ซัมซุงประกาศลงทุนวิจัยด้าน IoT ในสหรัฐอเมริกาเป็นเงิน 1.2 พันล้านดอลลาร์ในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยจะกระจายงานไปยังศูนย์วิจัยของซัมซุง 3 แห่งคือ Samsung Strategy and Innovation Center, Global Innovation Center, Samsung Research America

Wall Street Journal รายงานว่าเงินก้อนนี้จะถูกแบ่งไปใช้ลงทุนวิจัยภายในบริษัท และการลงทุนในสตาร์ตอัพอื่นอย่างละครึ่งเท่าๆ กัน (อีกสักพักเราคงเห็นซัมซุงไล่ลงทุนในบริษัท IoT มากขึ้น) Oh-Hyun Kwon รองประธานและซีอีโอของซัมซุงบอกว่าบริษัทกำลังผลักดัน IoT เข้ามาเป็นแกนกลางของยุทธศาสตร์ด้วย

NextGov สำนักข่าวที่นำเสนอเรื่องเทคโนโลยีและรัฐบาล เผยรายงาน ปีที่แล้วรัฐบาลสหรัฐฯลงทุนด้าน IoT (Internet of Things) สูงกว่าปี 2014 ถึง 20% ให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันภัยเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนองค์กรที่ไม่ได้เกี่ยวกับการป้องกันประเทศแต่ได้ัรับงบประมาณลงทุนสูงคือ NASA

Apache เปิดตัวระบบปฏิบัติการสำหรับ IoT ของตัวเองในชื่อ Mynewt สำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ต้องทำงานโดยใช้พลังงานต่ำ, มีหน่วยความจำน้อย, และมีพื้นที่เก็บข้อมูลน้อย

Mynewt จะมีเครื่องมือช่วยเหลือสำหรับการพัฒนาหลายอย่าง เช่น bootloader, ระบบไฟล์, ระบบเก็บข้อมูล time-series, JSON, shell ในชั้นการเชื่อมต่อรองรับ Bluetooth LE 4.2 และจะรองรับ Wi-Fi ในอนาคต

ตอนนี้ Mynewt ออกรุ่น 0.9.0 ยังรองรับบอร์ดที่เป็น Cortex-M0 และ M4 เท่านั้น บอร์ดที่รองรับเช่น Arduino Zero

หลังจากโนเกียเปิดตัวซอฟต์แวร์ IMPACT สำหรับการจัดการอุปกรณ์จำนวนมาก ฝั่งผู้ใช้ตามบ้านเองทางโนเกียก็เปิดตัวโซลูชั่น Smart Home ออกมาพร้อมกัน

โซลูชั่นนี้ไม่ได้ทำออกมาขายผู้ใช้ตามบ้านโดยตรง แต่ขายกับผู้ให้บริการบรอดแบนด์ไปให้ผู้ใช้ตามบ้านอีกทีหนึ่ง โดยโนเกียจะมีโมเด็มสำหรับติดตั้งที่บ้านผู้ใช้ ทำหน้าที่เป็นเราท์เตอร์ Wi-Fi พร้อมกับเกตเวย์ IoT ในตัว รองรับทั้ง ZigBee และ Z-Wave ตัวแอพสำหรับให้ผู้ใช้ติดตั้งเพื่อควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน และซอฟต์แวร์จัด

โนเกียเปิดตัวแพลตฟอร์ม IMPACT (Intelligent Management Platform for All Connected Things) สำหรับการจัดการอุปกรณ์ IoT ตั้งแต่การเก็บข้อมูลจากเซ็นเซอร์, การจัดการเหตุการณ์ที่เข้ามา, วิเคราะห์ข้อมูล, ไปจนถึงการจัดการความปลอดภัย

IMPACT เป็นศูนย์กลางให้กับอุปกรณ์ ตัวมันเองใช้จัดการงานตามปกติเช่นการกวาดข้อมูลเซ็นเซอร์, การจัดการเฟิร์มแวร์, ตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ เชื่อมต่อเหตุการณ์จากเซ็นเซอร์ต่างๆ เข้ากับกระบวนการทำงาน เช่น แจ้งเตือนผู้เกี่ยวข้อง

