คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ตามรัฐธรรมนูญปี 40 กำหนดให้ประเทศไทยต้องมีองค์กรกำกับดูแลคลื่นความถี่ 2 องค์กรคือ กทช. และ กสช. ซึ่งสามารถตั้งสำเร็จได้แค่ กทช.
พอมาถึงรัฐธรรมนูญปี 50 ได้แก้ปัญหานี้โดยระบุว่ามีเพียงองค์กรเดียวคือ กสทช. ซึ่งจำเป็นต้องมี พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูและวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ... ซึ่งปัจจุบันผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และอยู่ในชั้นของวุฒิสภา โดย พ.ร.บ. ฉบับนี้กำหนดให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าของคลื่นความถี่ (เช่น ทหาร หรือรัฐวิสาหกิจ) ต้องคืนสิทธิ์ความเป็นเจ้าของคลื่นมาให้ กสทช. เพื่อจัดสรรคลื่นความถี่ใหม่ด้วยการประมูล
หลังจากภารกิจของ กทช. ขาดช่วงไประยะหนึ่ง เพราะคณะกรรมการชุดก่อนหมดวาระ ต้องจับฉลากออกและสรรหากรรมการใหม่บางส่วน ตอนนี้คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เรียบร้อย พร้อมทำงานต่อ
วันนี้ (2 มี.ค.) เป็นวันเริ่มงานวันแรกของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมชุดใหม่ ซึ่งก็ไฟแรงเริ่มประชุมทันที สิ่งที่ กทช. ชุดใหม่ได้ประกาศต่อสื่อคือ จะเร่งการออกใบอนุญาต 3G, WiMax รวมถึงติดตามการดำเนินงานของ number portability ด้วย ในกรณีของ 3G นั้นคาดว่าภายใน 3 เดือนจะสามารถเริ่มเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาได้
คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานคณะกรรมการ) มีมติ มอบหมายให้ กทช. หารือกับสำนักงานกฤษฎีกา พิจารณาข้อกฏหมาย เกี่ยวกับอำนาจของ กทช. ในการออกใบอนุญาต 3G โดยสำทับว่า ถ้ามีข้อขัดข้อง จะเชิญคณะกรรมการกฤษฎีกามาชี้แจงในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรี
สรุปแล้วคือ รัฐบาลสั่งให้ กทช. ไปดูข้อกฏหมายเพิ่มนั่นเอง ทั้งๆที่เคยประกาศว่าเรื่องการทำ 3G ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ กทช. (ดูได้ในข่าวเก่าด้านล่าง) และ กทช. ก็ทำประชาพิจารณ์กันมานานแล้ว
เหตุ 3G ไม่คืบ กทช. อ้าง ถูกโจมตีว่าเปิดประมูลใบอนุญาต 3G เร็วเกินไป ซัดองค์การโทรศัพท์ การสื่อสาร และการคลัง ต้นเหตุทำชาติเสียผลประโยชน์
จากงานสัมมนา "โอกาสและอุปสรรค 3จี ในประเทศไทย" ซึงจัดโดยหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น นายเศรษฐพร คูศรีพิทักษ์ กรรมการคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติกล่าวว่า การเปิดบริการ 3G ยืดเยื้อมานานทำให้ประเทศชาติเสียหายมาก แต่ กทช. กลับถูกตั้งข้อสงสัยที่มีการรีบเร่งประมูลเมื่อกรรมการบริหารส่วนหนึ่งกำลังจะพ้นวาระ
จากประเด็นข้อกฎหมายอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และการขยายกรอบเอกชนเพื่อยื่นเอกสาร ส่งผลให้การประมูล 3G เลื่อนไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2553
นายเศรษฐพร คูศรีพิทักษ์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช) กล่าวว่าคณะกรรมการของกทช. จะหารือและทำหนังสือยื่นสอบถามประเด็นข้อกฎหมายไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน และศาลรัฐธรรมนูญเพื่อชี้กฎหมายแทนการถามกฤษฎีกา และการขยายกรอบระยะเวลาของการส่งเอกสารเข้าร่วมประมูล 3G ของเอกชนที่อาจขยายเป็น 45 หรือ 60 วัน จะส่งผลให้การเปิดประมูลต้องเลื่อนออกไปปีหน้า จากเดิมที่กำหนดไว้ปลายปี 2552
