Hewlett Packard Enterprise (HPE) ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มและโซลูชันด้าน Internet of Things (IoT) ของตนเอง มีสองส่วนประกอบในโซลูชั่น คือ Edgeline และเทคโนโลยีจาก Aruba Sensors บริษัทลูกของ HPE

ส่วนแรกที่เป็น Edgeline คือเกตเวย์ที่รวมเอาข้อมูลต่างๆ จากตัวเซนเชอร์และนำมาวิเคราะห์ พัฒนาร่วมกับทาง Intel โดยแบ่งเป็นสองรุ่นคือ IoT System EL10 ที่เหมาะกับงานพื้นฐาน และ EL20 ซึ่งมีความสามารถมากกว่าตัวแรก รองรับการประมวลผลได้มากกว่า ทั้งสองตัวรองรับ Microsoft Azure IoT Suite และ Windows 10 IoT

อีกส่วนหนึ่งเป็นเทคโนโลยีด้าน beacons และการบริหารจัดการเซนเซอร์ต่างๆ รวมไปถึงตัวเซนเซอร์แบบใหม่ของ Aruba ที่ทำให้การเก็บข้อมูลต่างๆ ง่ายขึ้นกว่าเดิม

Seeed Studio เปิดตัวบอร์ด Wio Link บอร์ด ESP8266 ที่มาพร้อมกับบริการของทาง Seeed Studio ทำให้สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ จากโทรศัพท์มือถือ และอ่านค่าสภาพแวดล้อมจากเซ็นเซอร์เข้าสู่โทรศัพท์ได้

Wio Link มีความได้เปรียบบอร์ด ESP8266 ตัวอื่นๆ คือการรับโมดูล Grove มากกว่า 150 แบบ และสามารถคำหนดพฤติกรรมของบอร์ดได้สามช่องทาง ได้แก่ IFTTT, แอป Wio Link, และเขียนโค้ดผ่าน RESTful API

ตัวบอร์ดเดียวเริ่มที่ 12 ดอลลาร์ ชุดเซ็นเซอร์ใหญ่สุดไปจนถึงชุดมีสองบอร์ดและเซ็นเซอร์ชุดใหญ่ 89 ดอลลาร์ เริ่มผลิตเดือนมกราคมปีหน้า และส่งมอบได้เดือนกุมภาพันธ์

ที่มา - Kickstarter

MediaTek ผู้ผลิตชิป ARM ราคาประหยัดหลายตัวหันมาบุกตลาดแพลตฟอร์มพัฒนาอุปกรณ์ IoT บ้างแล้วด้วยแพลตฟอร์ม LinkIt Smart 7688 โดยตัวแพลตฟอร์มรองรับ OpenWRT เป็นหลัก

ตัวบอร์ด LinkIt มีสองรุ่น คือรุ่นธรรมดาและรุ่น Duo ที่เพิ่มชิป ATmega32U4 เข้ามาไว้ใช้งานกับ Arduino IDE ทั้งสองรุ่นใช้ซีพียู MT7688 สถาปัตยกรรม MIPS ทำงานที่สัญญาณนาฬิกา 580MHz แรม 128MB หน่วยความจำแฟลช 32MB มีช่องต่อ micro SD ที่สำคัญคือมี Wi-Fi ในตัว ส่วนพอร์ตอีเธอร์เน็ตแม้ชิปจะรองรับแต่ไม่ได้ต่อพอร์ตเอาไว้หากต้องการใช้งานต้องซื้อบอร์ดเสริม

OpenWRT ที่ MediaTek เตรียมไว้ให้มีไลบรารีสำคัญๆ เช่น UVC USB สำหรับต่อกล้องวงจรปิด, Arduino Yun Bridge, libmraa สำหรับการใช้งาน I/O ผ่าน node.js และ Python

เมื่อวันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา Cisco จัดเสวนาวงปิดเรื่อง "Internet of Everything (IoE) เปลี่ยนประเทศไทย" โดยเป็นการสนทนาเกี่ยวกับบทบาท Internet of Everything ในประเทศไทยที่โรงแรม Grand Hyatt Erawan ซึ่งผมมีโอกาสเข้าร่วมงานดังกล่าวนี้ด้วย เลยสรุปมาให้ได้อ่านกันครับ

Imagination เปิดตัวบอร์ด Ci40 ที่รองรับระบบปฏิบัติการ Brillo มาตั้งแต่เดือนตุลาคม แต่ยังไม่แจ้งวันจำหน่าย ตอนนี้ก็หันมาเปิดแคมเปญใน KickStarter ระดมทุน 20,000 ปอนด์เพื่อผลิตบอร์ดตัวนี้แล้ว โดยมีกำหนดส่งมอบเดือนเมษายนปีหน้า

