วันนี้ไมโครซอฟท์ประกาศข่าว RTM ชุดใหญ่ ถัดจาก Windows 8 และ Windows Server 2012 ก็ยังมี Visual Studio 2012 และ .NET Framework 4.5 ที่เข้าสถานะ RTM พร้อมกัน

ผู้ที่เป็นสมาชิก MSDN สามารถดาวน์โหลดรุ่นสมบูรณ์มาใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมนี้ (ผู้ที่ใช้รุ่น Professional, Premium, Test Professional, Ultimate จะได้ของแถมเป็นบัญชีนักพัฒนาบน Windows Store ฟรีหนึ่งปี) ส่วนงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นวันที่ 12 กันยายนทางเว็บไซต์ visualstudiolaunch.com

เว็บไซต์ LiveSide เผยว่า Windows Phone 8 SDK หลุดออกมาเป็นที่เรียบร้อย มีฟีเจอร์และ API ใหม่ ดังนี้

โครงการเปิดซอร์สโค้ดของ webOS เดินทางมาถึงจุดสำคัญ เมื่อ HP ประกาศว่าเฟรมเวิร์คจาวาสคริปต์ Enyo 2 (ที่เขียนใหม่ขึ้นจาก Enyo 1) เสร็จสมบูรณ์แล้ว

กำหนดการออก Java 8 แต่เดิมคือต้องออกภายในปีนี้ แต่เมื่อปีที่แล้วก็มีเหตุการณ์ทำให้ออราเคิลตัดสินใจเลื่อนกำหนดการออกไปเป็นกลางปี 2013 ล่าสุด Mark Reinhold หัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรมจาวา ก็ออกมาเขียนบล็อกว่าข้อเสนอตอนนี้คือต้องเลื่อนการออก Java 8 ออกไปอีกหนึ่งปีเป็นปี 2014

กูเกิลประกาศออก Android 4.1 SDK รุ่นจริงแล้ว หลังจากออกรุ่นทดสอบมาตั้งแต่งาน Google I/O (รายละเอียดของ API level 16)

ในโอกาสเดียวกันกูเกิลก็อัพเดต SDK Tools revision 20.0.1 และ NDK revision 8b ซึ่งไม่มีอะไรนอกจากแก้บั๊กครับ อัพเดตกันได้จาก SDK Manager

นอกจากนี้กูเกิลยังเขียนบล็อกแนะนำการอัพเดตแอพสำหรับ Nexus 7 ซึ่งมีประเด็นเรื่องความละเอียดหน้าจอ (แอพส่วนใหญ่จะทำงานได้ตามปกติ แต่ถ้ามีปัญหาก็อ่านตามคำแนะนำ) และการขาดฮาร์ดแวร์โทรศัพท์-กล้องหลัง ซึ่งจะทำให้แอพที่กำหนดว่าต้องการฟีเจอร์พวกนี้ไม่สามารถใช้กับ Nexus 7 ได้

หลังการเปิดตัว Office 2013 รุ่นทดสอบ ไมโครซอฟท์ก็ออกมาให้ข้อมูลผ่าน MSDN ว่า Office 2013 จะมีส่วนขยายหรือ "แอพ" แบบใหม่ที่สร้างด้วย HTML/JavaScript

โครงการที่ถูกปิดไปของกูเกิลนอกจากที่เราเห็นโครงการก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีโครงการภายในจำนวนหนึ่งถูกปิดลงไปพร้อมๆ กันด้วย วิศวกรของกูเกิล คือ Scott Blum และ Jaime Yap ได้ออกมาเปิดโครงการภายในที่ถูกยกเลิกไปในชื่อว่า Collide (collaborative IDE)

Collide เป็น IDE ให้เรารันในเครื่องของเราเอง เพื่อแชร์ซอร์สโค้ดออกมาเป็นเว็บให้นักพัฒนาคนอื่นมาช่วยกันพัฒนาร่วมกันได้ โดย Collide สามารถเติมโค้ดอัตโนมัติ (autocomplete) ในภาษา HTML, CSS, JavaScript, และ Python โดยหลังจากกูเกิลยกเลิกโครงการนี้ก็เปิดซอร์สโค้ดของมันออกมาเป็นโครงการโอเพนซอร์ส

