ถึงข่าวใหญ่ของแอปเปิลวันนี้จะเป็นเรื่องการลาออกของ Jonathan Ive แต่ก็มีข่าวสำคัญอีกเรื่องหนึ่งด้วย โดย Eddy Cue หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์และบริการอินเทอร์เน็ตของแอปเปิล ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อฝรั่งเศส บอกว่า Apple Music มีผู้สมัครใช้บริการทะลุ 60 ล้านคนแล้ว
ตัวเลขที่เคยมีรายงานก่อนหน้านี้คือ 50 ล้านคน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ใช้งานแบบเสียเงินของ Apple Music ก็ยังห่างจาก Spotify ที่ตัวเลขล่าสุดคือ 100 ล้านคน พอสมควร แต่ด้วยอัตราเติบโตที่สูงนี้ Apple Music ก็น่าจะเข้าใกล้ Spotify ในเวลาไม่นานนัก
ที่มา: TechCrunch
Spotify เปิดตัวเพลย์ลิสต์ใหม่เรียกว่า Your Daily Drive เริ่มต้นเฉพาะผู้ใช้ในอเมริกาก่อน โดยเพลย์ลิสต์นี้จะมีรูปแบบเหมือนการฟังรายการทางวิทยุ ประกอบด้วยเพลง เพลงใหม่แนะนำ และรายการข่าวขนาดสั้นที่แทรกเป็นระยะ จึงเป็นเหตุผลว่า Spotify ตั้งชื่อเพลย์ลิสต์นี้ว่า Daily Drive เพราะออกแบบมาสำหรับฟังเวลาขับรถ
ทั้งนี้เนื้อหารายการข่าวจะนำมาจาก Podcast โดยเบื้องต้นมีสำนักข่าวอย่าง The Wall Street Journal, NPR และ Public Radio International ที่จะผลิตเนื้อมาลงให้ โดยมีการอัพเดตทุกวัน
เห็นได้ว่า Spotify ยังคงให้ความสำคัญกับ Podcast ต่อเนื่องตามกลยุทธ์ล่าสุดของบริษัท ซึ่งล่าสุดก็คือการนำมาแทรกในเพลย์ลิสต์แบบใหม่นี้นั่นเอง
Bloomberg รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวภายในว่าบริษัท ByteDance ผู้อยู่เบื้องหลังแอพ Tik Tok กำลังซุ่มทำแอพสตรีมมิ่งเพลง และมีรายงานด้วยว่าทาง ByteDance ได้ลิขสิทธิ์จากค่ายเพลงใหญ่ในอินเดียแล้วคือ T-Series และ Times Music ยังไม่มีรายละเอียดเรื่องราคา แต่คาดว่าถูกกว่า Spotify และ Apple Music
ถือเป็นอีกก้าวที่น่าสนใจ เพราะ Tik Tok มีฐานผู้ใช้งานมาก ในจีนก็เป็นแอพโซเชียลที่มาแรงเป็นคู่แข่ง WeChat ของ Tencent ได้ เป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนฐานผู้ใช้งานที่ใช้ฟรีให้กลายมาเป็นลูกค้าเสียเงิน
Music Business Worldwide รายงานว่าตอนนี้ Amazon กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบสตรีมมิ่งเพลงความละเอียดสูงซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ TIDAL โดยคาดว่าจะเปิดตัวบริการใหม่ได้ภายในช่วงท้ายปีนี้
บริการใหม่จาก Amazon นี้ คาดว่าจะเก็บค่าใช้บริการราว 15 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยชูจุดขาย “คุณภาพดีกว่าซีดี” ซึ่งแน่นอนว่าบริการใหม่นี้จะเป็นคู่แข่งกับ TIDAL ทันที ซึ่งล่าสุด Amazon ก็เพิ่งเปิดให้บริการ Amazon Music แบบฟรีมีโฆษณาสำหรับผู้ใช้ Echo หมายความว่าหากเปิดบริการนี้จริง ก็จะเท่ากับ Amazon มีบริการสตรีมมิ่งแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ฟรี, จ่ายเงิน ไปจนถึงพรีเมียมคุณภาพเสียงดี เป็นคู่แข่งกับทั้ง Pandora, Spotify, Apple Music และ TIDAL