ชุด CreatorCi40 แต่ละชุดจะมาพร้อมกับบอร์ด Ci40 หนึ่งบอร์ด, บอร์ด 6LoWPAN สองบอร์ด, และบอร์ดเซ็นเซอร์/ควบคุม ที่ชื่อว่า Clicker อีก 3 บอร์ด ทั้งชุด 80 ปอนด์ แต่หากสั่งเฉพาะ Ci40 ก็จะราคาบอร์ดละ 35 ปอนด์

กูเกิลเปิดตัว Project Billo ระบบปฏิบัติการสำหรับ Internet of Things เมื่อช่วงกลางปีที่งาน I/O 2015 จากนั้นก็เงียบหายไปพักใหญ่ๆ

ความคืบหน้าล่าสุดคือกูเกิลเริ่มเชิญนักพัฒนาภายนอกร่วมทดสอบ Brillo แล้ว นักพัฒนาที่ได้รับเชิญเข้าร่วมโครงการจะได้ SDK ไปร่วมทดสอบ (สมัครเข้าร่วมโครงการได้จากหน้า Brillo) และกูเกิลก็เริ่มปล่อยซอร์สโค้ดบางส่วนของ Brillo ขึ้น Git ของ Android แล้วเช่นกัน (ขณะที่เขียนข่าวยังไม่มีไฟล์ซอร์สจริงๆ แต่มีไฟล์ manifest ถูกอัพโหลดขึ้นมาแล้ว)

ซัมซุงเปิดตัวชิป Artik มาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา แต่จนตอนนี้นักพัฒนาที่ได้จับชิปตัวนี้จริงๆ ยังเป็นพันธมิตรของซัมซุงเท่านั้น และยังไม่มีแผนว่าจะขายชิปตัวนี้เป็นการทั่วไปเมื่อใด ตอนนี้สำนักข่าว etnews อ้างแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมว่าซัมซุงจะขายชิปชุดนี้ต้นปีหน้า

แหล่งข่าวนี้ระบุว่าซัมซุงเริ่มส่งมอบชิปให้พันธมิตร (น่าจะวงกว้างกว่าเดิมที่ส่งให้บางรายตั้งแต่ช่วงเปิดตัว) เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

Artik จะชนกับสินค้าตระกูล IoT ของอินเทลหลายตัว เช่น Artik 1 ที่มีเซ็นเซอร์ในตัวจะมีฟังก์ชั่นการทำงานคล้ายกับ Intel Curie ขณะที่รุ่นสูงขึ้นไปอย่าง Artik 5 ก็จะใกล้เคียง Intel Edison

ARM ลงทุนพัฒนา mbed OS อย่างหนักตั้งแต่เปิดตัวในปีที่แล้ว จากรุ่นเบต้า ในงาน TechCon ทาง ARM ก็ปล่อยรุ่น Technology Preview ออกมา โดยเพิ่มฟีเจอร์สำคัญหลายอย่าง

ไปเจอของเล่นจากเกาหลีอีกชิ้นหนึ่งมา ชื่อว่า Microbot Push จากค่าย Naran สิ่งนี้ทำหน้าที่กดปุ่มสวิตช์อุปกรณ์ต่างๆ แทนนิ้วคน ทำงานผ่านแอพ แม้เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องเดิมที่บ้านจะไม่ได้ทันสมัยรองรับ IoT ก็ใช้สิ่งนี้สั่งการแทน เรียกง่ายๆ ว่าเป็น robotic finger

วิธีการติดตั้งก็ไม่ยาก แปะตัวนี้ด้วยเทปกาวสองหน้าไว้บนสวิตช์อุปกรณ์ที่ต้องการ นอกจากจะคุมผ่านแอพได้ ถ้ามี Microbot Push หลายๆ ตัวก็คุมผ่านศูนย์กลางที่ชื่อ Prota Box ที่กำหนดบทบาทของการกดแต่ละอย่างได้ละเอียดขึ้นคล้ายสร้างกฎบน IFTTT พร้อมซิงค์กับเซอร์วิสต่างๆ อย่าง Facebook, Twitter, Philips Hue และ MailChimp ได้แล้ว

