ความคืบหน้าต่อจากข่าว กลุ่มผู้ถือหุ้นอิสระของ Yahoo! เสนอทางออกโหวตบอร์ดผสม

ศึกภายในระหว่างบอร์ดของยาฮูกับผู้ถือหุ้น Carl Icahn ที่หวังจะเปลี่ยนบอร์ดยกชุดนั้นจบลงด้วยการเจรจา ซึ่ง Icahn ได้เข้ามาเป็นบอร์ดบริหารของยาฮู พร้อมกับคนฝ่ายของตัวเองอีก 2 คน ส่วนข้อแลกเปลี่ยนนั้นคือ Icahn ยอมล้มเลิกแผนการโหวตเปลี่ยนบอร์ด ส่วนเจอร์รี่ หยางนั้นยังดำรงตำแหน่งบอร์ดควบซีอีโอต่อไป

ศึกภายในของ Yahoo! ระหว่างบอร์ดและคณะผู้บริหารชุดปัจจุบัน กับฝ่ายของ Carl Icahn ซึ่งเสนอบอร์ดใหม่ยกชุด ทั้งสองฝ่ายดูจะอยู่ร่วมโลกกันได้ยาก (ข่าวเก่า: Yahoo! ใช้โฮมเพจตอบโต้ Carl Icahn) วันชี้ชะตาคือประชุมสามัญผู้ถือหุ้นใหญ่ 1 สิงหาคมนี้

กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนหนึ่งได้รวมตัวกันในชื่อว่า Yahoo Plan B นำโดย Eric Jackson ได้เสนอทางออกที่ประนีประนอมระหว่างกลาง โดยกลุ่ม Plan B จะโหวตให้ฝ่ายบอร์ดปัจจุบัน 5 ตำแหน่ง และบอร์ดที่ Icahn นำเสนออีก 4 ตำแหน่ง กลุ่ม Plan B นี้มีผู้ถือหุ้น 150 รายและมีหุ้นรวมกัน 3.2 ล้านหุ้น ถึงกลุ่ม Plan B จะยังสนับสนุนเจอร์รี่ หยางให้เป็นบอร์ดอยู่ แต่ Jackson ให้สัมภาษณ์ว่าควรเปลี่ยนตัวซีอีโอ

คนที่ยาฮู (หรือจะพูดให้ถูกคือบอร์ดและผู้บริหารชุดปัจจุบันของยาฮู) กลัวที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ไมโครซอฟท์ แต่เป็น Carl Icahn นักลงทุนรายใหญ่และผู้ถือหุ้นของยาฮู ที่เสนอให้โหวตเปลี่ยนบอร์ดชุดใหม่ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ (ดูข่าวเก่า: ศึกภายใน Yahoo! ผู้ถือหุ้นเตรียมเสนอบอร์ดชุดใหม่)

ผู้บริหารยาฮูจึงออกมาตอบโต้แถลงการณ์ของ Icahn ในโอกาสต่างๆ ด้วย press release เสียเป็นส่วนมาก แต่ล่าสุดยาฮูใช้โฮมเพจของตัวเอง ซึ่งเป็นหน้าเว็บที่มีคนเข้ามากที่สุดในโลกตามสถิติของ Alexa ในการตอบโต้ Icahn แล้ว

ข่าวรั่วออกมาสักระยะแล้ว แต่ข่าวเป็นทางการเพิ่งมา โดย Twitter ซื้อกิจการ Summize ซึ่งเป็นบริการค้นหาข้อมูลใน microblog ด้วยมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์ ถ้าเข้า Summize.com ตอนนี้จะกลายมาเป็น Twitter Search แทน (ลองค้นชื่อตัวเองเล่นดูก็ได้ครับ)

Twitter ไม่ได้เปิดเผยวงเงิน แต่ข่าววงในบอกว่า Summize ซึ่งมีพนักงาน 5 คนจะได้ทั้งเงินสดและหุ้นของ Twitter ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 15 ล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์มองว่า Summize อาจเป็นแหล่งรายได้ของ Twitter ในอนาคตได้ เนื่องจากโมเดลโฆษณาในข้อความที่ Twitter เคยทดลองใช้นั้นไม่ประสบความสำเร็จนัก การลงโฆษณาในหน้าค้นหาของ Twitter แบบเดียวกับที่กูเกิลใช้น่าจะมีโอกาสที่ดีกว่า

