เว็บ iMore รายงานว่าแอปเปิลมีแผนการที่จะวางจำหน่าย iPad ขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว ที่สำคัญ​ แอปเปิลต้องการขายแท็บเล็ตนี้ที่ราคาประมาณ 6,000-7,500 บาท (200-250 ดอลลาร์) เท่านั้น เช่นเดียวกับเมื่อก่อนที่แอปเปิลได้ปล่อย iPod mini เครื่องเล่น MP3 ที่ราคาถูกกว่าออกมา เพื่อปิดช่องว่างของตลาด ไม่ให้คู่แข่งรายอื่นได้เกิด

หลาย ๆ คนออกมาบ่นว่า HP Envy Spectre XT Ultrabook ที่เพิ่งเปิดตัวไปหน้าตาแทบจะเหมือน MacBook Air ทุกอย่าง ล่าสุด Stacy Wolff หัวหน้าฝ่ายดีไซน์ของ HP ได้ออกมาตอบคำถามกับ Engadget แล้ว โดยเขาบอกว่าปล่อยให้แอปเปิลคิดว่าพวกเขาเป็นเจ้าของสินค้าสีเงินไปเถอะ

Wolff กล่าวว่า เวลาจะออกแบบอะไร พวกเขาต้องออกแบบตามสิ่งที่พวกเขาคิดว่าถูกต้อง โดยในครั้งนี้การออกแบบแล็ปท็อปที่มีรูปร่าง wedge หรือ "บางด้านหนึ่ง หนากว่าอีกด้านหนึ่ง" เป็นคำตอบที่เหมาะสม นอกจากนี้ Envy ใหม่ยังมีวัสดุยางด้านใต้ของตัวเครื่อง แถม HP ได้เลือกใช้แมกนีเซียมแทนอลูมิเนียม HP เลือกที่จะใช้ลาย brushed pattern บนตัวเครื่อง แต่แอปเปิลไม่ได้เลือกใช้สิ่งเหล่านี้แต่อย่างใด

The Verge รายงานว่า ETSI จะทำการตัดสินมาตรฐานซิมการ์ดขนาดเล็กกว่า Micro-SIM แล้วภายใต้ชื่อ Nano-SIM ซึ่งในขณะนี้มีหลายค่ายที่ได้ออกมายื่นดีไซน์มาตรฐานที่ตัวเองออกแบบแก่ ETSI แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือการต่อสู้ระหว่างแอปเปิลและโนเกีย สองค่ายที่พยายามผลักดันแบบของตัวเองให้เป็นมาตรฐานใหม่

จากรายงานล่าสุด คาดว่าภายในกลางเดือนนี้เราจะทราบว่าแบบของใครจะถูกเลือกเป็นมาตรฐานใหม่ โดยฝั่งของแอปเปิลได้พยายามออกแบบมาตรฐานใหม่ให้มี backward compatible กับมือถือที่ไม่ได้ใช้ซิมการ์ด Nano-SIM ส่วนทางฝั่งของโนเกีย จะเน้นดีไซน์ใหม่โดยสิ้นเชิง ส่งผลให้ Nano-SIM จากโนเกียมีขนาดเล็กกว่าและไม่ต้องการถาดใส่ซิมการ์ดลักษณะเดียวกับ Micro-SIM ปัจจุบันแต่อย่างใด

แอปเปิลออกอัพเดต iOS เวอร์ชัน 5.1.1 โดยมีรายการปรับปรุงดังนี้

• ปรับปรุงการถ่ายภาพโหมด HDR เวลาเรียกกล้องตอนหน้าจอล็อกอยู่
• แก้บั๊กปัญหาเวลาสลับเครือข่าย 2G กับ 3G บน iPad รุ่นใหม่
• แก้ปัญหาเมื่อดูวิดีโอผ่าน AirPlay
• ปรับปรุงในการ sync ข้อมูลจาก Safari และ Reading List
• แก้บั๊กแจ้งเตือนซื้อแอพไม่สำเร็จ ทั้งที่ซื้อสำเร็จ

