ในขณะที่ไมโครซอฟท์กำลังเร่งพัฒนาให้ Windows Phone 8 สนับสนุนมาตรฐาน CardDAV และ CalDAV โดยไว แต่ฝ่ายกูเกิลกลับประกาศปิด CalDAV API และแนะนำให้นักพัฒนาย้ายไปใช้ Google Calendar API แทน ล่าสุดมีข้อมูลมาจากกูเกิลแล้วว่าการปิด CalDAV API จะมีผลต่อนักพัฒนากลุ่มใหญ่ ยกเว้นนักพัฒนากลุ่มเล็กๆ ที่กูเกิลใส่ชื่อเอาไว้ใน "ไวท์ลิสต์" เท่านั้น
แพตซ์ MS13-027 เพิ่งออกมาเมื่อสองวันก่อน ทางไมโครซอฟท์ก็ออกมาอธิบายว่าบั๊กเป็นบั๊กในการอ่าน USB descriptors ที่อุปกรณ์ USB ทุกตัวจะส่งให้กับเครื่องแม่ (USB Host) เพื่อประกาศตัวเองว่าเป็นอุปกรณ์ชนิดใด
บั๊กนี้ทำให้แฮกเกอร์สามารถสร้างอุปกรณ์ USB ที่ประกาศตัวเองในรูปแบบที่มุ่งร้าย สามารถส่งโค้ดเข้ามารันในเครื่องได้ ที่แย่กว่านั้น คือ กระบวนการตรวจสอบอุปกรณ์ USB นั้นอยู่ในเคอร์เนล โค้ดที่ส่งเข้ามาจึงถูกรันในสิทธิเคอร์เนลไปด้วย โดยผู้ใช้ไม่ต้องรันหรือคลิกใดๆ และแม้แต่กรณีที่ผู้ใช้ยังไม่ได้ล็อกอินหรือล็อกหน้าจอไว้ แฮกเกอร์ก็ยังโจมตีได้
ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์เคยเปิดหน้าเว็บให้ทดลองใช้ Windows Phone ผ่านเบราว์เซอร์ของ iPhone และแอนดรอยด์ได้ ซึ่งเมื่อก่อนก็ยังเป็น Windows Phone 7 แต่ตอนนี้ไมโครซอฟท์ก็ได้อัพเดตให้เว็บทดลองใช้นี้เป็น Windows Phone 8 เรียบร้อยแล้ว
ที่พิเศษกว่า Windows Phone 7 คือมีการให้ login เข้า Facebook เพื่อทดลองใช้คุณสมบัติของแอพบางแอพ เช่น People และ Photos ในแบบเหมือนจริง และสามารถใช้งานผ่านหน้าเว็บบนคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตได้แล้ว (จากเดิมที่ใช้ได้บนเบราว์เซอร์ของ iPhone และแอนดรอยด์)
เว็บไซต์ MSFTKitchen (เว็บไซต์เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับไมโครซอฟท์ อาทิ ข่าวลือ ข่าวสารเป็นทางการ รีวิว เป็นต้น) เปิดเผยว่าหน้าเว็บที่เกี่ยวข้องกับไมโครซอฟท์ ทั้งเว็บประกาศรับสมัครงาน หน้าข้อมูลพนักงานไมโครซอฟท์บน LinkedIn มีการพูดถึง Windows 9, Internet Explorer 11 และ Windows Phone 9 แล้ว อาทิ ประกาศรับสมัครงานวิศวกรด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เข้าทีมงาน Bing ที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อ Windows 9 และ IE11, ประวัติการทำงานของพนักงานที่พูดถึงการทดสอบการติดตั้งแอพลง Windows Phone 9 และการทดสอบ " Windows 9 OS" กับ Nokia, HTC และ Qualcomm อยู่ (MSFTKitchen คาดว่า Windows 9 OS หมายถึง Windows Phone 9 นั่นเอง)
Flash บน IE10/Windows 8 ถูกรวมเข้ามากับระบบปฏิบัติการแต่แรก แต่ไมโครซอฟท์ก็จำกัดการรันบน IE10 Metro เฉพาะเว็บไซต์ที่อนุญาต (whitelist) เท่านั้น (ส่วน IE10 Desktop รันตามปกติ)
ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศเปลี่ยนนโยบายนี้ใหม่ โดยเปิดใช้งาน Flash บน IE10 เป็นค่าดีฟอลต์ และจะปิดการใช้งานเฉพาะเว็บไซต์ที่มีปัญหา Compatibility View (CV) แทน (พูดง่ายๆ คือเปลี่ยนจาก whitelist มาเป็น blacklist) แพตช์อัพเดตจะเริ่มแจกให้ผู้ใช้ในอีกวันสองวันนี้
