เมื่อวานตามเวลาในบ้านเรา iPhone X กว่า 300 เครื่องถูกขโมยไปจากรถบรรทุกของ UPS ที่จอดอยู่หน้า Apple Store ในย่าน Stonestown ซานฟรานซิสโก สำหรับเตรียมวางจำหน่ายในวันนี้

มูลค่าความเสียหายทั้งหมดอยู่ที่ราว 370,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 12 ล้านบาท โดยคนขับรถ UPS ยืนยันว่าได้ล็อกรถเอาไว้แล้ว ขณะเดียวกันก็มีพยานในที่เกิดเหตุถ่ายภาพการปล้นครั้งนี้เอาไว้ ทำให้เบื้องต้นสำรวจสามารถระบุรถที่คนร้ายใช้เป็นรถแวนยี่ห้อ Dodge สีขาว

ทั้งนี้ The Next Web อ้างอิงคำพูดของคนในของ Apple Store ในย่าน Stonestown ที่ยืนยันว่าคนที่สั่งจอง iPhone X จะได้สินค้าตามเวลาแน่นอน

ที่มา - The Next Web

สิ้นสุดการรอคอยอันยาวนาน? มา "Say Hello to (the inside of) the Future" กับ iFixit หลังจากเครื่องออกวางจำหน่ายเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทาง iFixit ได้นำ iPhone X ไปแกะดูภายในเป็นที่เรียบร้อย พบรายละเอียด ดังนี้

ค่อนข้างได้รับความสนใจอย่างมากกับฟีเจอร์ Face ID บน iPhone X ไม่ว่าจะในประเด็นของเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย ซึง Craig Federighi เคยยืนยันเรื่องความปลอดภัยแล้วว่า ไม่สามารถใช้รูปถ่ายได้ และคนปลดล็อคต้องไม่หลับตาด้วย อย่างไรก็ตามคำถามที่หลายๆ คนน่าจะยังสงสัยอยู่คือ "แล้วฝาแฝดล่ะ?"

ล่าสุด Mashable ได้จับฝาแฝดเหมือน 2 คู่มาทดสอบปลดล็อคด้วย Face ID โดยให้ตัวเครื่องสแกนหน้าของแฝดคนที่ 1 และให้แฝดคนที่ 2 มาปลดล็อค ปรากฎว่า iPhone X สามารถปลดล็อคได้ทั้ง 2 เครื่อง ซึ่งแตกต่างจากกรณีของลายนิ้วมือ ที่ถึงแม้จะเป็นฝาแฝดแต่ลายนิ้วมือก็ยังแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะคน

แอปเปิลประเทศไทยและค่ายมือถือได้ประกาศราคาขาย iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ซึ่งเริ่มเปิดให้จองในวันนี้ (1 พ.ย.) โดยราคาเครื่องเปล่าของดีแทค ทรูมูฟ เอช และเอไอเอส ที่ประกาศออกมาแล้ว เป็นดังนี้

• iPhone 8 64GB ราคา 29,000 บาท
• iPhone 8 256GB ราคา 35,000 บาท
• iPhone 8 Plus 64GB ราคา 33,000 บาท
• iPhone 8 Plus 256GB ราคา 39,000 บาท

ส่วนราคาขายผ่าน Apple Store Online จะถูกกว่า 500 บาท อย่างไรก็ตามสำหรับการซื้อผ่านค่ายมือถือนั้นจะมีแพ็คเกจส่วนลดต่างๆ ให้เลือก รายละเอียดอยู่ท้ายข่าว

Steven Levy จาก Wired เผยแพร่รีวิว iPhone X ซึ่งเขาได้รับมาทดสอบเป็นพิเศษจากแอปเปิล ซึ่งถือเป็นรีวิวทางการฉบับแรก สาเหตุหนึ่งที่เป็น Levy ก็เพราะเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รีวิว iPhone รุ่นหนึ่งเป็นคนแรกๆ

บทความนี้ไม่ได้รีวิวในทุกแง่มุมของ iPhone X เช่นเรื่องกล้อง ซึ่ง Levy บอกว่าไม่ถนัด โดยมีประเด็นน่าสนใจดังนี้

