ในงานแถลงข่าวของแอปเปิลวันนี้ แอปเปิลประกาศข่าวที่สำคัญของ Apple TV สองอย่าง
Twitter เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ถ่ายวิดีโอแล้วโพสต์ลงข้อความทวีตเมื่อต้นปีนี้ วันนี้บริษัทขยายความสามารถของมันอีกขั้น ด้วยการเปิดให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถฝังวิดีโอลงบนหน้าเว็บ (แบบเดียวกับวิดีโอ YouTube) ได้โดยตรง
วิธีการใช้งานก็ง่ายๆ คือคลิกที่ไอคอน 3 จุดใต้ข้อความทวีต แล้วเลือกเมนู Embed Video (ที่ขึ้นมาคู่กับ Embed Tweet เดิม) ก็ได้โค้ดมาใช้งาน
ภาพแสดงวิธีการฝังวิดีโอ
Blognone เคยเสนอข้อมูลของ Primetime บริการดูหนังออนไลน์ของไทยที่แยกตัวมาจาก Hollywood HD วันนี้บริษัทแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศรายละเอียดของแพ็กเกจ และพันธมิตรคู่ค้า
ผมได้ไปร่วมงานแถลงข่าวรอบเย็นมาด้วย ได้ข้อมูลมาดังนี้ครับ
จุดเด่นของ Primetime คือเป็นบริการดูหนัง-ซีรีส์แบบสตรีมมิ่ง ที่มีรายการหนังให้เลือกเยอะ หนังมาเร็ว และคุณภาพสูง ทั้งในแง่ภาพ เสียง และคำบรรยาย น่าจะตอบโจทย์คนชอบดูหนังในทุกมิติ
Wall Street Journal รายงานข้อมูลวงในจากกูเกิลว่ารายได้ของหน่วยธุรกิจ YouTube ในปี 2014 อยู่ที่ 4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากยอด 3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2013
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้แม้จะดูเยอะแต่เอาเข้าจริงแล้ว YouTube ยังไม่สามารถทำกำไรได้ โดยเพิ่งอยู่ในระดับ "เท่าทุน" (break even) ปีต่อปีเท่านั้น
Wall Street Journal ระบุว่าปัญหาของ YouTube คือคนส่วนใหญ่ดูวิดีโอแบบ embed ที่ฝังอยู่บนเว็บไซต์อื่น ทำให้โอกาสหารายได้จากโฆษณาลดลง กูเกิลเองก็พยายามผลักดันให้คนเข้าเว็บ YouTube โดยตรงมากขึ้น ผ่านการสร้างรายการออนไลน์ใหม่ๆ ในรายการ YouTube Creators
กูเกิลเปิดตัว YouTube Kids ซึ่งถือเป็นบริการตัวแรกของกูเกิลที่ออกแบบมาจับกลุ่มเด็กเป็นการเฉพาะ กูเกิลบอกว่าทุกวันนี้มีเด็กๆ ทั่วโลกดูคลิปจาก YouTube กันเยอะมาก ทำให้ตัดสินใจสร้างแอพมาช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กๆ กลุ่มนี้
UI ของ YouTube Kids ออกแบบให้เด็กๆ ใช้ง่าย สีสันสดใส ปุ่มใหญ่ ภาพใหญ่ แต่ก็ยังรองรับการค้นหาคลิปด้วยเสียงพูด (กรณีเด็กยังเขียนไม่ได้ พิมพ์ไม่เป็น) ส่วนเนื้อหาวิดีโอจะเน้นไปที่เนื้อหาสำหรับเด็ก โดยแบ่งเป็น 4 หมวดคือ Shows, Music, Learning, Explore
ฟีเจอร์อย่างอื่นของ YouTube Kids คือระบบควบคุมการใช้งานโดยผู้ปกครอง เลือกได้ตั้งแต่จำกัดเวลาใช้งาน, ปิดเฉพาะเสียงไม่ให้เด็กเปิดคลิปรบกวน, จำกัดการค้นหาเฉพาะเนื้อหาสำหรับเด็ก
YouTube เริ่มออกกฎเหล็กบังคับผู้สร้างวิดีโอที่เข้าร่วมโครงการ YouTube Creator โดยปรับแก้เงื่อนไขการโฆษณาว่า ห้ามไม่ให้แสดงโฆษณาเป็นภาพโลโก้หรือผลิตภัณฑ์แบบ overlay ลอยทับบนวิดีโอ เว้นแต่เป็นการหาสปอนเซอร์โดยผ่านกูเกิล (และกูเกิลได้ส่วนแบ่งค่าโฆษณา) หรือแสดงเฉพาะข้อความลิงก์แบบไม่มีกราฟิก (ส่วนโฆษณาที่เป็นส่วนหนึ่งของวิดีโอ เช่น ฉากหลังทำเป็นภาพสินค้า ยังทำได้อยู่)