รอบที่เท่าไรไม่รู้แล้ว สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตาม ผมเขียนสรุปของรอบก่อนไว้ที่ บทสรุปไมโครซอฟท์-ยาฮู-กูเกิล ยก 2 (14 มิ.ย.) ส่วนความคืบหน้าหลังจากนั้นคือ ผู้บริหารระดับสูงของ Yahoo! ลาออกไปแล้วถึง 114 คนตั้งแต่ มกราคม 2550 (22 มิ.ย.) และ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐตรวจสอบดีลยาฮู-กูเกิล (3 ก.ค.) ส่วนต้นเรื่องของข่าวนี้คือ สงครามชิงยาฮูยังไม่จบ ไมโครซอฟท์พร้อมกลับมาหากมีการเลือกบอร์ดใหม่ (7 ก.ค.)

บริษัท Xandros ผู้พัฒนาลินุกซ์ดิสโทรจากแคนาดา ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Linspire ดิสโทรอีกยี่ห้อ

ข่าวนี้จะรวมความเคลื่อนไหวทั้งหมดของรักสามเส้าที่สุดท้ายไมโครซอฟท์อกหัก แต่นางเอกอย่างยาฮูก็ยังอาการไม่ค่อยดีเท่าไรอยู่ดี

ผลลัพธ์ของการขอซื้อกิจการระดับโลกระหว่างไมโครซอฟท์กับยาฮูนั้น ยกแรกจบลงด้วยคำตอบปฏิเสธจากยาฮู โดยให้เหตุผลว่าราคา 31 ดอลลาร์ต่อหุ้นนั้นต่ำเกินไป (ข่าวเก่า) ถึงแม้ว่าไมโครซอฟท์จะเขยิบมาเป็น 33 ดอลลาร์ในภายหลัง แต่ยาฮูยังยืนราคาที่ 37 ดอลลาร์ ซึ่งทำให้ไมโครซอฟท์ประกาศถอนตัวไปในที่สุด (ข่าวเก่า) ถึงแม้ว่าจะมีข่าวขอซื้อรอบสองออกมาให้เห็นก็ตาม

บริษัท CBS ซึ่งเป็นเจ้าของสื่อวิทยุโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา เข้าซื้อกิจการ CNET Networks แล้วโดยคิดเป็นมูลค่า 1.8 พันล้านเหรียญ

CNET เป็นเจ้าของเว็บไซต์เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมสูงหลายไซต์ นอกจาก CNET.com แล้ว เว็บในเครือได้แก่ news.com, ZDNET (ซื้อมาจาก Ziff Davis), download.com, MP3.com, TechRepublic, GameSpot และอื่นๆ อีกมาก การซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้ CBS กลายเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตติดท็อป 10 ของสหรัฐ มีฐานผู้ชมเว็บไซต์ 54 ล้านคนต่อเดือนนับเฉพาะในสหรัฐ และ 200 ล้านคนถ้านับทั้งโลก นักวิเคราะห์มองว่า CBS เมื่อรวมแผนกออนไลน์เดิมเข้ากับ CNET อาจจะสร้างรายได้ถึง 1 พันล้านเหรียญภายในปี 2010

หลังจากที่ประกาศขายแผนก IDE ไปเมื่อสองปีก่อน เมื่อวันพุธที่ผ่านมาทาง Borland Software ได้แถลงถึงการบรรลุข้อตกลงในการขาย CodeGear ให้กับบริษัท Embarcadero Technologies คิดเป็นมูลค่า 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แผนก IDE ของ Borland ที่เคยยิ่งใหญ่มากในอดีตกับผลิตภัณฑ์ในตระกูล Turbo ประสบปัญหาในการแข่งขันในตลาด ทั้งจากเครื่องมือที่ฟรีและโอเพ่นซอร์สโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Eclipse และผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหามากมายอย่าง Delphi 8 จนถึง Delphi 2005 ที่สร้างชื่อเสียให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง ถึงจะกู้ชื่อคืนมาได้จากผลงานในช่วงท้ายๆ ก่อนที่จะมาเป็น CodeGear ในปัจจุบัน

