หลังธนาคารแห่งประเทศไทยออกประกาศเตือนว่าการออกเงิน stablecoin ชนิด THT ของแพลตฟอร์ม Terra อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย เนื่องจากมีมูลค่า 1 เหรียญ เท่ากับ 1 บาท
วันนี้ Do Kwon หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Terra ออกมาทวิตพร้อมแปะประกาศดังกล่าวในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษในเชิงไม่เกรงกลัว และระบุว่ายังไงก็จะออก THT โดยไม่สนธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกข่าว ธปท. ฉบับที่ 15/2564 เตือนว่า Stablecoin ที่อิงกับมูลค่าเงินบาทชนิด THT ที่ให้บริการบนแพลตฟอร์ม Terra และกำหนดให้มูลค่าของเหรียญ 1 เหรียญ มีค่าเท่ากับ 1 บาทนั้น หากถูกนำมาใช้แลกเปลี่ยนในวงกว้าง อาจ “ทำให้เกิดการแบ่งแยกระบบเงินตราของประเทศไทยออกไปมากกว่าหนึ่งระบบ และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและความมั่นคงของระบบเงินตราของประเทศ”
ทำให้การออกเหรียญ THT อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นการทำ จำหน่าย ใช้ หรือนำออกใช้ วัตถุหรือเครื่องหมายแทนเงินตรา ที่เป็นความผิดตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 และเตือนว่าประชาชนไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับ THT เพราะจะไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย เสี่ยงการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ และเสี่ยงตกเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศรายชื่อผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล (Digital Personal Loan) ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินหรือ (Non-bank) แล้ว โดยมีบริษัทได้รับอนุญาตบริษัทแรกคือ SEAMONEY (CAPITAL) ในเครือ Sea Group (Shopee, Airpay, Garena)
ในการทำบริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลนั้น ผู้ประกอบการสามารถใช้เทคโนโลยีและข้อมูลทางเลือก (alternative data) มาใช้เพื่อการบริการได้ ไม่จำเป็นต้องพิจารณาฐานะทางการเงิน หรือกระแสเงินสด ไปจนถึงไม่ต้องใช้แหล่งข้อมูลกลาง (เช่นเครดิตบูโร) มาพิจารณาสินเชื่อ แต่ก็จำกัดว่าสามารถให้วงเงินได้คนละไม่เกิน 20,000 บาทและสัญญาไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยออกรายงานสถิติระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขัดข้องที่กระทบต่อการให้บริการผ่านทางช่องทางสำคัญ ซึ่งรายงานถึงความขัดข้องของช่องทางต่างๆ เช่น แอปธนาคารบนโทรศัพท์, บริการธนาคารผ่านเว็บ, บริการตู้เอทีเอ็ม, และบริการทางสาขา ซึ่งปกติมีกำหนดออกรายงานทุกสิ้นเดือนหลังสิ้นสุดไตรมาส
จากเหตุแอปพลิเคชั่นธนาคารหลายแห่งใช้งานไม่ได้ในวันนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติม ดังนี้
นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงินธปท. เปิดเผยว่า ระบบ mobile banking ของบางธนาคารมีการหน่วงหรือช้าจากการติดตาม พบว่าบางธนาคารมีการตอบกลับช้าหรือเข้าใช้งานไม่ได้เป็นช่วงๆ ส่วนใหญ่เป็นรายการประเภทชำระบิลเรียกเก็บเงิน (Bill payment) และบางธนาคารมีรายการรอทยอยเข้าบัญชีในช่วงธุรกรรมสูง (Peak time)
