แอปเปิลประกาศโครงการซ่อม iPhone 7 หลังจากมีรายงานว่า iPhone 7 บางส่วนพบปัญหาการเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์ขึ้น No Service แม้บริเวณนั้นจะมีสัญญาณตามปกติก็ตาม
โดยแอปเปิลบอกว่าสาเหตุมาจากชิ้นส่วนภายในบนบอร์ดทำงานบกพร่อง ซึ่งกระทบกับ iPhone 7 ที่ผลิตในช่วงเดือนกันยายน 2016 ถึงกุมภาพันธ์ 2018 เป็นจำนวนน้อย และพบเฉพาะเครื่องที่จำหน่ายใน จีน, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, มาเก๊า และอเมริกา
แอปเปิลย้ำว่าปัญหานี้พบเฉพาะ iPhone 7 เท่านั้น และแอปเปิลจะทำการซ่อมแซมให้ฟรี โดยมีการตรวจสอบก่อนว่าเครื่องมีปัญหานี้หรือไม่
ที่มา: แอปเปิล
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
การประกาศล่วงหน้าแบบนี้ ความรู้สึกแย่มันน้อยกว่าลูกค้าไปเจอ แล้วโพสกันเอง จนเกิดกระแสเยอะเลยครับ
ในไทยยังมีหลาย บ ที่อุบเรื่องเงียบๆไว้ พอลูกค้ามาเจอเองเสียความรุ้สึกไปเยอะเลย
เรื่องรับผิดชอบก็เรื่องนึงแต่เดี๋ยวนี้เรื่องตก QC สำหรับค่ายนี้
หลายๆคน กกับบริษัทบอกเป็นของพรีเมี่ยมแต่การผลิต
ยิ่งนับวันยิ่งไม่พรีเมี่ยมขึ้นเรื่อย ซึ่งผมดูแล้วไม่เหมาะกับโทรศัพท์ราคา สตาร์ท 699US$
อันนี้ผมไม่ได้อคตินะนะครับผมเองก็ซื้อทั้ง ด๋อย ทั้งผลไม้
มันทำให้ผมนึกถึงเดลล์ ที่นับวันมันยิ่งถอยหลังลงคลองบริการพรีเมี่ยมที่ค่อยๆลดลง
กับชิ้นส่วน กับ เฟิร์มแวร์ถอยหลังขึ้นเรื่อย
ผมว่าส่วนนึงชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์มันเล็กลง แต่ต้องคุมเรื่องต้นทุนการผลิตเอาไว้ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มีน้อยชิ้นและวัตถุดิบทดแทนยังไม่หลากหลายเท่าสมัยนี้ครับ เมื่อก่อนห้าหมื่นแพงเพราะวัสดุพรีเมี่ยมหายาก แต่สมัยนี้ แพงเพราะแบรนด์และความแรงของเครื่อง ดูตัวอย่าง vertu ที่คุมเรื่องความพรีเมี่ยมของวัสดุไว้ ยังไปไม่รอดเลยครับ
อย่าลืมนะครับกำไรไอโฟนต่อเครื่องไม่ได้ถูก กินเหนาะๆ 50%
หักค่า R&D ไปแล้ว ไหนจะยังมีเรื่องใช้ดีไซน์เดิมมา 3 รุ่นทำให้ต้นทุน
การผลิตถูกลงไปอีก(ดูโซนี่เป็นตัวอย่างใช้ดีไซน์เดิม 3-4รุ่น ตั้งราคา 21990-24990 มีกำไร)
อันนี้ผมแสดงความเห็นแรงๆในฐานะผู้บริโภคเลย
ยิ่งถ้าบอกว่าชิ้นส่วนอิเล็คมันเล็กลงอันนี้เอาแบบแรงๆหักน้ำใจทั้งคนอ่าน
และแฟนบอยเลย "เป็นเรื่องของผู้ผลิตผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
หน้าที่ของผมคือจ่ายตังค์แล้ว ผมต้องได้เครื่องไม่มีปัญหาทำไมผมต้องเสียเวลา
เสียโอกาสเพื่อนำเครื่องไปซ่อมด้วย?" การที่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย
บอกให้เราเอาของดีเฟคไปเปลี่ยนเรามีต้นทุนค่าเวลาค่าเสียโอกาสแฝง
อยุ่แต่เราไม่ค่อยได้ใส่ใจ
ยังไงผมขออภัยด้วยหากมีท่านใดอ่านแล้วไม่พอใจ
อะไรที่มันขายได้เยอะๆเนี่ย เลิกหวังหาความเนี๊ยบในการผลิตไปได้เลยครับ