โฆษกของ YouTube อธิบายเรื่องนี้ว่าเป็นการปรับเงื่อนไขให้ชัดเจนมากขึ้น และช่วยกรองไม่ให้ผู้ชมถูกถล่มด้วยโฆษณาที่ลอยทับบนวิดีโอ ในขณะที่กลุ่มผู้สร้างวิดีโอก็มองว่านี่เป็นการบีบดาราบน YouTube ไม่ให้หาโฆษณาเอง และบังคับให้โฆษณาต้องเข้าระบบของกูเกิลเสมอ
Robert Kyncl หัวหน้าฝ่ายเนื้อหาของ YouTube ไปพูดที่งานสัมมนา Code/Media โดยเผยสถิติว่า YouTube มีอัตราการเติบโตของระยะเวลาชมวิดีโอ (video watch time) ที่ 50% ต่อปีมา 3 ปีติดต่อกันแล้ว ซึ่งอัตราการเติบโตขนาดนี้ถือว่าเยอะมากสำหรับบริษัทที่มีฐานผู้ชมใหญ่อยู่แล้ว
สถิติอีกตัวที่น่าสนใจคือผู้ชม 50% มาจากอุปกรณ์พกพาแล้ว และส่งผลให้รายได้จากอุปกรณ์พกพาโตขึ้น 100% ต่อปีอย่างต่อเนื่องด้วย
Kyncl ยังให้ความเห็นว่าการที่ Facebook หรือ Twitter ลงมาเล่นในตลาดวิดีโอออนไลน์ ถือเป็นเรื่องดีว่าทุกรายมองเห็นความสำคัญของวิดีโอ และช่วยยืนยันว่าโมเดลธุรกิจของ YouTube นั้นถูกต้องแล้ว
USA Today ได้รายงานว่า Google เตรียมปล่อยแอพ YouTube for Kids ให้ได้ใช้งานกันในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้
สำหรับแอพ YouTube for Kids จะแยกตัวออกมาจากแอพ YouTube และหน้าแรกของแอพจะมีเมนูให้เลือก 8 อย่างที่มีเนื้อหาให้กับเด็กๆ รวมถึงช่องที่ได้รับความนิยม เด็กๆ สามารถค้นหาวิดีโอด้วยการพิมพ์หรือใช้เสียงก็ได้ โดยไม่สามารถค้นหาชื่อช่องได้โดยตรงและถ้าค้นหาคำที่ไม่เหมาะสมด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็จะปรากฎข้อความให้ลองค้นหาคำอื่น
YouTube for Kids เปิดให้ใช้งานฟรีบนมือถือระบบ Android เท่านั้น โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในการประชุมงาน Kidscreen 2015 ในอาทิตย์หน้า
ไมโครซอฟท์ออกมาโชว์สถิติของบริการสตรีมมิ่งผ่านกลุ่มเมฆ Azure Media Services ว่าอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการถ่ายทอดการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล Super Bowl นัดชิงชนะเลิศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยสามารถให้บริการสตรีมมิ่งแก่ผู้ชม 1.3 ล้านรายพร้อมกันได้
ไมโครซอฟท์เข้าไปช่วยทำระบบให้กับ NBC Sports Live Extra โดยมีอัตราผู้ชมเฉลี่ยนาทีละ 800,000 ราย ทำลายสถิติเก่าที่เคยทำไว้ 528,000 รายในปีที่แล้ว
เปิดให้ดาวน์โหลดในประเทศไทยมาพักใหญ่ วันนี้ LINE ประเทศไทยจัดการเปิดตัว LINE TV อย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมกับประกาศความร่วมมือกับผู้ผลิตคอนเทนต์ในประเทศไทยอีกหลายแห่งพร้อมกัน