ผู้ใช้ iOS เวอร์ชัน 5 อยู่แล้วสามารถเรียกอัพเดตจากอุปกรณ์ได้เลย ส่วนเวอร์ชัน 4 ต้องอัพเดตผ่าน iTunes ครับ

ที่มา: แอปเปิล

Digitimes รายงานว่าแอปเปิลเตรียมเปิดตัว MacBook Air ที่มีราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ 799 ดอลลาร์ในไตรมาสที่สามของปีนี้เพื่อสู้กับ ultrabook ที่ต้องการชูราคาเป็นจุดขายหลัก โดยจากในรายงานได้พูดถึงต้นทุนของ ultrabook ที่อยู่สูงเกินไปซึ่งทำให้ ultrabook กินส่วนแบ่งตลาดได้ล่าช้ากว่าที่คาดไว้ในตอนแรก

ทุกวันนี้ผู้ผลิต ultrabook หลายรายมีปัญหาเรื่องต้นทุนอย่างมาก ทำให้ราคาขาย ultrabook ในตลาดไม่ห่างไกลจาก MacBook Air ของแอปเปิลมากนัก และส่งผลให้ยอดขายจริงไม่มากอย่างที่คาดไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามอินเทลกำลังพยายามอย่างมากที่จะลดตุ้นทุนชิ้นส่วนของ ultrabook ลง

หลังจากการเปิดตัว iPad ล่าสุดออกมาแล้ว ผู้คนที่ให้ความสนใจก็นั่งเดากันว่าแอปเปิลจะตั้งชื่อไอโฟนเครื่องต่อไปว่าอะไร ล่าสุด Fusible รายงานว่าแอปเปิลได้ยื่นเรื่องขอ World Intellectual Property Organization (WIPO) หรือองค์การทรัพย์สินทางปัญหาระหว่างประเทศ ว่าแอปเปิลควรจะได้สิทธิโดเมนเนม iPhone5.com

ในขณะนี้เว็บ iPhone5.com เป็นฟอรั่มเล็ก ๆ สำหรับกลุ่มคนที่สนใจใน iPhone 5 โดยฟอรั่มดังกล่าวเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมปี 2010 หลังจากที่ iPhone 4 เปิดตัวไปได้ไม่นานนัก

ใครยังจำได้กรณีที่ไอโฟนไหม้บนเครื่องบินจนทำให้เครื่องบินต้องลงจอดเมื่อปลายปีที่แล้วในออสเตรเลีย ล่าสุด Australian Transport Safety Bureau หรือหน่วยงานดูแลความปลอดภัยทางการคมนาคมของออสเตรเลีย ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้ไอโฟนเครื่องดังกล่าวปล่อยควันออกมา เกิดขึ้นเพราะว่าแบตเต

เวลาพิมพ์อะไรผิดบน iOS แล้วจะกลับไปแก้ไขข้อความนั้น ๆ มักจะใช้เวลามากกว่าการพิมพ์ผิดบนคอมพิวเตอร์จริงอย่างมาก ทุกวันนี้ผู้ใช้จะต้องแท็บบนข้อความที่ต้องการแก้ไขถึงสองครั้ง และจะต้องพยายามลาก "จุดสีน้ำเงิน" เล็ก ๆ ให้ครอบข้อความที่เราต้องการ หรือต้องจิ้มค้าง เนื่องจากอุปกรณ์ iOS ไม่มีปุ่มลูกศรเหมือนบนคอมพิวเตอร์ แต่ล่าสุด danielchasehooper สมาชิกเว็บ YouTube ได้โพสวีดีโอเสนอคอนเซปใหม่ในการย้ายตำแหน่ง cursor ด้วยการใช้ gesture แทน (กดเข้ามาอ่านต่อเพื่อดูวีดีโอ)