หมายเลขหนึ่งแห่งวงการโทรศัพท์มือถือประกาศทำ tender offer (ตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น) ให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท Trolltech ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สเช่น QT และ ระบบปฏิบัติการสำหรับโทรศัพท์เช่น QTopia แล้ว โดยเป็นการเข้าซื้อที่ทาง Trolltech เองยินยอมพร้อมใจจากการลงคะแนนเสียงของผู้ถือหุ้นร้อยละ 66

ยังไม่แน่ชัดว่าโนเกียต้องการเทคโนโลยีอะไรจากทาง Trolltech บ้าง แต่ในข่าวประชาสัมพันธ์ระบุว่าการรวมกันครั้งนี้จะทำให้นักพัฒนาอิสระสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทำงานได้ทั้งโทรศัพท์มือถือและพีซี ตลอดจนจะช่วยเพิ่มความสามารถของระบบปฏิบัติการอย่าง S60 (Symbian) และ S40

ต่อเนื่องจากข่าวเก่า ไมโครซอฟท์: "จะขายหรือไม่ขาย?​ ให้เวลาอีกสามสัปดาห์"

บอร์ดบริหารของยาฮู! ตอบจดหมายถึงสตีฟ บัลเมอร์ โดยผู้ลงนามในจดหมายคือ Roy Bostock ประธานบอร์ด กับเจอรี่ หยาง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอคนปัจจุบัน

เนื้อความในจดหมายสรุปได้ 3 ประเด็นดังนี้

ผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวภายในยาฮูว่า บอร์ดบริหารของยาฮูตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอซื้อของไมโครซอฟท์แล้ว ด้วยเหตุผลว่าราคา 31 เหรียญต่อหุ้นนั้นถูกเกินกว่ามูลค่าจริงของยาฮูไปมาก

ข่าวนี้สอดคล้องกับ TechCrunch ซึ่งเกาะติดเรื่องนี้อย่างละเอียด โดย TechCrunch ให้ข้อมูลว่าบอร์ดบริหารของยาฮูประชุมเพื่อตัดสินใจเรื่องนี้ในวันศุกร์ (8 ก.พ.) ที่ผ่านมา

คาดว่าภายในอาทิตย์หน้าคงมีแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครับ

ที่มา - eWeek

แม้เรายังไม่ค่อยได้เห็นเทคโนโลยีชิปฟิสิกส์ในเกมทั่วๆ ไปมากนัก แต่วันนี้ทาง NVIDIA ก็ประกาศเข้าซื้อกิจการของบริษัท AGEIA ผู้ผลิตชิป PhysX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในการพัฒนาการคำนวณผลทางฟิสิกส์ในเวลาจริง

แพลตฟอร์ม PhysX นั้นสร้างขึ้นมาโดยมุ่งหวังตลาดเกมเป็นหลัก แม้ในตอนนี้จะมีเกมไม่มากนักที่รองรับระบบนี้ แต่แนวโน้มในอนาคตการแยกการทำงานของส่วนฟิสิกส์ไปในชิปเฉพาะทางก็มีความเป็นไปได้สูงมาก โดยคาดกันกว่าน่าจะไปอยู่ในรูปแบบของการรวมตัวเข้ากับชิปกราฟิก ซึ่งหากทาง NVIDIA ได้เทคโนโลยีในส่วนนี้ไป เราอาจจะได้เห็นชิปที่รวมความสามารถทั้งกราฟิกและฟิสิกส์ไว้ในตัวเดียวกัน

รอยเตอร์รายงานสถานการณ์ล่าสุดของยาฮู โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่ายาฮูอาจเลือกจับมือเป็นพันธมิตรกับกูเกิล แทนการยอมรับข้อเสนอจากไมโครซอฟท์

แหล่งข่าววงในยังให้ข้อมูลว่ากูเกิลเคยเจรจากับยาฮูเรื่องนี้เมื่อหลายเดือนก่อน ก่อนที่ข้อเสนอนี้จะตกไป ล่าสุด Wall Street Journal เปิดเผยว่า Eric Schmidt ซีอีโอของกูเกิลได้ติดต่อไปยัง Jerry Yang ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของยาฮูเพื่อเสนอข้อตกลงนี้ใหม่อีกครั้ง เหตุผลที่เป็นได้แค่พันธมิตรเพราะว่ากูเกิลไม่สามารถซื้อยาฮูตรงๆ ได้ เนื่องจากกฎหมายผูกขาดนั่นเอง