ตัวเซิร์ฟเวอร์ทำหน้าที่รับประกันว่าข้อมูลจะถึงปลายทาง ตั้งแต่การทำงานเป็นคลัสเตอร์, การรองรับโหนดสำรอง, และจัดการส่งซ้ำในกรณีที่ติดต่อปลายทางไม่สำเร็จ

ข่าวสั้นทันเหตุการณ์ครับ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา IBM และ Cisco ประกาศความร่วมมือกันในด้าน Internet of Things (IoT) โดยระบุว่าจะพัฒนาระบบสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล (data analytics) ที่ทำให้ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของทั้งสองบริษัท ทำงานได้สะดวกมากขึ้น

ภายใต้ความตกลงนี้ ผู้ใช้บริการจะสามารถเข้าถึงบริการทั้งของ IBM (Watson IoT, Business Analytics) และ Cisco (edge analytics) ซึ่งจะนำเอาข้อมูลจากอุปกรณ์สาย IoT ที่วิ่งอยู่บนโครงสร้างของ Cisco มาวิเคราะห์กับระบบของ Watson IoT แทบจะทันทีจากจุดที่อุปกรณ์ตั้งอยู่ โดยระบุว่าอุตสาหกรรมอย่างเช่น โรงงาน แท่นจุดเจาะน้ำมัน บริษัทขนส่ง และเหมืองแร่ จะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือในครั้งนี้

Atari บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อ 40 กว่าปีก่อน และโด่งดังเป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เกมมากมาย ได้ผ่านช่วงตกต่ำจนถึงขั้นต้องประกาศยื่นขอล้มละลายเมื่อปี 2013 ซึ่งหลังจากนั้นก็พยายามพลิกฟื้นกิจการด้วยการทำเกมลงมือถือและทำตู้เครื่องเล่นสำหรับบ่อนคาสิโน ล่าสุดได้ประกาศทำสินค้าสำหรับบ้านอัจฉริยะ โดยร่วมมือกับ Sigfox ซึ่งเป็นบริษัทจากฝรั่งเศสที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Internet of Things

Atari ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าจะทำผลิตภัณฑ์อะไรกันแน่ เพียงแต่บรรยายว่าสินค้าในกลุ่มนี้จะมีทั้งของพื้นๆ ไปจนถึงของผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อน ซึ่งจะมีทั้งสินค้าสำหรับใช้ในบ้าน, สัตว์เลี้ยง, เสริมรูปแบบการใช้ชีวิต ตลอดจนสินค้าด้านระบบความปลอดภัย โดยจะได้เทคโนโลยีของ Sigfox มาช่วยในเรื่องระบบการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งพัฒนาเรื่องแบตเตอรี่ให้ผลิตภัณฑ์สามารถใช้งานได้นาน

ที่มา - Engadget

Nordic Semiconductor แนะนำบอร์ด RuuviTag บอร์ดพัฒนา Bluetooth LE โดยบริษัท Ruuvi จากฟินแลนด์ เป็นบอร์ดโอเพนซอร์สสำหรับการใช้งานเป็น beacon เช่น iBeacon ของแอปเปิลหรือ Eddystone ของกูเกิล

ชิปหลักเป็น nRF52832 ซีพียูเป็น Cortex-M4F 64MHz แรม 64 kB หน่วยความจำแฟลช 512 kB เส้นผ่านศูนย์กลาง 45 มิลลิเมตร ระยะส่ง 100 เมตร ภายในมีเซ็นเซอร์อุณหภูมิ, ความชื้น, ความดันอากาศ, และ accelerometer ในตัว ใช้แบตเตอรี่ CR2450 หรือ CR2477 อายุแบตเตอรี่สูงสุด 10 ปี