หลังจากลือมาสักระยะ วันนี้ Amazon ก็ได้เปิดตัวบริการสตรีมมิ่งเพลงแบบฟรีมีโฆษณาอย่างเป็นทางการแล้วในสหรัฐฯ เพิ่มเติมจาก Prime Music และ Music Unlimited เพื่อผู้ใช้อุปกรณ์ Alexa โดยเฉพาะ
Amazon ระบุว่า ผู้ใช้สามารถสั่งเล่นเพลงจากอุปกรณ์ที่มีระบบผู้ช่วยส่วนตัว Alexa ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งเล่นเพลงตามศิลปิน, ยุค, หรือเพลย์ลิสต์ โดยถ้าผู้ใช้ไม่ได้สมัครสมาชิก Prime จะมีโฆษณา แต่ถ้าสมัครสมาชิก Prime ไว้แล้วก็จะเป็น Prime Music โดยอัตโนมัติ (คือไม่มีโฆษณาแสดง) ส่วนไลบรารีก็จะใช้แบบเดียวกับ Prime Music คือมีเพลงอยู่ราว 2 ล้านเพลง (ส่วน Music Unlimited มีเพลงราว 50 ล้านเพลง)
Google และ Amazon ประกาศพร้อมๆ กันว่าผู้ใช้งานลำโพงอัจฉริยะ Google Home และ Amazon Echo สามารถฟังเพลงสตรีมมิ่งจากแพลตฟอร์มของบริษัทได้ฟรีไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อใช้บริการสตรีมมิ่งรายเดือนเพิ่มถ้าไม่อยากจ่าย
กล่าวคือ ผู้ใช้ Google Home ฟังเพลงจาก YouTube Music ส่วนผู้ใช้ลำโพง Amazon Echo ก็ฟังเพลงจาก Amazon Music ได้ฟรีเช่นกัน แต่มีโฆษณาทั้งคู่ และยังไม่สามารถควบคุมเพลงได้เหมือนเวอร์ชั่นเสียเงิน ดังนั้นเมื่อผู้ใช้ใช้งานจึงสามารถเลือกเพลงได้เป็นชนิดเท่านั้น เช่น เพลงป๊อบ เพลงลาติน เพลงดังตอนนี้ เป็นต้น
แหล่งข่าวของ Billboard รายงานว่า Amazon กำลังเตรียมหารือเกี่ยวกับบริการสตรีมมิ่งเพลงแบบฟรีมีโฆษณา เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีบริการสตรีมมิ่ง Prime Music และ Music Unlimited ที่เป็นบริการสตรีมมิ่งแบบเสียเงิน
การเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งใหม่ของ Amazon นี้ นอกจากแข่งขันกับ Spotify โดยตรงแล้ว ก็ยังมีจุดประสงค์เพื่อเป็นบริการเสริมให้ผู้ใช้ลำโพงอัจฉริยะ Amazon Echo สามารถเปิดเพลงฟังได้เลย ไม่ต้องสมัครสมาชิกหรือจ่ายเงินก่อน แต่จะจำกัดการเข้าถึงเพลงที่ไม่เหมือนบริการเสียเงิน และมีโฆษณาด้วย
The Wall Street Jounral รายงานว่าบริการฟังเพลง Apple Music มีจำนวนผู้ใช้งานล่าสุดในอเมริการวม 28 ล้านบัญชี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และแซงหน้า Spotify ที่มีอยู่ 26 ล้านบัญชีไปเรียบร้อยแล้ว
ประเด็นที่ WSJ ให้จับตาคืออัตราการเติบโต ซึ่ง Apple Music มีตัวเลขที่สูงกว่า Spotify มาระยะหนึ่งแล้ว อย่างในอเมริกา Apple Music มีผู้ใช่แต่ละเดือนเพิ่มขึ้นราว 2.6-3% ส่วน Spotify อยู่ที่ 1.5-2% ทำให้ถึงจุดหนึ่ง Apple Music ก็สามารถแซงได้ และแนวโน้มนี้ก็เป็นเช่นกันในภาพรวมผู้ใช้ทั่วโลก คือ Apple Music ราว 2.4-2.8% เทียบกับ Spotify ที่ 2-2.3% แต่ห่างกันน้อยกว่า