ในช่วงที่ iPhone X เพิ่งเปิดให้สั่งซื้อและยังไม่ส่งมอบเครื่อง ก็มียูทูบเบอร์สาวรายหนึ่งชื่อ Brooke Peterson โพสต์วิดีโอไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของแอปเปิล และคุยกับพ่อของเธอซึ่งเป็นพนักงานของแอปเปิล และมี iPhone X ใช้งานก่อนบุคคลภายนอกบริษัท

Brooke จึงมีโอกาสได้ถ่ายคลิปลองใช้ iPhone X จากในโรงอาหาร Caffe Macs ของแอปเปิลเอง และโพสต์ต่อสาธารณะ

หลังจากวิดีโอถูกเผยแพร่ออกไป แอปเปิลก็ไล่พ่อของเธอออกจากงานทันที ด้วยเหตุผลว่าละเมิดกฎของแอปเปิลที่ห้ามถ่ายวิดีโอในสำนักงาน และเผยแพร่ iPhone X ที่ยังไม่วางขายทั่วไป

คลิปต้นฉบับถูกลบไปแล้ว แต่ยังมีคนดูดคลิปเก็บไว้และอัพโหลดเข้า YouTube ใหม่อยู่เรื่อยๆ ครับ

แอปเปิลเริ่มเปิดให้จอง iPhone X ในประเทศที่วางจำหน่ายไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเริ่มส่งมอบในวันที่ 3 พฤศจิกายน ซึ่งผู้ที่จองหลายคนพบว่าสินค้าเริ่มหมดอย่างรวดเร็ว ต้องรอสินค้าถึงราว 5-6 สัปดาห์

ตัวแทนของแอปเปิลระบุว่า จากกระแสตอบรับเบื้องต้นนั้น ความต้องการ iPhone X สูงเกินกว่าจะอธิบายได้ (off the charts) โดยแอปเปิลกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์แห่งนวัตกรรมนี้ จะส่งถึงมือลูกค้าทุกคนที่ต้องการได้รวดเร็วมากที่สุด

ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์หลายรายให้ความเห็นว่า แม้ความต้องการ iPhone X จะสูง แต่แอปเปิลก็จะประสบปัญหาการผลิตให้ทันความต้องการ โดยเฉพาะจากปัญหาชิ้นส่วนกล้อง TrueDepth ที่ใช้ในการปลดล็อกด้วยใบหน้า

แอปเปิลเผยราคาค่าซ่อม iPhone X ซึ่งก็แพงตามคาด โดยค่าเปลี่ยนจออยู่ที่ 279 ดอลลาร์ (9,300 บาท) และค่าซ่อมส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่จอ (other damage) สูงถึง 579 ดอลลาร์ (19,000 บาท) เกินครึ่งของราคาเครื่องเลยทีเดียว

ราคานี้เพิ่มจากค่าซ่อม iPhone 6/6s/7/8 รุ่นปกติ ที่ราคา 149 ดอลลาร์สำหรับจอ และ 319 ดอลลาร์สำหรับค่าซ่อมส่วนอื่นๆ (ถ้าเป็นรุ่น Plus จะเป็น 169/349 ดอลลาร์)

ในกรณีที่ลูกค้าซื้อประกัน AppleCare+ ที่ครอบคลุมการทำพัง 2 ครั้งแรก ค่าเปลี่ยนจอจะอยู่ที่ 29 ดอลลาร์ และค่าซ่อมส่วนอื่นคือ 99 ดอลลาร์ (ค่า AppleCare+ ราคา 199 ดอลลาร์)

Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ CNBC พูดถึง iPhone X ซึ่งจะเปิดให้จองในสัปดาห์นี้ว่า เขาเลือกที่จะรอและดูก่อน โดยตอนนี้เขาพอใจกับ iPhone 8 ที่ใช้อยู่ปัจจุบันอยู่แล้ว

Wozniak บอกว่า iPhone X จะเป็นไอโฟนรุ่นแรกที่เขาจะไม่รีบซื้อมาใช้ในวันแรก (จากปกติที่จะซื้อวันแรกทุกรุ่น) อย่างไรก็ตามภรรยาเขาจะซื้อมาในวันแรกแน่นอน ฉะนั้นเขาก็ยังได้เห็นจากคนใกล้ตัวแล้วค่อยตัดสินใจอีกที ส่วนเหตุผลลึกๆ ที่เขายังไม่ยอมมาใช้ iPhone X นั้นไม่ได้บอกว่าเพราะอะไร

เขาเคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าฟีเจอร์ปลดล็อกด้วยใบหน้า Face ID ของ iPhone X จะทำงานได้ราบรื่นดีแบบที่แอปเปิลต้องการ

มีข่าวลือมานานเกือบค่อนปี สำหรับการเปิดตัว iPhone รุ่นพิเศษในวาระครบรอบ 10 ปี iPhone ก่อนที่แอปเปิลจะเปิดตัว iPhone X เป็นรุ่นพิเศษนอกเหนือรุ่นปกติอย่าง iPhone 8 / 8 Plus ซึ่งถึงแม้จะไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการแต่จากชื่อรุ่นก็ทำให้คิดได้ว่าเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปี iPhone

อย่างไรก็ตาม Jonathan Ive หัวหน้าฝ่ายออกแบบของแอปเปิลกลับบอกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องบังเอิญที่น่าประหลาดใจ (wonderful coincidence) จากการให้สัมภาษณ์กับ Casa Brutus แมกกาซีนด้านดีไซน์ของญี่ปุ่น Ive บอกด้วยว่าแผนการพัฒนา iPhone X ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี โดยเฉพาะการพัฒนา Face ID และกล้อง TrueDepth และเป็นโปรเจ็คที่ยากที่สุดโปรเจ็คหนึ่งของแอปเปิล

Counterpoint Technology Market Research บริษัทวิจัยตลาดเปิดเผยการคาดการรายได้ของ Samsung Electronics ที่คาดว่าจะทำเงินจากการขายชิ้นส่วนของ iPhone X มากกว่าที่ทำได้จากชิ้นส่วน Galaxy S8

Counterpoint ระบุว่าซัมซุงขายชิ้นส่วนให้แอปเปิลคิดเป็นราว 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อ iPhone X 1 เครื่อง ซึ่งบริษัทก็คาดว่าแอปเปิลน่าจะขาย iPhone X ได้ไม่ต่ำกว่า 130 ล้านเครื่องภายในฤดูร้อนปีหน้า เป็นเงินทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 14,300 ล้านดอลลาร์

ขณะที่รายได้จากชิ้นส่วนของ Galaxy S8 ต่อเครื่องมากกว่าอยู่ที่ 202 ดอลลาร์ แต่ทว่า Counterpoint คาดว่า S8 จะได้ขายได้ราว 50 ล้านเครื่องเท่านั้นในกรอบเวลา 20 เดือน เป็นเงินเพียง 1 หมื่นล้านดอลลาร์

iPhone X เปิดตัวออกมาพร้อมกับกระแสหลายด้าน หนึ่งในนั้นหนีไม่พ้นเรื่องราคาที่พุ่งทะลุเพดานถึง 1,000 ดอลลาร์ ซึ่งสำหรับคนกลุ่มหนึ่งเรื่องราคาคงไม่เป็นปัญหา อย่างที่ RBC Capital Market บริษัทด้านการเงินได้เผยผลสำรวจออกมา

RBC ระบุว่าในกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจที่ตั้งใจจะซื้อ iPhone รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว มีถึง 43% ที่ตั้งใจจะซื้อ iPhone X ขณะที่ iPhone 8 Plus และ iPhone 8 อยู่ที่ 32% และ 25% ตามลำดับ โดยในส่วนของผู้ที่จะซื้อ iPhone X กว่า 57% ระบุว่าไม่หวั่นเรื่องราคาแพงละตั้งใจจะซื้อรุ่นความจุ 256GB ซึ่งนักวิเคราะห์ของ RBC ชี้ว่าเพราะการที่แอปเปิลนำความจุระดับกลางออกไป ทำให้ผู้ที่ต้องการความจุมากกว่า 64GB ไม่มีตัวเลือก

ซีอีโอแอปเปิล Tim Cook ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ครั้งแรกหลังเปิดตัว iPhone X ในรายการ Good Morning America โดยเขาตอบคำถามจากผู้ชมทางบ้านเกี่ยวกับราคา iPhone X ที่สูงถึง 999 ดอลลาร์ ว่าแพงเกินไปหรือไม่ว่า นี่เป็นราคาที่คุ้มค่าสำหรับเทคโนโลยีที่ได้รับ ขณะเดียวกันผู้ซื้อก็มีทางเลือกทั้งจ่ายเต็มราคา ผ่อนชำระ หรือได้รับส่วนลดจากผู้ให้บริการมือถือ

