เรียกว่าค่อยๆ ฟื้นฟูฐานผู้ใช้กลับมาอย่างรวดเร็วกับ Lineage OS ร่างใหม่ของ CyanogenMod ล่าสุดมีเครื่องที่ใช้งานรอมตัวนี้เกิน 5 แสนเครื่องแล้ว (ประมาณ 5.2 แสนเครื่องขณะที่เขียนข่าวนี้ และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ)

ฮาร์ดแวร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ผู้ใช้ Lineage OS คือ OnePlus One (bacon) จำนวน 4 หมื่นเครื่อง ตามด้วย Redmi Note 3 (kenzo) และ OnePlus 3 อย่างละประมาณ 2 หมื่นเครื่อง

ในช่วงที่ CyanogenMod รุ่งเรืองมากๆ เคยมีผู้ใช้งานมากถึง 10 ล้านเครื่อง

ที่มา - Lineage OS Stats, Android Police

ข่าวดีของผู้ใช้ CyanogenMod ที่ถูกปิดเว็บไปแล้ว เพราะฝั่งของโครงการใหม่ Lineage OS เริ่มมีความเคลื่อนไหวแล้ว

ถึงแม้หน้าเว็บของ Lineage OS ยังไม่เรียบร้อยดี (โลโก้ก็ยังไม่มี มีแต่โลโกชั่วคราวรูปหัว Android) แต่แกนหลักของโครงการคือตัวรอม Lineage OS ก็เริ่มออกรุ่น Nightly Build มาให้ทดลองใช้งานกัน (นับเวอร์ชันเป็น 14.1 ต่อจาก CM) ตัวซอร์สโค้ดอยู่บน GitHub และเริ่มมีนักพัฒนารอม build ไฟล์มาแจกบนฟอรั่มของ XDA บ้างแล้ว

ต่อจากข่าว ปิดตำนาน Cyanogen และ CyanogenMod ทีมงานแยกไปทำโครงการใหม่ Lineage

เดิมที Cyanogen Inc. จะหยุดให้บริการเซิร์ฟเวอร์กับ CyanogenMod ในวันที่ 31 ธันวาคม 2016 แต่หลังข่าวประกาศออกไปวันเดียว เว็บไซต์ CyanogenMod ก็ใช้งานไม่ได้แล้วจากปัญหา DNS ซึ่งคาดว่าทาง Cyanogen Inc. ไม่พอใจและปิดเซิร์ฟเวอร์ก่อนกำหนด (อย่างไรก็ตาม บัญชี Twitter ของ @CyanogenMod ดูจะยังเป็นของทีมงาน CyanogenMod อยู่)

บริษัท Cyanogen Inc. ประกาศหยุดออกรอม Cyanogen OS, ปิดเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้คอมไพล์รอมและให้ดาวน์โหลดรอม, ปิดเซอร์เวอร์ที่ให้บริการออนไลน์อื่นๆ ทั้งหมดในวันที่ 31 ธันวาคม 2016 และขอให้ผู้ใช้ย้ายไปใช้รอมโอเพนซอร์ส CyanogenMod แทน

แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น ฝั่งโครงการ CyanogenMod ที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ของบริษัท Cyanogen ก็ประกาศแยกตัว (fork) ไปทำโครงการใหม่ชื่อ Lineage โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการผูกกับแบรนด์ Cyanogen ที่อาจขายต่อให้บริษัทอื่นๆ ในอนาคต ไหนๆ Cyanogen ต้องปิดตัวแล้ว ขอไปเริ่มสร้างแบรนด์ใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยดีกว่า

ไม่กี่วันก่อนเพิ่งมีข่าวว่า Steve Kondik ผู้ก่อตั้งโครงการรอม CyanogenMod และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Cyanogen Inc. ร่วมกับ Kirt McMaster ว่าเขาอาจต้องออกจากบริษัท ล่าสุดวันนี้ Kondik โพสต์เปิดเผยความในใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว

เขาบอกว่าความตั้งใจเริ่มแรกของ Cyanogen Inc. คือการทำรอมที่จะพรีโหลดมาพร้อมสมาร์ทโฟน เขาจึงจ้างคนมากมายมาร่วมโครงการนี้และไปตั้งบริษัทที่เมืองซีแอตเทิล หลังจากนั้นไม่นานเมื่อเริ่มเห็นความสำเร็จ ผู้ร่วมก่อตั้งชื่อ Kirt McMaster ซึ่งดำรงตำแหน่งซีอีโอด้วยก็เริ่มไม่พอใจที่ตนต้องเป็นคนบริหารแต่ไม่ได้เป็นคนวางวิสัยทัศน์ McMaster จึงเริ่มไปดีลธุรกิจแบบแย่ๆ

จากข่าวลือ Cyanogen Inc. ประสบปัญหา ต้องปลดพนักงาน และอาจต้องเลิกทำ OS ที่ก่อให้เกิดคำถามมากมาย ล่าสุด Steve Kondik ผู้ก่อตั้งโครงการ CyanogenMod และบริษัท Cyanogen Inc. ออกมาแถลงข้อมูลบางส่วนผ่านบล็อกของบริษัทแล้ว

Kondik ยืนยันว่าทั้งโครงการ CyanogenMod และบริษัท Cyanogen Inc. จะยังอยู่เหมือนเดิมไม่หายไปไหน เขายอมรับว่า Cyanogen Inc. มีทั้งเรื่องที่ทำสำเร็จและล้มเหลว แต่ก็บอกว่าจะแก้ไขปัญหาต่อไป และปฏิเสธข่าวว่า Cyanogen Inc. จะเลิกทำรอมแล้วหันไปทำแอพแทน

นอกจากนี้ Cyanogen Inc. จะยังสปอนเซอร์โครงการ CyanogenMod ต่อไป รวมถึงตัวเขาเองก็ยังมีบทบาทในการพัฒนา CyanogenMod ดังเดิม แต่ก็มีแผนจะประกาศข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต

เพิ่งปล่อย CyanogenMod 12.1 ตัว Snapshot ไปได้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ตอนนี้ทีมพัฒนารอม CyanogenMod เดินเครื่องปล่อยรอมรุ่น CyanogenMod 13 (CM13) ที่พัฒนาจาก Android 6.0 Marshmallow ให้กับอุปกรณ์บางรุ่นแล้ว

ตัว CM13 ตอนนี้ยังมีแค่ตัว nightly ซึ่งนอกจากจะยังไม่เสถียรแล้ว ยังฟีเจอร์ไม่ครบเหมือนกับ CM12.1 อีกด้วย แต่สำหรับผู้ที่อยากลองก็สามารถแฟลชได้โดยตรงจาก CM12.1 ทันที ส่วนคนใช้รอมรุ่นปรับแต่งอีกที ทาง CM แนะนำให้ล้างเครื่องใหม่ก่อนแฟลชรอม nightly ของ CM13 โดยรุ่นที่รองรับตอนนี้ยังมีเพียงหยิบมือ ดังนี้

หลังจากไปทุ่มเทกับ Cyanogen OS จนมีแอพใหม่ๆ ผุดมาหลายตัว ซึ่งหลายตัวนั้นพรีโหลดไปกับเครื่องที่รัน Cyanogen OS ทำให้ผู้ใช้เวอร์ชันคอมมิวนิตี้อย่าง CyanogenMod ยังไม่สามารถใช้ได้ สำหรับคนที่รอ ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วหลังจาก Cyanogen เพิ่งออกมาเปิดตัวชุดรวมแอพของตัวเองในชื่อ C-Apps