จากข้อมูลล่าสุดของ Asymco พบว่า 99% ของกำไรจากอุตสาหกรรมมือถือจากบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดของโลก 8 รายตกตกอยู่กับแอปเปิลและซัมซุงเท่านั้นในไตรมาแรกของปีนี้ โดย 73% ของกำไรทั้งหมดในอุตสาหกรรมตกอยู่ที่แอปเปิล (จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 75%) ในขณะที่ซัมซุงเอาไปอีก 26% (จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 16%)

สำหรับอันดับที่สาม HTC มีส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 1% ในขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่รายอื่น ๆ อย่าง RIM, LG, Sony Ericsson, Motorola และ Nokia ต่างก็ขาดทุนจากธุรกิจผลิตโทรศัพท์มือถือทั้งสิ้น

IDC ได้เผยข้อมูลยอดขายแท็บเล็ตรอบโลกสำหรับไตรมาสแรกของปี 2012 แม้ว่ายอดขาย iPad จะตกลงกว่า 20% จากไตรมาสก่อนหน้าก็ตาม แต่ส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตของแอปเปิลนั้นสูงขึ้นจากไตรมาสที่แล้วมาอยู่ที่ 68% จากเดิม 54.7% โดยทั้งหมดนี้เกิดจากยอดขายแท็บเล็ต Android ที่ลดลงมานั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Kindle Fire จากไตรมาสก่อนหน้าที่ทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายที่ 4.8 ล้านเครื่อง กลับทำยอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ได้น้อยกว่า 750,000 เครื่อง

เช่นกัน ส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตของ Amazon ในไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 16.8% แต่ในไตรมาสแรกของปีนี้กลับตกลงมาอยู่มากกว่า 4% เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะเดียวกันซัมซุงกลับขโมยซีน Amazon ในตลาดนี้ไปได้ และครองอันดับที่สองในส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตไป

อย่าเพิ่งคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ข่าวลือทั่วไป เพราะว่าข้อมูลในครั้งนี้มาจาก Jeremy Horwitz เจ้าของเว็บ iLounge.com นั่นเอง โดยข้อมูลใหม่ของเขาบอกว่าไอโฟนรุ่นต่อไปจะมีหน้าจอที่ยาวขึ้นที่ขนาด 4 นิ้ว และด้านหลังของตัวเครื่องจะใช้วัสดุโลหะ และจะมีการเปลี่ยนจากการใช้ dock connector แบบเดิมไปเป็นแบบใหม่ที่มีขนาดโค้งมนและเล็กลง

สำหรับรายละเอียดของตัวเครื่อง เขาบอกว่าไอโฟนใหม่จะบางและยาวกว่า iPhone 4 และ 4S โดยขนาดของเครื่องน่าจะอยู่ที่ 125 x 58.5 x 7.4 มม. ซึ่งยาวกว่าไอโฟนที่วางขายอยู่ทุกวันนี้ถึง 1 ซม. เลยทีเดียว ส่วนด้านหน้าของตัวเครื่อง แอปเปิลอาจจะเลือกใช้ Gorilla Glass 2 และแอปเปิลได้เลือกเปลี่ยนสัดส่วนหน้าจอของไอโฟนเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีการเปิดตัวไอโฟนรุ่นแรก

Atakan Peker หนึ่งในผู้พัฒนาและคิดค้นเทคโนโลยีโลหะ Liquidmetal ได้ออกมาเผยกับ Business Insider ว่าแอปเปิลไม่น่าจะสามารถผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ Liquidmetal เป็นวัสดุหลักได้ในช่วงเวลาประมาณ 3-4 ปีต่อจากนี้ แต่อาจจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ผลิตชิ้นส่วนเล็กภายในอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ เนื่องจากเทคโนโลยี Liquidmetal ยังไม่พร้อมที่จะนำมาใช้เป็นวัสดุประกอบชิ้นส่วนขนาดใหญ่อย่างภายนอกของ MacBook ในขณะนี้

ก่อนหน้านี้แอปเปิลได้เข้าซื้อสิทธิในการใช้โลหะ Liquidmetal แต่เพียงผู้เดียวจากบริษัท Liquidmetal Technologies และได้ทดลองนำโลหะดังกล่าวมาใช้ในการผลิตที่จิ้มถาดซิมการ์ดสำหรับ iPhone 3G มาแล้ว