เขายังเสริมต่ออีกว่า iPhone ได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันแต่ละคนมากขึ้นเรื่อยๆ และคาดหวังให้สามารถทำอะไรได้มากขึ้น ฉะนั้นแอปเปิลก็ต้องทำให้มากขึ้น และใส่เทคโนโลยีให้มากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการนี้เช่นกัน นอกจากนี้เขายังย้ำแนวทางแอปเปิลว่าคือการทำของที่ดีที่สุดมาขาย ไม่ใช่ทำของมาขายให้ได้มากที่สุด

หลังเปิดตัวและเรียกความสนใจไปได้ไม่น้อยสำหรับ iPhone X ล่าสุด Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก KGI Securities ออกมาคาดการว่ากว่าแอปเปิลจะสามารถส่งมอบ iPhone X ได้ตามดีมานด์ของตลาดทั้งหมด ก็ภายในครึ่งปีแรกของปี 2018 เนื่องจากผลิตไม่ทันและความต้องการสูง

Kuo ระบุด้วยว่านอกจากผลิตไม่ทัน เพราะขาดชิ้นส่วนแล้ว สาเหตุที่แอปเปิลเปิดให้พรีออเดอร์ iPhone X ปลายเดือนหน้า ก็เพราะกลัวจะกระทบยอดขาย iPhone 8 และ 8 Plus

นอกจากนี้ยังมีการปรับตัวเลขยอดส่งมอบ iPhone X ที่ถูกคาดการในปีนี้ก่อนหน้านี้ว่าจะอยู่ที่ราว 45-50 ล้านเครื่องเหลือที่ราว 40 ล้านเครื่องเท่านั้น ส่วนตัวเลขคาดการในปีหน้าถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็นราว 80-90 ล้านเครื่อง

Craig Federigh หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของแอปเปิล เดินสายให้สัมภาษณ์สื่อหลายแห่งเกี่ยวกับ Face ID ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าที่ใช้ใน iPhone X ซึ่งมีประเด็นน่าสนใจหลายอย่างต่อเนื่องจากอีเมลที่เขาตอบนักพัฒนา

เขาเริ่มต้นโดยเล่าถึงการเตรียมชุดข้อมูลเพื่อเรียนรู้สำหรับสร้างตัวแบบ โดยใช้รูปภาพมากกว่าพันล้านไฟล์ ออกมาเป็นอัลกอริทึมที่ใช้งานได้ดี และเมื่อนำมาใส่ใน iPhone ข้อมูลทั้งหมดจะเก็บไว้แค่ในเครื่องเท่านั้น ไม่มีการส่งออกข้อมูลเพื่อนำไปเรียนรู้เพิ่มเติมอีก ซึ่งทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน

หลังจากการเปิดตัวระบบปลดล็อกเครื่องด้วยใบหน้าหรือ Face ID บน iPhone X ตามมาด้วยคำถามเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานจริง

ล่าสุด พ่อค้าแม่ค้าบน Taobao เว็บขายของออนไลน์ชื่อดังของจีนไม่พลาดที่จะเกาะกระแส ประกาศขายหน้ากากคลุมหน้าพร้อมคำโฆษณาว่า นี่คือเครื่องมือที่จะช่วยไม่ให้คุณถูกปลดล็อกด้วย Face ID ขณะนอนหลับ

หน้ากากคลุมหน้าที่นำมาขายนี้ จริงๆ แล้วคือหน้ากากสำหรับกันแดด (มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Facekini) ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศจีน และมีราคาขายตั้งแต่ 5-15 ดอลลาร์ ถึงจะเป็นสินค้าเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่การเปลี่ยนพาดหัวให้เข้ากับกระแส ก็ถือว่าเป็นอีกหน่ึงสีสันของการโฆษณาที่น่าสนใจ

คำถามเรื่องระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าใน iPhone X ที่ชื่อ Face ID ดูจะยังมีออกมาต่อเนื่อง ล่าสุด Keith Krimbel นักพัฒนาได้อีเมลสอบถาม Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของแอปเปิล และเขาได้นำอีเมลคำถามและคำตอบมาโพสต์ลง Twitter มีรายละเอียดดังนี้