C-Apps เป็นชุดรวมแอพที่พรีโหลดไปกับ Cyanogen OS ประกอบไปด้วยหกฟีเจอร์หลักได้แก่ Audio FX แอพปรับเสียงระดับโปร, แอพโทรศัพท์พร้อมฟีเจอร์ของ Truecaller, แอพอีเมลที่ใช้ฟีเจอร์จาก Boxer, ระบบธีม และร้านขายธีม, แอพแกลเลอรีพร้อมระบบจัดการภาพซ้ำซ้อน และฟีเจอร์เพิ่มเติมใน Cyanogen Account โดยทั้งหมดสามารถใช้งานได้กับ CyanogenMod 12.1 ขึ้นไปเท่านั้น

โครงการ CyanogenMod ประกาศเครื่องที่เริ่มซัพพอร์ตชุดใหม่ ทำให้เครื่องรุ่นใหม่ๆ เริ่มใช้งาน CyanogenMod ได้แล้วจำนวนมาก

เครื่องที่รองรับเพิ่ม ได้แก่

โครงการ CyanogenMod ประกาศออกรุ่น 12.1 ซึ่งเป็นรอม CM รุ่นแรกที่พัฒนาบน Android 5.1.1 ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือ รองรับ Cyanogen Platform SDK แล้ว

นอกจากนี้ โครงการยังออก CM 11.0-security และ 12.0-security รุ่นแพตช์แก้บั๊ก StageFright แล้วด้วย

การออกรอมทั้งสามรุ่นจะขึ้นกับ maintainer ของอุปกรณ์แต่ละรุ่นด้วย ใครใช้รุ่นไหน เช็คกันเองจากหน้าดาวน์โหลด

ที่มา - CyanogenMod

Xiaomi Mi3 และ Mi4 เป็นโทรศัพท์ที่ได้รับความนิยมสูงทั้งในจีนและต่างประเทศ ทาง Cyanogenmod เองก็เคยซัพพอร์ตโทรศัพท์ทั้งสองรุ่น (ใช้โค้ดพื้นฐานเดียวกับ ชื่อรหัส cancro) แต่มีบั๊กเซ็นเซอร์ทำให้ทำงานร่วมกับ SELinux ไม่ได้จนทาง CyanogenMod หยุดคอมไพล์ไบนารีให้ดาวน์โหลด ตอนนี้ผู้ใช้ linuxxxx ก็แพตช์แก้บั๊กนี้จนน่าจะกลับมาซัพพอร์ตในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ถ้าคอมไพล์สำเร็จ ทั้ง Mi3 และ Mi4 มีรอม CyanogenMod 12.1 ไว้ใช้งาน

ทีมงาน CyanogenMod เริ่มเผยรายละเอียดของ Cyanogen Platform SDK เครื่องมือสำหรับให้นักพัฒนาแอพเรียกใช้ฟีเจอร์หลายๆ อย่างของระบบปฏิบัติการ CyanogenMod ได้ง่ายขึ้น ช่วยให้แอพทำงานร่วมกับระบบได้ดีกว่าเดิม

ฟีเจอร์สำคัญของ Cyanogen Platform SDK คือ CustomTile API ที่แอพสามารถสร้างไอคอนในหน้า Quick Settings เพิ่มเองได้

Adnan Begovic หนึ่งในทีมงาน Cyanogen ไปพูดที่งาน Seattle Code Rush และประกาศว่า CyanogenMod มียอดผู้ใช้งานเกิน 50 ล้านคนแล้ว เลขจำนวนนี้เยอะกว่าผู้ใช้ Windows Mobile และ BlackBerry รวมกันซะอีก

ที่มา - Android Central

หมายเหตุ: ต้นฉบับใช้คำว่า Windows Mobile แต่เข้าใจว่าน่าจะหมายถึง Windows Phone นะครับ

Micromax เปิดตัว Yureka Plus สมาร์ตโฟนใช้ระบบปฎิบัติการ Cyanogen OS 12 อัพเกรดจาก Micromax Yureka ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว

Yureka Plus เพิ่มสเปคเป็นหน้าจอ 1080p จากเดิมเป็น 720p แต่สเปคอื่นๆ ยังคล้ายรุ่นเดิมมาก ซีพียูยังเป็น Snapdragon 615 เช่นเดิม

ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 9,999 รูปีย์ หรือประมาณ 5,500 บาทไทย จากเดิม 8,999 รูปีย์ ขายวันแรกวันที่ 24 นี้เฉพาะใน Amazon India เท่านั้น

ทีม CyanogenMod เข้าร่วมวงทำเบราว์เซอร์บน Android ด้วยโครงการ Gello เบราว์เซอร์จากโอเพนซอร์ส Chromium

ฟีเจอร์ที่พบจากวิดีโอในขณะนี้

• การตั้งค่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวแบบแยกเว็บไซต์
• ความสามารถในการปรับแต่งอินเตอร์เฟซ เช่น การจัดวางเมนู และแท็บแอนิเมชัน
• ส่วนดาวน์โหลดไฟล์สามารถแก้ไขชื่อไฟล์ และเลือกตำแหน่งจัดเก็บไฟล์ได้
• Reading mode แบบออฟไลน์
• โหมดกลางคืนและโหมดเต็มจอ
  

CyanogenMod 12.1 ที่พัฒนาต่อจาก Android 5.1 Lollipop เริ่มออกรุ่นทดสอบ Nightly แล้ว

เท่าที่ผมลองเช็คดูจากเว็บ CyanogenMod อุปกรณ์ยอดฮิตหลายตัวเริ่มได้ CM 12.1 Nightly กันแล้ว เช่น HTC One M7, Nexus 5, Nexus 7, Moto G, OnePlus One, Xperia Tablet Z, Oppo Find 7 ส่วนเครื่องใครที่ยังไม่เข้าข่ายก็ต้องรอกันต่อไปครับ

โครงการ CyanogenMod (ที่แยกชัดเจนจากบริษัท Cyanogen) ประกาศความคืบหน้าของการพัฒนา CyanogenMod 12.1 ที่อิงอยู่บน Android 5.1 Lollipop รุ่นล่าสุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ทีมงานบอกว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าเราจะเริ่มเห็น CM 12.1 รุ่น nightly ออกมาให้ทดสอบกัน

ทีมงานยังเล่าถึงของใหม่ใน CM12/12.1 ว่าแอพหลายตัวของโครงการจะถูกปรับหน้าตาให้เป็น Material Design นอกจากนี้ CM12 จะเปลี่ยนระบบการแยกซอร์สโค้ดของมือถือแต่ละรุ่นย่อย (variant) จากระบบซอร์สรวม (unified) ที่เริ่มใช้ใน CM11 กลับมาเป็นการแยกซอร์สตามรุ่นแบบเดิม เนื่องจากมือถือแต่ละรุ่นย่อยได้อัพเดตจากโอเปอเรเตอร์ช้าเร็วไม่เท่ากัน ทำให้การใช้ซอร์สชุดเดียวกันมีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์

ก่อนจะปล่อย CyanogenMod 12 (CM12) รอมรุ่นใหม่ที่ปรับไปใช้ฐานเป็น Lollipop ซึ่งมีกำหนดการจะปล่อยให้ดาวน์โหลดช่วงปลายเดือนนี้ ทางทีมพัฒนาก็เริ่มโชว์ฟีเจอร์ใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้กันบ้างแล้ว

โดยสองฟีเจอร์ใหม่ที่จะเพิ่มเข้าไปในคอร์ของระบบ CM12 อย่างแรกคือ App Themer ความสามารถในการปรับแต่งธีมแบบแยกตามแอพได้ (ก่อนหน้านี้จะมาเป็นเซ็ต) โดยสามารถปรับได้จากชุดพื้นฐานที่มีมาให้ หรือแม้แต่ปรับเองทั้งหมดก็ยังได้ (ตัวอย่างท้ายข่าว)

