หลังจากมีข่าวอัสซุสอาจปล่อยเครื่องอ่าน e-Book รุ่น DR-570 ภายในสิ้นปีนี้ ไปเมื่อสองวันที่แล้ว ผ่านมาอีกวันรายละเอียดของเครื่องอ่าน e-Book ทั้งสองรุ่น คือ DR-570 และ DR-590 หลุดออกมา จะเป็นอย่างไรดูได้ข้างล่าง
DR-570
หลายๆ คนคงคุ้นเคยกันดีกับเรื่องที่เซอร์ไอแซก นิวตัน ได้รับแรงบันดาลใจเรื่องแรงโน้มถ่วงมาจากการที่ลูกแอปเปิลหล่น ตอนนี้ The Royal Society ของสหราชอาณาจักร ได้นำต้นฉบับเรื่องเล่าดังกล่าว ขึ้นสู่ระบบอินเทอร์เน็ตให้คนทั่วไปได้อ่านกันแล้ว
เรื่องนิวตันกับแอปเปิลนี้ปรากฏในชีวประวัติของนิวตัน Memoirs of Sir Isaac Newton's Life ซึ่งเขียนขึ้นโดย William Stukeley ในปี 1752 โดย Stukeley ได้รับการบอกเล่ามาจากตัวของนิวตันเอง
ฉบับที่นำขึ้นนี้ อยู่ในรูปดั้งเดิม สามารถเข้าไปดูได้ที่ The Royal Society
ที่มา - BBC News
หลังจากมีข่าวลือว่าอัสซุสจะออกเครื่องอ่าน e-Book พร้อมกับรายละเอียดเล็กน้อย ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วแต่ข่าวก็เงียบหายไป แถมอัสซุสไม่เอาเครื่องมาโชว์ในงาน CES 2010 ที่ผ่านมาอีกต่างหาก วันนี้ Times Online ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติม ว่าอัสซุสจะปล่อยเครื่องอ่าน e-Book ภายในสิ้นปีนี้ มีชื่อรุ่นว่า DR-570 มาพร้อมกับหน้าจอแบบ OLED ขนาด 6 นิ้ว สามารถเล่น Flash รองรับ WiFi และ 3G และแบตเตอรี่อาจอยู่ได้นานถึง 122 ชม. รูปตัวเครื่องนั้นดูได้ท้ายข่าว
ความน่ารำคาญอย่างหนึ่งของการอ่าน e-book คือหน้าจอที่ไม่ละเอียดพอที่จะอ่านโดยไม่ต้องซูมได้ โดยเฉพาะเมื่อเครื่องอ่าน e-book ทั้งหลายมีความละเอียดจำกัดมาก ในงาน CES ปีนี้ทาง Sprint ก็ลงมาเล่นตลาดนี้บ้างแล้ว ด้วยเครื่อง Skiff
Skiff คือเครื่องอ่าน e-book ขนาดหน้าจอ 11.5 นิ้่ว และมีความละเอียดสูงถึง 1600x1200 พิกเซล เหลือเฟือสำหรับการอ่านหนังสือ จุดเด่นนอกจากความละเอียดและจอขนาดใหญ่แล้วยังมีความสามารถ "งอ"ได้ด้วย แต่ข้อเสียที่ต้องแลกมาคือน้ำหนักถึง 500 กรัม
รองรับทั้ง Wi-Fi, USB, และแน่นอนว่ารองรับ 3G เพราะ Sprint มาเอง พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 3GB และใส่การ์ด SDHC เพิ่มได้
ราคาไม่แจ้ง และไม่บอกวันเริ่มจำหน่าย หวังว่าจะภายในปีนี้
เทศกาลคริสตมาสนอกจากจะเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองแล้ว ยังเป็นเทศกาลแห่งการจับจ่าย แต่ปีนี้ก็มีสถิติที่น่าสนใจคือยอดขายของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในช่วงเทศกาลที่ผ่านมาได้แซงหน้าหนังสือปรกติไปเรียบร้อยแล้ว