หลังจากมีข่าวไปว่ากระทรวงไอซีทีไม่พอใจที่ กทช. เขียนเงื่อนไขการประมูลความถี่ 3G จำกัดไม่ให้ทีโอทีและ กสท (ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่กระทรวงการคลังถือหุ้น 100% ทั้งคู่ แต่อยู่ใต้การกำกับดูแลของไอซีที) เข้าร่วมประมูล และส่งผลให้ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เข้าร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) เพื่อให้เลื่อนการประมูล 3G ออกไป
คำตอบของนายกฯ คือขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ กทช. และการประมูล 3G ไม่ควรล่าช้าไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะมีผลต่อเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ถ้าช้าอีกควรเลิกใช้ 3G ไปเลย และมองไปถึงเทคโนโลยีที่ใหม่กว่านั้นแทน
หลังจากที่รอกันมานานแสนนาน ทาง กทช. ได้ออกมาบอกว่าภายในสามเดือนหลังจากนี้ ผู้ใช้สามารถที่จะเปลี่ยนเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยเก็บหมายเลขเดิมที่ใช้อยู่ได้แล้ว
แต่ AIS ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดของประเทศกลับบอกว่าระยะเวลาสามเดือนนั้นเป็นไปไม่ได้ทางปฏิบัติ เพราะว่าผู้ให้บริการยังจำเป็นที่จะต้องทำความรู้จักกับระบบการโอนเลขหมาย รวมไปถึงการติดตั้งและทดสอบซอฟต์แวร์ต่าง ๆ และปรับปรุงแก้ไขข้อตกลงการให้บริการลูกค้าอีกด้วย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทาง กทช.เองก็ได้บอกว่าหลังจากเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป หากผู้ให้บริการไม่ยอมโอนเลขหมายให้ตามที่ผู้บริโภคต้องการอาจจะต้องได้รับโทษ
ใกล้เข้ามาแล้วครับกับประกาศการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Number Portability: MNP) หนึ่งในแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคมฉบับที่ 2 (พ.ศ.2551-2553) ล่าสุดทาง กทช. ได้เปิดให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างประกาศหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่แล้ว ภายหลังจากที่ข่าวเงียบหายไปนานตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ในร่างประกาศจะมีการเขียนถึงขั้นตอนปฏิบัติของผู้ให้บริการและของผู้ใช้บริการว่าถ้าหากต้องการเปลี่ยนผู้ให้บริการจะต้องทำอย่างไรบ้างและกรณีใดบ้างที่ไม่สามารถทำการโอนเลขหมายได้ ผมขอสรุปสั้นๆ ในประเด็นสำคัญไว้ดังนี้
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ของฟิลิปปินส์ ประกาศว่าจะให้เวลาแก่บริษัทโทรคมนาคมภายในประเทศ 10 วันเพื่อยื่นแบบร่างคำขอเข้าร่วมการประมูลใบอนุญาตให้บริการสื่อสารไร้สาย 3G เป็นรายที่ 5 ของประเทศ ทั้งนี้เนื่องจาก กทช.ฟิลิปปินส์ จะนำร่างหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้ใบอนุญาต 3G ใหม่มาใช้แทนหลักเกณฑ์เดิมที่เป็นระบบการให้คะแนนเต็ม 30 คะแนน (30-point ranking system) โดยหลักเกณฑ์ใหม่กำหนดให้ผู้เข้าร่วมประมูลต้องผ่านการพิจารณาทั้งด้านกฎหมาย การเงิน และเทคนิค
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (NTC) หรือ กทช. ของฟิลิปปินส์ เตรียมประกาศใช้กฎเกณฑ์และระเบียบใหม่เพื่อบริหารจัดการการต่อเชื่อมโครงข่ายระหว่างกัน (interconnection) ของบรรดาผู้ให้บริการโทรคมนาคมของประเทศราวมกราคม 2552 เพื่อพยายามลดหรือจำกัดการดำเนินการต่างๆที่ปิดกั้นการแข่งขันกันและส่งเสริมให้เกิดความโปร่งใสในแนวทางปฏิบัติของผู้ให้บริการโทรคมนาคมด้วยกันเอง
นาย ยอร์จ วี. ซาเมียนโต (Jorge V Sarmiento) รองคณะกรรมการฯ เปิดเผยว่า สำนักงานได้จัดทำรายละเอียดของกฎเกณฑ์ใหม่เสร็จแล้วซึ่งบังคับบรรดาผู้ให้บริการโทรศัพท์ทุกรายยินยอมให้ผู้ให้บริการรายอื่นสามารถเข้าถึงโครงข่าย สิ่งอำนวยความสะดวก ระบบ และลูกค้าของตนได้ตามข้อบังคับและเงื่อนไขที่กำหนดไว้