ในปี 1984 นอกจากแอปเปิลจะทำโฆษณาวีรสตรีขว้างค้อนอันโด่งดังแล้ว ยังมีวิดีโออีกตัวหนึ่ง ซึ่งจัดทำให้พนักงานดูเป็นการภายในเท่านั้น เนื่องในโอกาสประชุมฝ่ายขายประจำปีที่ฮาวาย โดยวิดีโอตัวนี้ตั้งชื่อว่า "1944" ล้อเลียนโฆษณาที่ออกอากาศของแอปเปิลนั่นเอง

ภายในวิดีโอเป็นเรื่องราวยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนายพลที่รับบทโดย Mike Murray รองประธานฝ่ายการตลาดในช่วงนั้น ปลุกระดมทหารเพื่อต่อสู้กับศัตรูนั่นคือ IBM ด้วยเครื่องแมคอินทอช ในช่วงท้ายนายพลเข้าไปปรึกษากับประธานาธิบดี ซึ่งรับบทโดยสตีฟ จ็อบส์นั่นเอง

วิดีโอตัวนี้ใช้งบถ่ายทำไป 50,000 เหรียญซึ่งไม่น้อยเลยสำหรับเมื่อ 30 ปีที่แล้ว โดย Craig Elliott อดีตพนักงานของแอปเปิลได้มีชุดก็อปปี้ของวิดีโอนี้และนำมาให้ Network World นำไปเผยแพร่

แอปเปิลโดนหน่วยงานภาครัฐในหลายๆ ประเทศสั่งให้แอปเปิลเลิกใช้คำว่า 4G กับโฆษณา iPad รุ่นที่สาม เพราะชวนให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าใช้งาน 4G ในประเทศของตัวเองได้ด้วย ทั้งที่ใช้ได้เฉพาะในสหรัฐเท่านั้น (กรณีของออสเตรเลีย, กรณีของนอร์เวย์ สวีเดน และอังกฤษ)

มีนักพัฒนาแอพลิเคชั่นบน iOS ได้เข้าไปร้องเรียนในเวปบอร์ดของ Dropbox ว่าทาง Apple ได้ปลดแอพของตนเองออกด้วยเหตุผลที่ว่าแอพนั้นมีการ "ส่งผู้ใช้ไปซื้อบริการจากภายนอก" (sending user to an additional purchase) ซึ่งผิดกฎการใช้บริการ App Store ของ Apple

ในรายงาน Form 4 ที่แจ้งการขายหุ้นของผู้บริหารบริษัทต่อกลต.สหรัฐนั้น ล่าสุดมีการแจ้งว่า Scott Forstall รองประธานอาวุโสฝ่าย iOS ได้ขายหุ้นออกมา 64,151 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาคิดเป็นเงินถึง 38.7 ล้านดอลลาร์ ทำให้เขาเหลือหุ้นในมือเพียง 2,988 หุ้นซึ่งคิดเป็นเงิน 1.75 ล้านดอลลาร์เท่านั้น

หลายครั้งที่เราต้องการให้คนที่เรารู้จักทราบว่าเราได้เปลี่ยนเบอร์มือถือแล้วด้วยการส่ง SMS ไปแจ้งทุกคนในโฟนบุ้คของเรา ล่าสุด USPTO ได้เผยข้อมูลว่าแอปเปิลได้กลายเป็นเจ้าของสิทธิบัตรเทคโนโลยีใหม่แล้ว ที่จะคอยทำให้ชีวิตของเราผู้ใช้มือถือนั้นง่ายขึ้นอีกนิด (หรือเปล่า)