Ruuvi เตรียมเปิดระดมทุนบอร์ดนี้ปลายเดือนและจะส่งมอบจริงช่วงเดือนกันยายน

ที่งาน Computex 2016 ผู้ผลิตชิปรายใหญ่อย่าง Qualcomm ได้ออกมาแถลงข่าวเปิดตัวซีพียูรุ่นที่ 2 ของ Snapdragon Wear ในรหัสต่ำกว่าอย่าง Snapdragon Wear 1100 SoC โดยมีจุดประสงค์เพื่อจับตลาดอุปกรณ์ IoT และ Wearable Device เป็นหลัก และวางตำแหน่งให้รุ่นนี้เป็นรุ่นรองของ Snapdragon Wear 2100 ที่เปิดตัวก่อนเสียด้วย

ซัมซุงประกาศจับมือกับ SK Telecom ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ในเกาหลีใต้ ในแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วทั้งประเทศในเกาหลีใต้ ผ่านการติดตั้งอุปกรณ์ IoT ตามส่วนต่างๆ ของเมือง

ซัมซุงระบุจะใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ LoRaWAN (Long Range Wide-Area Network) บนคลื่นความถี่ 900MHz ซึ่งทั้งใช้แบนด์วิธต่ำ กินไฟน้อย และส่งข้อมูลได้ในระยะไกล โดยจะเริ่มติดตั้งและทดสอบในเมืองแทกู (Daegu) ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศก่อน แล้วจึงค่อยขยายไปยังเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป

ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ประกาศความร่วมมือกับ SK Telecom เตรียมวางเครือข่าย LoRaWAN ทั่วเกาหลีใต้ เริ่มจาก Daegu กลางปีนี้

ทางเมือง Daegu เองก็เตรียมจะติดตั้งไฟส่องถนนที่มีเซ็นเซอร์ในตัว ทำให้ไฟส่องถนนช่วยรายงานสภาพอากาศและสภาพจราจรได้ ทำให้ปรับความสว่างแสงและออกประกาศแจ้งเตือนเช่นเตือนหมอกลง

ที่มา - eWeek

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Microsoft ได้ประกาศเปิดให้ดาวน์โหลดแอพตัวใหม่สำหรับ Windows 10 IoT Core ที่มีชื่อว่า "Network 3D Printer" สำหรับ Raspberry Pi ที่ใช้ระบบปฏิบัติการเป็น Windows 10 IoT Core ซึ่งจะแปลง Raspberry Pi ให้กลายเป็น Print server สำหรับเครื่องพิมพ์ 3 มิติ และสั่งพิมพ์ได้จากอุปกรณ์อื่นในเครือข่ายเหมือนเครื่องพิมพ์ตามปกติทั่วไปได้ทันที

สำหรับรุ่นแรกนี้ ตัวแอพจะรองรับเครื่องพิมพ์สามมิติทั้งหมด 13 รุ่น จากผู้ผลิตเช่น Ultimaker, Lulzbot, Makergame, Printrbot และ Prusa โดยทางบริษัทยังเปิดรับคำขอให้ผู้ใช้ส่งเข้าไปยังบริษัทได้ด้วยว่าต้องการให้รองรับเครื่องพิมพ์รุ่นใดเพิ่มขึ้นบ้าง

Arduino SRL ประกาศความร่วมมือกับ Nordic Semiconductor เปิดตัวบอร์ดรุ่นใหม่ Arduino Primo ที่มีการเชื่อมต่อเต็มรูปแบบ Wi-Fi, Bluetooth LE, NFC, และอินฟราเรด ซอฟต์แวร์ภายในมี TCP/IP มาให้ในตัว

ความสามารถในการเชื่อมต่อเช่นนี้ทำให้ Arduino Primo สามารถทำตัวเป็น IoT Gateway ได้ในตัว เพราะสามารถเชื่อมต่อ Bluetoot LE แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ผ่าน Wi-Fi ตัวซีพียูภายในเป็น Cortex-M4F 32 บิต