ในที่สุดตัวแทนจากกูเกิลก็ออกมาให้ความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับกรณีไมโครซอฟท์เสนอซื้อยาฮู (ข่าวเก่า) โดย David Drummond ซึ่งมีตำแหน่งเป็น Senior Vice President, Corporate Development and Chief Legal Officer ตั้งคำถามลงใน Google Blog ว่าการควบกิจการครั้งนี้จะกระทบต่อระบบเปิด (openness) และนวัตกรรม (innovation) ซึ่งเป็นจุดแข็งของอินเทอร์เน็ตหรือไม่

ข่าวไมโครซอฟท์เสนอซื้อยาฮูเป็นที่โด่งดังตามคาด ไม่เฉพาะเว็บไซต์ไอทีเท่านั้น นักวิเคราะห์ทั้งฝั่งการเงินและธุรกิจต่างออกมาแสดงความเห็นกันยกใหญ่ ผมรวมประเด็นสำคัญๆ บางส่วนมาครับ

คาดว่าเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในรอบเดือนได้เลยครับ ไมโครซอฟท์ได้ยื่นข้อเสนอซื้อ (ยังไม่ซื้อ) อย่างเป็นทางการไปยังกรรมการบริหารบริษัทของยาฮูแล้ว โดยข้อเสนอรวมทั้งหมดมีมูลค่าประมาณ 44.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1.4 ล้านล้านบาทไทยโดยประมาณ)

ในกรณีที่ยาฮูรับข้อเสนอนี้ ผู้ถือหุ้นของยาฮูมีตัวเลือก 2 แบบ คือ รับเงินคิดเป็นมูลค่า 31 เหรียญต่อหุ้น หรือไม่ก็แลกเป็นหุ้นของไมโครซอฟท์แทน (1 หุ้นยาฮูแลกได้เป็น 0.95 หุ้นไมโครซอฟท์) หรือจะผสมกันทั้งสองแบบก็ได้ ไมโครซอฟท์คาดว่าจะควบกิจการสำเร็จภายในครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2008 ส่วนเหตุผลของการเสนอซื้อครั้งนี้ ไมโครซอฟท์เอ่ยไว้ชัดว่าเป็นตลาดโฆษณาออนไลน์ ซึ่งจะมีมูลค่าถึง 80 พันล้านเหรียญในปี 2010

โนเกียประกาศเข้าซื้อกิจการของบริษัท Trolltech ผู้พัฒนา Qt Toolkit จากนอร์เวย์โดยวิธีแลกหุ้น มูลค่าของ Trolltech อยู่ที่ประมาณ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประเมินจากราคาหุ้น) เนื่องจาก Trolltech อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของนอร์เวย์ด้วย ทางโนเกียจึงอยู่ระหว่างเสนอซื้อหุ้นจากรายย่อยคืน

ในแถลงการณ์ของโนเกียบอกว่าการเข้าซื้อ Trolltech ทำให้โนเกียสามารถพัฒนาแอพพลิเคชันแบบข้ามแพลตฟอร์มไ้ด้ง่ายขึ้น ซึ่งคำว่า "แพลตฟอร์ม" นั้น โนเกียก็ระบุชัดเจนว่าหมายถึงเว็บ, อุปกรณ์มือถือ และพีซี มาถึงตรงนี้น่าจะพอประเมินได้คร่าวๆ ว่าโนเกียอาจต้องการแพลตฟอร์ม Qtopia (และการเข้ากันได้บน Qt) ไปใช้บนมือถือก็เป็นได้

ว่าแต่ Maemo มันเป็น GTK+ นี่นา

บริษัท Sun Microsystems ได้ตกลงที่จะซื้อ MySQL AB ด้วยราคา 1พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา

โดย Sun จะจ่ายเป็นเงินสดมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ อีก 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในรูปแบบอื่น เพื่อเป็นเจ้าของ MySQL ซึ่ง MySQL เป็นฐานข้อมูลที่บริษัทใหญ่ๆ เช่น Google , Facebook หรือ Nokia ใช้กัน