ในเอกสารฟอร์ม 20-F ฉบับปี 2012 ที่โนเกียยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บริษัทเปิดเผย "ความเสี่ยงใหม่" ว่าไมโครซอฟท์อาจตัดสินใจบางอย่างเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการของตนออกมา ซึ่งจะสร้างผลกระทบต่อโนเกีย นอกจากนั้นหากไมโครซอฟท์ลดการลงทุนหรือยกเลิกระบบปฏิบัติการดังกล่าว กลยุทธ์สมาร์ทโฟนของบริษัทจะได้รับผลกระทบเชิงลบโดยตรง (ในเอกสารนั้นไม่ได้ระบุชื่อระบบปฏิบัติการ แต่ก็คาดได้ว่าโนเกียพูดถึง Windows Phone)
หลังจากไมโครซอฟท์ร่วมกับ Core77 Design Network จัดแข่งขันออกแบบแอพวินโดวส์โฟน App to the Future: Design Challenge ตั้งแต่เมื่อปลายปีก่อน ล่าสุดบริษัทได้ประกาศผู้ชนะเลิศซึ่งมี 5 รางวัล และผู้ผ่านเข้ารอบ 50 คนสุดท้ายของเฟสแรกแล้ว ในที่นี้จะขอนำเสนอ 5 ผลงานที่ชนะเลิศ ดังนี้
แอพแสดงข้อมูลสภาพอากาศ โดยแสดงผลทั้งรายชั่วโมงของวันปัจจุบันและวันถัดไป ในรูป "climacons" หรือไอคอนที่แทนสภาพอากาศ และแอพจะดึงข้อมูลพยากรณ์จากแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดในพื้นที่ที่คุณอยู่
DigiTimes อ้างแหล่งข่าวที่เป็นผู้ผลิตโน้ตบุ๊กรายหนึ่งระบุว่าไมโครซอฟท์กำลังลดราคาค่าไลเซนส์ให้กับผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก, แท็บเล็ต, หรือเครื่องลูกผสม ที่หน้าจอเล็กกว่า 10.8 นิ้ว หรือเครื่องหน้าจอ 11.6 นิ้วที่เป็นจอสัมผัส ให้เหลือเพียง 20 ดอลลาร์ พร้อมกับชุดออฟฟิศ 2013
คาดว่าการลดราคาเช่นนี้จะทำให้พีซีขนาดเล็กที่มาพร้อมกับ Windows 8 จะขายได้ง่ายขึ้น ส่วนคอมพิวเตอร์ราคาถูกก็จะติดตั้ง Windows 8 ไปจากโรงงานกันง่ายขึ้น
ถ้าข่าวนี้เป็นจริง การลดราคาจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมที่จะถึงนี้
ที่มา - DigiTimes
มหากาพย์ระหว่างคณะกรรมการยุโรป (European Commission หรือ EC) กับไมโครซอฟท์ในเรื่องหน้าจอเลือกเบราว์เซอร์ของวินโดวส์ (รายละเอียดในข่าวเก่า) จบลงแล้ว โดย EC สั่งปรับไมโครซอฟท์เป็นเงิน 561 ล้านยูโรด้วยข้อหาละเมิดข้อตกลงในเรื่องนี้
เรื่องนี้ต้องย้อนไปตั้งแต่ปี 2009 ที่ EC ทำข้อตกลงกับไมโครซอฟท์เรื่องหน้าจอเลือกเบราว์เซอร์ มีข้อผูกพันไปถึงปี 2014 แต่พอมาถึงปี 2011 ทาง EC พบว่าไมโครซอฟท์ไม่ได้ใส่หน้าจอเลือกเบราว์เซอร์ใน Windows 7 Service Pack 1 ทำให้ผู้ใช้วินโดวส์ในยุโรป "เสียสิทธิ" การเลือกเบราว์เซอร์ไป
ข้อตกลงการใช้งานของ Office 2013 ที่ระบุให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งโปรแกรมลงบนเครื่องที่ซื้อมาได้เพียงครั้งเดียว ยกเว้นก็เพียงแต่กรณีเครื่องเสียในประกันลูกค้าจึงสามารถเปลี่ยนเครื่องได้ ทำให้ลูกค้าจำนวนมากบ่นกับสัญญาที่บีบจนเกินไปเช่นนี้ ในที่สุดไมโครซอฟท์ก็ออกมาแก้ข้อตกลงให้สามารถย้ายเครื่องได้ไม่เกิน 90 วันต่อครั้ง