ถ้าจำกันได้ Amazon เปิดตัวมาครั้งแรกเพื่อขายหนังสือเพียงอย่างเดียว จนกระทั่งขยายกิจการมาเป็นการขายสินค้าสารพัด ขายพลังประมวลผลซีพียู ขายพื้นที่วางไฟล์ จนกระทั้งมาขายเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์อย่าง Kindle ที่ครองตลาดในสหรัฐฯ ถึงร้อยละ 60 ในที่สุด
ที่มา - PhysOrg
Time Warner เจ้าของนิตยสารชื่อดังหลายหัวของสหรัฐ ได้โชว์เดโมของนิตยสาร Sport Illustrated เวอร์ชันอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ Tablet PC
เดโมที่ว่าเป็นการแปลงนิตยสารฉบับกระดาษมาเป็นอิเล็กทรอนิกส์โดยตรง ลูกเล่นที่เพิ่มเข้ามาก็อย่างเช่นดูวิดีโอหรือเล่นเกมได้จากหน้านิตยสารเลย, สามารถสลับลำดับของหน้าที่ต้องการอ่านได้ และปุ่มพิเศษสำหรับแชร์เนื้อหาไปบน social network
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า Time กำลังคุยกับแอปเปิลเพื่อนำเนื้อหาเหล่านี้ไปลงเครื่อง "iPad" หรือ Tablet ของแอปเปิลที่จะเปิดตัวในต้นปีหน้า อย่างไรก็ตามเครื่องที่ใช้เดโมเป็น HP ครับ
จากข่าวเก่า Amazon เตรียมปล่อย Kindle สำหรับ Windows วันนี้รุ่นเบต้ามาแล้วครับ
ชื่ออย่างเป็นทางการของมันคือ Kindle for PC ทำงานได้บน Windows XP, Vista และ 7 (ถ้าใช้กับ Windows 7 จะสามารถใช้มัลติทัชได้ด้วย) โปรแกรมนี้ช่วยให้เราซื้อหนังสือจาก Kindle Store ได้โดยไม่ต้องมี Kindle แต่ก็สามารถใช้งานควบคู่กันได้ด้วย เช่น ถ้าอ่านหนังสือผ่านพีซีด้วย Kindle for PC แล้วย้ายไปเปิดหนังสือเล่มเดียวกันบนเครื่อง Kindle มันจะเปิดหน้าที่เราอ่านค้างไว้ให้บนพีซี (เพราะข้อมูลจะถูกเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ของ Amazon)
ตลาดเครื่องอ่าน e-Book เริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากความสำเร็จของ Kindle ก็มีคู่แข่งตามมาอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น Sony Reader Daily Edition, Plastic Logic QUE และ Barnes & Noble Nook (ยังมีข่าวว่า ASUS กำลังซุ่มพัฒนาอยู่เช่นกัน) คราวนี้ Creative บริษัทฮาร์ดแวร์สัญชาติสิงคโปร์ก็เตรียมลุยตลาดนี้เช่นกัน
ห้องสมุดหลาย ๆ แห่งในสหราชอาณาจักรได้เริ่มให้บริการยืมหนังสือที่แตกต่างไปจากเดิมนัก โดยเริ่มแจกให้สมาชิกหรือผู้มีสิทธิใช้ห้องสมุดในท้องที่นั้นดาวน์โหลด eBook ไปใช้แทน
ที่เจ๋งคือผู้ใช้ไม่ต้องที่จะไปห้องสมุดอีกต่อไป ส่วนเรื่องลิขสิทธิก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะว่าตัวหนังสือเองจะทำการลบตัวเองภายใน 14 วัน โดยหนังสือ eBook เหล่านี้สามารถนำไปใช้งานได้บนหลายแพลตฟอร์ม ตั้งแต่ Sony Reader ไปจนถึง Nook ของ Barnes and Noble ที่เพิ่งเปิดตัวไปนี้
ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ผู้ใช้ Kindle ก็คงต้องเศร้าต่อไป เมื่อทราบว่าจะไม่มีส่วนร่วมในครั้งนี้ เนื่องจาก Kindle เป็นระบบปิด