สิทธิบัตรใหม่นี้ ไอโฟนที่รู้ตัวว่าเบอร์ของเครื่องได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว จะทำการกระจายข้อความ SMS ออกไปสู่เบอร์ทุกเบอร์ที่อยู่ในโฟนบุ้คของไอโฟนเครื่องนั้นโดยอัตโนมัติ ในขณะที่ผู้ที่ใช้ไอโฟนที่ได้รับ SMS ดังกล่าวจากผู้ที่ทำการเปลี่ยนเบอร์โทรฯ แล้ว จะทำการแก้ไขเบอร์โทรใหม่ให้ใน Contact List โดยอัตโนมัติเช่นกัน

ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าถ้ามีการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริง จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียจริง ๆ

ใครที่เคยอาศัยอยู่ในออสเตรเลียอาจจะสงสัยมานานแล้วเหมือนกันว่า แม้ว่าค่าเงินของออสเตรเลียจะสูงกว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมาระยะหนึ่งแล้ว ทำไมราคาสินค้าประเภทซอฟต์แวร์ในประเทศออสเตรเลียถึงยังมีราคาสูงกว่าในสหรัฐอเมริกาอยู่มาก เช่น ราคา Office 2010 Professional อยู่ที่ 849 ดอลลาร์ (27,000 บาท) ในขณะที่ราคาขายในสหรัฐอยู่ที่ 349 ดอลลาร์สหรัฐ​ (10,700 บาท) เท่านั้น หรือชุดเพลง Greatest hits of Richard Clapton ที่วางขายบน iTunes ที่มีราคาขายในออสเตรเลียที่ 24 ดอลลาร์ (768 บาท) ในขณะที่ราคาขายที่สหรัฐที่ราคา 9.99 ดอลลาร์สหรัฐ​ (307 บาท) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ซื้อซอฟต์แวร์จาก Adobe ในออสเตรเลียจะต้องจ่ายแพงกว่าผู้ที่ซื้อในสหรัฐฯ ถึง 1,400 ดอลลาร์

นี่ก็อาจจะเป็นตอนต่อหลังจากที่ Apple ซื้อกิจการ Chomp เมื่อต้นปี เมื่อล่าสุด Om Malik แห่ง GigaOm ได้แอบสังเกตว่าหน้าเว็บของ Chomp ได้เอาการค้นหาแอพลิเคชั่นจาก Play Store ของ Android ออกไป

ข่าวนี้ทำลายจิตใจสาวก Android พอสมควร แต่ก็คงไม่แปลก เพราะ Chomp ก็อยู่ในกำมือของ Apple แล้ว ส่วนภาพก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไร อยู่ท้ายเบรคครับ

มีการรายงานว่าแอปเปิลได้ยกเลิกการซื้อบัตรเข้างานที่ถูกซื้อโดยนักพัฒนาอิสระไปหลายรายด้วยกัน โดยมีการคาดกันว่าแอปเปิลเลือกยกเลิกการซื้อบัตรเข้างานที่ใช้บัตรเครดิตเดียวกัน The Next Web รายงานว่า ดูเหมือนแอปเปิลตั้งใจจะตรวจสอบบัตรเข้างานที่ถูกซื้อโดยบริษัทเพื่อให้นักพัฒนาของตนเข้าร่วมงาน โดยหากเป็นการสั่งซื้อที่ถูกต้องจริงบริษัทเหล่านั้นต้องติดต่อแอปเปิลเพื่อให้แอปเปิลตรวจสอบการสั่งซื้ออีกครั้ง

ในการจัดงาน WWDC ปีนี้ แอปเปิลได้ควบคุมการสั่งซื้อบัตรเข้างานอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการซื้อเป็นจำนวนมากไปขายต่อในท้องตลาดอย่าง eBay โดยนักพัฒนาอิสระสามารถซื้อบัตรได้หนึ่งใบ ส่วนบริษัทซื้อได้สูงสุดห้าใบเท่านั้น

แอปเปิลยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อข่าวนี้แต่อย่างใด

แม้ไม่อยากเจอก็อาจจะต้องมาเจอกัน เพราะศาลเขตแคลิฟอร์เนียเหนือได้สั่งให้ผู้บริหารระดับ "ซีอีโอ" และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายของทั้งแอปเปิลและซัมซุง มาเจอกันเพื่อไกล่เกลี่ยคดีที่ฟ้องร้องกันวุ่นวายของทั้งคู่