สำหรับการเปลี่ยนเครื่องในกรณีเครื่องเสียยังสามารถติดต่อไมโครซอฟท์เพื่อให้ย้ายเครื่องได้โดยไม่ต้องรอรอบ 90 วันเช่นเดิม
นับว่าน่ายินดีกับผู้บริโภคที่ตั้งใจดีจะซื้อของแท้ทุกคนครับ
ที่มา - C|Net
ไมโครซอฟท์เปิดตัว __Office Developer Tools for Visual Studio 2012__ ซึ่งเป็นส่วนเสริมให้ Visual Studio 2012 สามารถพัฒนา "แอพ" ให้กับ Office 2013 และ SharePoint 2013 ได้สะดวกยิ่งขึ้น
คำว่า "แอพ" ในที่นี้คือ Apps of Office และ Apps for SharePoint ซึ่งเป็นส่วนเสริมหรือส่วนขยายที่สร้างด้วยเทคโนโลยีเว็บ (HTML5/JavaScript) แสดงผลใน task pane หรือภายในเนื้อหาของเอกสารโดยตรง ([ข่าวเก่า](http://www.blognone.com/node/30773))
เป้าหมายของไมโครซอฟท์คือต้องการผลักดันให้ภาคธุรกิจสร้างส่วนเสริมของ Office/SharePoint ผ่านแอพเหล่านี้ เพื่อต่อยอดเครื่องมือธุรกิจบนแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์นั่นเอง
The Wall Street Journal รายงานว่า ไมโครซอฟท์เตรียมหั่นราคา Windows เพื่อให้แข่งขันกับตลาดอุปกรณ์ขนาดเล็ก ซึ่งสอดคล้องกับข่าวลือว่า Windows รุ่นถัดไปโค้ดเนม Windows Blue จะรองรับอุปกรณ์ที่มีหน้าจอ 7 และ 8 นิ้ว ซึ่งหากไมโครซอฟท์หั่นราคาจริง ก็จะทำให้อุปกรณ์เหล่านี้ทำราคาได้ถูกลง
Jerry Shen ซีอีโอ Asus ได้กล่าวเป็นนัยว่า ไมโครซอฟท์กำลังวางแผนเพื่อสร้างแรงกระตุ้นตลาดโน๊ตบุ๊ค, เน็ตบุ๊ค และ Eee PC ซึ่ง Shen เชื่อว่าการตัดสินใจของไมโครซอฟท์ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 3 หรือ 4 ของปีนี้จะเป็นผลดีต่อราคาขายของสินค้าอย่างมาก
ในยุคที่ทุกสิ่งทุกอย่างขยับขึ้นไปอยู่บนกลุ่มเมฆ ท่าทีของบริษัทไอทีหลายๆ แห่งก็ชัดเจนว่าไม่พลาดกระแสนี้ สำหรับยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ เราเห็นความพยายามผลักดันแพลตฟอร์มอย่าง SkyDrive/Office 365/Azure มาสักระยะหนึ่งแล้ว ความพยายามนี้เริ่มชัดเจนตอนที่ Windows Server 2012 เปิดตัว เพราะไมโครซอฟท์ประกาศว่าเราเข้าสู่ยุคของ Cloud OS เต็มตัว
ผมมีโอกาสสัมภาษณ์คุณ Zane Adam ผู้บริหารระดับสูงของไมโครซอฟท์ที่ดูแลเรื่องยุทธศาสตร์กลุ่มเมฆโดยตรง (ตำแหน่งอย่างเป็นทางการคือ Senior Director, Cloud and Platform Strategy) คุณ Zane บินมาพูดในงานสัมมนาที่เมืองไทยพอดี เลยถือโอกาสสอบถามว่าจริงๆ แล้วไมโครซอฟท์คิดหรือมีแผนการอะไรกับกลุ่มเมฆกันแน่
ย้อนกลับไปในงาน CES 2013 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา Panasonic ได้โชว์เครื่องต้นแบบแท็บเล็ตจอภาพความละเอียดสูง 4K และตอนนี้มีข่าวว่ามันกำลังจะได้รับการปรับปรุงเพื่อวางขายจริงภายในปีนี้ ด้วยความร่วมมือจาก Microsoft