Groove Music บริการฟังเพลงออนไลน์ของไมโครซอฟท์ที่หยุดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2017 โดยยังคงเหลือแอพ Groove ไว้ให้ใช้งาน ในฐานะแอพฟังเพลงพื้นฐานของ Windows 10 กำลังจะถูกลดทอนความสามารถอีกครั้งหลังสื้นเดือนมีนาคมนี้
จากข้อมูล FAQ บนเว็บสนับสนุนของไมโครซอฟท์ ได้มีการประกาศยุติให้บริการสตรีมเพลงจาก OneDrive ภายหลังจากวันที่ 31 มีนาคม 2019 ซึ่งจะส่งผลให้แอพ Groove และเกม Forza Horizon 3 ที่ใช้บริการดังกล่าว ไม่สามารถสตรีมเพลงออนไลน์จาก OneDrive ได้อีกต่อไป
ตอนนี้ Spotify กำลังเริ่มทดสอบแพลนสมัครสมาชิกแบบคู่หรือ Premium Duo สำหรับผู้ใช้ที่อยู่ร่วมกันสองคน ซึ่ง Premium Duo นี้จะคิดราคา 12.49 ยูโรต่อเดือน ถูกกว่าซื้อ Premium แยกรายคนที่ 9.99 ยูโรต่อเดือน และ Family Plan ที่ 14.99 ยูโรต่อเดือน โดยมีคำเตือนว่าสมาชิกคู่นี้จะต้องอยู่ร่วมกันเท่านั้น
นอกจากเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกลงแล้ว Spotify Premium Duo ยังมีฟีเจอร์เฉพาะอย่างเช่น Duo Mix เพลย์ลิสต์ที่สร้างจากเพลงที่คู่สมาชิกชอบ, แชร์ไลบรารีของเพลงที่บันทึกไว้ทั้งหมด และ Duo Hub สำหรับจัดการการบัญชีและการตั้งค่า ซึ่งตอนนี้ Premium Duo ยังคงทดสอบอยู่ในโคลัมเบีย, ชิลี, เดนมาร์ก, ไอร์แลนด์ และโปแลนด์เท่านั้น
Spotify ประกาศปรับปรุงเพลย์ลิสต์แบบที่มีทีมงานคอยคัดเลือกเพลง (curated) โดยเพลงที่ถูกเลือกมาปรากฏในเพลย์ลิสต์นั้น จะแสดงผลแตกต่างกันไปในแต่ละคน ให้เข้ากับแนวทางการฟังเพลงของผู้ใช้คนนั้นมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ Spotify จะมีเพลย์ลิสต์แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ เพลย์ลิสต์แบบที่มีทีมงานคอยคัดเลือกเพลงเข้าออกเป็นระยะ (เช่น Songs to Sing in the Car) กับเพลย์ลิสต์แบบที่คัดเลือกด้วยโปรแกรมให้เข้ากับผู้ใช้แต่ละคน (เช่น Your Release Radar) การปรับปรุงเพลย์ลิสต์นี้ ทำให้เพลย์ลิสต์เดิม ยังใช้คนคัดเลือกเพลงต่อไป แต่เพลงจะถูกเลือกแสดงผลด้วยการคัดเลือกด้วยโปรแกรมอีกทีนั่นเอง
Spotify เริ่มแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อตัวบล็อกโฆษณามากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดทางบริษัทได้อัพเดตข้อตกลงการใช้บริการใหม่ที่กำหนดว่าผู้ที่ใช้ตัวบล็อกโฆษณากับ Spotify อาจถึงขั้นถูกระงับบัญชีได้
Spotify ระบุว่าหากผู้ใช้หลีกเลี่ยงหรือบล็อกโฆษณาใน Spotify หรือสร้างและกระจายเครื่องมือที่ออกแบบมาให้บล็อกโฆษณาใน Spotify อาจทำให้ผู้ใช้ถูกระงับบัญชี Spotify ได้ทั้งแบบชั่วคราวและถาวรได้ในทันที
Genius เว็บไซต์บริการเนื้อเพลงและข้อมูลเพลง ประกาศความร่วมมือกับบริการฟังเพลงสตรีมมิ่ง Apple Music เพื่อนำเนื้อเพลง และข้อมูลเพลงที่น่าสนใจ มาแสดงผลสำหรับผู้ใช้ Apple Music