คำถามแรกนั้นมาจากที่แอปเปิลบอกว่า Face ID ทำงานได้ แม้เราสวมหมวก, ผ้าพันคอ, ใส่แว่นตา, แต่งหน้า แต่เมื่อถามถึงแว่นตากันแดด Craig บอกว่า ใช้งานได้เป็นส่วนมาก แต่ไม่ทั้งหมด โดยการทำงานนั้นจะใช้อินฟราเรดในการตรวจสอบดวงตา

ในคีย์โน้ตเปิดตัว iPhone X นั้น ช่วงเวลาหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมาก ก็คือการสาธิตการใช้งานโดย Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ เนื่องจากเขาเริ่มด้วยการใช้ Face ID ปลดล็อกเครื่อง แต่ทว่ามันกลับไม่ทำงานจนต้องใช้เครื่องสำรองแทน

โฆษกของแอปเปิลไม่ปล่อยให้คนสงสัยนาน ได้ทำจดหมายชี้แจงสื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเวทีว่า iPhone X ถูกวางไว้บนเวที และทีมงานหลังเวทีได้มาหยิบจับทดสอบดูความปกติหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่หยิบเครื่อง กล้องหน้าสแกน Face ID ก็จะทำงานเช็กใบหน้าคนหยิบมาดูทุกครั้ง ซึ่งย่อมไม่สำเร็จเพราะไม่ใช่ใบหน้าของ Craig แต่พอเป็นเช่นนี้หลายครั้ง ถึงคราวที่ Craig จะหยิบมาใช้งานจริง iPhone ก็เลยขึ้นข้อความบังคับให้ใส่ Passcode ก่อนนั่นเอง

ฟีเจอร์ใหม่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่บน iPhone X และ iPhone 8, 8 Plus เมื่อคืนนี้ นอกจากรองรับการชาร์จไร้สายแล้ว ทั้งสามรุ่นยังรองรับฟีเจอร์ชาร์จเร็ว (Fast-Charging) ด้วย ซึ่งแอปเปิลระบุว่าสามารถชาร์จได้สูงสุด 0 ถึง 50% ได้ในครึ่งชั่วโมง

แต่ทว่าอแดปเตอร์และสาย USB-A ที่ให้มาในกล่อง กลับไม่สามารถจ่ายไฟได้ตามความเร็วข้างต้น ต้องอาศัยหัวชาร์จอแดปเตอร์ที่เป็นพอร์ท USB-C และสาย USB-C to Lightning ที่ขายแยก โดยบนเว็บแอปเปิลสหรัฐ อแดปเตอร์ USB-C มีถึง 3 รุ่นย่อยคือ 87W, 61W และ 29W

iPhone X เปิดตัวไปแล้วด้วยราคาที่หลายคนบอกว่าแพงทีเดียวคือ $999 สำหรับ 64GB และ $1199 สำหรับ 256GB แต่นั่นคือราคาที่ขายในอเมริกา ซึ่งพอมาจำหน่ายในประเทศไทยราคาก็น่าจะเปลี่ยนไป ไม่ได้คูณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนกันตรงๆ แต่ตอนนี้ราคาไทยยังไม่ออกมา ตัวเปรียบเทียบที่น่าจะพอใช้ได้ก็คือราคาของประเทศที่ใกล้กับเมืองไทย

โดยราคาขาย iPhone X ของประเทศในทวีปเอเชียบางส่วนที่อยู่กลุ่ม Tier-1 ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายวันที่ 3 พฤศจิกายน มีราคาขายตามความจุ 64GB และ 256GB ดังนี้

หลังแอปเปิลเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ทั้ง iPhone 8 / 8 Plus และ iPhone X ที่รองรับความสามารถในการชาร์จไร้สายไปแล้ว ก็ไม่พ้นที่แอปเปิลจะทำแท่นชาร์จไร้สายที่รองรับการชาร์จอุปกรณ์หลายๆ เครื่องพร้อมกันก่อนจะเผยโฉม (Sneak Peek) ให้ดูคร่าวๆ