ธปท. และธนาคารสมาชิกได้ร่วมกันติดตามการให้บริการและการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยให้ธนาคารที่ระบบช้าเร่งชี้แจงลูกค้า และให้มีช่องทางอื่นให้ลูกค้าใช้ทดแทน
ธนาคารแห่งประเทศไทยและบริษัท NDID จำกัด ประกาศเปิดระบบ NDID หรือการยืนยันตัวตนดิจิทัลข้ามไปยังธุรกิจการเปิดบัญชีกองทุน, ทำกรมธรรม์และขอสินเชื่อ ประชาชนสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์หรือบัญชีกองทุน ซื้อกรมธรรม์ประกันภัย และขอข้อมูลจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จากัด (National Credit Bureau หรือ NCB) ผ่านช่องทางดิจิทัลได้
ธนาคารแห่งประเทศไทยออกรายงานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขัดข้องประจำไตรมาสที่สามของปีนี้ พบอัตราการขัดข้องของบริการผ่านโทรศัพท์มือถือธนาคารกรุงไทยเพิ่มขึ้นมาเป็น 9 ชั่วโมง หลังจากสามไตรมาสก่อนหน้านี้ล่มเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ขณะที่ธนาคารกรุงเทพบริการผ่านโทรศัพท์มือถือล่มรวม 4 ครั้งนาน 9 ชั่วโมงเช่นกันลดลงจากสองไตรมาสก่อนหน้านี้
เฉพาะธนาคาร 5 อันดับแรกที่มีผู้ใช้แอปพลิเคชั่นมากที่สุด ธนาคารกสิกรไทยขัดข้องรวม 1 ชั่วโมง, ธนาคารไทยพาณิชย์ขัดข้องรวม 2 ชั่วโมง, ธนาคารกรุงศรีอยุธยาขัดข้อง 6 ชั่วโมง, ธนาคารกรุงไทยและธนาคารกรุงเทพขัดข้อง 9 ชั่วโมง
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.), ธนาคารแห่งประเทศไทย และบริษัท BCI ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มบล็อคเชนสำหรับภาคธนาคาร เปิดตัวบริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชน (eLG on Blockchain) ลดเวลาและขั้นตอนการทำงานของพนักงาน กฟภ. โดยถือเป็น Use Case แรกที่นำบล็อกเชนมาใช้กับระบบงานหนังสือค้ำประกัน และ กฟภ, ถือเป็นรัฐวิสาหกิจรายแรกที่เข้ามาเชื่อมบริการ โดยสถานะ eLG on Blockchain ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการทดลองบน Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย
IBM ประกาศข่าวในงานสัมมนาด้านการเงิน Sibos ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย เริ่มใช้งานระบบขายพันธบัตรออมทรัพย์ (government savings bonds issuing) ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนของ IBM แล้ว โดยออกขายพันธบัตรผ่านระบบนี้เป็นวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท (1.6 พันล้านดอลลาร์) ในระยะเวลา 2 สัปดาห์
การนำบล็อกเชนมาใช้งานช่วยให้นักลงทุนได้รับพันธบัตรเร็วขึ้น จากระยะเวลาปกติ 15 วันลดเหลือ 2 วัน เพราะกระบวนการเดิมมีความซับซ้อนสูง มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ตั้งแต่ผู้ออกพันธบัตร (issuer), ผู้จัดจำหน่าย (underwriter), นายทะเบียน (registrar) นักลงทุน (investor) และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ การย้ายมาใช้ระบบบล็อกเชนที่เป็นระบบเดียวสำหรับทุกคน จึงช่วยลดกระบวนการตรวจสอบที่ซ้ำซ้อนลง ช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนลงโดยปริยาย
ธนาคารแห่งประเทศไทยออกแนวปฏิบัติการใช้เทคโนโลยีชีวมิติ (Biometric Technology) ในการให้บริการทางการเงิน วางแนวทางการใช้เทคโนโลยีชีวมิติสำหรับบริการทางการเงิน โดยเฉพาะการเปิดบัญชี