งานนี้ศาลนัดวันแล้วเป็นวันที่ 21-22 พฤษภาคมนี้

ฝังแอปเปิลคาดว่า Tim Cook จะเดินทางมาด้วยตัวเอง ซึ่งเขาก็ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า เขาไม่ชอบกระบวนการฟ้องร้อง และต้องการสร้างนวัตกรรม จึงเป็นไปได้ว่าถ้าซัมซุงยอมตามข้อตกลงบางอย่างของแอปเปิล (ในเรื่องการไม่ทำอะไรซ้ำหรือคล้ายกัน) ทางแอปเปิลอาจจะยอมไกล่เกลี่ยคดีก็เป็นได้

มีผู้ใช้บางส่วนรายงานว่า The New iPad รุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ 4G ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย 3G หรือไม่สามารถรักษาการเชื่อมต่อเอาไว้ได้หากไม่รีสตาร์ทเครื่อง ส่วนการเชื่อมต่อกับเครือข่าย 4G นั้นยังไม่ได้รับรายงานว่ามีปัญหาแต่ประการใด

The New iPad ได้รับรายงานว่ามีหลายปัญหาตั้งแต่วางขาย อาทิ ปัญหาเครื่องร้อน และต่อมากับปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi ใครที่ถอย The New iPad รุ่น Wi-Fi + 4G มา หากเจอปัญหาการเชื่อมต่อกับเครือข่าย 3G ก็เชิญมาเล่าสู่กันฟังครับ

ซัมซุงออสเตรเลียออกแคมเปญโฆษณาต้อนรับ Galaxy S III ชื่อว่า "WAKE UP" โดยส่ง "คนชุดดำ" ไปยืนประท้วงหน้าร้าน Apple Store ในซิดนีย์ พร้อมป้ายเขียนข้อความว่า "WAKE UP" หรือ "ตื่นได้แล้ว" (ดูคลิปประกอบ)

นอกจากนี้ แคมเปญยังขึ้นป้ายบิลบอร์ดข้อความ WAKE UP ตามสถานที่ต่างๆ ในออสเตรเลียด้วย ส่วนเว็บไซต์ของแคมเปญ ถ้ากดเข้าไปแล้วจะเป็นนาฬิกานับถอยหลัง (ถึงวันเปิดตัวของ S III?) เจ้าของโดเมนเป็นเอเยนซีโฆษณาชื่อ Tongue ครับ

หนังสือ Insanely Simple: The Obsession That Drives Apple's Success ที่กำลังจะวางจำหน่ายในเดือนนี้ได้เผยข้อมูลอีกอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับสตีฟ จ็อบส์ นั่นก็คือแผนฉลองขาย iMac เครื่องที่หนึ่งล้าน โดยตามที่จ็อบส์ได้จินตนาการไว้นั้น เขาต้องการจัดการแข่งขันลักษณะคล้าย ๆ กับ "วิลลี่ วองก้า" (จากภาพยนตร์เรื่องชาลีย์กับโรงงานผลิตช็อคโกแลต)

Eugene Kaspersky ซีอีโอแห่งบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส Kaspersky กล่าวให้ความเห็นในงานสัมมนาด้านความปลอดภัยว่า

ผมคิดว่าแอปเปิลล้าหลังไมโครซอฟท์ในเรื่องความปลอดภัยอยู่ 10 ปี ซึ่งหลายปีที่ผ่านผมพูดในมุมมองความปลอดภัยได้ว่า Mac และ Windows ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก ที่จริงแล้วการสร้างมัลแวร์บน Mac นั้นก็สามารถทำได้แต่ต้องใช้วิธีการที่ต่างออกไป เช่นการลงโปรแกรมในระบบโดยอาศัยช่องโหว่ในโหมดการใช้งานทั่วไปซึ่งไม่มีการแจ้งเตือน