หลังจากที่เตรียมการมาเป็นเวลาไตรมาสกว่าๆ จนเร็วๆนี้ก็มีภาพของตัวเครื่องหลุดออกมา และล่าสุดกับข่าวลือที่จะเปิดตัวในวันนี้
มีข่าวลือสุดท้ายก่อนการเปิดตัวเครื่องอ่าน e-Book จาก Barnes & Noble โดยจะมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "Nook" ราคาอยู่ที่ 259 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8,700 บาท) นอกจากนั้นคาดว่าจะวางขายในร้านค้าออนไลน์ Best Buy พร้อมกับการเปิดตัวในวันพรุ่งนี้ (20 ต.ค.) ตามเวลาสหรัฐฯ อีกด้วย
ที่มา: Wall Street Journal ผ่าน Engadget
Plastic Logic บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านจอภาพและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแยกตัวออกมาจากห้องวิจัยของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้เปิดตัว "QUE" เครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีข่าวมานาน
สัปดาห์นี้ Amazon เพิ่งเริ่มวางขาย Kindle หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ของตนในยุโรป ในขณะเดียวกัน บริษัทอื่นๆ ต่างก็พยายามที่จะแข่งกัน Amazon เพื่อเป็นผู้นำด้านการเผยแพร่หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โดยในตลาดนี้ การเป็นผู้นำไม่ได้ขึ้นอยู่กับการจำหน่ายอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการพัฒนารูปแบบการเผยแพร่สินค้า ซึ่งเป็นหัวสำคัญของการครองตลาด ดังที่สินค้าด้านวัฒนธรรมอื่นๆ อาทิ เพลง รายการทีวี หรือวีดิทัศน์ ได้แสดงให้เห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แล้วใครจะเป็นผู้นำตลาดด้านนี้ในอนาคต ?
หลังจาก Google Books/Book Search เผชิญแรงต้านจากสำนักพิมพ์อย่างต่อเนื่อง จนต้องยอมจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้บรรดาสำนักพิมพ์ ตอนนี้กูเกิลกลับมาพร้อมกับแผนใหม่ที่ประนีประนอมกับสำนักพิมพ์มากกว่าเดิม แผนใหม่นี้คือเปิดเป็นร้านขาย e-Book แล้วแชร์รายได้กับสำนักพิมพ์มันเสียเลย
ร้านหนังสือออนไลน์นี้ชื่อว่า Google Editions ความต่างกับร้าน e-Book ในท้องตลาดอย่าง Amazon หรือ Barnes & Noble คือกูเกิลจะทำตัวเป็นทั้งร้านขายปลีกและขายส่งครับ
ก่อนหน้านี้มีข่าว Barnes & Noble เตรียมออกเครื่องอ่าน e-Book แข่งกับ Kindle ล่าสุดเว็บไซต์ Gizmodo ได้ภาพหลุดของเครื่องอ่านตัวนี้มาแล้ว
ความน่าสนใจของเครื่องอ่าน e-Book ตัวนี้อยู่ที่จอครับ จอถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนบนเป็นจอ e-ink แบบขาวดำเหมือนกับ Kindle เอาไว้แสดงตัวหนังสือ แต่จอครึ่งล่างเป็นจอสีแบบมัลติทัช! ออกแบบมาเพื่อแสดงปกหนังสือได้เหมือนของจริง