ปัจจุบันการเล่นวิดีโอจาก YouTube ในแอพของ Android (ที่ไม่ใช่เว็บเบราว์เซอร์หรือแอพ YouTube ที่กูเกิลทำเอง) กลับเป็นเรื่องยากเกินความจำเป็นไปมาก แนวทางของผู้พัฒนาแอพเหล่านี้คือการฝัง iframe ลงใน webview เป็นหลัก

แต่ในงาน Google I/O 2012 กูเกิลก็ประกาศแผนเบื้องต้นของ YouTube Android Player API แล้ว ซึ่งนักพัฒนาแอพอื่นๆ จะสามารถเข้าถึงวิดีโอบน YouTube ได้ง่ายขึ้นมาก และประสบการณ์เล่นวิดีโอภายในแอพจะดีขึ้นตามไปด้วย

API ชุดนี้จะรองรับหน้าจอหลายขนาด (ตั้งแต่มือถือไปยัน Google TV), เล่นวิดีโอแบบเต็มหน้าจอได้, ตรวจทิศทางการหมุนจอได้, สามารถปรับคุณภาพของวิดีโอตามความเร็วการเชื่อมต่อ และรองรับการโฆษณาบนวิดีโอด้วย

การโหลดบิตผ่านหน้าเว็บไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มันกำลังจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมากขึ้น เพราะบริษัท BitTorrent Inc. ได้เปิดตัว BitTorrent Torque ไลบรารีจาวาสคริปต์ที่คอยเชื่อมเว็บกับไคลเอนต์ BitTorrent เข้าด้วยกัน

BitTorrent Torque จะเป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานให้เราเห็นการใช้งาน BitTorrent ผ่านเว็บในรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ตัวอย่างขั้นต้นที่บริษัท BitTorrent Inc. โชว์ให้ดูมีสองอย่างคือการแชร์ไฟล์ข้ามเครื่องคอมพิวเตอร์โดยผ่านหน้าเว็บ (เบื้องหลังส่งข้อมูลกันผ่านไคลเอนต์ BitTorrent) และการดาวน์โหลดบิตเสมือนว่าดาวน์โหลดไฟล์ผ่านเบราว์เซอร์ (ใช้กับ Chrome)

ไลบรารียอดนิยมอย่าง jQuery ประกาศว่ารุ่นต่อไปคือ jQuery 2.0 ที่จะออกในปี 2013 จะหยุดซัพพอร์ต Internet Explorer รุ่นเก่าทั้งหมดเหลือเพียง IE9 อย่างเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุผลคือต้องการพัฒนาการจัดการความผิดพลาดที่ทำได้ยากใน IE รุ่นก่อนหน้านั้น

ทางออกเดียวที่ทีมงานแนะนำสำหรับคนที่ต้องการซัพพอร์ต IE รุ่นเก่าคือการใช้ conditional comment ของ IE เพื่อดึงเวอร์ชั่น 1.9 มาใช้งานในเบราเซอร์รุ่นเก่า โดยทีมงานระบุว่า API จะใกล้เคียงกันทำให้ใช้งานร่วมกันได้ในกรณีทั่วๆ ไป

ปัญหาสำคัญคือ IE นั้นอัตราการอัพเกรดค่อนข้างช้า จนทุกวันนี้แม้แต่ IE6 ก็ยังมีการใช้งานเป็นวงกว้าง การบังคับให้นักพัฒนาต้องเลือกเช่นนี้อาจจะทำให้หลายคนเลือกที่จะไม่ย้ายไปใช้ jQuery 2.0 ไปเลยก็เป็นได้

กว่าสองปีตั้งแต่ jQuery UI 1.8 ออกมา และเริ่มพัฒนา 1.9 ตอนนี้ 1.9 Beta ก็มีการปล่อยให้ทดสอบแล้วครับ

ของใหม่ที่เห็นเป็นชิ้นเป็นอันในเวอร์ชัน 1.9 จะมี widget ใหม่เพิ่มเข้ามาสามตัว

• Menu
• Tooltip
• Spinner (เป็น textbox สำหรับกรอกตัวเลข ที่มีปุ่มลูกศรขึ้นลง ไว้เพิ่มลดค่า)