แนวปฏิบัตินี้ครอบคลุมตั้งแต่ระบบตรวจสอบชีวมิติเอง เรื่อยมาจนถึงการจัดเก็บและการประมวลผลข้อมูล ไปจนถึงความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ โดยผู้ใช้งานจะต้องตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบตรวจสอบชีวมิติให้แม่นยำเพียงพอ และจัดการความเสี่ยงในส่วนต่างๆ เช่นการเข้ารหัส และกำหนดการเข้าถึงข้อมูล
ธนาคารแห่งประเทศไทยออกรายงานธนาคารล่มไตรมาสแรกเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมที่เดิมมีกำหนดเผยแพร่ภายในเดือนเมษายนแต่เลื่อนโดยระบุว่ากระทบจาก COVID-19 โดยระบบธนาคารผ่านโทรศัพท์ของธนาคารกรุงเทพมีระยะเวลาล่มรวมถึง 22 ชั่วโมงแม้จะล่มเพียงสองครั้งเท่านั้น
ระบบอื่นๆ ที่ล่มเกิน 4 ชั่วโมง เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีทั้งธนาคารผ่านโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต, ธนาคารผ่านโทรศัพท์ของธนาคารไทยพาญิชย์, บริการเอทีเอ็มของธนาคารยูโอบี, และบริการที่สาขาของธนาคารอาร์ เอช บี โดยรวมนับว่าอัตราการล่มสูงขึ้นกว่าไตรมาสสี่ปีที่แล้ว
ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศทดสอบการใช้เงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางเอง (Central Bank Digital Currency - CBDC) จากเดิมที่เคยทดสอบระหว่างธนาคารเท่านั้นมาเป็นการทดสอบในภาคเอกชนเพิ่มเติม โดยมีบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) จะทดสอบระบบร่วมกับคู่ค้า
เมื่อปีที่แล้วธนาคารแห่งประเทศไทยทดสอบ CBDC นี้โดยพัฒนาบนแพลตฟอร์ม Corda ของบริษัท R3 แต่ยังไม่มีข้อมูลทางเทคนิคว่ารอบนี้จะใช้แพลตฟอร์มเดิมต่อไปหรือจะพัฒนาใหม่ด้วยเทคโนโลยีอื่น
ทางธนาคารแห่งประเทศไทยคาดหวังว่าการทดสอบนี้จะทำให้มีความยืดหยุ่นในการโอนเงินทั้งความเร็วและความคล่องตัวในการชำระเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศงดการเผยแพร่รายงานธนาคารล่มประจำไตรมาส โดยสาเหตุจากการระบาดของโรค COVID-19 และจะเลื่อนการรายงานออกไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ
นอกจากการประกาศเลื่อนแล้ว ทางธนาคารแห่งประเทศไทยยังขอให้ประชาชนมั่นใจว่าธนาคารได้ดูแลระบบให้บริการทุกช่องทางโดยเฉพาะบริการอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้บริการได้อย่างต่อเนื่องแล้ว
ช่วงเดือนที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยออกมากำชับให้ธนาคารดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากระบบล่ม หลังจากมีกรณีธนาคารล่มจนส่งผลให้เงินโอนไปไม่ถึงปลายทาง
ที่มา - 1213.or.th
คุณสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาระบุถึงกรณีที่สถาบันการเงินบางแห่งมีปัญหาว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำชับให้เร่งแก้ไข รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบไปแล้วให้ตรวจสอบและจัดการภายใน 24 ชั่วโมง
ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดบริการจ่ายเงินผ่าน QR ข้ามประเทศ โดยร่วมกับธนาคาร 3 แห่งในกัมพูชา ได้แก่ Acleda Bank, Cambodia Commercial Bank (CCB), และ Foreign Trade Bank of Cambodia (FTB) ทำให้ลูกค้าธนาคารทั้งสามสามารถใช้แอปของธนาคารมาจ่ายเงินในประเทศไทยได้