ว่ากันที่ตัวแอพ LINE TV เป็นแอพสำหรับสตรีมภาพยนตร์ ซีรีส์ และเพลงผ่านสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และมีเวอร์ชันเว็บไซต์สำหรับใช้งานบนเครื่องพีซีอีกด้วย และเพื่อโปรโมต LINE TV ในช่วงเปิดตัว ทาง LINE ได้จับมือกับ GTH ถ่ายทำซีรีส์เอ็กซ์คลูซีฟชื่อว่า "STAY ซากะ..ฉันจะคิดถึงเธอ" ที่นำแสดงโดยซันนี่ เพื่อนสนิท และเก้า ฮอร์โมนมาจับคู่กันเป็นครั้งแรก โดยจะเริ่มฉายวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ เวลาสองทุ่มตรง และจะออกตอนใหม่ทุกๆ วันเสาร์
เพื่อไม่ให้ทุกคนพลาดกับวิดีโอใน Instagram (ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอจากเพื่อนหรือแบรนด์) Instagram ก็เลยมีการปรับให้วิดีโอเล่นแบบวนลูป (เหมือน Vine แล้ว)
คาดว่า Instagram ปรับวิดีโอเป็นแบบเล่นวนลูป เพื่อเอาใจบริษัทโฆษณามากขึ้น เพราะมั่นใจได้ว่าผู้ใช้เห็นวิดีโอโฆษณาแน่นอน ใครสนใจกดเล่นก็กดดูได้จากท้ายเบรก
ที่มา - Re/code
ที่ผ่านมา บริการดูหนังออนไลน์ Netflix ยังเปิดบริการเฉพาะในอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตกเท่านั้น แต่ล่าสุดบริษัทก็ประกาศแผนการขยายตลาดในขั้นต่อไปดังนี้
ที่มา - Netflix
SingTel โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของสิงคโปร์ ประกาศเปิดตัวบริการวิดีโอออนไลน์ HOOQ ที่เปรียบได้กับ Netflix แห่งเอเชีย
HOOQ จะให้บริการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อดังและซีรีส์ที่ฉายทางโทรทัศน์แบบสตรีมมิ่งไปยังอุปกรณ์หลากหลายชนิด ประเทศเป้าหมายของ HOOQ คืออินโดนิเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย และไทย โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2015 เป็นต้นไป
สตูดิโอภาพยนตร์ชื่อดังที่ร่วมลงทุนกับ HOOQ คือ Sony Pictures Television และ Warner Bros. Entertainment ที่เข้ามาถือหุ้นรายละ 17.5% (SingTel ถือหุ้น 65%) เบื้องต้น HOOQ จะมีภาพยนตร์และรายการทีวีประมาณ 1 หมื่นเรื่องในช่วงเปิดตัว ชื่อหนังดังที่มีแน่ๆ คือ Spider-Man, Harry Potter, Friends, Gossip Girl
Amazon Studios เริ่มธุรกิจทำทีวีซีรีส์ฉายผ่านเน็ตมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว วันนี้บริษัทประกาศขยับไปทำ "หนังใหญ่ฉายโรง" อย่างเป็นทางการในชื่อ Amazon Original Movies
แผนการทำหนังของ Amazon จะสอดคล้องกับธุรกิจสตรีมมิ่ง Amazon Prime Instant Video โดยลดช่วงเวลาระหว่างการฉายโรงกับฉายออนไลน์ให้มากที่สุด เดิมทีหนังดังๆ มักต้องรอนาน 39-52 สัปดาห์กว่าจะมาฉายบนระบบสตรีมมิ่ง แต่เมื่อ Amazon เป็นเจ้าของหนังเองก็สามารถลดระยะเวลาตรงนี้ได้เหลือ 4-8 สัปดาห์เท่านั้น
เป้าหมายของ Amazon คือสร้างหนังโรงให้ได้ 12 เรื่องต่อปี โดยจะเริ่มสร้างหนังภายในปีนี้
ระบบวิดีโอของ Twitter ที่อัพโหลดผ่าน Twitter โดยตรง จะสามารถแก้ไขและโพสต์วิดีโอได้ (โดยปกติตอนนี้ถ้าผู้ใช้จะแชร์วิดีโอตัวเองใน Twitter จะชอบไปใช้ Vine) แต่ระบบที่สามารถอัพโหลดผ่าน Twitter ได้นั้นจะได้วิดีโอความยาว 20 วินาทีต่อคลิป