แท่นชาร์จไร้สายนี้แอปเปิลเรียกว่า Air Power ใช้มาตรฐานการชาร์จไร้สายของ WPC หรือชื่อการค้า Qi Wireless Charging รองรับการชาร์จทั้ง iPhone รุ่นใหม่, Apple Watch Series 3 และ AirPods ที่อยู่ในเคสแบบใหม่ ซึ่งยังไม่มีการเปิดตัวหรือพูดถึง ซึ่งจะชาร์จทั้งเคสและ AirPods ไปพร้อมๆ กัน ขณะที่แท่นชาร์จนี้ยังไม่มีการเผยราคาหรือวันวางจำหน่ายครับ

นอกจาก iPhone 8 และ 8 Plus แอปเปิลยังเปิดตัว iPhone X (อ่านว่า ไอโฟนเท็น) ตามความคาดหมาย

iPhone X ใช้ดีไซน์ตรงกับข่าวหลุดที่ออกมาก่อนหน้านี้ หน้าจอ OLED เกือบไร้ขอบ มีแหว่งด้านบน ตัดปุ่มโฮมออก เปลี่ยนมาใช้กล้องหน้า True-Depth สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคแทน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์

ก่อนหน้านี้เราเห็นข่าวว่าแอปเปิลจะเปิดตัว iPhone ใหม่ 3 รุ่น ซึ่งตอนแรกระบุชื่อเป็น iPhone 7s, 7s Plus, 8 แล้วกลายมาเป็น iPhone 8, 8 Plus, Edition

ล่าสุดมีคนไปค้นพบข้อความใน iOS 11 ว่าชื่อรุ่นจะเป็น iPhone 8, 8 Plus และ iPhone X ซึ่งแหล่งที่มาของข้อมูลจากตัว iOS เองมีความน่าเชื่อถือมากกว่าข่าวหลุดก่อนหน้านี้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ว่า iPhone X อาจเป็นรหัสเรียกชื่ออุปกรณ์ และไม่ใช่ชื่อที่ใช้ทำตลาดจริงก็ได้เช่นกัน

ข้อมูลอื่นที่พบใน iOS 11 คือฟีเจอร์ปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า จะใช้ชื่อว่า Face ID และมีฟีเจอร์ Animoji ที่เป็น emoji แบบแอนิเมชัน+3D

Ming-Chi Kuo นักวิจัยตลาดที่มีข้อมูลทางสายการผลิตสินค้าของแอปเปิลได้เผิดเผยว่า ไอโฟนรุ่นต่อไปอาจจะใช้ชื่อว่า iPhone Edition และอาจจะมีราคาขายที่สูงกว่าเดิมมาก เนื่องจากว่าต้นทุนในการผลิตจอ OLED ที่แอปเปิลได้จ้างซัมซุงมาผลิตให้นั้นสูงกว่าเดิมมาก จากไอโฟนรุ่นปัจจุบันที่วางขายอยู่ต้นทุนจอภาพอยู่ที่ 45-55 ดอลลาร์สหรัฐ มาเป็น 120-130 ดอลลาร์สหรัฐ

เรื่องชิ้นส่วน stack ของจอภาพใหม่ของไอโฟนนั้น คาดว่าจะประกอบไปด้วยจอภาพ OLED แบบยืดหยุ่นได้, touch panel, โมดูล 3D Touch และโมดูล OLED panel โดยซัมซุงจะเป็นผู้รับผิดชอบในการผลิตทุกชิ้นส่วนยกเว้นโมดูล 3D Touch

ลือกันมานานว่าแอปเปิลจะเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ 3 รุ่นในวันที่ 12 กันยายนนี้ โดยหนึ่งจะนั้นจะเป็น iPhone รุ่นครบรอบ 10 ปี ซึ่งบ้างก็เรียกกันว่า iPhone Pro หรือง่ายๆ ก็ iPhone 8

แต่ทว่าล่าสุด Seth Weintraub นักเขียนจากเว็บ 9to5Mac ระบุว่าตัวเขาได้ข้อมูลมาจากผู้ผลิตเคสในงาน IFA 2017 พร้อมได้เห็นอาร์ทเวิร์คเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์จากแหล่งข่าวดังกล่าวด้วยว่า iPhone ทั้ง 3 รุ่นที่จะถูกเปิดตัว แอปเปิลจะเรียกว่า iPhone 8, iPhone 8 Plus และรุ่นพิเศษคือ iPhone Edition