูกและเร็วพอต่อการเป็นไม้เด็ดของ AMD ดังนั้นถ้ายืดเวลาไปถึงช่วงปี 2011 ที่การผลิตระดับ 32 นาโนเมตรเริ่มใช้กันแล้ว อาจส่งผลดีต่อ AMD มากกว่าก็เป็นได้
แผนการระยะยาวคร่าวๆ ของ AMD ถ้าไม่รวม Fusion มีดังนี้
งานนี้คงต้องบอกกับแฟนๆ เอเอ็มดีว่า "มาช้ายังดีกว่าไม่มา" เมื่อทางเอเอ็มดีได้ประกาศซีพียูสำหรับ netbook อย่างเป็นทางการแล้วในชื่อ Conesus ที่จะวางตลาดในไตรมาสแรกของปี 2009
ไม่มีรายละเอียดอะไรมากนัก โดยในตอนนี้สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับมันคือ
เอเอ็มดีวางแพลตฟอร์ม Yukon ใช้คู่กับ Conesus โดยจะมีชิปเซ็ต RS780M และ SB710 จากทาง ATI
ถ้าไม่ใช่โรงงานผลิตเครื่องอย่างเอเซอร์หรือเอชพี ผมว่าเราคงไ้ด้เห็นชิปตัวนี้กันกลางปีหน้า ระหว่างนี้อินเทลคงขายได้อีกสักสองสามล้านชุด
AMD ออกซีพียูตระกูล Opteron แบบ 4 คอร์ที่ใช้การผลิตขนาด 45 นาโนเมตร หรือที่เรารู้จักกันในรหัส Shanghai (เป็นตัวต่อจาก Barcelona ซึ่งผลิตที่ 65 นาโนเมตร)
นอกจาก 4 คอร์กับ 45 นาโนเมตรแล้ว มีของใหม่เพิ่มเติมดังนี้
ตัวเลขของ AMD เทียบกับซีพียูของอินเทลแล้ว บอกว่า
ข่าวร้อนในวงการไอทีตอนนี้ ต้องยกให้เป็นข่าวของ นายมาร์ค เปเปอร์มาสเตอร์ อดีตรองประธานฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีไมโครโปรเซสเซอร์ของยักษ์ใหญ่สีฟ้าไอบีเอ็ม จากการที่เขายื่นใบลาออกจากไอบีเอ็มในวันที่ 21 ตุลาคม ปีนี้ เพื่อไปร่วมงานกับ สตีฟ จ็อบส์ ที่แอปเปิลในเดือนพฤศจิกายนนี้ สาเหตุที่เป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาได้ เพราะไอบีเอ็มได้ฟ้องศาล ในกรณีที่เปเปอร์มาสเตอร์ขัดแย้งต่อสัญญา Non-compete Agreement ว่าด้วยเรื่องการห้ามมิให้เปเปอร์มาสเตอร์ไปทำงานกับบริษัทคู่แข่งหรือทำธุรกิจแข่งกับบริษัทไอบีเอ็ม แม้ว่าลาออกไปแล้ว ผู้ให้สัญญาจะต้องรักษาสัญญานี้อย่างน้อย 1 ปีนับจากวันที่ลาออก
แม้ว่าชาว Blognone จะได้ไปเห็น Core i7 ตัวจริงกันมาแล้ว แต่เรื่องน่าคาญใจสำหรับหลายๆ คนคงเป็นเรื่องที่ไม่มี Benchmark ให้ดูเลยแม้แต่ตัวเดียว ทำให้ไม่รู้ว่าที่ว่าแรงๆ นี่มันแรงกว่าเดิมแค่ไหน
แต่ผลจากนิตยสาร PC World ประจำเดือนพฤศจิกายนก็หลุดออกมาแล้ว และผลที่ได้ก็นับว่าน่าประทับใจพอสมควร โดย Core i7 ทุกตัวมีประสิทธิภาพเหนือกว่า หรืออย่างน้อยๆ ก็เท่ากันกับ Core 2 Extreme QX9770 ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุดในตอนนี้
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือความเร็วของหน่วยความจำที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้มากถึง 12 กิกะไบต์ต่อวินาที และมี latency เพียง 34.3 นาโนวินาที เป็นผลมาจากการรวมชุดควบคุมหน่วยความจำเข้าไปไว้ในตัวชิปเลย
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาถ้าใครได้ไปงาน Intel Blogger Day จะมีตัวเลขหนึ่งที่ได้รู้กันคือกูเกิลนั้นเป็นผู้ใช้ซีพียูในเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองอันดับประมาณ 4 ถึง 5 ของโลกเทียบกับผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์เช่น HP, IBM, Dell ฯลฯ (ตัวเลขที่แน่นอนเป็นความลับ) คำถามเล็กๆ คือด้วยปริมาณขนาดนี้ กูเกิลได้สิทธิอะไรจากอินเทลเป็นพิเศษหรือไม่
คำตอบอย่างไม่เป็นทางการในวันนี้คือชิปที่ทางอินเทลส่งมอบให้กับกูเกิลนั้น สามารถทนความร้อนได้สูงกว่าปรกติประมาณ 5 องศาเซสเซียสโดยไม่มีปัญหาอะไร และด้วยฟีเจอร์นี้กูเกิลสามารถประหยัดค่าไฟเพื่อการทำความเย็นไปได้ปีละหลายล้านดอลลาร์ ทำให้ศูนย์ข้อมูลของกูเกิลนั้นทำงานอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียสแทนที่จะเป็น 22 องศาเช่นศูนย์ข้อมูลทั่วไป