สำหรับบริการลูกค้าธนาคารในไทยที่จะไปสแกนจ่ายค่าสินค้าในกัมพูชานั้นจะใช้งานได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
การเปิดบริการครั้งนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางกัมพูชาลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน
ก่อนหน้านี้ความธนาคารในไทยก็เพิ่งทำความร่วมมือกับธนาคารในลาวเพื่อให้สองชาติจ่ายเงินข้ามไปมาได้เช่นกัน
ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศเปิดให้ธนาคารพาณิชย์ ทำการทดสอบยืนยันตัวตนดิจิทัลข้ามธนาคารเพื่อเปิดบัญชี โดยเป็นการทดสอบผ่านแพลตฟอร์ม NDID (National Digital ID) ในวงจำกัด ภายใต้ Regulatory Sandbox
ประโยชน์ของการยืนยันตัวตนดิจิทัคือ ช่วยให้ประชาชนสามารถเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารแห่งใหม่ได้ผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคาร โดยใช้การพิสูจน์และยืนยันตัวตนจากธนาคารที่ตนเองเคยมีบัญชีเงินฝาก ด้วยเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า ไม่ต้องเดินทางมาแสดงตนที่สาขา และลดการกรอกข้อมูลซ้ำซ้อน
ธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดเผยรายงาน "สถิติระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขัดข้องที่กระทบต่อการให้บริการผ่านช่องทางสำคัญ" ประจำไตรมาสที่สี่ปี 2019 จากเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2019
รอบนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ที่ไม่มีรายงานล่มเลยในรายงานครั้งก่อนๆ รายงานเหตุล่มบนบริการโทรศัพท์มือถือ 2 ครั้งนาน 4 ชั่วโมง น่าจะมาจากเหตุการย้ายไปใช้ AWS Elastic Load Balancing (ELB) แม้เหตุครั้งนั้นผมจะนับได้ว่ามีการล่ม 3 ครั้ง อย่างไรก็ดี ช่องทางเว็บของไทยพาณิชย์ก็ไม่ล่มเลยตลอดไตรมาส
ธนาคารแห่งประเทศไทยออกคำสั่งปรับปรุงการคิดดอกเบี้ยและการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม โดยปรับปรุงทั้งค่าปรับสินเชื่อ, ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้, และค่าธรรมเนียมบัตรเดบิต/เครดิต
กรณีค่าธรรมเนียมบัตรเดบิต/บัตรเอทีเอ็ม นั้นกระทบถึงกระบวนการรีเซ็ตรหัสผ่าน ที่บางธนาคารอาจบังคับออกบัตรใหม่หากลืมรหัส หรือเคยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการรีเซ็ตรหัส ตามคำสั่งใหม่ระบุให้ "ไม่เรียกเก็บ" แต่ยังให้ข้อยกเว้นหากมีต้นทุนสูง
แม้คำสั่งน่าจะมีผลดีต่อคนใช้โดยทั่วไป แต่ยังน่าสงสัยว่าจะมีธนาคารอ้างต้นทุนสูงตามข้อยกเว้นของธนาคารแห่งประเทศไทยมากน้อยเพียงใด และคำสั่งนี้ยังไม่ครอบคลุมถึงบัตรเครดิตอีกด้วย
หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศ "แนวนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการให้บริการทางการเงินและขำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่" วันนี้ประกาศฉบับเต็มก็ออกมาแล้ว โดยประกาศมีมาตรการขั้นต่ำ 12 ประการ
ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยตัวเลขบัตรแบบแถบแม่เหล็กที่จะไม่สามารถใช้งานได้ในอนาคตว่าจนถึงตอนนี้ ยังเหลือ 12.1 ล้านใบ (บัตร ATM 6.3 ล้านใบ และบัตรเดบิต 5.8 ล้านใบ)
ในจำนวนบัตรแถบแม่เหล็ก 12.1 ล้านใบนี้แบ่งเป็น 5 ล้านใบที่ไม่มีการแอคทีฟแล้ว กับ 7.1 ล้านใบที่ยังแอคทีฟอยู่ โดยตั้งแต่เดือนกันยายน - พฤศจิกายนที่ผ่านมา สถิติบัตรแม่เหล็กลดลงไป 4.5 ล้านใบ