อีกฟีเจอร์ที่มาพร้อมกันก็ยังคงเกี่ยวกับธีม นั่นก็คือ Cyanogen จะเริ่มรองรับธีมแบบเสียเงินแล้ว โดยดาวน์โหลดผ่าน Play Store เช่นเคย

สำหรับทั้งสองฟีเจอร์นี้จะมีเพิ่มเข้าไปในรุ่นที่ใช้ CM12S อย่าง OnePlus One และ Yureka Yu เช่นกันครับ

OnePlus ประกาศแผนการอัพเดตรอม Android 5.0 Lollipop ให้มือถือ OnePlus One โดยแยกตามยี่ห้อรอมดังนี้

• CyanogenMod 12S (ภายใต้ข้อตกลงกับ Cyanogen เดิม) จะออกอัพเดตผ่าน OTA วันที่ 30 มีนาคม 2015
• Oxygen OS (ที่ OnePlus ทำเอง) จะเปิดให้ดาวน์โหลดวันที่ 27 มีนาคม 2015

OnePlus ยังแสดงความมั่นใจว่าจะยึดตามกำหนดการที่ประกาศได้จริง โดยสัญญาว่าถ้าออกไม่ทันก็จะแจก OnePlus One จำนวน 5 เครื่องให้แฟนๆ ที่มาตอบกระทู้ด้วย

ช้ากว่าที่เคยประกาศไว้พอสมควร แต่ตอนนี้ทาง CyanogenMod ก็พร้อมปล่อยรอมชุดแรกของ CM12 บนฐานจาก Lollipop เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีรุ่นที่รองรับในปัจจุบันราวๆ 30 รุ่นด้วยกัน

ในรอบชุดแรกนี้ ฟีเจอร์หลักๆ ยังคงขาดไปอีกเพียบ ซึ่งทีมพัฒนาสัญญาว่าจะเพิ่มให้ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนรอมรุ่น M Snapshot นั้นพัฒนาไปได้ราว 85% แล้ว ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการนำฟีเจอร์บน CM11 มารันให้เรียบร้อยเสียก่อน

สำหรับฟีเจอร์ใหม่บน CM12 มีตั้งแต่โหมด Ambient display, แอพข้อความตัวใหม่ และแผนปรับปรุง status bar เพิ่มเติมจาก Lollipop

หลังจากเหตุการณ์วงแตกระหว่าง OnePlus One และ Cyanogen ทำให้ผู้ใช้ OnePlus One หลายคน โดยเฉพาะที่อินเดีย เริ่มเกิดความหวั่นใจว่าซอฟต์แวร์ Cyanogen OS ที่ติดมากับเครื่องนั้น จะมีชะตากรรมอย่างไรบ้าง

ล่าสุด ทาง Cyanogen ออกมายืนยันว่า สำหรับผู้ใช้ที่ใช้รอม Cyanogen OS บน OnePlus One จะยังคงได้รับอัพเดตแบบ OTA ต่อไป สำหรับทุกอุปกรณ์ ซึ่งรวมไปถึงอุปกรณ์ของผู้ใช้ในประเทศอินเดียอีกด้วย

ที่มา - Engadget

ในที่สุด CyanogenMod ทีมพัฒนารอมจาก AOSP รายใหญ่ ก็ออกมาขยับเกี่ยวกับอัพเดต Lollipop (CM12) แล้ว หลังจากกูเกิลส่งโค้ดไปยังโครงการ AOSP เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

โดยในโพสต์ล่าสุดของทีม CyanogenMod ระบุว่าตอนนี้ทางทีมได้เริ่มรวมฟีเจอร์ของ CyanogenMod เข้าไปในโค้ดที่ปล่อยมาตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน และคาดว่าจะปล่อยรอมรุ่น nightly ได้อย่างเร็วในช่วงปลายเดือนนี้