เมื่อต้นปีนี้ อินเทลเปิดตัว Xeon D ซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์แบบ SoC ล่าสุดอินเทลขยายไลน์สินค้าตระกูล Xeon D-1500 เพิ่มเติม แบ่งเป็นซีพียู Xeon D สำหรับเซิร์ฟเวอร์ 3 รุ่นย่อย และซีพียูสำหรับอุปกรณ์สตอเรจและเครือข่ายอีก 8 รุ่นย่อย

นอกจากนี้ อินเทลยังออกชิปคอนโทรลเลอร์ Ethernet ตระกูล FM10000 (100 Gigabit แบบหลายโฮสต์) และ X550 (10 Gigabit) มาด้วย

ปลายปีที่แล้ว อินเทลเปิดตัว IoT Platform ของตัวเองเป็นครั้งแรก ปีนี้อินเทลประกาศอัพเกรด IoT Platform เป็นรุ่นที่สอง การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ

Windows 10 IoT Core ออกรุ่น Insider Preview รุ่นใหม่ มีฟีเจอร์เพิ่มเติมอีกหลายอย่าง จุดสำคัญที่สุดคงเป็นการรองรับบอร์ด DragonBoard 410c เพิ่มเติมจากเดิมรับเฉพาะ Raspberry Pi 2 และ Minnowboard Max

นอกจากการรับบอร์ดใหม่แล้ว แพลตฟอร์มพัฒนายังรองรับ Arduino Wiring ทำให้สามารถใช้โค้ดจากไฟล์ INO ของ Arduino มาใช้งานได้ใน Visual Studio เพื่อควบคุมอุปกรณ์ผ่าน GPIO, SPI, I2C, ADC, และ PWM แถมยังใช้ไลบรารีเหล่านี้ใน C# และ XAML ได้ สำหรับบอร์ด RPi2 และ Minnowboard Max จะรองรับไดรเวอร์ใหม่ direct memory mapped ทำให้ควบคุม I/O ด้วยความเร็วสูงหากบอร์ดรองรับ GPIO สามารถส่งค่าได้ถึง 4MHz

Imagination ผู้ถือสิทธิ์ซีพียู MIPS ประกาศเปิดตัวบอร์ด CI40 อัพเดตจาก CI20 เมื่อปีที่แล้ว แม้ว่าตัวบอร์ดจะยังไม่วางขาย แต่ทางบริษัทก็เปิดเผยซอฟต์แวร์ที่จะซัพพอร์ตแล้ว

ตัวสำคัญที่สุดคือ Brillo ของกูเกิล ที่เปิดตัวตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางแอนดรอยด์รองรับสถาปัตยกรรม MIPS มาได้พักใหญ่ การซัพพอร์ต Brillo ด้วยจึงทำได้ไม่ยากมาก

อีกสองแพลตฟอร์มที่รองรับ คือ OpenWRT ที่รองรับชิป MIPS มานานเพราะถูกใช้งานในเราท์เตอร์จำนวนมาก และตัวสุดท้ายคือเดเบียนที่รองรับ MIPS เต็มรูปแบบมานานแล้วเช่นกัน

ตัวบอร์ดยังไม่เปิดวันวางจำหน่าย ระหว่างนี้มีเพียงให้ลงทะเบียนอีเมลแสดงความสนใจ

เครือข่าย WAN สำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็กได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ จากเครือข่ายที่เปิดตัวมาก่อน เช่น Sigfox หรือ Archos ที่กำลังวางเครือข่ายใหม่ ตอนนี้โครงการ The Things Network ใน Kickstarter ก็เปิดให้คนทั่วไปสร้างเครือข่ายกันได้เองแล้ว

ชุดเครือข่ายของ The Things มีสามชิ้น ได้แก่ Gateway ที่รองรับอุปกรณ์ได้ถึงหมื่นชิ้น ระยะทางสูงสุดสิบกิโลเมตร, Node เป็นเซ็นเซอร์อุณหภูมิ/ความเคลื่อนไหว/สวิตช์/หลอดไฟ LED, Uno บอร์ดเสริมสำหรับ Arduino UNO

ราคาตัวเกตเวย์ 200 ยูโร, Node 60 ยูโร, และ Uno 40 ยูโร ส่งมอบได้กลางปีหน้า

Samsung SmartThings เปิดตัวฮับสำหรับควบคุมบ้านมาเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้ชุดเริ่มต้น Home Monitor Kit ก็เริ่มวางขายในสหรัฐฯ แล้ว ด้วยราคา 249 ดอลลาร์

ชุดเริ่มต้นประกอบไปด้วย ปลั๊กควบคุมไฟฟ้าหนึ่งจุด, เซ็นเซอร์ประตูหน้าต่างสองจุด, เซ็นเซอร์ความเคลื่อนไหวหนึ่งจุด, และตัวฮับอีกหนึ่งชุด