ก่อนหน้านี้ Genius ก็ประกาศความร่วมมือกับ Spotify ในการนำเนื้อเพลงไปใส่ในแพลตฟอร์ม จึงเท่ากับว่า Genius สามารถเป็นพันธมิตรได้ทั้งสองข้างที่เป็นคู่แข่งกัน
ที่น่าสนใจสำหรับดีลนี้คือ Genius เองก็ประกาศว่า ตัวเล่นเพลงหลักในเว็บและแอปของ Genius จะเปลี่ยนมาใช้ Apple Music ทั้งหมด เพื่อเชื่อมต่อการทำงานร่วมกันนั่นเอง
ที่มา: Genius
Tencent Music Entertainment บริษัทในเครือ Tencent ยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ต ได้ยื่นไฟลิ่งเพื่อเตรียมไอพีโอเข้าตลาดหุ้นในอเมริกา (ยังไม่ระบุว่าจะเข้าตลาดใด) โดยมีแผนระดมทุนเพิ่มราว 1 พันล้านดอลลาร์ จากมูลค่ากิจการปัจจุบันราว 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์
บริการของ Tencent Music มีอยู่ 4 แอป ได้แก่ QQ Music, Kugou Music, Kuwo Music และ WeSing ซึ่งทั้งหมดทำตลาดเฉพาะในประเทศจีน ประเมินส่วนแบ่งการตลาดรวมอยู่ราว 75% ของแพลตฟอร์มฟังเพลงทั้งหมดในจีน และ Tencent ก็ระบุว่าจำนวนผู้ใช้งานรวมกันทั้งหมดมีราว 800 ล้านคน
SiriusXM ผู้ให้บริการรายการวิทยุผ่านดาวเทียมรายใหญ่ของอเมริกา ประกาศเข้าซื้อกิจการหุ้นทั้งหมดของ Pandora บริการวิทยุออนไลน์ ด้วยมูลค่ารวมราว 3,500 ล้านดอลลาร์ โดยหลังการควบรวม ทั้งสองแบรนด์ Pandora และ SiriusXM จะกันดำเนินงานในชื่อเดิมต่อไป
SiriusXM บอกว่าการควบรวมนี้ทำให้บริษัท กลายเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฟังเพลงที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา (SiriusXM 36 ล้านคน, Pandora 70 ล้านคน) และช่วยเสริมทัพให้ SiriusXM ที่ยังมีฐานผู้ฟังรายการในรถยนต์อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งออนไลน์สตรีมมิ่งยังเจาะไม่เข้า
รายได้วงการเพลงนั้นมาจากสองส่วนสำคัญคือ ดาวน์โหลดและสตรีมมิ่ง ซึ่งยอดสตรีมก็เป็นบวกมากขึ้นจนสามารถทำรายได้แซงการดาวน์โหลดในปี 2015 ล่าสุด สมาคมอุตสาหกรรมสื่อบันทึกแห่งอเมริกาหรือ RIAA รายงานตัวเลขรายได้ของการจำหน่ายเพลงของสหรัฐฯ ว่า 75% ของรายได้ มาจากสตรีมมิ่ง
โดยรายได้ครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 10% เป็น 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 75% ของรายได้มาจากสตรีมมิ่ง มีเพียง 12% ที่มาจากดาวน์โหลดผ่านดิจิทัล ซึ่งยอดได้ตกลงเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เท่าการขายแผ่นที่มีเพียง 10%
มีผู้ใช้งาน Spotify พบว่าในโปรแกรมที่อัพเดตล่าสุดนั้น สามารถดาวน์โหลดเพลงมาเก็บไว้ในอุปกรณ์เพื่อฟังแบบออฟไลน์ได้เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ Spotify จำกัดเอาไว้ที่ 3,333 เพลงต่ออุปกรณ์ และสูงสุด 3 อุปกรณ์ต่อบัญชี