นอกนั้นก็จะเป็นการปรับ API และเพิ่มความสามารถให้กับ widget เดิม

ช่วงหลังมานี้ค่าย Mozilla มีโครงการเล็กๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Firefox โดยตรงอยู่หลายอย่าง โครงการหนึ่งที่น่าสนใจคือ Mozilla Webmaker ที่ต้องการสอนให้คนรู้จักวิธีการสร้างเว็บมากขึ้น ผ่านการสร้างเครื่องมือช่วยพัฒนาเว็บแขนงต่างๆ

เครื่องมือตัวใหม่ล่าสุดที่ Mozilla เปิดตัวคือ Thimble (แปลว่า ปลอกเล็บ) มันคือ HTML editor บนเว็บแบบง่ายๆ ไม่ได้มีฟีเจอร์อะไรหรูหรา แต่สร้างขึ้นมาเพื่อสอนการสร้างเว็บโดยเฉพาะ โดย Thimble แบ่งครึ่งหน้าจอเป็นส่วนของโค้ด HTML ด้านซ้าย และส่วนของ Live Preview ด้านขวามือ

อธิบายง่ายๆ มันคือการยกห้องเรียนของกูเกิลที่ปกติจัดใน Google I/O หรืองานอบรมสำหรับนักพัฒนาอื่นๆ มาขึ้นบนเว็บ เป็นการสอนสด ถามคำถามผู้สอนได้ผ่าน Hangout และจัดต่อเนื่องตลอดทั้งปี

คนที่สนใจเทคโนโลยีฝั่งกูเกิลสามารถเข้าไปดูตารางการสอนได้ที่ Google Developers Live (แน่นอนว่าใช้ Google Calendar และย้ายไปลงปฏิทินของเราได้) ส่วนรายการที่ถ่ายสดไปแล้วก็มีให้ดูกันย้อนหลังบนเว็บเช่นกันครับ

คาดว่าหลังๆ กูเกิลมีผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นมากจนไม่พอยัดลงตารางงาน Google I/O กูเกิลเลยเปลี่ยนมาจัดถ่ายทอดสดบนเว็บแทนเสียเลย

Samsung USA เปิดตัวแพลตฟอร์ม TecTiles ซึ่งอธิบายง่ายๆ มันคือ NFC SDK เวอร์ชันของซัมซุงนั่นเองครับ

TecTiles ประกอบด้วยสติ๊กเกอร์ NFC หน้าตาดังภาพ (ขายชุดละ 14.99 ดอลลาร์ มี 5 ชิ้น) และแอพ Samsung TecTile ที่โหลดได้ฟรีบน Play Store (ตอนนี้ยังโหลดได้เฉพาะในสหรัฐและแคนาดาเท่านั้น)

จุดต่างของ TecTiles กับ NFC SDK ทั่วไปคือตัวแอพ TecTile มีอินเทอร์เฟซสำหรับเขียนโปรแกรมกับสติ๊กเกอร์ NFC มาให้ในตัว โดยผู้ใช้ทั่วๆ ไปที่ไม่เป็นโปรแกรมเมอร์ก็สามารถโปรแกรมให้สติ๊กเกอร์แต่ละชิ้นทำงานที่ต้องการอะไรได้บ้าง (มีพรีเซ็ตมาตรฐานมาให้จำนวนหนึ่ง)

การเขียนโปรแกรมแบบลาก-วาง (drag and drop) นั้นมีมานานแล้วแต่รอบนี้กูเกิลออกมาทำเองเลยเป็นข่าวใหญ่สักหน่อย โดย Google Blockly เป็นภาษาเขียนโปรแกรมค่อนข้างเต้มรูปแบบ แต่ทำงานที่ทำงานบนเว็บได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเลยแม้แต่บรรทัดเดียว

ระบบพัฒนารูปแบบคล้ายๆ กันนี้เราคงเคยเห็นใน App Inventor กันมาก่อนแล้ว แต่ Blockly ทำงานบนเว็บจริงๆ โดยไม่ต้องใช้แอ็บเพล็ต เทคโนโลยีทั้งหมดเป็น SVG และจาวาสคริปต์ แถมยังแปลงโค้ดเป็น Dart และ Python ได้ด้วย