สเป็คเครื่องที่เตรียมผลิตเพื่อวางขายจริงนั้นยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่เชื่อว่าไม่น่าจะแตกต่างจากตัวเครื่องต้นแบบที่แสดงในงาน CES 2013 มากนัก โดยเครื่องต้นแบบดังกล่าวมีหน้าจอขนาด 20 นิ้ว, ความละเอียดหน้าจอ 3840 x 2560 พิกเซล โดยมีความหนาแน่นของเม็ดสี 230 พิกเซลต่อนิ้ว มาพร้อมปากกาสำหรับเขียนหน้าจอ ใช้หน่วยประมวลผลของ Intel และชิปกราฟิกของ NVIDIA พร้อมหน่วยความจำ SSD ขนาด 128 GB และแรมอีก 8 GB
หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของสหภาพยุโรปวางแผนที่จะปรับไมโครซอฟท์ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ถ้าไมโครซอฟท์ไม่ทำตามข้อตกลงที่สืบเนื่องจากกรณีการผูกขาดเบราว์เซอร์ในยุโรปเมื่อทศวรรษที่ผ่านมา
คณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวหาไมโครซอฟท์ในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาว่าไม่ทำตามข้อตกลงที่จะแสดงตัวเลือกเบราว์เซอร์อื่นให้ผู้บริโภคชาวยุโรปตามที่เคยตกลงไว้ แต่ไมโครซอฟท์อ้างว่าเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค และอ้างว่าได้ปรับกระบวนการภายในให้รัดกุมขึ้นแล้วเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก
ไมโครซอฟท์อาจโดนปรับสูงสุดร้อยละ 10 ของรายได้ทั่วโลกถ้าไมโครซอฟท์ไม่ทำตามข้อตกลงที่เคยให้ไว้ในคดีผูกขาดเบราว์เซอร์กับสหภาพยุโรปในปี 2009
ข้อมูลล่าสุดของ Windows Phone รุ่นถัดไปหรือที่เราเรียกกันว่า Windows Phone Blue มาจากประกาศรับสมัครงานตำแหน่ง Software Development Engineer in Test ของไมโครซอฟท์
เนื้อหาในประกาศรับสมัครงานอันนี้ระบุว่า ไมโครซอฟท์กำลังเตรียมออก Windows Phone รุ่นถัดไป "ในช่วงเทศกาลปลายปีนี้" (getting ready for our next release targeting the holiday of this year)
ข้อมูลนี้ถือว่าขัดแย้งกับข้อมูลก่อนหน้านี้ที่บอกว่า Windows Phone Blue จะออกช่วงกลางปี และอาจเป็นหลักฐานยืนยันว่าไมโครซอฟท์ยังรักษารอบการออกรุ่นปีละครั้งช่วงปลายปีอยู่เหมือนเดิม
Kurt DelBene ประธานฝ่าย Microsoft Office ไปพูดที่งานสัมมนาของ Morgan Stanley และบอกว่าไมโครซอฟท์ "อาจพิจารณา" ปรับรอบการอัพเดต Microsoft Office 2013 ฝั่งไคลเอนต์เป็นทุกๆ 3 เดือน
เขาบอกว่าไมโครซอฟท์มีศักยภาพที่จะออกอัพเดต Microsoft Office เวอร์ชันเดสก์ท็อปได้บ่อยกว่าปัจจุบัน ซึ่งไมโครซอฟท์ก็เริ่มอัพเดต Office 365 เวอร์ชันกลุ่มเมฆทุกๆ 3 เดือนอยู่แล้ว
DelBene บอกว่ารอบการอัพเดตที่สั้นลงทำให้ไมโครซอฟท์ออกฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้บ่อยขึ้น แต่ก็ยังต้องมีรอบการออกระยะยาวที่ปรับปรุงเชิงโครงสร้างอยู่เช่นเดิม
ที่มา - PC Mag
รวมข่าว Windows Phone จากทวิตเตอร์ของ Joe Belfiore (@joebelfiore) ผู้บริหารของไมโครซอฟท์ที่ตอบคำถามผู้ใช้ครับ
หลังจากปล่อยให้การหาข้อมูลเชิงลึกของแบตเตอรี่เป็นเรื่องวุ่นวาย อย่างง่ายที่สุดก็ต้องหาโปรแกรมมาลงเพิ่ม ไมโครซอฟท์ก็ได้สำนึกผิดด้วยการใส่ความสามารถใหม่มาให้ Windows 8 โดยสามารถสร้างรายงานออกมาให้อ่านได้ง่าย เป็นระเบียบสบายตา
ความสามารถใหม่นี้ไม่ได้มาในรูปแบบโปรแกรมหรือคำสั่งใหม่อะไร แต่เป็นส่วนเสริมเข้าไปในคำสั่งที่ทุกคนคุ้นชินอย่าง "powercfg" นั่นเอง