จุดขายอีกข้อคือหนังสือที่ขายจะถูกกว่าฉบับกระดาษ และนอกจากหนังสือที่ Barnes & Noble ขายแล้ว ยังเข้าถึงหนังสือทั้งหมดจาก Google Books ได้ด้วย ระบบปฏิบัติการที่ใช้เป็น Android และคาดว่าเปิดตัวอย่างเป็นทางการสัปดาห์หน้า ภาพประกอบด้านใน
OpenMoko เป็นบริษัทที่พัฒนา Freerunner โทรศัพท์มือถือโอเพนซอร์สมาหลายปี เวลาผ่านไป Freerunner ไม่ได้รับความนิยมนัก ส่วนตัวระบบปฎิบัติการก็ถูก Android แย่งส่วนแบ่งไปจนดูเหมือนจะไม่มีใครใช้ แต่วันนี้ OpenMoko ก็กลับมาแล้วด้วย WikiReader
WikiReader เป็นเครื่องอ่าน Wikipedia แบบมือถือ โดยหลักการแล้วมันคือเครื่องอ่านอีบุ๊กขนาดเล็กมากและอ่านได้แต่ Wikipedia เท่านั้น
เสปคคร่าวๆ คือจอสัมผัสที่มีคีย์บอร์ด QWERTY ในตัว และราคา 99 ดอลลาร์ ใช้งานได้ประมาณหนึ่งปีต่อแบตเตอรี่หนึ่งชุด และโหลดบทความมาในตัว 3 ล้านบทความ แต่ไม่ได้โอเพนซอร์สทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
ที่มา - WikiReader
มาอีกแล้วกับข่าวลือเกี่ยวกับ Tablet PC จากแอปเปิล มาคราวนี้ DigiTimes อ้างว่า Foxconn ได้สิทธิในการผลิตเครื่อง Tablet PC จากแอปเปิล โดยแหล่งข่าวได้บอกว่าอุปกรณ์นี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่ความสามารถในการอ่าน e-book และคาดว่าจะวางขายในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
คาดว่าในช่วงไตรมาสนั้นจะขายอุปกรณ์ตัวนี้ได้ 300,000 - 400,000 เครื่อง ตัวเลขนี้ไม่มากเลยเมื่อเทียบกับยอดขายคอมพิวเตอร์แมคที่สามารถขายได้ 2.6 ล้านเครื่องต่อปี
สำหรับขนาดของหน้าจอคราวนี้ DigiTimes อ้างว่าจะมีขนาด 10.6 นิ้ว (ไม่ใช่ 10.7 หรือ 9.6 นิ้วที่ลือมาก่อนหน้านี้) และใช้จอภาพจาก Innolux Display
ตลาดเครื่องอ่าน e-Book เริ่มระอุ ถัดจากผู้เล่นอย่าง Amazon, Sony และ Plastic Logic ก็ได้เวลาของผู้เล่นรายใหม่อย่าง ASUS
รายละเอียดยังมีน้อยมากๆ
บริษัท Discovery Communications ผู้ผลิตรายการ Discovery Channel และ Animal Planet ได้จดสิทธิบัตรเครื่องอ่าน e-Book ของตนเอง ซึ่งอาจเข้าตลาดมาเป็นคู่แข่งหนึ่งกับ Amazon Kindle
โดยคุณสมบัติตามที่ระบุในสิทธบัตรก็ก็เหมือนกับ Kindle อาทิ การดาวน์โหลดหรือสั่งซื้อหนังสือจากเครื่องได้โดยตรง หน้าจะเป็นอย่างไรดูได้จากรูปภาพข้างล่าง
มีข่าวลือต้นตอจากเว็บไซต์ DigiTimes อ้างว่า Asus นั้นเตรียมที่จะออกเครื่องอ่าน e-book ในยี่ห้อ Eee ภายในปลายปีนี้เป็นอย่างเร็ว ทั้งนี้นั้นเนื่องจากว่าตลาดของเครื่องอ่าน e-book นั้นใช้เงินทุนจำนวนน้อยกว่าสงครามเน็ตบุ๊ค แต่อย่างไรก็ดีสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมากนั้นคือแพลตฟอร์มสำหรับการกระจายสื่อ (Content Delivery Platform)