โดย Spotify ยืนยันว่าได้ขยายลิมิตของจำนวนเพลงออฟไลน์ มาเป็น 10,000 เพลงต่ออุปกรณ์ และสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 5 อุปกรณ์ต่อบัญชี
ถึงแม้รูปแบบการดาวน์โหลดเพลงมาเก็บฟังแบบออฟไลน์อาจจะสะดวกสำหรับผู้ใช้งาน แต่ต้องไม่ลืมว่าบริการสตรีมมิ่งที่เสียเงินนั้น ผู้ใช้ไม่ได้มีความเป็นเจ้าของคอนเทนต์เพลงนั้น แต่อยู่ในรูปการจ่ายเหมาและเช่ายืมฟัง
ที่มา: Rolling Stone
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ Fast Company เกี่ยวกับบริการเพลงสตรีมมิ่ง Apple Music และอุตสาหกรรมเพลงในภาพรวม โดยเขาให้มุมมองน่าสนใจว่า การให้อัลกอริทึมของคอมพิวเตอร์เป็นตัวคัดเลือกเพลงล้วน ๆ นั้น เป็นการทำลายจิตวิญญาณของวงการดนตรี
ประโยคดังกล่าวถือเป็นการพุ่งไปที่คู่แข่งอย่าง Spotify ซึ่งที่ผ่านมาใช้อัลกอริทึมในการจัดเพลย์ลิสต์มาตลอด (เพิ่งเริ่มใช้คนคัดเลือกไม่นานมานี้) ขณะที่ Apple Music พยายามเน้นเพลย์ลิสต์ที่มีคนคัดเลือกมาตั้งแต่แรก
เว็บไซต์ Digital Music News รายงานอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวไม่เปิดเผย พูดถึงอันดับของจำนวนสมาชิกแบบเสียเงินของบริการเพลงสตรีมมิงในสหรัฐ ปรากฎว่าสมาชิกของ Apple Music นำมาเป็นอันดับหนึ่งนำ Spotify, Tidal และ Sirius XM
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวขอไม่เปิดเผยตัวเลขจำนวนสมาชิก ระบุแต่เพียงว่า Apple Music และ Spoitfy ต่างมีผู้ใช้ในสหรัฐเกิน 20 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งข้อมูลนี้ก็ค่อนข้างสอดคล้องกับตัวเลขที่ Wall Street Journal เปิดเผยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ว่าสมาชิก Apple Music ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 5% และ Spotify เพิ่ม 2% และคาดว่าสมาชิก Apple Music น่าจะแซง Spotify ในเร็ววัน
Billboard รายงานสถิติใหม่ของวงการเพลงสตรีมมิ่ง โดยบอกว่าอัลบั้ม Scorpion ของ Drake ได้ทำสถิติถูกสตรีมมากกว่า 1 พันล้านครั้งทั่วโลก ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์แรก (29 มิถุนายน-5 กรกฎาคม) โดยสถิติสูงสุดก่อนหน้านี้คืออัลบั้ม Beerbongs & Bentleys ของ Post Malone ถูกสตรีม 700 ล้านครั้งในสัปดาห์
ข้อมูลบอกว่าเฉพาะในอเมริกานั้นอัลบั้ม Scorpion ถูกสตรีมมากกว่า 750 ล้านครั้ง
ตัวเลขการฟังผ่านสตรีมมิ่งที่สูงมากนี้ยังช่วยให้อัลบั้มของ Drake ติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับ Billboard 200 ที่เพิ่มน้ำหนักการคำนวณการฟังผ่านสตรีมมิ่งเป็นสัปดาห์แรกด้วย
ก่อนต้องบอกว่าข้อมูลนี้ไม่ได้มาจากทั้งแอปเปิลและ Spotify แต่เป็นตัวเลขอ้างอิงของผู้จัดจำหน่ายเพลงรายใหญ่ในอเมริกา ซึ่งระบุว่าจำนวนผู้สมัครใช้งานแบบเสียเงินของ Apple Music สูงกว่า Spotify แล้ว ในพื้นที่อเมริกา (Apple Music ไม่มีตัวเลือกใช้ฟรี มีแต่เสียเงิน)