เมื่อหลายปีก่อนนั้น คอมพิวเตอร์มีความเร็วเริ่มที่ 1 เมกะเฮิร์ต (เครื่อง Apple II+) ต่อมาไอบีเอ็มสร้าง PC XT เริ่มที่ 4.77 เมกะเฮิร์ต ในยุคถัดมา PC AT ก็เร็วขึ้นอีกเป็น 6 เมกะเฮิร์ต ขณะนี้ เราใช้เครื่องที่ซีพียูเร็วราว 2-3 กิกะเฮิร์ตกันอยู่ ทุกครั้งที่คอมพิวเตอร์เร็วขึ้นผู้ใช้ก็จะได้ใช้ซอฟต์แวร์ที่รวดเร็วอยู่พักหนึ่งก่อนที่บริษัทจะออกโปรแกรมใหม่ๆ ที่เพิ่มความสามารถ แต่กินแรงเครื่องจนช้าเท่าเดิม อย่างไรก็ตามไม่มีใครห่วงมากนักเพราะสักพัก ซีพียูใหม่ๆก็เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาอีก ทำให้เครื่องเร็วขึ้นเอง ผู้ใช้แค่เก็บเงินไว้เปลี่ยนเครื่องใหม่ๆเป็นระยะก็พอ ในหลายปีที่ผ่านมา วิธีการเพิ่มสัญญาณนาฬิกาแบบเดิมเริ่มไม่ได้ผล ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ความร้อนที่เพิ่มขึ้น ได้กลายเป็นขีดจำกัดที่ยังไม่สามารถ
โลกอินเทอร์เน็ตถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานของความเชื่อใจกันนับแต่วันแรก เราคงจำกันได้กับวันที่เราเคย finger ว่าใครออนไลน์บนเครื่องไหนกันบ้าง เพราะยุคแรกของอินเทอร์เน็ตนั้นมันเป็นช่องทางเชื่อมต่อระหว่างนักวิจัยเป็นหลัก
เมื่อพูดถึง Transmeta คนที่รู้จักคงนึกถึงชิปประหยัดไฟรุ่นแรกๆ ที่วางจำหน่ายในตลาด หรือไม่ก็เป็นที่ทำงานเดิมของ Linus Torvalds แต่หลังจากประสบปัญหาด้านธุรกิจ ต้องเลิกผลิตชิปแล้วหันมาขายเทคโนโลยีอยู่ระยะหนึ่ง ตอนนี้ Transmeta ท่าทางจะไปไม่รอด ประกาศหาผู้ซื้อกิจการซะแล้ว
ในข่าวเดียวกัน Transmeta ยังประกาศสัญญาขายเทคโนโลยีของตัวเองให้กับอินเทล โดยอินเทลจะจ่ายเงินให้ Transmeta ปีละ 20 ล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2009-2013 และจะได้สิทธิบัตรของ Transmeta ไปจนถึงปี 2017
นอกจากอินเทลแล้ว Transmeta ยังเคยขายเทคโนโลยีให้กับ NVIDIA และ AMD ก็มีหุ้นจำนวนหนึ่งใน Transmeta ด้วย
คนแถวนี้มีใครเคยมี Crusoe บ้างไหมครับ?
อินเทลออก Atom 330 ซึ่งเป็นดูอัลคอร์ + HyperThread มาแล้ว
Atom 330 จะต่อยอดมาจาก Atom 230 ตัวเดิมซึ่งเป็นคอร์เดียวแต่มี HT สำหรับประสิทธิภาพนั้นยังไม่มีเบนช์มาร์คออกมาครับ Atom 330 เป็นซีพียูรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับ nettop (หรือจะนำไปใช้กับ desktop ก็ได้) ซึ่งคาดว่าอินเทลจะออก Atom 370 รุ่นสำหรับ netbook ตามมาในไม่ช้า ดังนั้นตลาด netbook จะยังใช้ Atom 270 ตัวปัจจุบันไปจนถึงปลายปี
ระหว่างที่ 370 ยังไม่ออก ก็ต้องจับตาดูว่าคู่แข่งอย่าง VIA และ AMD จะออกซีพียูของตัวเองมาชิงตลาดได้ทันหรือไม่
ส่วนเมนบอร์ดของ Atom 330 จะเป็นรุ่นใหม่คือ D945GCLF2 (เวลาไปซื้อจะเรียกยังไงถูกเนี่ย) เพิ่มฟีเจอร์มานิดหน่อย เช่น สนับสนุน DDR2-667 และ Gigabit Ethernet เป็นต้น
ปล่อยให้แฟนๆ รอกันจนเหนื่อยไปหน่อย ตอนนี้ทางเอเอ็มดีก็เริ่มส่งสัญญาณชีวิตอีกครั้งด้วยการปล่อยโฆษณาแรกของ AMD Fusion ที่ประกาศไว้ตั้งแต่ตอนปี 2006
โฆษณาใหม่นี้นับเป็นการเปลี่ยนแนวทางการโฆษณาไปทั้งหมด โดยแทนที่จะโชว์สเปคของซีพียูว่ามีอะไรดีบ้าง เอเอ็มดีกลับพยายามย้ำกว่าตนเองคือผู้ออกแบบชิปชั้นนำของโลก และกล่าวถึง Fusion ว่าจะเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ใช้ได้อย่างไรบ้าง
เชื่อกันว่า Fusion ตัวแรกที่จะวางจำหน่ายจริงคือตัวที่มีชื่อรหัสว่า Swift ที่มีจุดเด่นคือ