วันนี้ (20 ธันวาคม 2562) นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศว่าทางหน่วยงานได้ออกแนวทางเรื่องความปลอดภัย mobile banking
แนวนโยบาย “การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการให้บริการทางการเงินและขำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่” จะกำหนดให้ธนาคารต้องวางมาตรการขั้นต่ำ เช่น การบล็อคไม่ให้อุปกรณ์ที่ไม่ปลอดภัย (ใช้ระบบปฎิบัติการเก่าเกินไป หรือ jailbreak) ไม่ให้ใช้งาน, มีการจำกัดการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์, เข้ารหัสข้อมูล นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการเพิ่มเติม เช่น ความซับซ้อนรหัสผ่าน, และการตรวจสอบแอปพลิเคชั่นปลอม สร้างความรู้ความเข้าใจเทคโนโลยีการเงินให้ประชาชน
ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติ ชี้ ผู้ให้บริการต้องขอความยินยอมจากลูกค้าก่อนที่จะนำข้อมูลของลูกค้าไปใช้ โดยต้องทำเป็นระบบ opt-in หรือการได้รับคำตอบตกลงยินยอมจากลูกค้าแล้ว เริ่มบังคับใช้ต้นปี 2563
จากเดิมที่ถ้าลูกค้าไม่ตอบ เท่ากับตกลงยินยอมให้ข้อมูลนั้น มาตรฐานใหม่จะกลายเป็นลูกค้าต้องให้ความเห็นชอบอย่างชัดเจน รวมทั้งให้ระบุวัตถุประสงค์การใช้ให้ชัดเจน และหากเป็นวัตถุประสงค์เพื่อการตลาดจะต้องแจ้งชื่อผู้ที่จะนำข้อมูลไปใช้ให้ชัดเจนด้วย
ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติ แถลงความคืบหน้าของผู้ใช้งานพร้อมเพย์ หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2016 โดยตัวเลขล่าสุดเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 มีตัวเลขผู้ใช้งาน 49.5 ล้านหมายเลขแล้ว และมีการใช้งานเฉลี่ยต่อวัน 8.1 ล้านรายการ
ใน 49.5 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นเลขประจำตัวประชาชน 30.3 ล้านหมายเลข, เบอร์มือถือ 18.6 ล้านหมายเลข, เลขทะเบียนนิติบุคคล 0.08 ล้านหมายเลข
จากความร่วมมือของธนาคารธนชาตประกาศความร่วมมือกับธนาคารการค้าต่างประเทศลาว (Banque Pour Le Commerce Exterieur Lao Pulic-BCEL) เปิดตัวการชำระเงินข้ามประเทศด้วย QR code คนลาวสามารถมาสแกนจ่าย QR PromptPay ที่ไทยได้
ล่าสุด ทางธนาคารธนชาตและธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาระบุว่า คนไทยสามารถใช้แอพพลิเคชั่นแบงกิ้งของธนาคารไทย 5 แห่ง มาสแกนจ่ายที่จุดรับจ่ายในลาวแล้ว ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารธนชาต
เว็บไซต์ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) เผยแพร่เอกสารข้อมูลสถิติระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขัดข้องของธนาคารพาณิชย์ ประจำไตรมาสที่สาม ที่สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา โดยเผยแพร่วันนี้ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระบุให้เผยแพร่หลังสิ้นสุดไตรมาส 30 วัน ตัวเลขแสดงสถิติทุกธนาคารยกเว้นธนาคารกรุงไทยที่ระบุว่า "อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล"
ไตรมาสนี้โดยรวมธนาคารที่แสดงข้อมูลจำนวนครั้งดีขึ้นทุกธนาคาร เช่นในบริการ Mobile Banking ธนาคารกรุงเทพ จากการล่ม 5 ครั้งในไตรมาสก่อนหน้าเหลือ 1 ครั้ง หรือธนาคารทหารไทยจาก 4 ครั้งเหลือ 1 ครั้ง