ไมโครซอฟท์ออก on{X} ที่เป็นระบบคริปต์สำหรับโทรศัพท์แอนดรอยด์ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าเหตุการณ์ที่จะทำงานตามที่ตั้งไว้ได้ เชน เมื่อเข้าไปถึงสถานที่บางแห่งแล้วให้ส่ง SMS แจ้งคนที่เราระบุ

เหตุการณ์เริ่มต้นที่จะเรียกคำสั่งนั้นมีตั้งแต่สถานที่ที่เราอยู่, เวลา, ข่าวที่เข้ามา, สัญญาณ Wi-Fi, และแบตเตอรี่ เมื่อถูกเหตุการณ์เป็นไปตามที่เรากำหนดแล้ว เราสามารถเขียนสคริปต์เป็นจาวาสคริปต์เพื่อกำหนดการทำงานต่อไปได้

ระบบดูน่าสนใจมาก แต่ไม่แน่ใจว่าทำไมไมโครซอฟท์จึงเลือกพัฒนาระบบนี้บนแอนดรอยด์เป็นระบบแรก อย่างไรก็ดีมันดาวน์โหลดได้ฟรีแล้ววันนี้

หลังจากไมโครซอฟท์ประกาศหักดิบว่า Visual Studio Express 2012 จะรองรับการพัฒนาแอพแบบ Metro เท่านั้น ในที่สุดบริษัทก็ทนต่อข้อเรียกร้องจากนักพัฒนาไม่ไหว โดยได้ประกาศว่าจะเพิ่ม Visual Studio Express 2012 for Windows Desktop เข้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Express เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Dirk de Kok เจ้าของเว็บ Mobtest (เว็บเกี่ยวกับการทดสอบแอพบนมือถือ) ได้โพสต์เกี่ยวกับการทำงานของแอพ Facebook บนอุปกรณ์ iOS ว่าอะไรทำให้แอพตัวนี้ค่อนข้าง ”แย่” โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องของความเร็วและการโหลดเนื้อหา

จะว่าไปแอพตัวนี้มีเรทติ้งเฉลี่ยเพียงแค่ 2 ดาวจาก 5 ดาวเท่านั้น (ใน iTunes ของอเมริกา) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแอพ social network ตัวนี้ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดีนักกับผู้ใช้ ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ก็คือ

Google เปิดโครงการ Google Apps Developer Challenge 2012 โดยโครงการนี้เงินรางวัลมูลค่าสูงถึง 20,000 ดอลลาร์ พร้อม Chromebook และหากเป็นทีมนักพัฒนารุ่นนักเรียน หรือทีมหญิงที่สามารถเข้าถึงรอบสองได้ ก็จะได้รับเงินรางวัลพิเศษเพิ่มเติมอีก 1,000 ดอลลาร์ด้วย

โครงการจะเน้นไปที่การใช้งาน Google Apps Script API, Google Apps API และ Google Drive API และใช้ภาษาโปรแกรมที่เป็นที่นิยมอย่าง Java, PHP, Python และ .Net ในการพัฒนา

เฟชบุ๊กเป็นหนึ่งในบริษัทยุคใหม่ที่เปิดซอร์สโครงการใหญ่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ที่เด่นๆ คือ HipHop ที่เป็นคอมไพล์เลอร์สำหรับภาษา PHP, และ Thrift โปรโตคอลสำหรับสื่อสารข้ามภาษา เมื่อสองวันก่อนก็มีการเปิดตัวอีกหนึ่งโครงการ คือ Folly ไลบรารีพื้นฐานสำหรับภาษา C++11

ตัวไลบรารีนั้นค่อนข้างกระจัดกระจาย ยังไม่สมบูรณ์เป็นชุดเหมือน Boost อย่างไรก็ดีมีหลายตัวที่น่าสนใจ เช่น Format.h ที่ยกเอาระบบฟอร์แมตของไพธอนมาใช้บน C++ ตรงๆ หรือ AtomicHashMap.h ที่สร้างโครงสร้างข้อมูลแบบแมบโดยทุกคำสั่งนั้นเป็นปลอดภัยต่อการใช้งานพร้อมกันหลายเธรด