นอกจากนี้แหล่งข่าวยังอ้างว่าเครื่องอ่าน e-book นั้นมีตลาดหลักอยู่ที่อเมริกาเหนือและยุโรป แต่ไม่ค่อยโตมากในเอเซียเนื่องจากพฤติกรรมในการอ่านแตกต่างกัน ทำให้ยังอาจไม่ทำตลาดในไต้หวัน (หรือในเอเซียก็ตาม)
ที่มา: DigiTimes
โซนี่เปิดตัวเครื่องอ่าน e-book ตัวใหม่ในแบรนด์ Sony Reader ชื่อว่า Daily Edition หน้าจอ 7 นิ้ว ฟีเจอร์เทียบเท่า Kindle ของอเมซอน
อเมซอน ไมโครซอฟท์ และยาฮูเตรียมเข้าร่วมกับ Open Book Alliance ซึ่งมีหน่วยงานที่จัดสร้างและดูแลห้องสมุดดิจิตอลออนไลน์โดยไม่หวังผลกำไรอย่าง Internet Archive เป็นแกนนำ ซึ่งเป็นความพยายามในป้องกันการผูกขาดการค้นหาหนังสือดิจิตอลออลไลน์อย่าง Google Books
ในขณะนี้ได้มีหน่วยงานเข้าร่วมเป็นพันธมิตรแล้วหลายราย รวมถึงไมโครซอฟท์และยาฮู แต่ทางอเมซอนยังสงวนท่าทีเนื่องจาก Open Book Alliance ยังไม่ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ สำหรับวันสิ้นสุดการตอบรับการร่วมเป็นพันธมิตรดังกล่าวคือวันที่ 4 ก.ย.ที่จะถึงนี้
C|net รายงานว่าจากแบบสอบถามสำรวจข้อมูลของ Borders แบรนด์ร้านหนังสือชื่อดังได้มีการอ้างอิงถึงสินค้าแอปเปิลที่ใช้ชื่อว่า iPad อยู่ด้วย
โดยคำถามของ Borders ในข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความคุ้นเคยของลูกค้ากับอุปกรณ์อ่านหนังสือดิจิตอลที่มีคำตอบเกี่ยวกับ Kindle, Sony eBook Reader แต่ที่สำคัญคือมีตัวเลือกคำตอบข้อหนึ่งเขียนว่า "I plan to buy an Apple iPAD (large screen reading device) this year"
ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ เราไม่มีทางรู้ว่า Borders ได้ข้อมูลนี้มาจากไหน หรือเป็นเพียงแค่ข่าวลือในวงการธุรกิจหนังสือกันแน่
ที่มา - C|net
วงการ e-Book เริ่มขยายตัวอันเป็นผลมาจากการรุกตลาดของ Kindle ยอดขาย e-Book รวมทุกค่ายเดือนมิถุนายน 2009 โตขึ้นถึง 136.2% และถึงแม้ว่าอเมซอนจะไม่เปิดเผยยอดขาย e-Book ของตัวเอง แต่นักวิเคราะห์ก็คาดว่ากินส่วนแบ่งเกือบทั้งหมด
ผู้มาก่อนกาลอย่างโซนี่จึงต้องปรับกลยุทธ์เป็นการด่วน และรอบนี้ถึงขนาดว่าโซนี่ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องฟอร์แมตเฉพาะของตัวเองไม่ยุ่งกับใคร เปลี่ยนมาสนับสนุนมาตรฐานเปิดอย่างเต็มที่
หลังจากที่ทางโซนี่ได้ทำตลาดเครื่องอ่าน eBooks โดยใช้เทคโยโลยี eInk มาแล้ว สามตัวตอนนี้ทางโซนี่ได้เปิดตัวเครืองอ่าน eBooks รุ่นใหม่อีกสองตัว คือ
PRS-600 Touch
หน้าจอ 6 นิ้ว ระบบสัมผัส
มี Oxford American English Dictionary ในตัว
ราคา 299 US$
PRS-300 Pocket edition
หน้าจอ 5 นิ้ว
ราคา 199 US$