ความสับสนในรอบนี้คือ Arduino ที่ร่วมมือกับทาง Nordic นั้นเป็น Arduino SRL (และถือเว็บ arduino.org) จากอิตาลี ไม่ใช่ Arduino LLC (ที่ใช้เว็บ arduino.cc) การที่ Arduino IDE รองรับบอร์ดนี้ก็ต้องเลือกดาวน์โหลดให้ถูกเว็บ

Belkin ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐอเมริกา ประกาศว่าอุปกรณ์สาย Wemo ที่เป็นสายอุปกรณ์ในบ้านอัจฉริยะ (เช่น ปลั๊กไฟ, หลอดไฟ) สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของ Nest ได้แล้ว ทำให้สวิตช์ของ Wemo ทั้งหมด ทำงานได้กับ Nest Thermostat ในตอนนี้

Belkin ระบุว่าผู้ใช้ Wemo จะสามารถควบคุมการทำงานพื้นฐานของ Nest Thermostat ได้โดยตรงจากแอพของ Wemo ตัวอย่างเช่นเช็คอุณหภูมิและความชื้น ดูสถานะของ Thermostat ตั้งค่าอุณหภูมิ และเปลี่ยนโหมดจากอยู่บ้านเป็นออกไปข้างนอกได้ ส่วนผลิตภัณฑ์ Wemo ที่ทำงานได้มีทั้ง Wemo Switch, Wemo Insight Switch, Wemo Light Switch และ Wemo Maker

สำหรับความสามารถนี้จะมาพร้อมกับการอัพเดตแอพ Wemo ที่จะปล่อยในวันนี้ทั้ง iOS และ Android ครับ

หลังจากเปิดตัวปุ่มกดซื้อสินค้า Amazon Dash Button แบบแยกรายชิ้นไปตั้งแต่ปีที่แล้ว มาตอนนี้ Amazon ได้วางจำหน่ายแบบจำกัดจำนวน (limited release) ปุ่มดังกล่าวนี้ให้กับนักพัฒนา โดยเรียกว่า AWS IoT Button

AWS Iot Button ตัวนี้หน้าตาเหมือนกับ Dash Button ทุกประการ ความต่างก็คือนักพัฒนาสามารถเขียนโค้ดและกำหนดค่าได้ว่าการกดนั้นจะให้ทำอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น กดปุ่มแล้วจะสั่งอาหารได้ เรียกแท็กซี่ ควบคุมไฟ หรือแม้กระทั่งสั่งให้โทรศัพท์ก็ได้ โดย AWS IoT Button จะใช้การตั้งค่าและประมวลผลจากแพลตฟอร์ม AWS ให้ทำงานตามที่นักพัฒนากำหนด

Hitachi ประกาศจัดตั้งหน่วยธุรกิจด้าน IoT ภายใต้ชื่อ Hitachi Insight Group ซึ่งจะมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมือง Santa Clara มลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยทาง Hitachi มีการพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และการบริการที่เกี่ยวกับ IoT มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ก่อนที่จะจัดตั้งบริษัทเพื่อดูแลธุรกิจด้านนี้โดยตรง รวมถึงเปิดตัว Lumada คอร์แพลตฟอร์ม IoT ของตัวเองด้วย

Hitachi Insight Group จะดูแลด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) และด้านการหาตลาด IoT ของบริษัท โดยจะเน้นไปที่ 4 ตลาดคือ Smart City, Smart Healthcare, Smart Energy และ Smart Industry เป็นหลัก

ทีมวิจัยร่วมระหว่างมหาวิทยาลัยมิชิแกนและ Microsoft Research รายงานถึงการวิเคราะห์ความปลอดภัยของเฟรมเวิร์ค SmartThings ที่ตอนนี้อยู่ภายใต้ซัมซุง (รีวิวอุปกรณ์ใน Blognone) โดยวิเคราะห์เฟรมเวิร์คสำหรับส่วน SmartApps ที่เปิดให้พัฒนาเข้ามาพัฒนาแอปพลิเคชั่นควบคุมบ้านได้ พบว่ามีแนวโน้มที่เฟรมเวิร์คจะให้สิทธิ์กับแอปพลิเคชั่นเกินความจำเป็น จนกระทั่งทำให้แอปพลิเคชั่นสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญๆ ได้ทั้งที่ฟังก์ชั่นการทำงานไม่จำเป็น