Spaceport.io แพลตฟอร์มพัฒนาเกมบนมือถือ ออกเบนช์มาร์ควัดความเร็วของเกมที่สร้างด้วย HTML5 ชื่อว่า Perfmarks และเผยแพร่ผลการทดสอบของอุปกรณ์ต่างๆ

ผลที่ได้คือ HTML5 บนเบราว์เซอร์พกพายังมีประสิทธิภาพน้อยมาก และเมื่อทดสอบเทียบกับคอมพิวเตอร์ (MacBook Pro) แล้ว ค่าเฉลี่ยพบว่าประสิทธิภาพด้อยกว่ากันถึง 889 เท่าตัว ส่วนอุปกรณ์พกพาที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดคือ Safari บน iPhone 4S ซึ่งยังด้อยกว่าคอมพิวเตอร์อยู่ 6 เท่าตัว

มาตามนัดเช่นเดียวกัน ไมโครซอฟท์ได้ปล่อย Visual Studio 2012 RC (Release Candidate) ออกมา สิ่งสำคัญที่ได้รับการปรับปรุง คือส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) นั้นมีสีสันแล้ว

NetBeans IDE ยอดนิยมอีกตัวจากค่าย Oracle ออกรุ่น 7.2 Beta แล้ว ของใหม่ในรุ่นนี้ที่สำคัญคือการรองรับภาษา C++ รุ่นใหม่คือ C++11 และ PHP 5.4

ส่วนของตัว editor เองก็ปรับปรุงเพิ่มหลายจุด โดยเฉพาะการทำดัชนีเพื่อค้นหาข้อมูลภายในโค้ด ถูกนำไปรันเบื้องหลังและทำงานแบบขนาน นอกจากนี้ยังมีปุ่มลัด Ctrl+Space เพิ่มเติมคำใน search bar

ทีมวิศวกรรมของ Twitter โพสต์ข้อมูลผ่านบล็อก Twitter Engineering ว่าบริษัทปรับกลไกการทำงานของ Twitter เวอร์ชันเว็บใหม่ โดยหน้าตายังเหมือนเดิมทุกประการแต่เปลี่ยนระบบการทำงานข้างหลังไปหลายจุด ส่งผลให้ประสิทธิภาพดีขึ้นมาก

การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนคือ URL ของเพจต่างๆ บนเว็บไซต์ Twitter จะไม่มีอักขระพิเศษ #! (hashbang) อีกแล้ว เนื่องจากอักขระแบบเดิมเป็นกลไกการเรนเดอร์ข้อมูลทับไปบนเพจเดิมที่โหลดมาแล้วอีกครั้ง (ไม่ใช่การ redirect) แต่ตอนนี้ทีมงานเปลี่ยนวิธีการแสดงผลใหม่โดยเลิกใช้การเรนเดอร์ข้อมูลทับเพจเดิม เพื่อลดกระบวนและระยะเวลาของการแสดงผลข้อมูล ทำให้อักขระ #! ถูกเลิกใช้ไปด้วย

ข่าวร้ายสำหรับนักพัฒนาโปรแกรมสายไมโครซอฟท์ทุกท่านครับ เพราะไมโครซอฟท์เปลี่ยนนโยบายของ Visual Studio 11 Express รุ่นแจกฟรีแล้ว โดยจากนี้ไปมันจะสามารถใช้พัฒนาได้แค่แอพแบบ Metro เท่านั้น ไม่สามารถใช้พัฒนาแอพ Win32 หรือ .NET แบบเดิมได้

ดังนั้นถ้าอยากพัฒนาแอพแบบเดิมๆ ของวินโดวส์ นักพัฒนามีทางเลือกเหลือ 2 ทางคือ

• ยอมจ่ายเงิน 500 ดอลลาร์ ซื้อ Visual Studio 11 Professional
• กลับไปใช้ Visual Studio 2010 Express ที่ยังใช้ได้ฟรีเหมือนเดิม

เรียกว่างานนี้ไมโครซอฟท์ตัดสินใจหักดิบสุดๆ กะดัน Metro ให้เกิดแบบเต็มตัว คำถามคือนักพัฒนาจะคิดแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า?