28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 Facebook ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงข้อตกลงที่มีข่าวลือมานานว่าจะเข้าซื้อธุรกิจแสดงโฆษณา (ad-serving) Atlas Solution ของไมโครซอฟท์ที่ไมโครซอฟท์พยายามหาผู้ซื้อมานานกว่า 6 เดือน
มูลค่าการซื้อขายไม่ได้เปิดเผยอย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์ว่าราคาน่าจะน้อยกว่า 100 ล้านดอลลาร์อ้างอิงจากราคาประมูลก่อนหน้านั้นที่อยู่ในช่วง 30 ล้านดอลลาร์ถึง 50 ล้านดอลลาร์
Brian Boland ผู้อำนวยการการตลาดของ Facebook กล่าวว่า Facebook ไม่ได้ตั้งใจจะใช้ Atlas เพื่อเริ่มต้นสร้างเครือข่ายโฆษณาที่ขับเคลื่อนโดยข้อมูลทางสังคมของผู้ใช้ Facebook
Greg Sullivan ผู้บริหารด้านการตลาดของไมโครซอฟท์ให้สัมภาษณ์ที่งาน MWC 2013 เกี่ยวกับ Windows Phone 8 ดังนี้
ไมโครซอฟท์ออกแอพ Photosynth สำหรับสร้างภาพถ่ายพานอรามาแบบสามมิติ (ข่าวเก่า) รุ่นอัพเดตสำหรับ Windows Phone 8 แล้ว
ของใหม่ที่มาพร้อมกันได้แก่
ผู้ที่มี WP8 สามารถดาวน์โหลดได้จาก Windows Phone Store
จากสถิติของ NetApplications ในเดือนที่ผ่านมา Windows 8 ยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นมาเป็น 2.67 % จาก 2.26 % ในเดือนมกราคม, 1.72 % ในเดือนธันวาคม และ 1.09 % ในเดือนพฤศจิกายน นำหน้า OS X 10.8 แต่ยังคงตามหลัง Windows Vista ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 5.17%
Windows 7 ยังคงนำมาเป็นที่ 1 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 44.55 % รองลงมาคือ Windows XP ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงมาอยู่ที่ 38.99 %
หลังจากเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ประกาศจำหน่ายแท็บเล็ต Surface RT เพิ่มในอีก 13 ประเทศผ่านทางหน้าเว็บไซต์ วันนี้ไมโครซอฟท์ก็ประกาศเพิ่มประเทศที่จะวางจำหน่ายเพิ่มเติมแล้วครับ
สำหรับ Surface RT ไมโครซอฟท์จะวางจำหน่ายเพิ่มในอีก 6 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, รัสเซีย, สิงคโปร์, และไต้หวัน ส่วน Surface Pro จะวางจำหน่ายเพิ่มในอีก 7 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, นิวซีแลนด์, และสหราชอาณาจักร โดยทั้งสองรุ่นจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนถัดไป (ยังไม่กำหนดวันที่แน่นอน)
ไมโครซอฟท์ประกาศในบล็อกของ Surface ว่า ไมโครซอฟท์เตรียมขาย Surface RT เพิ่มในอีก 6 ประเทศคือเม็กซิโก, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์, รัสเซีย, สิงคโปร์ และไต้หวัน นอกเหนือไปจาก 13 ประเทศที่เคยประกาศไว้
ส่วน Surface Pro ที่หลายคนรอคอยกันก็เตรียมจะขายนอกสหรัฐและแคนาดาแล้ว โดยประกอบไปด้วย 7 ประเทศคือออสเตรเลีย, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักร แน่นอน ยังไม่มีประเทศไทยครับ