ข้อมูลจากผู้จัดจำหน่ายเพลงนั้นบอกว่าทั้งสองผู้ให้บริการมีผู้สมัครใช้งานแบบจ่ายเงินมากกว่า 20 ล้านคนทั้งคู่ แต่ตอนนี้ Apple Music มีจำนวนสูงกว่าเล็กน้อย
บริษัทวิจัยตลาด Jana ได้เผยข้อมูลส่วนแบ่งของบริการประเภทออนดีมานด์สตรีมมิ่งประจำไตรมาส 1 ปีนี้ในประเทศอินเดีย โดยที่น่าสนใจคือบริการจากคู่แข่งจากท้องถิ่นยังคงมาแรง
ในด้านวิดีโอสตรีมมิ่งนั้น Jana รายงานว่า ยอดการติดตั้งแอพคู่แข่งจากท้องถิ่นอย่าง Hotstar ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท Star India นั้นกินส่วนแบ่งไปจนถึง 69.7% ตามมาด้วย SonyLIV ที่ 14%, Voot ที่ 10.7%, Amazon ที่ 5%, Netflix ที่ 1.4% และ YuppTV ที่ 0.5%
Apple Music เตรียมจัดตั้งฝ่ายค่ายเพลงของตนเอง หลังจากการรับตำแหน่งโดยหัวหน้าคนใหม่ Oliver Schusser เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมารายงานว่า ตอนนี้ทีมบริหารของ Apple Music ใหม่ภายใต้ Schusser เตรียมจัดตั้งค่ายเพลงภายในของตนเอง ซึ่งแหล่งข่าวของ Music Business Worldwide เผยว่าผู้บริหารคนใหม่ของ Apple Music นี้ต้องการให้เห็นความสำคัญของการมีค่ายเพลงและนักแต่งเพลงอยู่ภายใน Apple
ไม่ทันจะข้ามสัปดาห์ก็มาตามข่าวลือแล้ว สำหรับบริการสตรีมมิงเพลงตัวใหม่ในชื่อ YouTube Music ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะมาแทน Google Play Music หรือไม่ เพราะตอนนี้ยังให้บริการควบคู่กันไป
YouTube Music จะมีแอปแยกเฉพาะบนมือถือและบนเดสก์ท็อป (ยังไม่ชัดว่าเป็นแอปหรือบนเว็บ) ซึ่งก็จะมีเหมือนกับบริการสตรีมมิงอื่นๆ ทั้งเพลง อัลบั้ม วิทยุ รีมิกซ์ คัฟเวอร์และไลฟ์สด โดย YouTube Music มีให้บริการแบบฟรี แต่มีโฆษณา ดาวน์โหลดไม่ได้และฟังเพลงแบบเบื้องหลังไม่ได้ หากต้องการฟีเจอร์เหล่านี้และตัดโฆษณา ต้องจ่ายค่าบริการเดือนละ 9.99 เหรียญกับ YouTube Music Premium
Recode รายงานว่า ตอนนี้ Google เตรียมปรับปรุงบริการสตรีมมิ่งแบบเสียเงินบน YouTube ใหม่ ซึ่งแผนครั้งนี้คือปรับปรุง YouTube Music ใหม่ และ YouTube Red จะเปลี่ยนเป็น YouTube Premium ซึ่งทั้ง Music และ Premium จะเป็นแพลน 2 แบบแยกเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการฟังเพลงอย่างเดียว กับผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์อื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
สำหรับ YouTube Music โฉมใหม่จะเน้นการฟังเพลงเป็นหลัก ฟีเจอร์คล้ายเดิม (ของเดิมเป็นส่วนหนึ่งของ YouTube Red) โดยเพิ่มส่วนสำคัญคือเพลย์ลิสต์ที่จัดโดยขึ้นกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ ซึ่ง YouTube Music คิดค่าบริการที่ 10 ดอลลาร์ต่อเดือน มีช่วงให้ทดลองใช้งานฟรี และบริการใหม่นี้จะมาแทนที่ Google Play Music ด้วย