ก็น่าจะเป็นอะไรที่ทำให้การเล่น Twitter สนุกมากขึ้น ระหว่างนี้ก็ดูรายละเอียดอื่นๆ จากหน้า FAQ ไปก่อน
ที่มา - Re/code
ในปีที่แล้ว Facebook ได้มีนโยบายเพิ่มความสำคัญแก่วิดีโอที่อัพโหลดใน Facebook มากขึ้น จนทำให้สถิติของการอัพโหลดวิดีโอใน Facebook เปลี่ยนไป โดยที่ตัวเลขของวิดีโอที่ถูกโพสต์ต่อคนเพิ่มขึ้น 75% และ 94% อาศัยอยู่ในอเมริกา และปริมาณวิดีโอใน Facebook เพิ่มขึ้น 3.6 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีคนมากกว่า 50% ที่กลับเข้ามาใน Facebook ทุกวันเพื่อดูวิดีโออย่างน้อยหนึ่งคลิป และมีชาวอเมริกันที่เล่น Facebook 76% ใช้ Facebook เพื่อค้นหาวิดีโอใหม่ๆ อีกด้วย
สถิติที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือยอดวิวกว่า 65% ของวิดีโอนั้นถูกเล่นผ่านโทรศัพท์มือถือ
ภาพยนตร์เจ้าปัญหา The Interview ยังกวาดรายได้จากการฉายผ่านเน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยขยับตัวเลขรายได้จาก 15 ล้านดอลลาร์ในช่วง 4 วันแรก ขึ้นมาเป็น 31 ล้านดอลลาร์แล้ว ยอดการซื้อ-เช่านับเป็นครั้งอยู่ที่ 4.3 ล้านครั้ง (นับสถิติถึงวันที่ 4 มกราคม)
ส่วนรายได้จากการฉายในโรงอยู่ที่ 5 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากจำนวนโรงฉายมีจำกัดมากนั่นเอง
ต้นทุนของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ 44 ล้านดอลลาร์ น่าจะคืนทุนได้ภายในเร็ววันครับ
หลังจากที่ทาง Twitter เคยประกาศว่ากำลังเตรียมรองรับวิดีโอในรูปแบบของวิดีโอทั่วไป (ไม่ใช่คลิปสั้นไม่เกิน 6 วินาทีแบบ Vine) มาถึงตอนนี้ก็เริ่มมีข้อมูลของบริการตัวนี้ออกมาบ้างแล้วครับ
เว็บวิดีโอออนไลน์ Vimeo เคยประกาศไว้เมื่อปีที่แล้วว่าจะรองรับ Chromecast แต่มาถึงตอนนี้มันก็ยังไม่เกิดขึ้น จนหลายคนอาจคิดว่า Vimeo ล้มเลิกแผนนี้ไปแล้ว
เว็บไซต์ GigaOm มีโอกาสสัมภาษณ์ Andrew Pile ซีทีโอของ Vimeo ซึ่งเขายืนยันว่าบริษัทยังจะรองรับ Chromecast อย่างแน่นอน เพราะผู้ใช้เรียกร้องเข้ามามาก แต่เขาก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจะเสร็จเมื่อไร
ที่มา - GigaOm
เมื่อต้นปีผมเคยเขียนถึง Hollywood HD บริการดูหนังออนไลน์ที่ต้องการเป็น Netflix เมืองไทย ไปแล้วครั้งหนึ่ง ความคืบหน้าหลังจากนั้นคือทีมงานบางส่วนของ Hollywood HD มีทิศทางการทำงานที่แตกต่างไปจากเจ้าของทุน จึงแยกตัวออกมาตั้งบริษัทใหม่ชื่อ PrimeTime Solution
จากนั้น PrimeTime Solution ได้รับเงินลงทุนจากบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด เจ้าของร้านขายแผ่นหนังแบรนด์ DNA ในบ้านเราตามที่ Blognone เคยรายงานไปแล้ว
นอกจากมือถือแล้ว Xiaomi ยังเริ่มขยายตลาดไปยังทีวี โดยมีผลิตภัณฑ์อย่างสมาร์ททีวี Mi TV และกล่องเซ็ตท็อป Mi Box ทำตลาดได้สักพักแล้ว
