ปลายปีที่แล้ว มีข่าวจาก Bloomberg ว่าแอปเปิลมีปัญหาภายในโครงการรถไร้คนขับ ล่าสุด New York Times ตีพิมพ์บทความจากบทสัมภาษณ์พนักงานแอปเปิล 5 ราย ซึ่งเนื้อหาสนับสนุนข่าวข้างต้นได้เป็นอย่างมาก
แรกเริ่มเดิมที แอปเปิลตั้งใจจะสร้างรถยนต์ขึ้นมาด้วยตัวเองทั้งคัน ตามสไตล์ของแอปเปิลที่ต้องการเป็นเจ้าของและควบคุม ecosystem ทุกอย่างของผลิตภัณฑ์ตัวเอง ถึงขนาดจ้างวิศวกรรมที่เชี่ยวชาญในการสร้างรถยนต์มาร่วมโครงการนี้ ซึ่งแอปเปิลพยายามคิดใหม่ทำใหม่ไม่ว่าจะเป็นประตูที่เปิดปิดไม่มีเสียง, ห้องโดยสารภายในที่ถูกออกแบบใหม่, ล้อที่เป็นทรงกลมแทนที่วงกลมแบนๆ ในปัจจุบัน หรือแม้แต่พยายามจะเอาเซ็นเซอร์ LIDAR ที่ตั้งอยู่บนหลังคารถลง
รถ Lexus RX 450h ที่แอปเปิลเอามาดัดแปลงและใช้ทดสอบวิ่งบนถนน
อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นคือ โครงการนี้ขาดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนจากแอปเปิล ทีมงานไม่รู้ว่าควรพัฒนาไปในทิศทางไหน ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงความสำคัญ (priorities) ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และเดดไลน์ที่เป็นไปไม่ได้ ไม่รวมข้อถกเถียงที่ว่าแอปเปิลจะทำรถกึ่งไร้คนขับ (semi-autonomous) หรือไร้คนขับไปเลย ก่อนที่ข้อสรุปจะออกมาเป็นแบบหลัง
แม้แต่ระบบปฏิบัติการในรถอย่าง CarOS ยังถกเถียงกันเป็นการภายในว่าจะใช้ภาษา Swift ของแอปเปิลหรือภาษามาตรฐานอย่าง C++
ทั้งนี้ทั้งนั้นโครงการนี้ก็ดูจะมีความก้าวหน้าอยู่เหมือนกัน เมื่อ NY Times ระบุว่าแอปเปิลเตรียมจะทดสอบรถชัทเทิลบัสไร้คนขับที่เรียกว่า PAIL (ย่อมาจาก Palo Alto to Infinite Loop) ซึ่งเอาไว้ใช้ขนส่งพนักงานจาก Palo Alto ไปยังออฟฟิศแอปเปิลที่ Infinite Loop เร็วๆ นี้
Comments
สรุปเหลือแค่ Carplay
การจะคิดใหม่ทำใหม่หมดยากกว่ามือถือเยอะ
นอกเสียจากว่าทำรถลอยจากพื้นได้นั่นแหละถึงจะแปลกจริงและแตกต่างจากรถเดิมๆ
ทำมาก็คงสู้ Tesla ได้ยาก
อย่าไปสู้เลย ซื้อมาเลยดีกว่า แล้วเอา Elon Musk มานั่งเป็น CEO ด้วย เผื่อจะได้เห็นนวัตกรรมหลุดโลกมากขึ้น
ผมว่านิสัยอย่าง Elon คงไม่ขายครับ แต่คงไม่ปิดโอกาสที่เรื่องนี้ ถึงจุดๆหนึ่งหาก Tesla ต้องการเงินมากๆ (เพราะบริษัทนี้วิชั่นส์มาไกลกว่าเงินมาก ต่างกับแอปเปิลที่ตรงข้ามกัน) จุดนั้นอาจจะเป็นแบบนั้น
@TonsTweetings
สู้เค้า อาสึราดะ
โหหหหหหหหหห เก่ามากกกกกกกก แต่ชอบร่างสองนะสวยดี :)