ปีที่แล้วซัมซุงเปิดตัวชิปสำหรับอุปกรณ์ IoT ในชื่อแบรนด์ Artik วันนี้เวลาผ่านมา 1 ปีพอดี ซัมซุงเปิดตัวบริการคลาวด์เก็บข้อมูลสำหรับ IoT ในชื่อ Artik Cloud

Artik Cloud เป็นบริการคลาวด์ที่ออกแบบมาสำหรับเก็บข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ ก่อนส่งต่อไปยังบริการหรือแอพอื่นๆ อีกทีหนึ่ง รูปแบบจะคล้ายกับ AWS IoT หรือ Azure IoT Hub ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้

สวัสดีครับ พอดีผมได้เจ้า Samsung SmartThings Home Monitoring Kit ที่สั่งมาจาก Amazon เพื่อมาใช้เองที่บ้าน ก็เลยมารีวิวกันให้เพื่อนๆ ดูกันว่าเจ้านี่มีดียังไง ทำไมถึงขึ้นชื่อว่าเป็น Smart Home Hub ที่มาแรงที่สุดในตอนนี้

เกริ่นกันสักนิดนึงก่อนเข้ารีวิว ตลาด Smart Home ตอนนี้ SmartThings ถือเป็นบริษัท startup ที่ค่อนข้างมาแรง บริษัทก่อตั้งเมื่อปี 2012 โดยออกแคมเปญที่ Kickstarter ระดมทุนให้ SmartThings Hub Version 1 และประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้เงินลงทุนถึง 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้รับการเพิ่มทุนจากนักลงทุนเรื่อยๆ จนในปี 2014 ถูกซัมซุงซื้อกิจการด้วยเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และเปลี่ยนชื่อเป็น Samsung SmartThings ในที่สุด

MicroPython เปิดระดมทุนปีที่แล้วเพื่อพัฒนาโค้ดสำหรับ ESP8266 ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และได้เงินไปถึง 28,534 ปอนด์จากเป้าหมาย 6,000 ปอนด์ ตอนนี้ผลจากการระดมทุนก็เริ่มชัดเจนเมื่อโค้ดปรับปรุงการทำงานสำหรับ ESP8266 รวมเข้ามาใน MicroPython 1.7 ชุดแรกแล้ว

รายการปรับปรุงเช่น ระบบไอพี, รองรับ Bignum, เปิดใช้งานโมดูลเพิ่มเติมจำนวนมาก

ทางทีมพัฒนา MicroPython แสดงผลโหวตโมดูลเพิ่มเติมสำหรับการระดมทุน สองโมดูลหลักที่ได้รับการโหวตสูงสุดคือ MQTT และ OTA ดังนั้นทีมงานจะเริ่มพอร์ตสองโมดูลนี้ก่อน

Carlo Ratti สถาปนิกขาวอิตาเลียนออกแบบระบบที่นั่งแบบโมดูลาร์ Lift-Bit ขึ้น พร้อมความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานผ่านแอพ โดยคุณ Ratti กล่าวว่าเป็นการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างอินเทอร์เน็ต และที่ว่างทางกายภาพ (physical space)

Lift-Bit ประกอบด้วยยูนิตที่นั่งหกเหลี่ยมที่สามารถปรับเป็นเก้าอี้ ม้านั่งสูง หรือต่อรวมกันเป็นโซฟาได้ โดยใช้มอเตอร์ในการปรับระดับขึ้นลงเพื่อกำหนดรูปแบบของพื้นที่ที่ต้องการ ผ่านแอพ หรือท่าทาง (gesture)