สำหรับรุ่นที่รองรับ Lollipop บน CyanogenMod รุ่นใหม่ แน่นอนว่ามีบางรุ่นที่อาจไปต่อไม่ได้แล้ว ซึ่งจะแจ้งให้ทราบในภายหลังครับ

ที่มา - CyanogenMod

Cyanogen ยังคงแผนปล่อยแอพหลักของตัวเองลง Play Store ตามแนวทางของผู้ผลิตซอฟต์แวร์บนสมาร์ทโฟนรายอื่น เพื่อให้สามารถอัพเดตแอพหลักได้ง่ายขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปล่อยแอพกล้อง Cyanogen Camera ลง Play Store แล้ว

ทว่า ใครที่อยากจะลองลง Cyanogen Camera อาจต้องออกแรงเสียหน่อย เพราะแอพตัวนี้ไม่ได้เปิดให้กับทุกเครื่องลงได้ แต่ออกมาให้เฉพาะกับเครื่องที่รัน CM11s เท่านั้น (เข้าใจว่ามีแค่ OnePlus One กับบางรุ่นที่มีคนโมไป เช่น Nexus 5)

แน่นอนว่าเมื่อปล่อยแอพมาก็ต้องมีคนแกะ apk มาแจก ซึ่งเท่าที่ตามดูพบว่าสามารถใช้งานได้ดีกับรอมที่โมมาจาก CM11 ส่วนกับรอมอื่นๆ จะเจอกับแอพเด้งเป็นส่วนใหญ่

ออกรุ่นใหม่ต่อเนื่องกันทุกเดือนสำหรับ Cyanogen 11 ที่เพิ่งปล่อยรุ่น Snapshot M9 ให้ดาวน์โหลดกันแล้ว โดยฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามามีดังนี้

• รองรับระบบธีมที่สามารถปรับอินเทอร์เฟซได้ละเอียดขึ้น (ปรับแต่งแบบแยกชิ้น หน้าล็อก หน้าโฮม แอพหลักต่างๆ เป็นต้น)
• รองรับการแตะสองทีเพื่อปิดหน้าจอจากหน้าล็อก
• ระบบป้องกันสแปมของข้อความแจ้งเตือน เช่นข้อความโฆษณาเกมในค่ายเดียวกัน
• ป้องกันการเปิดหน้าจอแบบไม่ตั้งใจ โดยเชคจากเซนเซอร์วัดระยะว่าถูกบังอยู่หรือไม่

สำหรับสามรุ่นเด่นที่เพิ่งรองรับในเวอร์ชันนี้ก็มี Xperia Z2, Xperia Z2 Tablet และ HTC One (M8)

OnePlus One สมาร์ทโฟนที่ออกตัวว่าเกิดมาเพื่อฆ่ารุ่นเรือธงของแบรนด์อื่น กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในอย่างมาก หลังมีข่าวลือว่า OnePlus มีแผนจะทำรอมของตัวเองแทนการยืมมือจากนักพัฒนารอมจากทั้ง CyanogenMod และ ColorOS จาก Oppo พร้อมกับแผนย้ายนักพัฒนาจากจีนไปยังไต้หวัน

หลังข่าวนี้ออกมา OnePlus ออกมายืนยันว่ามีแผนย้ายทีมพัฒนาไปไต้หวันจริง และ Pete Lau ก็บอกกับเว็บไซต์ Sina Tech ว่ากำลังทำรอมอยู่จริง โดยไม่มีกำหนดว่าจะออกรอมตัวใหม่มาเมื่อใด

หากลองเดาเหตุผลว่าทำไม OnePlus ถึงอยากทำรอมของตัวเอง ทั้งๆ ที่ก็มีพาร์ทเนอร์อย่าง CyanogenMod อยู่แล้ว ก็น่าจะเป็นเรื่องของเม็ดเงินที่ต้องแบ่งให้กัน ซึ่งหากเทียบกับการพัฒนารอมของตัวเอง จะช่วยลดต้นทุนเรื่องนี้ในระยะยาวก็เป็นได้