โอ้ย ดีแล้วล่ะ อย่าทำเลย ดูคิดแต่ละอย่าง - - ล้อทรงกลม พระเจ้า กะไม่ต้องใส่ยางยี่ห้ออื่นกันเลยทีเดียว แล้วถ้าควบคุม ecosystem ได้เบ็ดเสร็จจริง ๆ ลองจินตนาการรถที่ไม่สามารถเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเองได้ ต้องเข้า Apple store เออวิ่งไฟฟ้านี่หว่า อ่ะ ต้องเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนของศูนย์เท่านั้น หรือ mfi เพราะหน้าตาไม่เหมือนชาวบ้าน ยางเปลี่ยนครั้งละห้าหมื่นถึง 1 แสนถ้าหมดประกัน แบตเตอรี่ราคามหาโหดถ้าเสื่อม ซื้อรถใหม่อาจจะคุ้มกว่า
อัพเดท carOS ได้สามปี หลังจากนั้นลอยแพ หรือถ้าอัพได้ รถจะอืดเพราะเครื่องมันช้าไป (เดี๋ยว ๆ เกี่ยวไร)
แต่สุดท้ายถ้ามันเจ๋งจริง คนก็ซื้ออะนะแล้วจะมี 3rd party ทำอะหลั่ยออกมาเพียบ ทั้ง mfi และไม่ mfi ปลอดภัยมั่งไม่ปลอดภัยมั่ง - -
ไม่หรอกครับเป็นไปได้ยากมากๆ
ยังไงมันก็ต้องแยกส่วนเครื่องยนตร์ กับ คอมสั่งการออกจากกัน
ถึงเวลาอาจจะอัพเกรดแค่โมดูลคอม ส่วนอื่นก็เป็นรถยนต์ปรกติ
ส่วนการคอนเน็คชั่นคงต้องเป็น wired signal
เพราะอาจจะต้องเน้นความทนทานเป็นหลัก และซ่อมแซมง่าย
ไม่ขนาดนั้นมั้ง จะแปลกยังไงเค้าก็ต้องเลือกจุดที่ทำกำไรสูงสุดครับ และกำไรสูงสุดไม่ใช่แพงสุด ราคาแปลกแบบนั้นถ้ามันไม่มีอะไรแปลก หรือถ้ามันเจ๋งมากแต่ราคาสูงจนมีคนน้อยนิดมากที่จะซื้อได้ยอมลดลงมาแล้วทำกำไรได้สูงกว่าเค้าก็ต้องเลือกครับ
ล้อทรงกลมนี่ผมว่าแอปเปิ้ลไม่ได้เริ่มคิดเองหรอกครับ มันมาจากค่ายยางนั่นแหล่ะ
ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ iPhone ก็มีใช้ 3rd Party กันอยู่แล้ว สายชาร์ต พาวเวอร์แบงค์ หูฟัง เคส ซื้อร้านตู้ iOS ก็เจลเบรก
ผมว่าทำออกมามันจะมีข้อจำกัดด้านอะไหล่น่าดูเลย รวมถึงค่าซ่อมค่าแรงคงไม่ใช่ถูกๆ
ทำออกมา หน้าตาน่าจะประมาณนี้
https://youtu.be/RHpxuwcNJfo
ถ้าตามวิธีสตีฟ จอบส์ มันต้องแบนี้ครับ
A Motorcycle , a car, an airplane ... these are NOT three separate ... And we are calling it iDrive
แล้วก็ใช้พลังเงินซื้อ ชื่อ iDrive มาจาก BMW
เปิดตัวยิ่งใหญ่เลย ใช่มั้ยๆ
อูย แค่จินตนาการตามก็ซี้ดแล้ว แต่เดี๋ยว iDrive มันแค่คอมพิวเตอร์น้อยๆในรถ bm เองไม่ใช่เร่อครับ
อยากให้ร่วมมือกับ Telsa แล้ว Apple เน้น SW ไปเลย
"โครงการนี้ขาดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน"
นี่ก็คือสิ่งที่จ๊อบส์ทำมาโดยตลอดสินะ พอตกทอดมาถึงยุค ทิม คุก กับ โจนี่ ไอฟ์ ก็ยังทำหน้าที่นี้แทนไม่ได้