แต่ตลาดทีวีจำเป็นต้องมีคอนเทนต์รองรับ (แบบเดียวกับที่แอปเปิลมี iTunes Store หรือกูเกิลมี Google Play Movies & TV) ล่าสุด Xiaomi จึงประกาศว่าจะลงทุนด้านวิดีโอออนไลน์มูลค่าถึง 1 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังไม่บอกรายละเอียดว่าจะทำอย่างไรบ้าง
ตลาดสมาร์ททีวีในจีนมีคู่แข่งทั้ง Baidu TV+ ที่มีข้อตกลงกับเว็บวิดีโอรายใหญ่ในจีน และ Alibaba Smart TV ที่มีเนื้อหาด้านช็อปปิ้งในสังกัดของตัวเองสนับสนุนอยู่
จากที่เคยมีข่าวลือว่า Yahoo! จะเน้นฟีเจอร์ด้านวิดีโอของ Tumblr มากขึ้น วันนี้เราเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงแล้ว โดย Tumblr ปรับวิธีการแสดงผลวิดีโอดังนี้
บริการรับชมภาพยนตร์ในบ้านแบบบอกรับสมาชิกที่อเมริกากำลังมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อ HBO ผู้ให้บริการช่องภาพยนตร์รายใหญ่ประกาศเตรียมให้บริการแบบออนไลน์โดยเฉพาะ โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปี 2015 ซึ่งทาง HBO กำลังอยู่ในช่วงศึกษารูปแบบราคาและวิธีการรับชมร่วมกับพาร์ทเนอร์
ที่ผ่านมา HBO ถือเป็นผู้ให้บริการในรูปแบบดั้งเดิมที่เติบโตจากการขายช่องผ่านเคเบิ้ลทีวี แม้จะมีบริการออนไลน์ HBO Go อยู่ด้วย แต่ลูกค้าก็ต้องเป็นสมาชิกเคเบิ้ลทีวีอยู่ก่อนเท่านั้น แตกต่างจาก Netflix ที่ให้บริการแบบออนไลน์อย่างเดียว ซึ่งตัวเลขไตรมาสที่ผ่านมา Netflix ก็มีรายได้แซง HBO แล้ว สะท้อนแนวโน้มใหญ่ที่กำลังเปลี่ยนไปของการชมทีวีแบบเสียเงินค่าสมาชิก
SoftBank ยักษ์ใหญ่วงการไอที-โทรคมนาคมจากญี่ปุ่น ซื้อกิจการ DramaFever เว็บสำหรับดูซีรีส์ออนไลน์จากเกาหลีใต้
DramaFever ก่อตั้งในปี 2009 โดยเริ่มจากการเป็นเว็บสำหรับดูซีรีส์เกาหลี จากนั้นจึงขยับขยายเป็นรายการทีวีจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และมีข้อตกลงทางธุรกิจดึงรายการบางส่วนจาก Hulu, Netflix, Amazon, iTunes ปัจจุบันมีผู้ชมเฉลี่ยเดือนละ 20 ล้านราย
แผนการซื้อกิจการรอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ SoftBank ที่ผันตัวออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น โดยผู้ดูแลการซื้อกิจการรอบนี้คือ Nikesh Arora อดีตหัวหน้าฝ่ายธุรกิจของกูเกิลที่ย้ายไปอยู่กับ SoftBank
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อต้นปีเราเห็นข่าวลือว่ายาฮูกำลังทำเว็บฝากวิดีโอมาสู้กับ YouTube? โดยชักชวนผู้ผลิตรายการดังๆ บน YouTube ให้ย้ายมาอยู่กับยาฮูแทน
ล่าสุดเริ่มมีรายละเอียดของแผนการนี้ออกมาเพิ่มเติมว่า ยาฮูเตรียมปั้น Tumblr เป็นแหล่งรวมวิดีโอจากดาราออนไลน์ดังๆ ที่ดึงตัวมาจาก YouTube แทนการสร้างเว็บวิดีโอแห่งใหม่ขึ้นมาจากศูนย์
เหตุผลของการใช้ Tumblr คงมาจากฐานผู้ใช้จำนวนมาก แถมยังเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมดูวิดีโอออนไลน์อยู่แล้ว นอกจากนี้ Tumblr ยังมีฟีเจอร์เชิงโซเชียล เช่น การติดตาม (follow/subscribe) และการแชร์บล็อก (reblog) ซึ่งช่วยกระจายเนื้อหาเชิงไวรัลได้ง่าย