มองกันแค่บริการหลังการขายก็พอ
จะQC จะผลิตให้มันดีๆ มันทำได้ แต่คุณจองเครื่องตุลา แต่ได้เครื่องเมษา คุณรอได้มั้ยละครับ
ตามที่คุณว่านั้นดูจะถูกต้องในแง่การผลิตเยอะ การ QC งานให้เนียบนั้นหวังยากขึ้น แต่ผมดูจากข่าวแค่ในเว็บหน้านี้ เห็นบอกว่าตั้งแต่ปี 2016 - 2018 แม้จะเป็นจำนวนไม่มาก (ผมไม่รู้ว่าไม่มากนั้นเท่าไหร่) แต่กินระยะเวลานานมาก
มันทำให้ผมสงสัยว่าการ QC สุ่มตรวจนั้น ถี่น้อยไป มาตรฐานต่ำเกินไป หรือไม่ทั่วถึงมากเกินไปหรือเปล่า เมื่อเทียบกับราคา และกำไรที่ได้จากของชิ้นนี้หรือเปล่า
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ผมว่าถ้าคิดเป็น% มันอาจจะเท่าๆเดิมนะครับ
แค่สมัยนี้อินเตอร์เน็ต และSocial Media ไปไวกว่าสมัยก่อนมาก และจำนวนเครื่องที่ทำลายสถิติทุกๆปี พวกข่าวเครื่องมีปัญหามันเลยเจอมากขึ้นครับ
พวกเครื่องมีปัญหาบริษัทเค้าก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นเท่าไหร่หรอกครับ เพราะค่าขนส่ง ค่าReferbish ค่าบริการหลังการขายใน1ปี บริษัทก็ต้องออกแทนลูกค้าหมดอยู่แล้ว
ถ้าวันจัดจำหน่ายแน่นอนแล้วส่งตรงเวลาจริงๆผมรอได้นะครับ จริงๆไม่ได้กวน
ไอ้เรื่องพรี(สาวน้อยสเกล)นี่โดนเลื่อนจนชินละรอนานผมก็ไม่ว่า
ไอ้เรื่องซื้อของใหม่สดแกะกล่องแบบออกปุ๊ปซื้อปั๊ปผมไม่ค่อยได้ซื้อหรอกครับรอสักครึ่งปีก่อน
ประเด็นคือ พวกสมาร์ทโฟนมันมีอายุในเรื่องของเวลาขายไงครับ
ถ้ามัวแต่QCละเอียดมากๆจนส่งขายไม่ทัน มันก็จะเกิดการเสียโอกาสทางการค้ามากขึ้น เพราะคนจะหันไปรอซื้อรุ่นใหม่ๆที่กำลังจะออกแทน
ถ้าไม่QCให้ละเอียดๆ จนเครื่องมีปัญหาจนเกินที่จะรับได้ เช่น Note7 หรือ iPhone4 ก็จะทำให้ภาพลักษณ์สินค้าเสียหายจนอาจจะส่งผลกับยอดขายของสินค้าอื่นในอนาคต
งานนี้ก็ขึ้นอยู่กับทีมงานของเค้าแหละครับว่าจะบาลานซ์2เรื่องนี้ยังไงให้ผลลัพธ์ออกมาแล้วบริษัทมีกำไรที่สุดโดยที่ภาพลักษณ์ของแบรนด์ไม่เสียหาย หรือเสียหายน้อยที่สุด
มองมุมนี้ก็ดูสมเหตุสมผลดีครับ คนที่รอได้แบบคุณ ash_to_ash ก็น่าจะมี แต่คงไม่ใช่กลุ่มใหญ่แน่ๆ แล้วอีกอย่างถ้ารอได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการ QC เท่าไหร่แล้ว เพราะ defect ที่พบจากลูกค้าที่ซื้อล็อตแรกๆ ก็น่าจะช่วยให้สินค้ามีการปรับปรุงหรือมีการแก้ปัญหาไปเยอะแล้วในล็อตหลัง
แต่จากที่ดูมาเห็นหลายคนในนี้ซึ่งก็น่าจะเป็นกลุ่มใหญ่ที่มักจะบ่นกับมือถือหลายๆ รุ่น เรื่องระยะเวลาที่เปิดตัวกับเวลาที่เอาเข้ามาขายในไทยมันห่างกันค่อนข้างมาก ส่วนเรื่อง QC นี่มันก็ดูเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องจัดการให้ได้ Apple เองนี่ก็ค่อนข้างจุกจิกในการเลือกโรงงานที่ผ่านมาตรฐานในเรื่องความสามารถในการผลิตและคุณภาพ ซึ่งจะว่าไปก็แทบจะไม่มีให้เลือกอยู่แล้ว