เปิดขายผ่าน Best Buy, Amazon, Sears.com, และ Samsung.com

บริการ AWS IoT เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพร้อมชุดพัฒนาที่รองรับบอร์ดหลายรุ่นในตลาด แต่มีรุ่นหนึ่งที่พิเศษกว่าคนอื่นคือ Marvell EZ-Connect MW302 จาก Marvell ที่ออกมาเพื่อทำงานร่วมกับ AWS IoT โดยเฉพาะ ตัวรอมตั้งต้นเองก็โหลดรอมที่พร้อมเชื่อมต่อกับ AWS IoT

ตัวบอร์ดเป็นชิป Wi-Fi SoC ของ Marvell เอง รองรับ 802.11bgn ที่ 2.4GHz ตัวโมดูลมีเสาอากาศในตัว ส่วนบอร์ดพัฒนามีปุ่มกดอินพุต, ไฟ LED, ขา I/O ต่างๆ , ภาคจ่ายไฟ, USB-UART, และหัว JTAG

อเมซอนเปิดตัวบริการ AWS IoT เป็นไลบรารีสำหรับยิงข้อมูลไปกลับจากอุปกรณ์ขนาดเล็ก เชื่อมต่อกับบริการของ AWS เช่น AWS Lambda, Amazon Kinesis, และ Amazon S3

ตัว SDK ชุดแรกออกมาสำหรับ Arduino Yún สร้างบนฐานของ MQTT มาตรฐาน (ใช้ paho-mqtt) หากใช้แพลตฟอร์มอื่นๆ ทาง AWS มี SDK รุ่นภาษา C และจาวาสคริปต์ให้

Archos ผู้ผลิตแท็บเล็ตและโทรศัพท์มือถือจากฝรั่งเศสประกาศเปิดตัวเครือข่าย PicoWAN เครือข่ายสำหรับอุปกรณ์ IoT โดยเฉพาะ โดยใช้เทคโนโลยี LoRa บนคลื่นที่ไม่ต้องขออนุญาต จุดเด่นสำคัญคือค่าบริการที่ราคาถูก เพียง 0.5 ปอนด์ต่ออุปกรณ์เท่านั้น

การวางเครือข่ายเริ่มต้น ทาง PicoWAN จะแจกเกตเวย์ให้กับผู้สนใจ ภายในสิ้นปี 2016 รวมทั้งหมด 200,000 ชิ้น เกตเวย์นี้จะปล่อยสัญญาณ LoRa และเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ผ่านทาง Wi-Fi หรือแลนปกติ

ผู้ใช้ทั่วไปจะต้องจ่ายค่าบริการเครือข่ายเริ่มต้นที่ 0.5 ปอนด์ หรือประมาณ 27 บาทต่อปี ทาง PicoWAN ยังไม่เปิดเผยว่าที่ราคานี้จะสามารถส่งข้อมูลได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนผู้ที่ติดตั้งเกตเวย์จะได้รับส่วนแบ่งค่าบริการสูงสุด 50% ขึ้นกับปริมาณข้อมูลที่ผ่านเกตเวย์นั้นๆ

หากยังจำ Nest กันได้ แบรนด์นี้คืออีกแบรนด์ในอ้อมกอด Google ที่สร้างฮาร์ดแวร์ไว้ใช้ในบ้าน สนองเทรนด์ Internet of Things ที่รุกคืบหนักในตอนนี้

ล่าสุด Nest ประกาศอัพเดตลูกเล่นให้กับโครงการ 'Work with Nest' ที่เปิดทางให้นักพัฒนานำ API ไปต่อยอด โดยเปิดให้ใช้ Weave ซึ่งเป็นโปรโตคอลเฉพาะ (ที่สินค้าของ Nest ใช้สื่อสารกันแทนไวไฟ ทำงานบน เทคโนโนโลยีกลางอย่าง Tread) กับอุปกรณ์อื่นนอกค่ายได้แล้ว โดยชูข้อดีเรื่องความเสถียร ความหน่วงต่ำ ระยะทำการกว้างไกล ความปลอดภัย และขนาดกะทัดรัด

ไมโครซอฟท์ร่วมมือกับ Adafruit ออกชุดพัฒนาเริ่มต้น Microsoft IoT Pack for Raspberry Pi 2 ที่เป็นชุดทดลองอิเล็กทรอนิกส์พื้นฐาน และการ์ด microSD ที่โหลด Windows 10 IoT Core และซอฟต์แวร์อื่นๆ มาไว้พร้อมแล้ว