Sun อ้างว่าการเข้าซื้อ MySQL จะช่วยให้ MySQL ถูกขยายตลาดไปยังบริษัทยักษ์ใหญ่มากขึ้น

ที่มา - PhysOrg.com

ข่าวนี้ประกาศตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ขอเขียนสรุปทีเดียวตอนจบดีลเลยนะครับ

ค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง EA เข้าซื้อกิจการของ VG Holding Corp ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสตูอิโออย่าง BioWare และ Pandemic โดยจ่ายเป็นเงินสดจำนวน 620 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนผู้บริหารของทั้งสองค่ายก็ยังคงดูแลงานเดิมต่อไป แถมพ่วงด้วยตำแหน่งรองประธานของ EA ด้วย

การซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้ EA ได้เฟรนไชส์เกมเพิ่มเข้ามาถึง 10 ตระกูล สำหรับ BioWare มีเกมดังๆ อย่างซีรีย์ Baldur's Gate, Neverwinter Nights และล่าสุด Mass Effect

ที่มา - Gamasutra

ข่าวใหญ่วงการเกมรอบสัปดาห์นี้ เมื่อค่ายเกมใหญ่ 2 ค่ายคือ Blizzard กับ Activision รวมตัวกันเป็น Activision Blizzard

Blizzard จะลงทุนในบริษัทใหม่ 2 พันล้านดอลลาร์ ส่วน Activision ลง 1 พันล้านดอลลาร์​ และซีอีโอคือ Bobby Kotick ซึ่งเป็นซีอีโอของ Activision คนปัจจุบัน การรวมกิจการครั้งนี้ทำให้ Vivendi กลุ่มธุรกิจสื่อขนาดยักษ์ของฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าของ Blizzard กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทใหม่

เกมของ Blizzard เข้มแข็งในตลาดเอเชีย ส่วน Activision มีเกมสำหรับคอนโซลรุ่นใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองบริษัทหวังว่าการรวมกิจการครั้งนี้จะใช้จุดแข็งของทั้งคู่ สู้กับยักษ์ใหญ่อย่าง EA ได้

ที่มา - BBC

ไมโครซอฟท์เข้าซื้อบริษัท Global Care Solutions จำกัด หรือ GCS ด้วยวงเงินที่ไม่เปิดเผยแล้ว โดยบริษัทนี้เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ โดยตัวซอฟต์แวร์ช่วยลดเวลาในการรอพบแพทย์เหลือเพียงประมาณ 17 นาทีเท่านั้น

ไมโครซอฟท์ให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ต่อไป และทีมพัฒนายังคงทำงานต่อไปในกรุงเทพเช่นเดิม โดยการเข้าซื้อครั้งนี้อาจจะทำให้ไมโครซอฟท์ใช้ซอฟต์แวร์จาก GCS บุกตลาดด้านสุขภาพในโรงพยาบาลทั่วโลก

ที่มา - PhysOrg

เป็นข่าวช็อกวงการ IT ตั้งแต่ตอนที่ Oracle ยื่นข้อเสนอซื้อ BEA ด้วยราคา 17 เหรียญต่อหุ้น เบ็ดเสร็จเป็นเงิน 6.6 พันล้านเหรียญ ราคาพอ ๆ กับ SAP ซื้อ BO สำเร็จเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา ทั้งที่ราคานี้ มากกว่าราคาหุ้นของ BEA ใน NASDAQ ถึง 25%

ก่อนหน้านี้เองก็มีข่าวลือว่า Oracle มีความประสงค์จะซื้อทั้ง BEA และ BO อยู่เนือง ๆ ในที่สุด BO โดน SAP ชิงตัดหน้าสำเร็จก่อน

เป็นข่าวมานาน และก็ประกาศออกมาแล้วเมื่อคืนว่า Oracle เสนอซื้อที่ราคาหุ้นละ 17 เหรียญซึ่งแพงกว่าราคาหุ้นของ BEA ประมาณ 25% และการเสนอซื้อยืนยันว่าเป็นเงินสด การเสนอซื้อครังนี้ถูกมองว่าทาง Oracle ต้องการยกระดับ application server และ SOA stack บางตัวให้เหนือกว่า IBM เพราะปัจจุบัน BEA ถือว่าแกร่งที่สุดในด้าน Application Server และ SOA