ในยุคที่ใครๆ ก็พูดถึงเทคโนโลยี IoT และสินค้าสำหรับสมาร์ทโฮมเริ่มออกสู่ตลาดกันอย่างแพร่หลาย คำถามสำหรับผู้ซื้อสินค้าเหล่านี้คือ มันจะใช้ได้อีกนานแค่ไหน เพราะอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ จำเป็นต้องพึ่งพาบริการฝั่งเซิร์ฟเวอร์ของผู้ผลิตด้วย

Revolv ผู้ขายผลิตภัณฑ์ฮับสำหรับสมาร์ทโฮม ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน ขายกิจการให้ Nest Labs บริษัทในเครือ Alphabet ไปตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งตอนนั้น Nest บอกชัดว่าต้องการทีมงาน แต่ไม่เห็นด้วยกับการมีฮับตรงกลางอีกตัว ซึ่งดูยุ่งยากเกินไปสำหรับผู้ใช้

Nestle โดยหน่วยธุรกิจ Nespresso เจ้าของระบบชงกาแฟแบบสำเร็จรูป ร่วมมือกับ DeLonghi ผู้ผลิตสินค้าและเครื่องใช้ภายในบ้านจากยุโรป เปิดตัวเครื่องชงกาแฟรุ่นใหม่ Prodigio ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การควบคุมการชงกาแฟได้ โดยผ่านสมาร์ทโฟน

ตัวเครื่องนั้นไม่ต่างจากเครื่องชงกาแฟตามปกติที่ใช้ระบบของ Nespresso แต่ความแตกต่างอย่างสำคัญของเครื่องชงรุ่นนี้ อยู่ที่เป็นรุ่นแรกซึ่งสามารถสั่งงานได้ทุกรูปแบบผ่านสมาร์ทโฟน โดยสามารถสั่งเอาไว้ได้ตั้งแต่ให้ชงกาแฟให้ ตั้งเวลาให้เครื่องชงกาแฟให้ รายงานการทำงานของเครื่อง ระดับน้ำ สภาพของน้ำ และมีการรายงานสถานะของแคปซูลกาแฟที่ใช้ในการชงและสามารถสั่งซื้อได้ทันที ทั้งหมดเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth

Pfizer บริษัทด้านเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ประกาศความร่วมมือกับ IBM ในการสร้างระบบสำหรับวิจัยและพัฒนาเวชภัณฑ์ รวมไปถึงการดูแลผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ด้วยเทคโนโลยี Internet of Things อย่างเป็นทางการในวันนี้

ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวนี้ ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันพัฒนาระบบที่มีทั้งตัวตรวจวัด (sensor), อุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ที่สามารถนำส่งผลให้กับผู้ป่วย นักวิจัย และแพทย์ทำการรักษาได้ทันทีและตลอดเวลา โดยจะแบ่งออกเป็นสองช่วง คือช่วงทดลองทางคลินิก (clinical trial) และช่วงที่ใช้จริงในตลาด (commercial) ซึ่งในช่วงหลังทาง Pfizer กำลังหาทางที่จะผลักดันเทคโนโลยีเข้าตลาดตามกลไกการควบคุม (regulatory path) โดยมีเป้าหมายที่จะเริ่มทดลองในปี 2018 และน่าจะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 200 คน

หนึ่งในปัญหาของคนรักไวน์ที่มักชอบอยู่คนเดียวและดื่มไวน์ไม่หมด คือไวน์มักจะเสียไปก่อน (และในหลายครั้งเป็นขวดที่มีราคาสูง) ซึ่งที่ผ่านมามีความพยายามในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้มาอยู่เสมอ ล่าสุดมีกลุ่มวิศวกรคิดค้นระบบเสิร์ฟไวน์แบบใหม่ที่เรียกว่า Kuvee ซึ่งแก้ไขปัญหาในเรื่องของการเก็บรักษาไวน์และเพิ่มคุณสมบัติด้าน IoT เข้าไปด้วย