รายการของในกล่อง ได้แก่

Orange ประกาศทดสอบเครือข่ายสำหรับอุปกรณ์ IoT โดยใช้เทคโนโลยี LoRa สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ขนาดเล็กเข้าด้วยกัน ตอนนี้ระบบทดสอบติดตั้งในเมือง Grenoble ในฝรั่งเศสแล้ว และจะเริ่มให้บริการขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปี 2016

LoRa รองรับการทำงานที่คลื่นความถี่หลายความถี่ แบนวิดท์ข้อมูลอยู่ระหว่าง 0.3kbps ไปถึง 50kbps ตัวโปรโตคอลรองรับการเข้ารหัสถึงระดับแอพพลิเคชั่น และตัวเกตเวย์แปลงโปรโตคอลเป็นไอพี แม้ว่าจะเลือกติดตั้งเครือข่าย LoRa ไปแล้ว แต่ทาง Orange ก็ยังจะร่วมวางมาตรฐานเครือข่าย 2G/4G สำหรับ IoT คาดว่าจะมีการใช้งานจริงในปี 2017 พร้อมๆ กับการปรับมาตรฐาน 5G ที่น่าจะใช้งานจริงได้ในปี 2022

อินเทล, โนเกีย, และอีริคสัน ร่วมมือกันเสนอมาตรฐาน NB-LTE (Narrow Band LTE) สำหรับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ต้องการส่งข้อมูลไม่มากนัก และสามารถทำงานได้โดยกินพลังงานต่ำ

NB-LTE ใช้คลื่นย่าน 700-900MHz แต่ละช่องใช้ย่านความถี่เพียง 200kHz เท่านั้น และรัศมีการให้บริการเสาส่งจะไกลถึง 15 กิโลเมตร ความเร็วในการดาวน์โหลด 200kbps และอัพโหลด 150kbps ความได้เปรียบของ NB-LTE เทียบกับมาตรฐานอื่นๆ คือมันสามารถอยู่ร่วมกับบริการ LTE ปกติได้ สามารถแชร์ฮาร์ดแวร์และคลื่นความถี่ร่วมกัน

ทางอินเทลระบุว่าชิปที่รองรับ NB-LTE จะเริ่มออกมาในปีหน้า

ARM ประกาศโครงการ mbed OS มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนี้โครงการก็ใกล้พร้อมใช้งานโดยออกมาเป็นรุ่นเบต้าแล้ว

ซอฟต์แวร์และบริการที่ปล่อยออกมาพร้อมกัน ได้แก่

เมื่อต้นปีนี้ Parse บริษัทลูกของ Facebook ที่พัฒนาชุดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาแอพ ประกาศขยายบริการมาทำ Parse of IoT จับตลาด Internet of Things กับเขาด้วย โดยฮาร์ดแวร์ตัวแรกที่รองรับคือบอร์ด Arduino Yun และขยายเพิ่มเติมมายัง Raspberry Pi ในภายหลัง

เวลาผ่านมาประมาณครึ่งปี Parse ประกาศออก SDK เพิ่มเติมรองรับฮาร์ดแวร์อีก 4 ค่ายดังคือ Atmel, Broadcom, Intel, Texas Instruments โดยชุด SDK ทั้ง 4 จะอยู่ในกลุ่ม Partner SDK ที่บริษัทแต่ละรายมาช่วยพัฒนาให้ Parse

วันนี้ (ตามเวลาในประเทศไทย) IBM ประกาศความร่วมมือกับ ARM บริษัทชิปบนอุปกรณ์พกพารายใหญ่ของโลก โดยทาง IBM จะขยายความสามารถของแพลตฟอร์ม IoT (Internet of Things) ของตนเองที่มีชื่อว่า IBM IoT Foundation ให้รองรับกับอุปกรณ์สายที่ใช้หน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรมของ ARM ด้วย ซึ่งทำให้อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีของแพลตฟอร์ม ARM mbed IoT Device สามารถเชื่อมต่อเข้ากับแพลตฟอร์มของ IBM ได้ทันที

นอกจากนั้นแล้ว IBM ยังถือโอกาสนี้ เปิดตัวบริการ IoT for Electronics ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตอุปกรณ์สามารถเก็บข้อมูลจากตัวตรวจจับต่างๆ (sensors) ของอุปกรณ์แล้วนำมาวิเคราะห์ได้ทันทีแบบเรียลไทม์